“รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง รู้สึกรักเด็กคนนี้มากนางจำได้ ลูกคนแรกของเว่ยเฉิงก็คือหงส์ท่ามกลางมวลมนุษย์“ฮูหยิน ข้าจะฝังเข็มให้เจ้า”กู้หว่านเยว่อธิบายกับเจียงหรง ตั้งครรภ์ย่อมไม่สามารถใช้ยาได้“รบกวนซูฮูหยินแล้ว” เจียงหรงพยักหน้าเบาๆ ภายในสายตายามสบมองกู้หว่านเยว่เจือรอยยิ้ม“ข้าเคยพบฮูหยินมาก่อน”“ฮูหยินช่วยท่านพี่ไว้ ท่านพี่เคยพูดว่าท่านมีบุญคุณยิ่งใหญ่ต่อเขา ภายภาคหน้าจะต้องตอบแทนดีๆ”สองสามีภรรยาเจียงหรงล้วนเป็นคนดี หากมิใช่ต้นฉบับของหนังสือ มู่หรงอวี้จิตใจโหดเหี้ยมจนเกินไป ทำร้ายสกุลเว่ยทั้งครอบครัวหาไม่แล้ว เว่ยเฉิงก็ไม่มีวันหักหลังเขาฝังลงไปทีละเข็ม เจียงหรงรู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างช้าๆ นอนหลับไปอย่างว่องไว“ชู่ว์”เห็นนายหญิงเว่ยต้องการพูด กู้หว่านเยว่ทำสัญลักษณ์มือห้ามส่งเสียงเรียกคนไปภายนอก “เจียงหรงร่างกายอ่อนแอ ให้นางนอนหลับดีๆ สักตื่นเถอะ”นายหญิงเว่ยไม่รู้วิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ วางใจไม่ลงอย่างแท้จริง“ลูกสะใภ้ข้านาง ไม่เป็นไรจริงหรือ?”“พักฟื้นดีๆ ก็พอ”กู้หว่านเยว่รู้บ้านเขาคือนายหญิงเว่ยเป็นผู้ตัดสินใจ ดึงโฉนดที่ดินและกุญแจออกมามอบให้นา
บังเอิญนางหิวเล็กน้อย ได้กลิ่นหอมนิ้วมือก็ขยับในทันทีทันใดหลังมั่นใจว่าไม่มีพิษ ก็ชิมเข้าไปหนึ่งคำ ครั้นได้ชิมดวงตาก็หลับพริ้ม“อร่อย!”กู้หว่านเยว่มิได้เกรงใจ หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงนี้อร่อยมาก“พวกเจ้าสองคนเคยทำอาหารมาก่อนหรือ ทำอาหารอร่อยมากเพียงนี้ได้?”หญิงออกเรือนแล้วถูมือ “ก่อนพวกเราหนีมา ทำอาหารอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่กินเข้าไปอีกหลายคำ เกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจนางนึกได้ว่าจวนขาดคนทำอาหารพอดี มิสู้ให้สองสามีภรรยามาทำอาหารที่จวนเพียงแต่ต้องการทำงานในจวนนาง จะต้องลงนามในสัญญาขายตัวเป็นทาส หาไม่แล้วนางก็ไม่วางใจ ก็แค่ไม่รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้จะยอมหรือไม่กู้หว่านเยว่บอกความคิดของตนให้พวกเขาฟังสองสามีภรรยาได้ยิน แทบจะไม่ลังเล “ฮูหยินและนายท่านเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตพวกเรา พวกเรายินดีอยู่ในจวนหลังนี้”แท้จริงแล้ว หากกู้หว่านเยว่ไม่รับพวกเขาไว้ พวกเขาเองก็ต้องไปหางานทำ“เช่นนั้นพวกเจ้าก็กลับไปเก็บของ ย้ายของเข้าจวนกู้เถอะ”กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ฉู่เฟิงทีหนึ่ง รีบพาทั้งสามคนไปลงนามในสัญญาขายตัวเป็นทาส ยิ่งไปกว่านั้นยังจัดแจงที่พักให้พวกเขาอีกด้วย“
