“ถูกต้อง” ซูจิ่งสิงเผยรอยยิ้มแม้ว่าเขาและผู้อาวุโสโซว่หวางจะไม่สนิทกัน เคยเจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแต่ครั้งนั้นเขาได้ช่วยผู้อาวุโสโซว่หวางโจมตีชนเผ่าทูเจวี๋ยที่เจ้าเล่ห์และโหดร้ายเหล่านั้นผู้อาวุโสโซว่หวางได้ทิ้งนักรบหมาป่าไว้เป็นจำนวนมาก ไว้ช่วยเขาต่อกรกับชนเผ่าทูเจวี๋ยดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีภาพความประทับใจที่ดีต่อกันเมื่อนึกถึงสถานการณ์คับขันในเวลานี้ ซูจิ่งสิงก็สรุปใจความสั้น ๆ ได้ว่า“ผู้อาวุโสโซว่หวาง เดิมทีข้าพักอยู่ที่เจดีย์หนิงกู่ ข้าได้รับความไว้วางใจจากคุณชายหลิงให้มาช่วยท่าน”เขากล่าวพลางล้วงหยิบจี้หยกของกงซุนจางเย่ออกมา“บุตรชายของข้า เขายังมีชีวิตอยู่” ผู้อาวุโสโซว่หวางคลี่ยิ้มปลอบโยน “ยังมีชีวิตอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ก็ดี”“ภรรยาของข้าช่วยเขาไว้” ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่เข้ามา ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจกู้หว่านเยว่เห็นผู้อาวุโสโซว่หวาง เขาน่าจะมีอายุราวเจ็บสิบกว่าปีแล้ว นางจึงเกิดความเกรงใจต่อเขาและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า“บัดนี้ผู้อาวุโสโซว่หวางตกอยู่ในอันตราย ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่”“ไม่”ผู้อาวุโสโซว่กลับส่ายหน้า และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ไป”“ท่านไม่ไป?”
นั้นเป็นแค่ตำราฝึกสัตว์แบบง่าย ๆ เล่มหนึ่งเท่านั้น ใช้ฝึกม้าศึกของฮ่องเต้ขั้นพื้นฐาน“พวกเจ้าตามข้ามา เดี๋ยวก็รู้” ผู้อาวุโสโซว่หวางโบกมืออย่างอ่อนแรงกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันทั้งสองคนรู้ดีแก่ใจ ผู้อาวุโสโซว่หวางรู้ว่าตัวเองทนไม่ไหวและกำลังจะตาย ก่อนจะตาย เขาต้องนำความลับของสกุลกงซุนบอกพวกเขาดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่ส่งเสียงใด ๆ เดินตามหลังผู้อาวุโสโซว่หวางอย่างว่ายง่ายเมื่อเห็นผู้อาวุโสโซว่หวางเดินเข้ามาในส่วนลึกของลานฝึกสัตว์ กระทั่งตรงเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งภายในห้องนี้ได้กักขังจิ้งจอกที่มีลำตัวยาวสองเมตรไว้หนึ่งตัวท่าทางของมันดูโหดร้ายมาก แต่เมื่อจิ้งจอกตัวนี้เห็นผู้อาวุโสโซว่หวาง มันกลับดูเชื่องลงอย่างเห็นได้ชัด“พวกเจ้าไม่ต้องกลัว นี่คือสหายของข้า มันไม่ทำร้ายพวกเจ้าหรอก”ผู้อาวุโสโซว่หวางเรียกจิ้งจอกตัวนั้นมาข้างกาย จากนั้นก็เปิดห้องลับด้านใน“ในนี้ยังมีห้องลับอีกห้องหรือนี่?”กู้หว่านเยว่เปิดแผนที่ พบว่าแม้แต่กงซุนเสว่ก็ยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของห้องลับนี้ดูท่าทางความลับของสกุลกงซุนจะมากมายจริง ๆ “นี่คือความลับสุดยอดของสกุลกงซุน มีแค่คนที่จะกลายเป็นหั
“ได้โปรดฮูหยินอย่าลังเลเลย ตอบรับข้าเถิด”ผู้อาวุโสโซว่หวางอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารับปากท่านก็ได้” กู้หว่านเยว่เก็บขลุ่ยและตำราโบราณอย่างจนปัญญา นางตอบตกลงได้ แต่หากนกหงส์เพลิงตัวนี้ไม่ใช่นกของนาง ก็อย่ามาโทษนางก็แล้วกัน“ดี ดี เช่นนี้ข้าก็วางใจ”เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสโซว่หวางกำลังจะสิ้นสุดวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว คำสั่งเสียมากมายที่เขาพยายามฝืนลั่นออกมาเมื่อครู่ทำให้สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงบัดนี้เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่รับสิ่งเหล่านี้ไป เขาไม่มีห่วงผู้มัดอีกแล้ว ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมา และล้มลงไปบนพื้น“ผู้อาวุโสโซว่หวาง!”กู้หว่านเยว่รีบรุดเข้าไปหา จากนั้นก็คว้าข้อมือของเขามาจับชีพจร“ผู้อาวุโสโซว่หวางจากไปแล้ว”อีกฝ่ายไร้ซึ่งลมหายใจ จิ้งจอกสีเทานอนหมอบอยู่ข้างกายของเขาพร้อมกับสะอื้นเบา ๆ มันรู้ว่าผู้เป็นนายจากโลกนี้ไปตลอดกาลกู้หว่านเยว่ทอดถอนใจ จากนั้นก็นำพาซูจิ่งสิงให้ก้มกราบหัวโขกดินคารวะผู้อาวุโสโซว่หวางสามครั้ง“น้องหญิง ไม่ต้องเศร้าไป เจ้าทำดีที่สุดแล้ว”ซูจิ่งสิงกล่าวปลอบใจนางเบา ๆ เขาเป็นห่วงกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะโทษตัวเองถึงอย่างไรก็ไม่
กู้หว่านเยว่หลับตาลง พร้อมกับเป่าขลุ่ยอย่างตั้งใจทันทีที่เสียงขลุ่ยบรรเลง พลังแห่งการปลอบประโลมจิตใจก็แผ่ขยายออกมา“น้องหญิง ดูนั้น”ซูจิ่งสิงสูกดลมหายใจเบา ๆ “ดูเหมือนว่านกหงส์เพลิงจะตื่นแล้ว”กู้หว่านเยว่รีบมองไปตามคำบอกกล่าวของซูจิ่งสิง นกหงส์เพลิงหลากสีค่อย ๆ กางปีกอย่างช้า ๆ แสดงท่าทางเหมือนกับตื่นนอน“อย่าหยุดนะ” ซูจิ่งสิงกล่าวเตือน “ดูเหมือนมันจะได้ยินเสียงขลุ่ยของเจ้า ถึงได้ตื่น”“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ยังคงเปล่าขลุ่ยในบทเพลงฝึกสัตว์ต่อไป การบรรเลงของนางทำให้นกหงส์เพลิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจากนั้นมันก็เริ่มกางปีกสีแดงเพลิง และหันไปมองกู้หว่านเยว่ต้องบอกว่า นกหงส์เพลิงมีรูปลักษณ์ค่อนข้างน่ากลัวดวงตาสีแดงเพลิงคู่หนึ่งเหมือนกับอัญมณี ในยามที่รูม่านตาสีดำนั้นจ้องมองผู้คน มันแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามที่รุนแรงไม่น้อยอีกทั้งนกหงส์เพลิงมีรูปร่างขนาดใหญ่ ในตอนที่มันหมอบอยู่ในมุมยังดูไม่ค่อยน่ากลัวนัก แต่พอมันยืนขึ้น ลำตัวของมันกินพื้นที่แทบจะครึ่งหนึ่งของห้วงมิติเลยทีเดียว“ท่านพี่ ระวัง”กู้หว่านเยว่คว้ามือของซูจิ่งสิง แม้ว่าผู้อาวุโสโซว่หวางจะยกนกหงส์เพลิงให้นางแล้ว แต่นกต
