แต่จะว่าไปแล้วก็น่าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เสี่ยวฮวาคืองูเหลือมที่นางเลี้ยงไว้ก่อนหน้านั้นมันก็ไม่เคยแสดงความผิดปกติใด ๆ เหตุใดเวลานี้มันถึงเข้าหากู้หว่านเยว่ กระทั่งไม่เชื่อฟังคำสั่งและจู่โจมนาง?“ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่ไม่เคยเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจนางมองออกว่ากงซุนซวงตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก่อน จึงพอสรุปได้สั้น ๆ ว่า“ในห้องลับแห่งนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้อื่นอีกหรือไม่?”หากคุณหนูหกอยู่ที่นี่ด้วย คงจะพาไปด้วยแล้วแต่น่าเสียดายที่กงซุนซวงส่ายหน้า“มีเพียงข้าผู้เดียว หลังจากที่สกุลกงซุนถูกลอบโจมตี ข้าก็หนีรอดจากพันธนาการของพวกเขา แต่ข้าก็ยังไม่หลุดพ้นจากหมู่บ้านโซว่หวาง จึงได้แต่หลบ ๆ ซ่อน ๆ เช่นนี้”จู่ ๆ กงซุนซวงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบกล่าวว่า “จริงสิ เจียงหลิน เขายังอยู่ในคุก”นางมองทั้งสองคนด้วยสายตาอ้อนวอน“ท่านทั้งสอง เจียงหลินคือองครักษ์ของท่านพ่อ พวกเจ้าช่วยเขาได้หรือไม่”บางทีอาจเพราะร้อนใจเกินไป กงซุนซวงจึงคว้าแขนของกู้หว่านเยว่“เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ”เมื่อเห็นสายตาร้อนใจของกงซุนซวง กู้หว่านเยว่จึงรีบหันไปมองซูจิ่งสิงอย่างรู้สึกผิด ผ่านไปครู่
“ท่านพี่ ท่านว่าเป้าหมายที่พวกเขาต่อต้านสกุลกงซุนคืออะไรเจ้าคะ?”ในเมื่อเงินทองยังไม่ถูกขนย้าย หมายความว่าพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อสมบัติแน่นอน“หรือว่าจะทำเพื่อเคล็ดลับในการฝึกสัตว์ร้าย?”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดพลางขยับมือเล็ก ๆ ของตนไม่หยุดกระทั่งคลังเสบียงทั้งหมดถูกเก็บกวาดจนสะอาด นางถึงจะหมุนตัวกลับมาและกล่าวว่า“ข้าจำเคล็ดลับในการฝึกสัตว์ร้ายของสกุลกงซุนได้ ก็ใช่ว่าจะถ่ายทอดให้ผู้อื่นไม่ได้?”สาเหตุที่สกุลกงซุนสามารถฝึกสัตว์ร้ายได้ เพราะสายเลือดของพวกเขามีความใกล้ชิดกับสรรพสัตว์มาตั้งแต่เกิดดังนั้นแม้ว่าคนนอกจะรู้วิธีฝึกสัตว์ร้าย แต่ก็ไร้ประโยชน์ซุจิ่งสิงอธิบายว่า “เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่ก็มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าสกุลกงซุนจะใช้กลอุบายเจ้าเล่ห์กับคนข้างนอก”“ก็มีความเป็นไปได้” กู้หว่านเยว่พยักหน้า “บางทีการฝึกสัตว์ร้ายนี้ ใคร ๆ ก็เรียกรู้กันได้ สกุลกงซุนกลัวว่าจะถูกผู้อื่นจับตามอง จึงได้กล่าวว่ามีเพียงสายเลือดเดียวกันถึงจะสามารถศึกษาได้”ซึ่งสตรีลึกลับผู้นั้นก็มีความเป็นไปได้ว่านางอาจจะจู่โจมเพียงเพื่อวิธีฝึกสัตว์ก็ได้ “คลังเสบียงถูกเก็บกวาดจนสะอาดแล้ว รอบนี้ได้กำไ
หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ กู้หว่านเยว่คงจะชื่นชมอยู่ไม่น้อย เพียงแต่วันนี้นางเจอกับเรื่องราวมากมาย ทำให้นางไม่มีกระจิตกระใจจะชื่นชม“ดูสิว่าเขาเป็นใคร”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง ซูจิ่งสิงจึงโน้มตัวลงไป ถอดหน้ากาดของบุรุษผู้นั้น“ผู้อาวุโสโซว่หวาง!”ซูจิ่งสิงเป็นฝ่ายตื่นตกใจก่อนเพราะเขาเคยเจอกับอาวุโสโซว่หวางมาก่อน ดังนั้นเขาจึงจำอีกฝ่ายได้ในทันทีแต่กู้หว่านเยว่เคยเห็นแค่ภาพของอ๋องโซว่“ในที่สุดเจ้าก็ดูออกเสียที โชคดีที่เมื่อครู่ข้าไม่ได้รุนแรงกับอีกฝ่าย”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม สตรีลึกลับผู้นี้ก็โรคจิตอยู่ไม่น้อยนะ นางล่อลวงคนของสกุลกงซุนให้กลายเป็นหุ่นเชิด กลายเป็นลูกสมุนของนางดูท่าทางแล้ว ผู้อาวุโสโซว่หวาง คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองคงจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน“น้องหญิง เจ้ามองออกว่าเป็นผู้อาวุโสโซว่หวางได้อย่างไร?”ดูจากท่าทางที่ผู้อาวุโสโซว่หวางแสดงก่อนหน้านั้น เขาคงถูกผู้อื่นปั่นหัวจนเสียสติไปแล้วมิเช่นนั้น เขาคงไม่ช่วยสตรีลึกลับผู้นี้โดยการมาไล่ล่าพวกเขาอย่างแน่นอน“เจ้าดูเองเถิด”ก่อนหน้านั้นกู้หว่านเยว่เคยจับชีพจรของคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองแล้ว แต่นางยังดูไ
ซูจิ่งสิงถูปลายนิ้วอย่างเงียบ ๆ “ในเมื่อไม่ปลอดภัย ไม่สู้เจ้าพาผู้อาวุโสโซว่หวางเข้าไปในห้วงมิติของเจ้าด้วย”“แล้วท่านล่ะ?”ในห้วงมิติเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย แต่ด้านนอกนั้นอันตรายมาก กู้หว่านเยว่ทิ้งซูจิ่งสิงให้อยู่ด้านนอกเพียงผู้เดียวไม่ได้สตรีลึกลับผู้นั้นอาจจะตามมาฆ่าพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้งรอบ ๆ ลานฝึกสัตว์แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย มีทั้งเสือและจิ้งจอกหากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ตามมาคงยากเกิดกว่าจะจินตนาการได้“ข้าไม่เป็นไร น้องหญิง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า” ซูจิ่งสิงไม่อยากให้นางเป็นกังวล“ท่านคือสามีของข้า ข้าจะไม่เป็นห่วงท่านได้อย่างไร”กู้หว่านเยว่ตอบกลับอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นสายตาที่ตกตะลึงของซูจิ่งสิง นางจึงรีบกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ท่านเข้าไปซ่อนตัวในห้วงมิติกับข้าเถิด”ก่อนหน้านั้นนางไม่อยากให้ซูจิ่งสิงเข้าไปในห้วงมิติ เพราะห้วงมิติเป็นไพ่ไม้ตายสุดท้ายของนางแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งสองคนคอยอยู่เคียงข้างกัน ประคับประคองและช่วยเหลือกันและกันจนรอดพ้นความตายมาได้หลายครั้งเขายกอำนาจทั้งหมดในเจดีย์หนิงกู่ให้นางกู้หว่านเยว่ยังมีสิ่งใดที่ยัง
“ถูกต้อง” ซูจิ่งสิงเผยรอยยิ้มแม้ว่าเขาและผู้อาวุโสโซว่หวางจะไม่สนิทกัน เคยเจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแต่ครั้งนั้นเขาได้ช่วยผู้อาวุโสโซว่หวางโจมตีชนเผ่าทูเจวี๋ยที่เจ้าเล่ห์และโหดร้ายเหล่านั้นผู้อาวุโสโซว่หวางได้ทิ้งนักรบหมาป่าไว้เป็นจำนวนมาก ไว้ช่วยเขาต่อกรกับชนเผ่าทูเจวี๋ยดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีภาพความประทับใจที่ดีต่อกันเมื่อนึกถึงสถานการณ์คับขันในเวลานี้ ซูจิ่งสิงก็สรุปใจความสั้น ๆ ได้ว่า“ผู้อาวุโสโซว่หวาง เดิมทีข้าพักอยู่ที่เจดีย์หนิงกู่ ข้าได้รับความไว้วางใจจากคุณชายหลิงให้มาช่วยท่าน”เขากล่าวพลางล้วงหยิบจี้หยกของกงซุนจางเย่ออกมา“บุตรชายของข้า เขายังมีชีวิตอยู่” ผู้อาวุโสโซว่หวางคลี่ยิ้มปลอบโยน “ยังมีชีวิตอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ก็ดี”“ภรรยาของข้าช่วยเขาไว้” ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่เข้ามา ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจกู้หว่านเยว่เห็นผู้อาวุโสโซว่หวาง เขาน่าจะมีอายุราวเจ็บสิบกว่าปีแล้ว นางจึงเกิดความเกรงใจต่อเขาและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า“บัดนี้ผู้อาวุโสโซว่หวางตกอยู่ในอันตราย ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่”“ไม่”ผู้อาวุโสโซว่กลับส่ายหน้า และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ไป”“ท่านไม่ไป?”
นั้นเป็นแค่ตำราฝึกสัตว์แบบง่าย ๆ เล่มหนึ่งเท่านั้น ใช้ฝึกม้าศึกของฮ่องเต้ขั้นพื้นฐาน“พวกเจ้าตามข้ามา เดี๋ยวก็รู้” ผู้อาวุโสโซว่หวางโบกมืออย่างอ่อนแรงกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันทั้งสองคนรู้ดีแก่ใจ ผู้อาวุโสโซว่หวางรู้ว่าตัวเองทนไม่ไหวและกำลังจะตาย ก่อนจะตาย เขาต้องนำความลับของสกุลกงซุนบอกพวกเขาดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่ส่งเสียงใด ๆ เดินตามหลังผู้อาวุโสโซว่หวางอย่างว่ายง่ายเมื่อเห็นผู้อาวุโสโซว่หวางเดินเข้ามาในส่วนลึกของลานฝึกสัตว์ กระทั่งตรงเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งภายในห้องนี้ได้กักขังจิ้งจอกที่มีลำตัวยาวสองเมตรไว้หนึ่งตัวท่าทางของมันดูโหดร้ายมาก แต่เมื่อจิ้งจอกตัวนี้เห็นผู้อาวุโสโซว่หวาง มันกลับดูเชื่องลงอย่างเห็นได้ชัด“พวกเจ้าไม่ต้องกลัว นี่คือสหายของข้า มันไม่ทำร้ายพวกเจ้าหรอก”ผู้อาวุโสโซว่หวางเรียกจิ้งจอกตัวนั้นมาข้างกาย จากนั้นก็เปิดห้องลับด้านใน“ในนี้ยังมีห้องลับอีกห้องหรือนี่?”กู้หว่านเยว่เปิดแผนที่ พบว่าแม้แต่กงซุนเสว่ก็ยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของห้องลับนี้ดูท่าทางความลับของสกุลกงซุนจะมากมายจริง ๆ “นี่คือความลับสุดยอดของสกุลกงซุน มีแค่คนที่จะกลายเป็นหั
“ได้โปรดฮูหยินอย่าลังเลเลย ตอบรับข้าเถิด”ผู้อาวุโสโซว่หวางอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารับปากท่านก็ได้” กู้หว่านเยว่เก็บขลุ่ยและตำราโบราณอย่างจนปัญญา นางตอบตกลงได้ แต่หากนกหงส์เพลิงตัวนี้ไม่ใช่นกของนาง ก็อย่ามาโทษนางก็แล้วกัน“ดี ดี เช่นนี้ข้าก็วางใจ”เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสโซว่หวางกำลังจะสิ้นสุดวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว คำสั่งเสียมากมายที่เขาพยายามฝืนลั่นออกมาเมื่อครู่ทำให้สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงบัดนี้เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่รับสิ่งเหล่านี้ไป เขาไม่มีห่วงผู้มัดอีกแล้ว ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมา และล้มลงไปบนพื้น“ผู้อาวุโสโซว่หวาง!”กู้หว่านเยว่รีบรุดเข้าไปหา จากนั้นก็คว้าข้อมือของเขามาจับชีพจร“ผู้อาวุโสโซว่หวางจากไปแล้ว”อีกฝ่ายไร้ซึ่งลมหายใจ จิ้งจอกสีเทานอนหมอบอยู่ข้างกายของเขาพร้อมกับสะอื้นเบา ๆ มันรู้ว่าผู้เป็นนายจากโลกนี้ไปตลอดกาลกู้หว่านเยว่ทอดถอนใจ จากนั้นก็นำพาซูจิ่งสิงให้ก้มกราบหัวโขกดินคารวะผู้อาวุโสโซว่หวางสามครั้ง“น้องหญิง ไม่ต้องเศร้าไป เจ้าทำดีที่สุดแล้ว”ซูจิ่งสิงกล่าวปลอบใจนางเบา ๆ เขาเป็นห่วงกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะโทษตัวเองถึงอย่างไรก็ไม่
กู้หว่านเยว่หลับตาลง พร้อมกับเป่าขลุ่ยอย่างตั้งใจทันทีที่เสียงขลุ่ยบรรเลง พลังแห่งการปลอบประโลมจิตใจก็แผ่ขยายออกมา“น้องหญิง ดูนั้น”ซูจิ่งสิงสูกดลมหายใจเบา ๆ “ดูเหมือนว่านกหงส์เพลิงจะตื่นแล้ว”กู้หว่านเยว่รีบมองไปตามคำบอกกล่าวของซูจิ่งสิง นกหงส์เพลิงหลากสีค่อย ๆ กางปีกอย่างช้า ๆ แสดงท่าทางเหมือนกับตื่นนอน“อย่าหยุดนะ” ซูจิ่งสิงกล่าวเตือน “ดูเหมือนมันจะได้ยินเสียงขลุ่ยของเจ้า ถึงได้ตื่น”“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ยังคงเปล่าขลุ่ยในบทเพลงฝึกสัตว์ต่อไป การบรรเลงของนางทำให้นกหงส์เพลิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจากนั้นมันก็เริ่มกางปีกสีแดงเพลิง และหันไปมองกู้หว่านเยว่ต้องบอกว่า นกหงส์เพลิงมีรูปลักษณ์ค่อนข้างน่ากลัวดวงตาสีแดงเพลิงคู่หนึ่งเหมือนกับอัญมณี ในยามที่รูม่านตาสีดำนั้นจ้องมองผู้คน มันแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามที่รุนแรงไม่น้อยอีกทั้งนกหงส์เพลิงมีรูปร่างขนาดใหญ่ ในตอนที่มันหมอบอยู่ในมุมยังดูไม่ค่อยน่ากลัวนัก แต่พอมันยืนขึ้น ลำตัวของมันกินพื้นที่แทบจะครึ่งหนึ่งของห้วงมิติเลยทีเดียว“ท่านพี่ ระวัง”กู้หว่านเยว่คว้ามือของซูจิ่งสิง แม้ว่าผู้อาวุโสโซว่หวางจะยกนกหงส์เพลิงให้นางแล้ว แต่นกต
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่