“เดิมทีพี่หญิงและพี่เขยก็มีชีวิตสุขสำราญ ก็เพราะการปรากฏตัวของเจ้า ทำลายความงดงามนี้ไป”นางหลิ่วจับจ้องกู้หว่านเยว่ตาเขม็ง สายตาคล้ายยาพิษก็มิปาน“พวกเขารนหาที่ตายเอง มิได้ตายบนมือข้า เกี่ยวอันใดกับข้าด้วย?”กู้หว่านเยว่มีสีหน้างุนงงสาเหตุที่ทังต๋าถูกเนรเทศ ก็เพราะมีมากมายหลายชีวิตต้องตายในเงื้อมมือของอีกฝ่ายหลายปีเพียงนี้ ยักยอกเงินเป็นจำนวนมาก สมควรได้รับโทษส่วนหลิ่วอี๋เหนียงคนนั้น ก็ไม่ต้องพูดแล้วถึงขั้นช่วยทังต๋าหลอกหลี่ชิวเตี๋ย ส่งลูกชายของตนให้หลี่ชิวเตี๋ยเลี้ยง สตรีอำมหิตเพียงนี้ ภายภาคหน้าถูกสกุลหลี่สั่งสอนก็เป็นเรื่องปกติแต่นี่พูดไปพูดมาล้วนเป็นบุญคุณความแค้นของพวกเขาและสกุลหลี่ นางคล้ายไม่มีความเกี่ยวข้องกระมัง?“หากมิใช่เพราะเจ้า เดิมทีเรื่องของพี่หญิงข้าและพี่เขยก็ไม่มีใครพบ”ตานางหลิ่วแดงขึ้น “เป็นเจ้าทำลายความสุขของข้า เป็นเจ้าทำลายชีวิตอันงดงามของข้า!ถึงขั้นอยากดึงปิ่นบนศีรษะ แทงกู้หว่านเยว่ยังดีขาสองข้างของนางหักไปแล้ว เมื่อครู่จึงล้มลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมหน่อย หากยังวุ่นวายอีก ข้าจะรับชีวิตของเจ้าไปเสียเลย”หงเจาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงคนนี้ใช่หรือไม
เรื่องของบ้านคนอื่นยังสอดเข้าไปยุ่งน้อยลงจะดีกว่า เมื่อแรกหากไม่ต้องจัดการทังต๋า ไล่เขาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการอำเภอเมืองอวี้ กู้หว่านเยว่ก็คงไม่ไปสืบเรื่องของบ้านพวกเขาไม่สืบหาย่อมไม่รู้ เพียงสืบหาก็พบว่า ทังต๋าเป็นชายเจ้าชู้คนหนึ่ง“เจ้าค่ะ” หงเจารีบเข้าไปจับตัวนางหลิ่วนางหลิ่วยังร้องตะโกนโวยวาย “กู้หว่านเยว่เจ้านางแพศยาคนหนึ่ง หากมิใช่เจ้า บัดนี้พี่เขยข้าก็ยังสบายดี ส่วนข้าเองก็ไม่ตกลำบากถึงขั้นนี้ เหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าทำลาย ข้าสาปแช่งเจ้า สาปแช่งให้เจ้าไม่ตายดี...”“หุบปาก!”หงเจามิอาจทนฟังต่อไปไหว สับมือใส่อีกฝ่ายจนหมดสติไป ยิ่งไปกว่านั้นยังออกแรงมากเพียงพอ ไม่กลัวตีอีกฝ่ายตายเลยแม้แต่น้อยก็เพราะนางโมโหมาก ไม่อาจทนฟังใครพูดจาหยาบคายต่อฮูหยินได้ทั้งๆ ที่ฮูหยินเป็นสตรีจิตใจดีที่สุดบนโลก หากมิใช่นาง บัดนี้ยังมีผู้ลี้ภัยอีกมากไม่มีบ้านให้กลับมือคู่นั้นของนางไม่รู้ว่าช่วยชีวิตคนมากน้อยเพียงใด ตัวโง่งมนี้ ถึงขั้นยังขวัญกล้าสาปแช่งฮูหยิน!กู้หว่านเยว่พูดอย่างขำขัน “เจ้าโมโหนางทำอันใด?”นางเองก็มองเห็นการกระทำเล็กๆ ของหงเจาหงเจาแลบลิ้น “ยังดีข้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงกล้าลงมือ
ดวงตาหลี่ชิวเตี๋ยทอประกายระยับ หญิงชั่วประจบสอพลอเช่นนี้ จะต้องให้ศาลาว่าการต้อนรับนางดีๆ“ใช่แล้วฮูหยิน ข้าสั่งคนให้ทำชาดตามตำรับที่เจ้ามอบให้ออกมาแล้ว”หลี่ชิวเตี๋ยหยิบชาดที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้อย่างดีจากมือสาวใช้ เปิดออกส่งให้กู้หว่านเยว่“เล็กๆ หนึ่งกล่อง ไม่เพียงสีนุ่มนวล ยังหอมมากนัก”สายตานางยามสบมองกู้หว่านเยว่เปี่ยมความเลื่อมใส “ฮูหยิน เจ้ามีอะไรทำไม่ได้บ้างเล่า?”กู้หว่านเยว่ยิ้มแต่ไม่พูด กลับครุ่นคิดภายในใจก็เพราะนางมีนิ้วทองอย่างไรเล่า!บนแพลตฟอร์มการขายในมิติ ตำรับชาดมีมากนักกู้หว่านเยว่หยิบตำรับโบราณทำง่ายออกมาสองสามแผ่น จะต้องไม่ล้มเหลวอย่างแน่นอน“เพียงชาดนี้ยังไม่พอ ยังขาดอีกหนึ่งสิ่ง”ภายใต้สายตาสงสัยของหลี่ชิวเตี๋ย กู้หว่านเยว่หยิบแปรงแต่งหน้าออกมาอันหนึ่งบังเอิญมีหญิงออกเรือนแล้วยังอ่อนเยาว์หลายท่านเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“ชิวเตี่ย เหตุใดร้านดอกท้อของเจ้าไม่เปิดเล่า?”“อวิ๋นเซียง? เหตุใดพวกเจ้ามาได้”หลี่ชิวเตี๋ยรีบลุกขึ้นแนะนำ “ฮูหยิน นี่คือสวี่ฮูหยิน สองท่านนี้คือโจวฮูหยินและจี้ฮูหยิน”พวกนางล้วนเป็นคนตระกูลขุนนางเมืองอวี้ ก่อนนี้หลี่ชิวเตี๋ยมักไปห
พอดีจะได้แนะนำหลี่ชิวเตี๋ยสักเล็กน้อย แปรงแต่งหน้านี้ใช้งานเยี่ยงไร ถึงตอนนั้นจะได้ประกาศออกไป“รบกวนเจ้าแล้ว” สวี่ฮูหยินพยักหน้าให้กู้หว่านเยว่อย่างมีมารยาทแท้จริงแล้วสวี่ฮูหยินไม่มีความมั่นใจในตนเองมาโดยตลอด เพราะในบรรดาคนกลุ่มนี้ นางหน้าตาแย่ที่สุดดังนั้นทุกครั้งสวมใส่เสื้อผ้าทำได้เพียงเลือกเสื้อผ้าเรียบง่าย ใบหน้าก็ไม่กล้าแต่งมากเกินไปนัก“ใช้ได้จริงหรือ?”เห็นว่ากู้หว่านเยว่หยิบแปรงแต่งหน้าขึ้นมาปัดลงบนใบหน้านาง สวี่ฮูหยินกังวลมากชนิดที่ว่าลมหายใจยังผ่อนให้เบาลง ทว่าเพียงครู่เดียวก็หว่านเยว่ก็ดึงมือกลับไปแล้วหลี่ชิวเตี๋ยวอุทานอย่างตกตะลึง “สวรรค์ อวิ๋นเซียง เจ้างามยิ่งนัก”“เจ้า เจ้ากำลังล้อเล่นกระมัง?”สวี่ฮูหยินลืมตาอย่างกังวล หลี่ชิวเตี๋ยรีบให้สาวใช้หยิบคันฉ่องมาเพียงได้เห็น นางก็เหม่อไปเดิมทีใบหน้าเหลืองซีด ครู่เดียวก็กลายเป็นชุ่มชื้นนวลแดงยิ่งไปกว่านั้น เพราะทางฝั่งเจดีย์หนิงกู่มีลมหิมะแรง ใบหน้านางหยาบกร้านมากมาโดยตลอดทว่าตอนนี้รูขุมขนบนใบหน้ากลับเรียบ ผิวพรรณดีขึ้นไม่ใช่เพียงเล็กน้อยสวี่ฮูหยินตกตะลึงดีใจอย่างอดไม่ได้เดิมทีนางก็แค่ไว้หน้าสหาย คิดไม่ถ
“เมื่อครู่ได้ยินโจวฮูหยินพูดว่า เจ้าถูกคนหลอกแล้ว?”สวี่ฮูหยินเอ่ยถามอย่างห่วงใย“พูดไปแล้วเรื่องยาวมากนัก ครั้งหน้าค่อยบอกเจ้า”หลี่ชิวเตี๋ยอยากให้แผลสมานด้วยตนเอง อย่างไรเสียนางก็ตาบอดเลือกทังต๋า ชายเจ้าชู้คนนี้ทำให้นางอับอายไปทั่วทั้งเมืองอวี้ดังนั้นในระยะนี้ นางจึงมิได้ไปมาหาสู่กับฮูหยินเหล่านั้นส่วนสวี่ฮูหยินในฐานะสหายที่ดีของนาง ก็ไม่รู้เรื่องนี้“รอเจ้าอยากพูด ค่อยพูด”สวี่ฮูหยินเองก็เป็นคนหลักแหลมคนหนึ่ง เห็นหลี่ชิวเตี๋ยไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ นี่ก็ไม่คิดถามต่อนางหันหน้า สายตาตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่ รู้สึกเก้อกระดาก“ในเมื่อผงไข่มุกหยกนารีและผงฝูหรงนี้เจ้าเป็นคนทำ เชื่อว่าเจ้าจะต้องมีชุดบำรุงผิวเป็นแน่”“สวี่ฮูหยินมีอันใดก็พูดออกมาโดยตรงเถอะ” กู้หว่านเยว่หยั่งเดาว่านางจะพูดอะไรสวี่ฮูหยินพูดอย่างกังวล “ข้าเห็นเจ้าผิวพรรณดีมาก เมื่อครู่ตอนเจ้าแต่งหน้าให้ข้า เชื่อว่าได้เห็นรอยขรุขระ รูขุมขนกว้างมากของข้าแล้ว”นางรีบเอ่ยถาม “มีวิธีใด สามารถบำรุงผิวข้าได้หรือไม่?”แม้ว่าแต่งหน้าสามารถปกปิดได้ แต่ล้างหน้าแล้วก็ยังกลับมาเหมือนเดิมสวี่ฮูหยินพูดอย่างเก้อกระดาก ตกดึกยามน
หลี่ชิวเตี๋ยเองก็ไม่ปิดบังสวี่ฮูหยินประการแรกสวี่ฮูหยินมีสายสัมพันธ์อันดีต่อนาง ประการที่สองพวกเขาล้วนอยู่ที่เมืองอวี้ ภายภาคหน้ามีโอกาสได้พบหน้ามากนักไม่ช้าก็เร็วสวี่ฮูหยินก็ต้องได้รู้ฐานะที่แท้จริงของกู้หว่านเยว่ มิสู้ตนเองซื้อใจนางสักหน่อย บอกฐานะที่แท้จริงของอีกฝ่ายออกไปโดยตรงสำคัญคือ เห็นท่าทางของกู้หว่านเยว่ กลับไม่คิดปิดบังฐานะของตนดังนั้นหลี่ชิวเตี๋ยเองก็วางใจและพูดออกมาอย่างผ่าเผย“เจ้ากำลังบอกว่า...” สวี่ฮูหยินตกตะลึงพรึงเพริดดังคาดบัดนี้คนมีหน้าตาในเมืองอวี้ ใครไม่รู้ ภายนอกท่านหลี่โหวควบคุมดูแลเจดีย์หนิงกู่ แต่แท้จริงแล้วคนอยู่เบื้องหลังคือคนอื่น“ข้ายังคิดว่า...คิดไม่ถึงฮูหยินท่านนี้ถึงขั้นเป็นกันเองเพียงนี้เมื่อครู่ พูดกับข้ามากเพียงนั้น ยังจับชีพจรให้ข้าด้วยตนเองอีกด้วย นับเป็นวาสนาของข้าแล้ว”ตอนนี้สวี่ฮูหยินอยากทำเพียงพูดว่าอามิตตาพุทธยังดีนางและหลี่ชิวเตี๋ยเป็นสหายกัน เมื่อครู่ก็มิได้พูดประชดเย็นชาอะไรถึงร้านนี้ หาไม่แล้วคราวนี้น่ากลัวว่าศีรษะก็ไม่รู้จะไปหาจากที่ใดอีก“ฐานะฮูหยินท่านนั้นถึงขั้นสูงศักดิ์เพียงนี้ เหตุใดมาที่ร้านดอกท้อของเจ้า อีกทั้งยัง
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง
เนื่องจากมีทหารลาดตระเวนอยู่ข้างนอกเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ทั้งสามคนจึงรีบกลับไปที่ห้อง“กลางคืนเจ้านอนคนเดียว คงไม่กลัวหรอกนะ?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เสี่ยวถ่านหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น“ไม่ต้องห่วง ขะ ข้าเป็นลูกผู้ชาย ข้าไม่กลัวหรอก”“ถ้าเจ้าไม่กลัวก็ดีแล้ว กลางคืนเจ้านอนห้องข้าง ๆ พรุ่งนี้เช้าตอนเราออกเดินทาง ก็จะไปปลุกเจ้า”อาจเป็นเพราะถูกชะตากัน กู้หว่านเยว่มักจะมีความอดทนกับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ“ทะ ท่านจะปลุกข้าจริง ๆ หรือ?”ดวงตาของเขาใสซื่อ มองกู้หว่านเยว่ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความกังวลเล็กน้อยดูเหมือนเด็กคนนี้จะยังคงกังวลว่ากู้หว่านเยว่จะทิ้งเขาไป“ก็ไม่แน่ บางทีตอนดึกข้าอาจจะปลุกเจ้าก็ได้”คืนนี้ นางมีเรื่องใหญ่ที่ต้องลงมือทำ“เช่นนั้นข้าไปนอนก่อนแล้ว” เสี่ยวถ่านเชื่อว่ากู้หว่านเยว่จะไม่หลอกเขาหลังจากมองเสี่ยวถ่านเข้าไปในห้องแล้ว กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ทั้งสองคนหลับตาทำเป็นงีบหลับ แต่จริง ๆ แล้วกำลังรอให้ฟ้ามืดเมื่อยามค่ำคืนมาเยือน ข้างนอกก็เริ่มเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม“ใครก็ได้
เหยลวี่หมิงหัวเราะเสียงดังลั่น กู้หว่านเยว่หน้ามืด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องของตัวเองดังขึ้น จึงรีบพาซูจิ่งสิงกลับไปที่ห้องพัก ทั้งสองคนออกมาจากมิติ ก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวถ่านดังมาจากข้างนอก“พี่หญิงกู้ ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว”ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวถ่านอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงมาหาพวกเขากู้หว่านเยว่เปิดประตู สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ เสี่ยวถ่านที่อาบน้ำเสร็จแล้ว กลับดูหน้าตาสะอาดสะอ้านและงดงามเกินคาด“เจ้าดูเหมือนเด็กผู้หญิงนะ”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้นมาลอย ๆ สีหน้าของเสี่ยวถ่านก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าตัวเอง “จริงหรือ?”เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยความประหม่า “พี่หญิงกู้ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า ต่อไปข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณท่านอย่างแน่นอน”“เจ้าโตก่อนแล้วค่อยว่ากัน เจ้าในตอนนี้ แค่ชายร่างกำยำต่อยหมัดเดียว เจ้าก็ตายได้แล้ว”กู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะ เด็กคนนี้รู้จักตอบแทนบุญคุณจริง ๆ เห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถึงเวลาอาหารเย็น กู้หว่านเยว่จึงลากเสี่ยวถ่านไปกินข้าวข้างล่างข้างล่างมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองสือโม่ ก็
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ทำให้ท่านเจ้าเมืองสะดุ้งตกใจ อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรีบร้อน แล้วจากไปพร้อมกับเหงื่อท่วมตัวเห็นได้ชัดว่า เขาหวาดกลัวเหยลวี่หมิงมากและความหวาดกลัวเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเห็นแก่เหยลวี่เจิง“คุณชาย กระดูกมือของท่านต่อเรียบร้อยแล้วขอรับ”เหยลวี่หมิงลองขยับแขนอีกครั้ง ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง เจ็บเสียจนเขาต้องกัดฟันกรอด“คุณชาย ถึงแม้ว่ากระดูกแขนของท่านจะต่อติดกันแล้ว แต่ภายในครึ่งเดือนห้ามขยับตัวมากเกินไป ต้องรอจนกว่าเฝือกจะเข้าที่เรียบร้อยแล้วจึงจะถอดออกได้”หมอต่อกระดูกเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก เขาสาบานว่านี่เป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่เขาเคยรับมาทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เขาก็รู้สึกเจ็บคอขึ้นมาทันที ตามมาด้วยเลือดจำนวนมากที่ไหลทะลักออกมาจนบดบังดวงตาของเขาเหยลวี่หมิงฆ่าเขาโดยตรง!ไม่ใช่แค่หมอต่อกระดูกที่ล้มลงกับพื้น ดวงตาเบิกโพลงแม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่อยู่ในมิติก็ยังไม่ทันตั้งตัว“บ้าเอ๊ย เหยลวี่หมิงผู้นี้ไม่เห็นค่าของชีวิตคนเกินไปแล้ว!”กู้หว่านเยว่อดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลง เมื่อครู่นี้นางและซูจิ่งสิงซ่อนตัวอยู่ในมิติ เห็น
ปรากฏว่าทันทีที่ทั้งสองคนมาถึงชั้นสอง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของเหยลวี่หมิงดังขยายออกมาจากในห้องทั้งสองคน ‘ยิ่งเกลียดยิ่งเจอจริง ๆ สินะ’ครั้นเสี่ยวเอ้อร์เห็นสองคนมีท่าทีแข็งทื่อ ก็รีบกล่าวขึ้นมา “มิต้องแปลกใจขอรับ คนที่อยู่ห้องตรงข้ามกำลังจัดกระดูก อาจารย์ด้านกระดูกกำลังจัดกระดูกให้เขา เสียงร้องจึงดังไปสักหน่อย หากท่านทั้งสองไม่สบายใจ ข้าเปลี่ยนห้องให้พวกท่านได้ขอรับ”“ไม่ต้อง”อยู่ในโรงเตี๊ยมเดียวกับเหยลวี่หมิง นับว่าโชคร้ายไปสักหน่อยแต่ครั้นกู้หว่านเยว่ได้คิดไตร่ตรองแล้ว พวกเขาสามารถเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของเหยลวี่หมิงได้ตลอดเวลา หากมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล พวกเขาจะได้ไหวตัวทันในทันที นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกอย่างไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะได้ยินข่าวคราวของซูจิ่นเอ๋อร์จากปากของเหยลวี่หมิงก็ได้“ไม่ต้องวุ่นวาย เราพักในห้องนี้ได้”สองสามีภรรยาส่งสายตากันและกันจนเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย ซูจิ่งสิงโบกมือเล็กน้อยส่งให้เด็กในโรงเตี๊ยมออกไปหลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในห้องก็ทำการสำรวจหนึ่งรอบ จึงได้เห็นเสี่ยวถ่านที่เดินตามเข้ามา“ข้าเปิดไว้สองห้อง เจ้าไปพักห้องที่อยู่ถัดไป
“ไม่ต้องร้อนใจ เรายังต้องพักในเมืองชิงซานหนึ่งคืน ยังมีเวลา”หลังจากที่ทหารที่ด้านนอกทยอยกันจากไป กู้หว่านเยว่ก็พาซูจิ่งสิงออกจากห้วงมิติทั้งสองคนลอยตัวไปยังร้านขายเสื้อผ้า เวลานี้เสี่ยวถ่านกำลังเลือกเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่พอดี เขารอกู้หว่านเยว่มาจ่ายเงินอย่างกระวนกระวายใจเขากลัวว่ากู้หว่านเยว่จะทิ้งเขาไว้ที่นี่ แล้วจากไปเพราะความกังวลมากเกินไป แม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ปลอมตัวเดินมาถึงหน้าเขา ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง“นี่!”กู้หว่านเยว่ตบศีรษะของเสี่ยวถ่าน “มัวอึ้งอะไร ยังเลือกเสื้อผ้าไม่ได้หรือ?”“พี่หญิงกู้?”เสี่ยวถ่านจำเสียงของนางได้ ครั้นเห็นทั้งสองคนแต่งกายต่างจากก่อนหน้านั้น แม้แต่ใบหน้าก็เปลี่ยนไป จึงอดตื่นตกใจไม่ได้“พวก...พวกท่าน?”“เราสองคนเจอกับปัญหาเล็กน้อย จึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”กู้หว่านเยว่ไม่ได้ปิดบัง ต่อไปเสี่ยวถ่านต้องติดตามพวกเขาไป บอกเขาไว้จะสะดวกมากกว่าในขณะเดียวกัน นางก็แอบตัดสินใจอยู่เงียบ ๆ หากเสี่ยวถ่านกล้าหักหลังนาง นางสามารถโยนเขากลับเข้าไปในกลุ่มทาสอีกครั้งได้อย่างไม่ปรานี“เช่นนั้นเรารีบออกไปจากตลาดกันเถอะ”เสี่ยวถ่านไม่ได้มีความค
“อ๊าก เจ็บ เจ็บยิ่งนัก”เหยลวี่หมิงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาคล้ายกับหมูโดนเชือด สีหน้าบิดเบี้ยวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในขณะเดียวกันนัยน์ตาก็ได้ฉายแววตื่นตระหนกอย่างรุนแรง เขาคาดไม่ถึงว่าบุรุษหน้าตาขี้เหร่ผู้นี้จะมีวิทยายุทธ์ อีกทั้งวิทยายุทธ์ยังสูงมากอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนพี่ใหญ่ แต่ก็เหนือชั้นกว่าคนทั่วไป“พวกเจ้ามัวอึ้งทำไม? รีบเข้ามาช่วยข้าสิ”เหยลวี่หมิงช่างไร้ยางอายยิ่งนัก หลังจากพบว่าตัวเองสู้บุรุษผู้นั้นไม่ได้ จึงรีบออกคำสั่งขอกำลังเสริมทันทีครั้นเห็นทหารม้าทั้งสองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กัน กลุ่มคนที่มุงดูเรื่องชาวบ้านก็พากันถอยออก และล้อมเอาไว้เป็นวงกว้าง คอยมุงดูอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้“เจ้ากล้าลงมือกับข้า ตายเสียเถอะ”นัยน์ตาของเหยลวี่หมิงฉายแววโหดร้าย พี่ใหญ่ปวดใจกับเขามาโดยตลอด คนรับใช้ข้างกายของเขาก็คือองครักษ์ลับข้างกายพี่ใหญ่คนเหล่านี้ต่างก็มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร โดยปกติแล้วจะไม่ลงมือง่าย ๆ หากลงมือแล้วพวกเขาจะเล่นกันถึงตายบุรุษผู้นี้จะต้องตายสถานเดียว!นัยน์ตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยม วินาทีต่อมาก็ต้องตกตะลึงอย่างมากคนรับใช้เหล่านั้นยังไม่ทันได้เข้
“พวกเจ้าว่าชายหญิงคู่นั้นเป็นใครกัน?”“ไม่รู้สิ”ทุกคนพากันรวมตัว ทยอยกันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ส่วนใหญ่ล้วนแต่ฟังมาจากข่าวลือที่ไม่มีมูลในเวลานี้ เสียงอันภาคภูมิใจเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้น“ข้ารู้ว่าชายหญิงคู่นั้นเป็นใคร ชายหญิงคู่นั้นคือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ย”ทุกคนมองไปตามเสียง กระทั่งเห็นบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายใต้การรายล้อมของคนรับใช้ครั้นเห็นเสื้อผ้าอันหรูหราของอีกฝ่าย คนในฝูงชนก็ตอบสนองในทันที“นี่คงไม่ใช่น้องชายของท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง เหยลวี่หมิงหรอกนะ? คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเจอเขาที่นี่ ว่าแต่เจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ยที่เขาเอ่ยถึงเป็นใครกันแน่?”เสียงกระซิบกระซาบในกลุ่มดังขึ้น เนื่องจากเหยลวี่เจิงนั้นมีอำนาจเหนือกว่าทูเจวี๋ย ดังนั้นในตอนที่ทุกคนเห็นเหยลวี่หมิง ทุกคนก็อดแสดงสีหน้าหวาดกลัวไม่ได้“เหอะ ๆ ก็แค่คนน่ารังเกียจสองคนเท่านั้น”สีหน้าของเหยลวี่หมิงฉายแววโหดเหี้ยม เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่อย่างมากไม่แปลกใจเลย เขาเป็นน้องชายของเหยลวี่เจิง จะชอบซูจิ่งสิงได้อย่างไร?“แต่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าสองคนนั้นคือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้น
“คนในครอบครัวของเจ้าตายกันหมดแล้วหรือ?”กู้หว่านเยว่ปวดใจกับเด็กคนนี้มาก จึงยื่นขนมอีกชิ้นให้เขา“ทุกคนตายหมดแล้วขอรับ เหลือเพียงข้าผู้เดียว”ครั้นนึกถึงเรื่องเสียใจ เสี่ยวถ่านก็มักจะก้มหน้าลง จากนั้นหยดน้ำตาก็ได้หลั่งรินออกมาจากดวงตาของเขาเขาคิดถึงท่านแม่“เอาละ หยุดร้องได้แล้ว แม้ว่าคนในครอบครัวของเจ้าจะตายกันหมดแล้ว แต่เจ้าก็ต้องใช้ชีวิตให้ดี”กู้หว่านเยว่ตักน้ำแกงไก่ให้เขา นางมักจะรู้สึกว่าสถานะของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดากิริยามารยาของเขาดูไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา จู่ ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว“ประตูเมืองเปิดแล้ว!”ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ทันใดนั้นเสียงตะโกนระลอกหนึ่งก็ดังมาจากด้านนอก จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นขึ้นในฝูงชนที่ล้อมรอบ ทุกคนต่างทยอยกันเข้ามารวมตัวกันหน้าประตูเมือง“น้องหญิง เราเองก็เข้าเมืองกันเถอะ”ซูจิ่งสิงเปิดผ้าม่าน ก่อนจะกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ไหน ๆก็จะเข้าเมืองแล้ว พวกเขาคงนั่งอยู่บนรถม้าไม่ได้อีก ต้องลงจากรถม้ามาตรวจสอบถึงจะถูก “เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่คว้ามือของเสี่ยวถ่านลงมาจากรถม้า และเดินมาต่อแถวอยู่ด้านหลังของกล