ความรู้สึกคุ้ยเคยที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้นางรู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างที่นางคิดไว้บางทีสาเหตุที่นางข้ามเวลามาที่นี่ อาจะไม่ใช่ความบังเอิญทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไกลตัวของทั้งสองคนมาก เวลานี้เบาะแสที่พวกเขามีน้อยเกินไปจริง ๆ ทำได้แค่นำเรื่องนี้วางไว้ก่อน จากนั้นก็แก้ไขปัญหาของผู้อาวุโสโซว่หวางก่อน เมื่อเห็นนกหงส์เพลิงเชื่อใจตนเช่นนี้ กู้หว่านเยว่จึงเอื้อมมือออกไปลูบหัวของมันอย่างวางใจ“โฮก....”นกหงส์เพลิงส่งเสียงคำรามอย่างสบายใจ พร้อมกับใช้หัวคลอเคลียร์ฝ่ามือของนางเบา ๆ “ดูเหมือนมันจะเห็นเจ้าเป็นนายมันแล้ว”กู้หว่านเยว่ดูตื่นตกใจ ไม่รู้ว่านกหงส์เพลิงตัวนี้นิสัยเป็นยังไง มันจะฟังคำสั่งเข้าใจหรือไม่“ลุกขึ้น”นางออกคำสั่ง ในตอนนี้เองนกหงส์เพลิงที่นอดอย่างขี้เกียจอยู่บนพื้น“โฮก!”เมื่อได้ยินคำสั่งของนาง นกหงส์เพลิงก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการลุกขึ้นอย่างไม่ลังเลและถือโอกาสแปรงขนของตัวเองที่ยุ่งเหยิงให้เรียบงดงาม“ท่านพี่ ท่านเห็นไหมว่ามันเข้าใจภาษาคน”เวลานี้ นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกนางอยากเลี้ยงสัตว์เป็นของตัวเองมาโดยตลอด เพียงแต่น่าเส
นกหงส์เพลิงเงยหน้าขึ้นฟ้า จากนั้นก็คำรามเสียงทุ้มต่ำ“โฮก!”กู้หว่านเยว่แทบจะหลุดขำออกมา คว้าซูจิ่งสิงขึ้นมา ทั้งสองคนจึงนั่งอยู่บนหลังของนกอย่างสง่าผาเผย ทันทีที่ได้ยินเสียงนกหงส์เพลิงคำราม มันก็พุ่งออกจากห้องลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บินโฉบไปบนฟ้า เวลานี้ เทียนอวี๋กำลังเฝ้ารออย่างร้อนใจหลังจากที่นางส่งผู้อาวุโสโซว่หวางออกไป ไม่นานนางก็พบกับเรื่องไม่คาดฝัน อยู่ ๆ การเชื่อมจิตระหว่างตนกับผู้อาวุโสโซว่หวางก็ถูกตัดขาดจากกันไม่ว่านางจะสั่นกระดิ่งเงินในมืออย่างไร ก็หาการมีอยู่ของผู้อาวุโสโซว่หวางไม่เจอเรื่องนี้ทำให้เทียนอวี๋กระวนกระวายใจคาถาหุ่นเชิดของนางกล้าแกร่งมาก แทบจะไม่มีใครสามารถทำลายคาถาตัวนี้ได้หากผู้อาวุโสโซว่หวางตายไป เช่นนั้นก็ดี แต่หากคาถาหุ่นเชิดบนตัวของผู้อาวุโสโซว่หวางถูกทำลาย นั้นก็หมายความว่าข้างกายซูจิ่งสิงมีใครคนหนึ่งที่มีความสามารถครั้นอยู่ในหอบรรพบุรุษก่อนหน้านั้น เทียนอวี๋มั่นใจว่าเป็นซูจิ่งสิงเพียงแต่คนที่อยู่ข้างกายซูจิ่งสิง นางไม่มั่นใจว่าเป็นใครแต่ก็มั่นใจมากพอว่าเป็นสตรีผู้หนึ่ง“หรือว่าสตรีผู้นั้นคือนคนที่ทำลายคาถาหุ่นเชิดของข้าได้?”
ถึงตอนนี้นางก็ได้เข้าใจแล้ว ก็ว่าอยู่ว่าทำไมช่วงนี้ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดก็ดูไม่ราบรื่นไปเสียหมด ดูจากสถานการณ์ความเป็นจริง ที่แท้ก็เป็นเพราะซูจิ่งสิงนี่เอง“เราดูถูกซูจิ่งสิงเกินไปแล้ว รู้อย่างนี้น่าจะฆ่าเขาให้เสียรู้แล้วรู้รอด”เทียนอวี๋โกรธจนตัวสั่น แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่มองซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่จากไปเท่านั้นกู้หว่านเยว่นั่งมองผืนโลกจากบนหลังนกหงส์เพลิงด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและสบายใจหลังจากที่ออกจากหมู่บ้านโซว่หวางแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ให้นกหงส์เพลิงโฉบลงไปยังพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน“โฮก!”นกหงส์เพลิงกระเง้ากระงอน หลังจากบินมาได้ช่วงเวลานหนึ่ง มันก็เหนื่อยกู้หว่านเยว่มองออกว่ามันเหนื่อยแล้ว จึงรีบให้นกหงส์เพลิงเข้าไปในห้วงมิติ ให้มันได้พักผ่อนอย่างดีในนั้นถึงอย่างไรนกตัวใหญ่เพียงนี้ หากนางไม่พามันเข้าไปในห้วงมิติ ก็คงไม่สะดวกพามันติดตามข้างกายไปด้วย“เรากลับกันก่อนเถอะ ไปรวมตัวกับทุกคน”ผู้อาวุโสโซว่หวางตายแล้ว จะต้องนำข่าวนี้ไปบอกคนของสกุลกงซุน“ไปกันเถอะ”ซูจิ่งสิงอุ้มกู้หว่านเยว่ จากนั้นก็ลอยตัวไปทางถ้ำภูเขาหลังจากที่ทั้งสองคนจากมาในช่วงเวลา
กงซุนเสว่น้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม ก่อนจะโผเข้าไปหาผู้อาวุโสโซว่หวาง“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงทิ้งพวกเราไปเช่นนี้?”“ท่านพ่อจากพวกเราไปแล้วหรือ? ไม่ เป็นไปไม่ได้...”กงซุนฉิงพยายามลุกขึ้นจากเตียง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยหยดน้ำตา กงซุนจ่างเย่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“ให้ข้าได้สัมผัสท่านพ่อ....”มือของเขาแทบจะยกไม่ขึ้นแล้วกงซุนจ่างเย่รู้สึกร้อนผ่าวที่จมูก ก่อนจะสะอื้นจนตัวสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด“กงซุน” หมิงจูเข้ามากอดแขนของเขา “ตาของท่านจะร้องไห้ไม่ได้”ดวงตาของเขาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัด น้ำตาจะทำให้ดวงตาของเขาอักเสบ“ข้าไร้ความสามารถ ข้าไร้ความสามารถจริง ๆ!”กงซุนจ่างเย่ฟุบอยู่บนรถเข็นเขาคิดมาตลอดว่าครอบครัวของเขาอยู่อย่างสงบสุข มีพ่อและพี่สาวคอยดูแลทุกอย่างหลายปีมานี้เขาแทบจะกลายเป็นลูกผู้ดีมีเงินไปโดยปริยายบัดนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง“พวกเจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองโดนคาถาหุ่นเชิด ยังไม่ได้รับการถอนคาถา อาการของคุณหนูห้าก็ยังไม่ดีขึ้น”ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะขึ้นรถม้า นางได้พาคนเหล่านั้นออกมาแล้ว“พาคุณหนูใหญ่ คุณหนูรองและคุณหนูห้าขึ้นเตียงก่อนเถอะ”กงซุ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก