เสียงที่เอิกเกริกดังขยายมาจากด้านหลัง สร้างความตกใจให้กับนกที่อยู่ในป่าไม่น้อย“พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”เนี่ยชิงหลานพากลุ่มคนเดินเข้ามา โดยมีทหารที่ไม่รู้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่เดินล้อมรอบ ทันใดนั้นผู้ว่าการอำเภอก็วิ่งเข้ามา“คารวะท่านหญิง ท่านหญิงไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ทันทีที่เอ่ยออกไป ทุกคนก็เบิกตากว้าง มองเนี่ยชิงหลานอย่างไม่อยากเชื่อ“จบเห่แล้ว.....” ผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังซานพากันหน้าถอดสีพวกเขาลักพาตัวท่านหญิงไป ไม่มีใครรู้ว่าอ๋องจินมีน้องสาวหนึ่งคน นี่ถือว่าเป็นการยั่วยุคนที่ไม่สมควรยั่วยุเข้าแล้วกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อยทั้งสองคนไม่ได้กลัวสถานะของเนี่ยชิงหลาน เพียงแต่คาดไม่ถึงว่านางจะเป็นน้องสาวของอ๋องจิน“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้บอกสถานะของข้ากับพวกเจ้า”เนี่ยชิงหลานแลบลิ้นอย่างรู้สึกผิด นางกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะห่างเหินนางเพราะเรื่องนี้“ข้าไม่อยากอยู่บ้าน จึงมักจะติดตามพี่ชายออกไปเที่ยวเตร่ที่เจียงหู”เนี่ยชิงหลานมีความฝันอยากเป็นวีรสตรีตั้งแต่เด็ก หลังจากออกจากจวน ก็มักจะปล้นคนรวยช่วยคนจนครั้งนี้เมื่อรู้ว่าที่นี่มีคนหายตัวไปอยู่บ่อย
นางลูบใบหน้ารูปไข่ของเอ้อร์หู่ก่อนจะกล่าวว่า “ลูกรัก เจ้าผอมไปแล้วนะ อยู่ที่นั่นเจ้าคงลำบากไม่น้อยเลยใช่ไหม แต่ขอแค่ให้เจ้ามีชีวิตรอดก็พอ”ก่อนหน้านั้นกู้หว่านเยว่เคยเห็นสีหน้าที่ดูประหลาดใจของป้าเก๋อ ที่แท้อีกฝ่ายก็ถูกบีบบังคับนี่เองเรื่องนี้คงอธิบายได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุใดป้าเก๋อถึงไม่สบอารมณ์ในตอนที่พวกเขาสองคนขอเข้าไปพักค้างอ้างแรมเนี่ยชิงหลานเองก็คิดไม่ถึงว่าป้าเก๋อจะถูกหวังซานบีบบังคับเช่นนี้เมื่อเห็นสองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้ ในใจก็อดสงสารสองแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้แต่ในเมื่อทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ หลายชีวิตที่ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในเหมืองแห่งนั้นจนต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถ“ผู้ว่าการอำเภอหลิน ช่วยลงโทษป้าเก๋อสถานเบาเถิด”เนี่ยชิงหลานเป็นคนชอบใจอ่อน สุดท้ายนางให้อภัยป้าเก๋อ“ขอรับ”ผู้ว่าการอำเภอรีบพยักหน้า แต่เรื่องที่เขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายคือ จากอายุที่ค่อนข้างมากของป้าเก๋อ แม้ว่าในคุกนั้นจะเป็นการลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็คงทนไม่ไหวเนี่ยชิงหลานหันไปมองคนที่อยู่เบื้องล่างด้วยสายตาโหดร้ายอีกครั้ง“คนพวกนี้และหวังซานเป็นพวกเดียวกัน ไม่ต้องออมแรง ควรลงโทษอย่างไรก็ลงโ
เนี่ยชิงหลานเป็นคนจิตใจดี แต่พอถูกเขาเป่าหูเพียงไม่กี่ประโยคก็ถึงกันร้อนใจไม่น้อย“ในเมื่อด้านล่างยังมีคนอยู่ เหตุใดพวกเจ้ายังยืนอึ้งอยู่อีก รีบลงไปค้นหาสิ”“ไม่ใช่ข้าไม่อยากไป” ผู้ว่าการอำเภอหลินปาดเหงื่อเขาชี้ไปยังปากถ้ำที่เต็มไปด้วยฝุ่นตลบอบอวล “ถ้ำแห่งนี้อาจจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ นักการก็มีชีวิตเช่นกัน”จะว่าไปแล้วที่เขากล่าวก็ถูกต้องเนี่ยชิงหลานไม่ได้สังเกตตอนนี้เองบุรุษผู้หนึ่งในกลุ่มคนงานเหมืองก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ข้างล่างนั้นไม่มีคนรอดชีวิตแล้ว”เขาชี้ไปทางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง “ในตอนที่สองสามีภรรยาคู่นี้และนายท่านลงไปช่วยพวกเรา พวกเขาสั่งให้เราแบกคนที่รอดชีวิตขึ้นมากันหมดแล้ว”ทันทีที่เขากล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็พบว่าคนงานเหมืองที่วิ่งขึ้นมาจากด้านล่างแทบทุกคนต้องแบกใครสักคนออกมาด้วย เมื่อถึงที่ปลอดภัยทุกคนจึงพากันทรุดนั่งไปบนพื้น “ขอบคุณฟ้าดิน” เนี่ยชิงหลานไม่เคยใส่ใจสองคนนี้เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบยกมือคารวะ “ข้าเนี่ยชิงหลาน ขอบคุณในความกรุณาของพวกท่านทั้งสอง ที่ช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ออกมาได้เป็นจำนวนมากเช่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองมีนามว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”“ข้
ผลปรากฏว่าหลังจากที่เดินผ่านมุม ๆ หนึ่ง เขาก็บังเอิญชนกับบุรุษปริศนาร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง“อยากตายนักหรือไร เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ? เห็น ๆ อยู่ว่าข้าเดินมาเหตุใดเจ้าถึงยังเดินเข้ามาชนได้?”เนี่ยชิงหลานไม่ได้อยากด่าทอ แต่นางเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนคนผู้นั้นเห็นนางเดินตรงมา แต่กลับพุ่งเข้ามาชนนางอย่างไม่ยุติธรรม“ใครอยากตายกันแน่?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเนี่ยชิงหลานเหมือนโดนฟ้าผ่า“พี่ พี่ใหญ่ ท่านอยู่ในจวนไม่ใช่หรือ เหตุ...เหตุใดถึงมาโผล่ที่นี่ได้?”ระดับการพูดตะกุกตะกักแสดงออกถึงความตกใจภายในได้เป็นอย่างดีทำไมนางคิดไม่ถึง เมื่อครู่นางยังเอ่ยถึงพี่ชายตัวเองกับพี่หว่านเยว่อยู่เลย เพียงแวบเดียว พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาพอดี“ดี ดีมากจริง ๆ เจ้าแอบหนีออกจากบ้าน”เนี่ยเติ้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่กลับหัวเราะกลบเกลื่อน ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนไม่น้อย“พี่ใหญ่!”เนี่ยชิงหลานที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเมื่อครู่ เวลานี้นางกลับคุกเข่าลงไปบนพื้น จากนั้นก็กอดข้าของเนี่ยเติ้งพลางร้องไห้คร่ำครวญ“ข้าผิดไปแล้ว ท่านให้อภัยข้าเถิด ข้าสัญญาว่าครั้งต่อไปข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”เนี่ยเติ้ง
“พี่ใหญ่ ข้ามักจะติดตามท่านออกไปท่องยุทธภพอยู่บ่อยครั้ง เหตุใดครั้งนี้ท่านถึงต้องโกรธข้าเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ?”เนี่ยชิงหลานค่อนข้างไม่เข้าใจความจริงแล้วการที่นางปลอมตัวออกมาและชอบทำตัวเป็นวีรสตรีไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้พี่ใหญ่กลับโกรธนางมากเป็นพิเศษอีกทั้งก่อนหน้านั้นนางก็เคยประสบอันตรายมาก่อน หลังจากที่พี่ใหญ่รู้เรื่องนี้เขากลับไม่มีอารมณ์ตำหนินางเนี่ยเติ้งดีดหน้าผากของน้องสาวอย่างไม่สบอารมณ์“ข้าเคยพูดกับเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ บัดนี้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของลั่วอันกำลังเกิดความโกลาหลทุกระแหง เจ้ายังไม่ระวังตัวอีก หากเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาข้าจะทำอย่างไร?”เนี่ยชิงหลานแลบลิ้นเล็กน้อย และไม่ได้เก็บคำพูดของพี่ใหญ่มาใส่ใจ ระหว่างนั้นกู้หว่านเยว่ที่อยู่อีกด้านก็กำลังตื่นตกใจ ก่อนหน้านั้นนางและสามีของนางยังคิดอยู่เลยว่าจะกล่าวเตือนอ๋องจินอย่างไรคาดไม่ถึงว่าความอ่อนไหวทางการเมืองของอีกฝ่ายจะรุนแรงเช่นนี้ ถึงขั้นตระหนักได้ว่าสตรีลึกลับผู้นั้นจะลงมือทำร้ายพวกเขา“พี่หว่านเยว่ ท่านช่วยข้าด้วยเถิด อย่าให้พี่ใหญ่เฆี่ยนข้าอีกเลย เพราะเขาลงโทษข้าสถานหนัก ข้าเจ็บจนแทบทนไม่ไ
กู้หว่านเยว่รับถ้วยชาพลางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ชมเจ้าก็ส่วนชมเจ้า แต่ที่พี่ใหญ่พูดก็ถูกต้อง บัดนี้สถานการณ์กำลังวุ่นวาย ในฐานะที่เจ้าเป็นท่านหญิง ย่อมถูกคนจับจ้องได้โดยง่าย ออกไปข้างนอกทางที่ดีควรพาคนรับใช้ติดตามไปด้วย แล้วอย่าเที่ยวไปท่องยุทธภพเองเด็ดขาด”หลังจากที่ถูกเนี่ยเติ้งสั่งสอนไปเมื่อครู่ เนี่ยชิงหลานก็รู้จักแยกแยะบัดนี้เมื่อถูกกู้หว่านเยว่สั่งสอน นางกลับแลบลิ้นอย่างเชื่อฟัง พยักหน้าเหมือนกระต่ายน้อยสีขาว“พี่หว่านเยว่พูดถูก ต่อไปนี้ข้าจะระวังตัว จะไม่ทำการบุ่มบ่ามเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”ความจริงแล้วในใจของนางรู้ดีว่าสิ่งที่พี่ใหญ่พูดนั้นก็เพื่อตน พี่ชายคนนี้วิ่งตรงมาจากจวนอย่างกระวนกระวายใจ แน่นอนว่าเขาเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กผู้นี้ เป็นห่วงความปลอดภัยของนางนางไม่ใช่คนอกตัญญู คนอื่นปฏิบัติดีกับนาง นางย่อมรู้ดี เพียงแต่ปากมันไม่ตรงกับใจ แต่ในใจนั้นเชื่อฟังอย่างว่าง่าย“พี่ใหญ่ข้ารู้ผิดแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะไม่ทำแบบวันนี้อีก ข้าจะระวังตัวให้มากขึ้น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่ใหญ่จนพี่ใหญ่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว”เนี่ยชิงหลานลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย และขอโทษเนี่ยเติ้ง“ท่านนะท่า
สิ่งที่เขาคิดในใจก็คือ ในเมื่อกู้หว่านเยว่เป็นผู้มีพระคุณของน้องสาวเขา เขาก็ต้องดูแลอย่างดี เพียงแต่น่าเสียดายที่กู้หว่านเยว่อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน มิเช่นนั้นเขาคงเชิญอีกฝ่ายกลับจวนในฐานะแขกพิเศษด้วยตัวเองไปแล้วในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายพักอยู่ในโรงเตี๊ยมของเขาก่อน ถึงตอนนั้นโรงเตี๊ยมคงจะดูแลกู้หว่านเยว่เป็นอย่างดี จะได้ไม่ถือว่าเป็นการล่วงเกินผู้มีพระคุณด้วยกู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะเป็นกิจการของในจวนของเขา มิน่าล่ะเมื่อครู่เนี่ยชิงหลานถึงได้เดินเข้านอกออกในราวกับบ้านตัวเอง เจ้าของร้านและเด็กในร้านต่างก็รู้จักนางนางพยักหน้าอย่างเข้าใจ และยังรู้ถึงความคิดของอีกฝ่ายว่าอยากตอบแทนพระคุณของกู้หว่านเยว่ นางจะได้ไม่ต้องโวยวายให้เปลืองแรง“ขอบคุณท่านอ๋องมาก ข้าและสามีมาถึงที่แห่งนี้ ย่อมไม่คุ้นชินผู้คนและสถานที่ จริง ๆ แล้วข้ายังหาที่พักไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าสองคนคงต้องพักอ้างแรมที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้แล้ว”เนี่ยเติ้งมีความประทับใจต่อกู้หว่านเยว่ที่เพิ่งเจอกันผู้นี้ เพียงแต่เมื่อชำเลืองเห็นอีกฝ่าย ก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายแต่งงานแล้วบัดนี้เมื่อได้ยินนางเอ่ย
“พี่ใหญ่และพี่หว่านเยว่พูดมากแล้ว คราวนี้ถึงตาข้าบ้าง”เนี่ยชิงหลานฟังบทสนทนาของทั้งสองคนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ บัดนี้ได้สบโอกาสควงแขนของกู้หว่านเยว่ และกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า“พี่หว่านเยว่ ท่านบอกว่าท่านมาจากเมืองจิน จริง ๆ แล้วข้าอยากไปที่นั่นมาก ที่นั่นสนุกหรือไม่? มีอะไรน่ากินบ้าง ได้ยินว่าเมืองหลวงเจริญรุ่งเรืองมาก รุ่งเรืองกว่าที่นี่เป็นสองเท่า ข้าพยายามหาโอกาสไปเที่ยวที่นั่นมาโดยตลอด”คำกล่าวนี้กลับไม่ได้ดูโกหกแต่อย่างใด ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้สถานที่ที่นางไปได้ไกลที่สุดก็คือเหอตง แม้ว่าพี่ใหญ่จะอนุญาตให้นางออกไปช่วยเหลือผู้อื่นและท่องยุทธภพ แต่โดยส่วนใหญ่ก็อยู่ภายใต้ขอบเขตการดูแลของพี่ใหญ่เรื่องนี้คงโทษเนี่ยเติ้งที่เข้มงวดเช่นนี้ไม่ได้ จริง ๆ แล้วเนี่ยชิงหลานก็เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดา หากเจอกับอันตรายข้างนอก เกรงว่าคงจะเสียหายไม่น้อยแม้ว่าเขาจะให้เนี่ยชิงหลานออกมาช่วยเหลือผู้อื่น แต่เหอตงก็ยังอยู่ในขอบเขตการดูแลของพวกเขา ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ยังง่ายต่อการช่วยเหลือเหมือนวันนี้ ผู้ว่าการอำเภอมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยเนี่ยชิงหลานออกมาได้ทันท่วงทีหากอยู่นอกเมือง
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง
เนื่องจากมีทหารลาดตระเวนอยู่ข้างนอกเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ทั้งสามคนจึงรีบกลับไปที่ห้อง“กลางคืนเจ้านอนคนเดียว คงไม่กลัวหรอกนะ?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เสี่ยวถ่านหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น“ไม่ต้องห่วง ขะ ข้าเป็นลูกผู้ชาย ข้าไม่กลัวหรอก”“ถ้าเจ้าไม่กลัวก็ดีแล้ว กลางคืนเจ้านอนห้องข้าง ๆ พรุ่งนี้เช้าตอนเราออกเดินทาง ก็จะไปปลุกเจ้า”อาจเป็นเพราะถูกชะตากัน กู้หว่านเยว่มักจะมีความอดทนกับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ“ทะ ท่านจะปลุกข้าจริง ๆ หรือ?”ดวงตาของเขาใสซื่อ มองกู้หว่านเยว่ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความกังวลเล็กน้อยดูเหมือนเด็กคนนี้จะยังคงกังวลว่ากู้หว่านเยว่จะทิ้งเขาไป“ก็ไม่แน่ บางทีตอนดึกข้าอาจจะปลุกเจ้าก็ได้”คืนนี้ นางมีเรื่องใหญ่ที่ต้องลงมือทำ“เช่นนั้นข้าไปนอนก่อนแล้ว” เสี่ยวถ่านเชื่อว่ากู้หว่านเยว่จะไม่หลอกเขาหลังจากมองเสี่ยวถ่านเข้าไปในห้องแล้ว กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ทั้งสองคนหลับตาทำเป็นงีบหลับ แต่จริง ๆ แล้วกำลังรอให้ฟ้ามืดเมื่อยามค่ำคืนมาเยือน ข้างนอกก็เริ่มเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม“ใครก็ได้
เหยลวี่หมิงหัวเราะเสียงดังลั่น กู้หว่านเยว่หน้ามืด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องของตัวเองดังขึ้น จึงรีบพาซูจิ่งสิงกลับไปที่ห้องพัก ทั้งสองคนออกมาจากมิติ ก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวถ่านดังมาจากข้างนอก“พี่หญิงกู้ ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว”ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวถ่านอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงมาหาพวกเขากู้หว่านเยว่เปิดประตู สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ เสี่ยวถ่านที่อาบน้ำเสร็จแล้ว กลับดูหน้าตาสะอาดสะอ้านและงดงามเกินคาด“เจ้าดูเหมือนเด็กผู้หญิงนะ”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้นมาลอย ๆ สีหน้าของเสี่ยวถ่านก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าตัวเอง “จริงหรือ?”เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยความประหม่า “พี่หญิงกู้ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า ต่อไปข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณท่านอย่างแน่นอน”“เจ้าโตก่อนแล้วค่อยว่ากัน เจ้าในตอนนี้ แค่ชายร่างกำยำต่อยหมัดเดียว เจ้าก็ตายได้แล้ว”กู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะ เด็กคนนี้รู้จักตอบแทนบุญคุณจริง ๆ เห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถึงเวลาอาหารเย็น กู้หว่านเยว่จึงลากเสี่ยวถ่านไปกินข้าวข้างล่างข้างล่างมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองสือโม่ ก็
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ทำให้ท่านเจ้าเมืองสะดุ้งตกใจ อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรีบร้อน แล้วจากไปพร้อมกับเหงื่อท่วมตัวเห็นได้ชัดว่า เขาหวาดกลัวเหยลวี่หมิงมากและความหวาดกลัวเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเห็นแก่เหยลวี่เจิง“คุณชาย กระดูกมือของท่านต่อเรียบร้อยแล้วขอรับ”เหยลวี่หมิงลองขยับแขนอีกครั้ง ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง เจ็บเสียจนเขาต้องกัดฟันกรอด“คุณชาย ถึงแม้ว่ากระดูกแขนของท่านจะต่อติดกันแล้ว แต่ภายในครึ่งเดือนห้ามขยับตัวมากเกินไป ต้องรอจนกว่าเฝือกจะเข้าที่เรียบร้อยแล้วจึงจะถอดออกได้”หมอต่อกระดูกเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก เขาสาบานว่านี่เป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่เขาเคยรับมาทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เขาก็รู้สึกเจ็บคอขึ้นมาทันที ตามมาด้วยเลือดจำนวนมากที่ไหลทะลักออกมาจนบดบังดวงตาของเขาเหยลวี่หมิงฆ่าเขาโดยตรง!ไม่ใช่แค่หมอต่อกระดูกที่ล้มลงกับพื้น ดวงตาเบิกโพลงแม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่อยู่ในมิติก็ยังไม่ทันตั้งตัว“บ้าเอ๊ย เหยลวี่หมิงผู้นี้ไม่เห็นค่าของชีวิตคนเกินไปแล้ว!”กู้หว่านเยว่อดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลง เมื่อครู่นี้นางและซูจิ่งสิงซ่อนตัวอยู่ในมิติ เห็น
ปรากฏว่าทันทีที่ทั้งสองคนมาถึงชั้นสอง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของเหยลวี่หมิงดังขยายออกมาจากในห้องทั้งสองคน ‘ยิ่งเกลียดยิ่งเจอจริง ๆ สินะ’ครั้นเสี่ยวเอ้อร์เห็นสองคนมีท่าทีแข็งทื่อ ก็รีบกล่าวขึ้นมา “มิต้องแปลกใจขอรับ คนที่อยู่ห้องตรงข้ามกำลังจัดกระดูก อาจารย์ด้านกระดูกกำลังจัดกระดูกให้เขา เสียงร้องจึงดังไปสักหน่อย หากท่านทั้งสองไม่สบายใจ ข้าเปลี่ยนห้องให้พวกท่านได้ขอรับ”“ไม่ต้อง”อยู่ในโรงเตี๊ยมเดียวกับเหยลวี่หมิง นับว่าโชคร้ายไปสักหน่อยแต่ครั้นกู้หว่านเยว่ได้คิดไตร่ตรองแล้ว พวกเขาสามารถเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของเหยลวี่หมิงได้ตลอดเวลา หากมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล พวกเขาจะได้ไหวตัวทันในทันที นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกอย่างไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะได้ยินข่าวคราวของซูจิ่นเอ๋อร์จากปากของเหยลวี่หมิงก็ได้“ไม่ต้องวุ่นวาย เราพักในห้องนี้ได้”สองสามีภรรยาส่งสายตากันและกันจนเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย ซูจิ่งสิงโบกมือเล็กน้อยส่งให้เด็กในโรงเตี๊ยมออกไปหลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในห้องก็ทำการสำรวจหนึ่งรอบ จึงได้เห็นเสี่ยวถ่านที่เดินตามเข้ามา“ข้าเปิดไว้สองห้อง เจ้าไปพักห้องที่อยู่ถัดไป
“ไม่ต้องร้อนใจ เรายังต้องพักในเมืองชิงซานหนึ่งคืน ยังมีเวลา”หลังจากที่ทหารที่ด้านนอกทยอยกันจากไป กู้หว่านเยว่ก็พาซูจิ่งสิงออกจากห้วงมิติทั้งสองคนลอยตัวไปยังร้านขายเสื้อผ้า เวลานี้เสี่ยวถ่านกำลังเลือกเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่พอดี เขารอกู้หว่านเยว่มาจ่ายเงินอย่างกระวนกระวายใจเขากลัวว่ากู้หว่านเยว่จะทิ้งเขาไว้ที่นี่ แล้วจากไปเพราะความกังวลมากเกินไป แม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ปลอมตัวเดินมาถึงหน้าเขา ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง“นี่!”กู้หว่านเยว่ตบศีรษะของเสี่ยวถ่าน “มัวอึ้งอะไร ยังเลือกเสื้อผ้าไม่ได้หรือ?”“พี่หญิงกู้?”เสี่ยวถ่านจำเสียงของนางได้ ครั้นเห็นทั้งสองคนแต่งกายต่างจากก่อนหน้านั้น แม้แต่ใบหน้าก็เปลี่ยนไป จึงอดตื่นตกใจไม่ได้“พวก...พวกท่าน?”“เราสองคนเจอกับปัญหาเล็กน้อย จึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”กู้หว่านเยว่ไม่ได้ปิดบัง ต่อไปเสี่ยวถ่านต้องติดตามพวกเขาไป บอกเขาไว้จะสะดวกมากกว่าในขณะเดียวกัน นางก็แอบตัดสินใจอยู่เงียบ ๆ หากเสี่ยวถ่านกล้าหักหลังนาง นางสามารถโยนเขากลับเข้าไปในกลุ่มทาสอีกครั้งได้อย่างไม่ปรานี“เช่นนั้นเรารีบออกไปจากตลาดกันเถอะ”เสี่ยวถ่านไม่ได้มีความค
“อ๊าก เจ็บ เจ็บยิ่งนัก”เหยลวี่หมิงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาคล้ายกับหมูโดนเชือด สีหน้าบิดเบี้ยวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในขณะเดียวกันนัยน์ตาก็ได้ฉายแววตื่นตระหนกอย่างรุนแรง เขาคาดไม่ถึงว่าบุรุษหน้าตาขี้เหร่ผู้นี้จะมีวิทยายุทธ์ อีกทั้งวิทยายุทธ์ยังสูงมากอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนพี่ใหญ่ แต่ก็เหนือชั้นกว่าคนทั่วไป“พวกเจ้ามัวอึ้งทำไม? รีบเข้ามาช่วยข้าสิ”เหยลวี่หมิงช่างไร้ยางอายยิ่งนัก หลังจากพบว่าตัวเองสู้บุรุษผู้นั้นไม่ได้ จึงรีบออกคำสั่งขอกำลังเสริมทันทีครั้นเห็นทหารม้าทั้งสองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กัน กลุ่มคนที่มุงดูเรื่องชาวบ้านก็พากันถอยออก และล้อมเอาไว้เป็นวงกว้าง คอยมุงดูอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้“เจ้ากล้าลงมือกับข้า ตายเสียเถอะ”นัยน์ตาของเหยลวี่หมิงฉายแววโหดร้าย พี่ใหญ่ปวดใจกับเขามาโดยตลอด คนรับใช้ข้างกายของเขาก็คือองครักษ์ลับข้างกายพี่ใหญ่คนเหล่านี้ต่างก็มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร โดยปกติแล้วจะไม่ลงมือง่าย ๆ หากลงมือแล้วพวกเขาจะเล่นกันถึงตายบุรุษผู้นี้จะต้องตายสถานเดียว!นัยน์ตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยม วินาทีต่อมาก็ต้องตกตะลึงอย่างมากคนรับใช้เหล่านั้นยังไม่ทันได้เข้
“พวกเจ้าว่าชายหญิงคู่นั้นเป็นใครกัน?”“ไม่รู้สิ”ทุกคนพากันรวมตัว ทยอยกันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ส่วนใหญ่ล้วนแต่ฟังมาจากข่าวลือที่ไม่มีมูลในเวลานี้ เสียงอันภาคภูมิใจเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้น“ข้ารู้ว่าชายหญิงคู่นั้นเป็นใคร ชายหญิงคู่นั้นคือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ย”ทุกคนมองไปตามเสียง กระทั่งเห็นบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายใต้การรายล้อมของคนรับใช้ครั้นเห็นเสื้อผ้าอันหรูหราของอีกฝ่าย คนในฝูงชนก็ตอบสนองในทันที“นี่คงไม่ใช่น้องชายของท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง เหยลวี่หมิงหรอกนะ? คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเจอเขาที่นี่ ว่าแต่เจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ยที่เขาเอ่ยถึงเป็นใครกันแน่?”เสียงกระซิบกระซาบในกลุ่มดังขึ้น เนื่องจากเหยลวี่เจิงนั้นมีอำนาจเหนือกว่าทูเจวี๋ย ดังนั้นในตอนที่ทุกคนเห็นเหยลวี่หมิง ทุกคนก็อดแสดงสีหน้าหวาดกลัวไม่ได้“เหอะ ๆ ก็แค่คนน่ารังเกียจสองคนเท่านั้น”สีหน้าของเหยลวี่หมิงฉายแววโหดเหี้ยม เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่อย่างมากไม่แปลกใจเลย เขาเป็นน้องชายของเหยลวี่เจิง จะชอบซูจิ่งสิงได้อย่างไร?“แต่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าสองคนนั้นคือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้น
“คนในครอบครัวของเจ้าตายกันหมดแล้วหรือ?”กู้หว่านเยว่ปวดใจกับเด็กคนนี้มาก จึงยื่นขนมอีกชิ้นให้เขา“ทุกคนตายหมดแล้วขอรับ เหลือเพียงข้าผู้เดียว”ครั้นนึกถึงเรื่องเสียใจ เสี่ยวถ่านก็มักจะก้มหน้าลง จากนั้นหยดน้ำตาก็ได้หลั่งรินออกมาจากดวงตาของเขาเขาคิดถึงท่านแม่“เอาละ หยุดร้องได้แล้ว แม้ว่าคนในครอบครัวของเจ้าจะตายกันหมดแล้ว แต่เจ้าก็ต้องใช้ชีวิตให้ดี”กู้หว่านเยว่ตักน้ำแกงไก่ให้เขา นางมักจะรู้สึกว่าสถานะของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดากิริยามารยาของเขาดูไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา จู่ ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว“ประตูเมืองเปิดแล้ว!”ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ทันใดนั้นเสียงตะโกนระลอกหนึ่งก็ดังมาจากด้านนอก จากนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นขึ้นในฝูงชนที่ล้อมรอบ ทุกคนต่างทยอยกันเข้ามารวมตัวกันหน้าประตูเมือง“น้องหญิง เราเองก็เข้าเมืองกันเถอะ”ซูจิ่งสิงเปิดผ้าม่าน ก่อนจะกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ไหน ๆก็จะเข้าเมืองแล้ว พวกเขาคงนั่งอยู่บนรถม้าไม่ได้อีก ต้องลงจากรถม้ามาตรวจสอบถึงจะถูก “เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่คว้ามือของเสี่ยวถ่านลงมาจากรถม้า และเดินมาต่อแถวอยู่ด้านหลังของกล