นางลูบใบหน้ารูปไข่ของเอ้อร์หู่ก่อนจะกล่าวว่า “ลูกรัก เจ้าผอมไปแล้วนะ อยู่ที่นั่นเจ้าคงลำบากไม่น้อยเลยใช่ไหม แต่ขอแค่ให้เจ้ามีชีวิตรอดก็พอ”ก่อนหน้านั้นกู้หว่านเยว่เคยเห็นสีหน้าที่ดูประหลาดใจของป้าเก๋อ ที่แท้อีกฝ่ายก็ถูกบีบบังคับนี่เองเรื่องนี้คงอธิบายได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุใดป้าเก๋อถึงไม่สบอารมณ์ในตอนที่พวกเขาสองคนขอเข้าไปพักค้างอ้างแรมเนี่ยชิงหลานเองก็คิดไม่ถึงว่าป้าเก๋อจะถูกหวังซานบีบบังคับเช่นนี้เมื่อเห็นสองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้ ในใจก็อดสงสารสองแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้แต่ในเมื่อทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ หลายชีวิตที่ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในเหมืองแห่งนั้นจนต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถ“ผู้ว่าการอำเภอหลิน ช่วยลงโทษป้าเก๋อสถานเบาเถิด”เนี่ยชิงหลานเป็นคนชอบใจอ่อน สุดท้ายนางให้อภัยป้าเก๋อ“ขอรับ”ผู้ว่าการอำเภอรีบพยักหน้า แต่เรื่องที่เขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายคือ จากอายุที่ค่อนข้างมากของป้าเก๋อ แม้ว่าในคุกนั้นจะเป็นการลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็คงทนไม่ไหวเนี่ยชิงหลานหันไปมองคนที่อยู่เบื้องล่างด้วยสายตาโหดร้ายอีกครั้ง“คนพวกนี้และหวังซานเป็นพวกเดียวกัน ไม่ต้องออมแรง ควรลงโทษอย่างไรก็ลงโ
เนี่ยชิงหลานเป็นคนจิตใจดี แต่พอถูกเขาเป่าหูเพียงไม่กี่ประโยคก็ถึงกันร้อนใจไม่น้อย“ในเมื่อด้านล่างยังมีคนอยู่ เหตุใดพวกเจ้ายังยืนอึ้งอยู่อีก รีบลงไปค้นหาสิ”“ไม่ใช่ข้าไม่อยากไป” ผู้ว่าการอำเภอหลินปาดเหงื่อเขาชี้ไปยังปากถ้ำที่เต็มไปด้วยฝุ่นตลบอบอวล “ถ้ำแห่งนี้อาจจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ นักการก็มีชีวิตเช่นกัน”จะว่าไปแล้วที่เขากล่าวก็ถูกต้องเนี่ยชิงหลานไม่ได้สังเกตตอนนี้เองบุรุษผู้หนึ่งในกลุ่มคนงานเหมืองก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ข้างล่างนั้นไม่มีคนรอดชีวิตแล้ว”เขาชี้ไปทางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง “ในตอนที่สองสามีภรรยาคู่นี้และนายท่านลงไปช่วยพวกเรา พวกเขาสั่งให้เราแบกคนที่รอดชีวิตขึ้นมากันหมดแล้ว”ทันทีที่เขากล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็พบว่าคนงานเหมืองที่วิ่งขึ้นมาจากด้านล่างแทบทุกคนต้องแบกใครสักคนออกมาด้วย เมื่อถึงที่ปลอดภัยทุกคนจึงพากันทรุดนั่งไปบนพื้น “ขอบคุณฟ้าดิน” เนี่ยชิงหลานไม่เคยใส่ใจสองคนนี้เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบยกมือคารวะ “ข้าเนี่ยชิงหลาน ขอบคุณในความกรุณาของพวกท่านทั้งสอง ที่ช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ออกมาได้เป็นจำนวนมากเช่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองมีนามว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”“ข้
ผลปรากฏว่าหลังจากที่เดินผ่านมุม ๆ หนึ่ง เขาก็บังเอิญชนกับบุรุษปริศนาร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง“อยากตายนักหรือไร เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ? เห็น ๆ อยู่ว่าข้าเดินมาเหตุใดเจ้าถึงยังเดินเข้ามาชนได้?”เนี่ยชิงหลานไม่ได้อยากด่าทอ แต่นางเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนคนผู้นั้นเห็นนางเดินตรงมา แต่กลับพุ่งเข้ามาชนนางอย่างไม่ยุติธรรม“ใครอยากตายกันแน่?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเนี่ยชิงหลานเหมือนโดนฟ้าผ่า“พี่ พี่ใหญ่ ท่านอยู่ในจวนไม่ใช่หรือ เหตุ...เหตุใดถึงมาโผล่ที่นี่ได้?”ระดับการพูดตะกุกตะกักแสดงออกถึงความตกใจภายในได้เป็นอย่างดีทำไมนางคิดไม่ถึง เมื่อครู่นางยังเอ่ยถึงพี่ชายตัวเองกับพี่หว่านเยว่อยู่เลย เพียงแวบเดียว พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาพอดี“ดี ดีมากจริง ๆ เจ้าแอบหนีออกจากบ้าน”เนี่ยเติ้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่กลับหัวเราะกลบเกลื่อน ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนไม่น้อย“พี่ใหญ่!”เนี่ยชิงหลานที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเมื่อครู่ เวลานี้นางกลับคุกเข่าลงไปบนพื้น จากนั้นก็กอดข้าของเนี่ยเติ้งพลางร้องไห้คร่ำครวญ“ข้าผิดไปแล้ว ท่านให้อภัยข้าเถิด ข้าสัญญาว่าครั้งต่อไปข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”เนี่ยเติ้ง
“พี่ใหญ่ ข้ามักจะติดตามท่านออกไปท่องยุทธภพอยู่บ่อยครั้ง เหตุใดครั้งนี้ท่านถึงต้องโกรธข้าเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ?”เนี่ยชิงหลานค่อนข้างไม่เข้าใจความจริงแล้วการที่นางปลอมตัวออกมาและชอบทำตัวเป็นวีรสตรีไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้พี่ใหญ่กลับโกรธนางมากเป็นพิเศษอีกทั้งก่อนหน้านั้นนางก็เคยประสบอันตรายมาก่อน หลังจากที่พี่ใหญ่รู้เรื่องนี้เขากลับไม่มีอารมณ์ตำหนินางเนี่ยเติ้งดีดหน้าผากของน้องสาวอย่างไม่สบอารมณ์“ข้าเคยพูดกับเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ บัดนี้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของลั่วอันกำลังเกิดความโกลาหลทุกระแหง เจ้ายังไม่ระวังตัวอีก หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาข้าจะทำอย่างไร?”เนี่ยชิงหลานแลบลิ้นเล็กน้อย และไม่ได้เก็บคำพูดของพี่ใหญ่มาใส่ใจ ระหว่างนั้นกู้หว่านเยว่ที่อยู่อีกด้านก็กำลังตื่นตกใจ ก่อนหน้านั้นนางและสามีของนางยังคิดอยู่เลยว่าจะกล่าวเตือนอ๋องจินอย่างไรคาดไม่ถึงว่าความอ่อนไหวทางการเมืองของอีกฝ่ายจะรุนแรงเช่นนี้ ถึงขั้นตระหนักได้ว่าสตรีลึกลับผู้นั้นจะลงมือทำร้ายพวกเขา“พี่หว่านเยว่ ท่านช่วยข้าด้วยเถิด อย่าให้พี่ใหญ่เฆี่ยนข้าอีกเลย เพราะเขาลงโทษข้าสถานหนัก ข้าเจ็บจนแทบทนไม่ไ
กู้หว่านเยว่รับถ้วยชาพลางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ชมเจ้าก็ส่วนชมเจ้า แต่ที่พี่ใหญ่พูดก็ถูกต้อง บัดนี้สถานการณ์กำลังวุ่นวาย ในฐานะที่เจ้าเป็นท่านหญิง ย่อมถูกคนจับจ้องได้โดยง่าย ออกไปข้างนอกทางที่ดีควรพาคนรับใช้ติดตามไปด้วย แล้วอย่าเที่ยวไปท่องยุทธภพเองเด็ดขาด”หลังจากที่ถูกเนี่ยเติ้งสั่งสอนไปเมื่อครู่ เนี่ยชิงหลานก็รู้จักแยกแยะบัดนี้เมื่อถูกกู้หว่านเยว่สั่งสอน นางกลับแลบลิ้นอย่างเชื่อฟัง พยักหน้าเหมือนกระต่ายน้อยสีขาว“พี่หว่านเยว่พูดถูก ต่อไปนี้ข้าจะระวังตัว จะไม่ทำการบุ่มบ่ามเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”ความจริงแล้วในใจของนางรู้ดีว่าสิ่งที่พี่ใหญ่พูดนั้นก็เพื่อตน พี่ชายคนนี้วิ่งตรงมาจากจวนอย่างกระวนกระวายใจ แน่นอนว่าเขาเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กผู้นี้ เป็นห่วงความปลอดภัยของนางนางไม่ใช่คนอกตัญญู คนอื่นปฏิบัติดีกับนาง นางย่อมรู้ดี เพียงแต่ปากมันไม่ตรงกับใจ แต่ในใจนั้นเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“พี่ใหญ่ข้ารู้ผิดแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะไม่ทำแบบวันนี้อีก ข้าจะระวังตัวให้มากขึ้น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่ใหญ่จนพี่ใหญ่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”เนี่ยชิงหลานลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย และขอโทษเนี่ยเติ้ง“ท่านนะท่า
สิ่งที่เขาคิดในใจก็คือ ในเมื่อกู้หว่านเยว่เป็นผู้มีพระคุณของน้องสาวเขา เขาก็ต้องดูแลอย่างดี เพียงแต่น่าเสียดายที่กู้หว่านเยว่อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน มิเช่นนั้นเขาคงเชิญอีกฝ่ายกลับจวนในฐานะแขกพิเศษด้วยตัวเองไปแล้วในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายพักอยู่ในโรงเตี๊ยมของเขาก่อน ถึงตอนนั้นโรงเตี๊ยมคงจะดูแลกู้หว่านเยว่เป็นอย่างดี จะได้ไม่ถือว่าเป็นการล่วงเกินผู้มีพระคุณด้วยกู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะเป็นกิจการของในจวนของเขา มิน่าล่ะเมื่อครู่เนี่ยชิงหลานถึงได้เดินเข้านอกออกในราวกับบ้านตัวเอง เจ้าของร้านและเด็กในร้านต่างก็รู้จักนางนางพยักหน้าอย่างเข้าใจ และยังรู้ถึงความคิดของอีกฝ่ายว่าอยากตอบแทนพระคุณของกู้หว่านเยว่ นางจะได้ไม่ต้องโวยวายให้เปลืองแรง“ขอบคุณท่านอ๋องมาก ข้าและสามีมาถึงที่แห่งนี้ ย่อมไม่คุ้นชินผู้คนและสถานที่ จริง ๆ แล้วข้ายังหาที่พักไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าสองคนคงต้องพักอ้างแรมที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้แล้ว”เนี่ยเติ้งมีความประทับใจต่อกู้หว่านเยว่ที่เพิ่งเจอกันผู้นี้ เพียงแต่เมื่อชำเลืองเห็นอีกฝ่าย ก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายแต่งงานแล้วบัดนี้เมื่อได้ยินนางเอ่ย
“พี่ใหญ่และพี่หว่านเยว่พูดมากแล้ว คราวนี้ถึงตาข้าบ้าง”เนี่ยชิงหลานฟังบทสนทนาของทั้งสองคนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ บัดนี้ได้สบโอกาสควงแขนของกู้หว่านเยว่ และกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า“พี่หว่านเยว่ ท่านบอกว่าท่านมาจากเมืองจิน จริง ๆ แล้วข้าอยากไปที่นั่นมาก ที่นั่นสนุกหรือไม่? มีอะไรน่ากินบ้าง ได้ยินว่าเมืองหลวงเจริญรุ่งเรืองมาก รุ่งเรืองกว่าที่นี่เป็นสองเท่า ข้าพยายามหาโอกาสไปเที่ยวที่นั่นมาโดยตลอด”คำกล่าวนี้กลับไม่ได้ดูโกหกแต่อย่างใด ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้สถานที่ที่นางไปได้ไกลที่สุดก็คือเหอตง แม้ว่าพี่ใหญ่จะอนุญาตให้นางออกไปช่วยเหลือผู้อื่นและท่องยุทธภพ แต่โดยส่วนใหญ่ก็อยู่ภายใต้ขอบเขตการดูแลของพี่ใหญ่เรื่องนี้คงโทษเนี่ยเติ้งที่เข้มงวดเช่นนี้ไม่ได้ จริง ๆ แล้วเนี่ยชิงหลานก็เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดา หากเจอกับอันตรายข้างนอก เกรงว่าคงจะเสียหายไม่น้อยแม้ว่าเขาจะให้เนี่ยชิงหลานออกมาช่วยเหลือผู้อื่น แต่เหอตงก็ยังอยู่ในขอบเขตการดูแลของพวกเขา ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ยังง่ายต่อการช่วยเหลือเหมือนวันนี้ ผู้ว่าการอำเภอมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยเนี่ยชิงหลานออกมาได้ทันท่วงทีหากอยู่นอกเมือง
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็กล่าวลา ส่วนกู้หว่านเยว่ก็พักอยู่ในโรงเตี๊ยมชั่วคราวตกกลางคืน กู้หว่านเยว่กำลังแช่เท้าพลางกล่าวว่า“อ๋องจินคนนี้เป็นคนฉลาดมาก”ซูจิ่งสิงพยักหน้า “เปรียบเทียบระหว่างเนี่ยเติ้งและอ๋องจินแล้ว เนี่ยเติ้งกล้าหาญและระมัดระวังตัวมากกว่า”เขานึกเรื่องหนึ่งได้ “ชาวบ้านลือกันว่าอ๋องจินเป็นโรคเรื้อรัง อายุสามสิบแล้วยังไม่แต่งงาน”กู้หว่านเยว่ประหลาดใจมาก “วันนี้ข้ากลับมองไม่ออก”สองสามีภรรยากำลังนินทากันสนุกปาก ไม่นานก็เปลี่ยนหัวข้อ“น้องหญิง เรามาปรึกษาเรื่องเส้นทางที่กำลังจะเดินทางกันเถิด”ซูจิ่งสิงเช็ดเท้าให้กู้หว่านเยว่ ทั้งสองคนนั่งบนเตียงด้วยกันหลังจากเหตุการณ์ในเหอตงสิ้นสุดลง สองสามีภรรยาก็ตัดสินใจว่าจะพักที่นี่หนึ่งคืน เช้าวันที่สองค่อยเดินทางกลับเจดีย์หนิงกู่“พวกเจ้าจะไปแล้วหรือ?”เนี่ยชิงหลานยังอาลัยอาวรณ์ นัยน์ตาคู่นั้นมองกู้หว่านเยว่ด้วยความคาดหวังกว่านางจะเจอคนที่ถูกใจไม่ใช่เรื่องง่าย ยังไม่ทันได้อยู่ด้วยกันเกินสองวันเลย ใครบ้างจะไม่อาลัยอาวรณ์?“พี่หว่านเยว่ ท่านทิ้งที่อยู่ของท่านให้ข้าได้หรือไม่ ข้าจะไปหาท่านเอง?”กู้หว่านเยว่ไม่
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง