กงซุนเสว่น้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม ก่อนจะโผเข้าไปหาผู้อาวุโสโซว่หวาง“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงทิ้งพวกเราไปเช่นนี้?”“ท่านพ่อจากพวกเราไปแล้วหรือ? ไม่ เป็นไปไม่ได้...”กงซุนฉิงพยายามลุกขึ้นจากเตียง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยหยดน้ำตา กงซุนจ่างเย่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“ให้ข้าได้สัมผัสท่านพ่อ....”มือของเขาแทบจะยกไม่ขึ้นแล้วกงซุนจ่างเย่รู้สึกร้อนผ่าวที่จมูก ก่อนจะสะอื้นจนตัวสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด“กงซุน” หมิงจูเข้ามากอดแขนของเขา “ตาของท่านจะร้องไห้ไม่ได้”ดวงตาของเขาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัด น้ำตาจะทำให้ดวงตาของเขาอักเสบ“ข้าไร้ความสามารถ ข้าไร้ความสามารถจริง ๆ!”กงซุนจ่างเย่ฟุบอยู่บนรถเข็นเขาคิดมาตลอดว่าครอบครัวของเขาอยู่อย่างสงบสุข มีพ่อและพี่สาวคอยดูแลทุกอย่างหลายปีมานี้เขาแทบจะกลายเป็นลูกผู้ดีมีเงินไปโดยปริยายบัดนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง“พวกเจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองโดนคาถาหุ่นเชิด ยังไม่ได้รับการถอนคาถา อาการของคุณหนูห้าก็ยังไม่ดีขึ้น”ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะขึ้นรถม้า นางได้พาคนเหล่านั้นออกมาแล้ว“พาคุณหนูใหญ่ คุณหนูรองและคุณหนูห้าขึ้นเตียงก่อนเถอะ”กงซุ
ผู้อาวุโสโซว่หวางเคยกล่าวไว้ เพราะสกุลกงซุนนั้นมีนกหงส์เพลิง จึงสามารถสั่งสัตว์ร้ายได้ดูท่าทางนกหงส์เพลิงตัวนี้จะร้ายการจริง ๆกู้หว่านเยว่เล่นกับนกหงส์เพลิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดตำราควบคุมสัตว์ร้ายทุกหน้าของตำราควบคุมสัตว์ร้ายมีบทเพลงที่แตกต่างกัน ซึ่งบทเพลงเหล่านี้มีรูปแบบการสั่งสัตว์ที่แตกต่างกันกู้หว่านเยว่เปิดดูบทเพลงหนึ่งในนั้น เป็นบทเพลงที่สามารถควบคุมนักรบหมาป่าได้ จึงเรียนวิธีการเป่าหลังจากเป่าบทเพลงนี้แล้ว ร่างตัวของนางก็หลงใหลอยู่ในม่านบทเพลงนั้นไม่รู้ว่านานแค่ไหน กระทั่งกู้หว่านเยว่สามารถเป่าเพลงนี้ออกมาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ นางถึงวางขลุ่ยลง“ท่านพี่” กู้หว่านเยว่ออกมาจาห้วงมิติ แวบแรกที่เห็นซูจิ่งสิงที่หลับตาเก็บแรง นางจึงเข้าไปเรียกเขาเบา ๆ ซูจิ่งสิงรีบลืมตาทันที “มีอะไรหรือ?”“ฝึกได้พอสมควรแล้ว เหลือแต่ทดสอบจริง”กู้หว่านเยว่นึกถึงนักรบหมาป่าที่อยู่ด้านล่างกำแพงเหล่านั้น และกล่าวว่า“วันนี้ข้าเหนื่อยมาก เราพักกันก่อนเถิด ไว้พรุ่งนี้วางแผนเสร็จก็ค่อยลองดู”“ก็ได้” ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ที่มีดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด“ตาแดงหมดแล้ว รีบพักผ่อนเถิด”กู้ห
เมิ่งเหยียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย“แน่นอนอยู่แล้ว”กงซุนซวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่เจียงเป็นคนของท่านพ่อข้า เจอกับพวกเราพี่น้องบ่อย ๆ ”นางเห็นเมิ่งเหยียนเกล้าผมแบบสตรีที่แต่งงานแล้ว จึงเอ่ยขึ้นด้วยความหวังดี “ท่านไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่มีข้าอยู่ก็พอแล้ว”“...อืม”เมิ่งเหยียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอได้ยินคำเรียกขานว่าเมิ่งฮูหยินนั่น ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ“เจ้าดูแลนางให้ดี ๆ ข้าออกไปก่อน”นางแทบจะหนีออกมาจากห้องนั้นเลยทีเดียว“แปลก เมิ่งฮูหยินเป็นอะไรไป?” กงซุนซวงไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเมิ่งเหยียนนักในความคิดของนาง เมิ่งเหยียนก็เหมือนกับลั่วยางและคนอื่น ๆ เป็นคนใจดีที่ช่วยส่งน้องเจ็ดกลับมา“พี่ใหญ่เจียง ท่านว่าท่านช่างโง่เง่าเสียจริง”กงซุนซวงมองเจียงหลินที่อยู่บนเตียง ดวงตาของนางแดงก่ำราวกับจะร้องไห้“วันนั้นท่านหนีไปได้แท้ ๆ แต่สุดท้ายกลับถูกพวกนั้นจับได้เพราะข้า”“พี่ใหญ่เจียง ข้ารู้ว่าในใจของท่านมีข้า ข้าก็...”กงซุนซวงบิดผ้าให้แห้งน้ำ แล้วเช็ดมือให้เจียงหลินต่อด้านนอกประตู เมิ่งเหยียนได้ยินประโยคสุดท้าย น
นางรับปากว่าจะมาช่วยคน แต่ไม่คิดว่าด้วยความบังเอิญ นางจะกลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของหมู่บ้านโซว่หวางและเมื่อมองดูจากสายตาของกงซุนเสว่และกงซุนฉิงที่ดูไม่เหมือนกับการเสแสร้ง พวกนางน่าจะยอมรับนางจริง ๆ “เรื่องนี้...”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องวางแผนระยะยาว เพราะหมู่บ้านโซว่หวางไม่ได้เป็นของสกุลกงซุนเพียงคนเดียวไม่แน่ว่าคนอื่นอาจไม่ยอมรับยิ่งไปกว่านั้น หากได้เป็นเจ้าสำนักจริง ๆ ก็เท่ากับว่าต้องปกครองเขตซีเป่ยแล้ว“แค่ก ๆ”ในตอนนั้น คุณหนูใหญ่สกุลกงซุนที่นอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยขึ้น“น้องสามกับน้องสี่พูดถูก แม่นางกู้ ท่านเป็นผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงของสกุลกงซุนสิ่งอื่นข้าไม่รู้ แต่ในเมื่อท่านพ่อไว้ใจมอบนกหงส์เพลิงและขลุ่ยนี้ให้ท่าน ก็แสดงว่าเขายอมรับในความสามารถของท่านสกุลกงซุนของเราทำสิ่งต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา เมื่อพูดออกไปแล้วก็จะไม่คืนคำ”นางกล่าวขึ้นอย่างอ่อนแรง“ให้ท่านเป็นเจ้าสำนัก น่าจะเป็นความปรารถนาสุดท้ายของท่านพ่อ ตอนนี้ท่านพ่อจากไปแล้ว พวกเราในฐานะลูกย่อมต้องทำตามความต้องการของท่าน”ผู้อาวุโสโซว่หวางเสียชีวิตแล้ว คุณหนูใหญ่สกุลกงซุนเป็นผู้มีอำนาจต
“น้อมรับคำสั่ง!”ทุกคนต่างพากันคุกเข่าลงต่อกู้หว่านเยว่“ลุกขึ้นก่อน”กู้หว่านเยว่ถูปลายนิ้ว นางคิดว่าในเมื่อต้องลงมือ เช่นนั้นก็ต้องทำให้สำเร็จในครั้งเดียวเวลานี้ เขตซีเป่ยมีกลุ่มอิทธิพลมากมายทั้งคนของฮ่องเต้ชั่ว รวมถึงหญิงสาวลึกลับคนนั้นก็อยู่ที่นี่เช่นกันพวกเขาจะประมาทไม่ได้“บอกข้ามาว่าใครบ้างที่พวกเจ้าติดต่อได้ ทั้งคนรู้จักและลูกน้อง”กำลังของพวกเขาเพียงไม่กี่คนนั้นน้อยเกินไป“กงซุนหง คุณหนูใหญ่สกุลกงซุนรีบลุกขึ้นนั่ง“แม่นางกู้ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ข้า”ตอนที่ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่ มีลูกน้องที่จงรักภักดีมากมาย“ข้าจะไปหาพวกเขา พวกเขาต้องฟังคำสั่งของข้าแน่”เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอ เวียนหัวอย่างหนัก สมองมักจะไม่ปลอดโปร่ง“พี่ใหญ่ ตอนนี้ร่างกายของท่านอ่อนแอเกินไป”กงซุนเสว่ประคองกงซุนหงที่กำลังยืนโซเซ อีกฝ่ายเพิ่งถูกแก้คาถาหุ่นเชิด สติยังไม่กลับมาสมบูรณ์“ข้าไปเอง พี่ใหญ่ ท่านมีหนังสือสั่งการไม่ใช่หรือ เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”กงซุนเสว่มองไปรอบ ๆ ต้องยอมรับว่า ตอนนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่ค่อนข้างแข็งแรงพี่น้องคนอื่น ๆ ก็มีทั้งคนที่บาดเจ็บ และคนที่ยั
“ท่านพ่อทำงานหนักมาตลอด ไม่เคยพูดจาโอ้อวด แต่ตอนนี้กลับต้องมาพบจุดจบแบบนี้”“ฮ่องเต้บอกจะฆ่าพวกเราก็ฆ่า” กงซุนหงก็เกลียดมากเช่นกัน“แม้แต่เหตุผลที่เหมาะสมก็ไม่มี กลับลงมือต่อหมู่บ้านโซว่หวางอย่างกะทันหัน”ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนางพี่น้องโชคดีมีบุญวาสนา ตอนนี้แต่ละคนก็คงถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว นางยังถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดอีก!“เขาไร้เมตตา พวกเราก็ไม่ต้องมีคุณธรรม ต่อให้เราไม่ก่อกบฏ คาดว่าฮ่องเต้ก็คงไม่ปล่อยเราไปแน่ สู้ลองเสี่ยงตายสักตั้ง เพื่อหาทางรอดให้ทุกคนดีกว่าทุกคนในสกุลกงซุน เวลานี้ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน“ดี ข้าสบายใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่อทุกคนมีความคิดที่จะต่อต้านฮ่องเต้ชั่ว เช่นนั้นนางก็ไม่รังเกียจที่จะรับคนเหล่านี้ไว้ใต้บังคับบัญชา“พี่สาวว่าอย่างไร ก็เป็นเช่นนั้น ข้าฟังพี่สาว”กงซุนซวงไม่มีความคิดเห็นอะไร“สามวันหลังจากนี้เริ่มลงมือ”กู้หว่านเยว่ได้วางแผนเบื้องต้นไว้แล้วอาศัยช่วงสามวันนี้ นางจะได้ฝึกฝนการควบคุมสัตว์ให้ดี ๆ สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ เวลานี้ มีอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาในเขตซีเป่ยแล้ว“การลงมือของเสด็จพี่ ช่างรวดเร็วจริง ๆ ”มู่หรงอวี้จ้องมองนักร
“ข้าถามท่าน ข้างกายซูจิ่งสิงมีสตรีที่เก่งกาจคนหนึ่งอยู่ด้วยใช่หรือไม่?”เทียนอวี๋ยังคงติดค้างในใจนางแค่คิดว่านกหงส์เพลิงที่ตัวเองตามหามานาน กลับถูกหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่รู้จักชื่อแย่งไป หัวใจของนางก็เจ็บปวดเหลือเกิน“ท่านรู้ได้อย่างไร?”เมื่อพูดถึงกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็รู้สึกเกลียดจนแทบคลั่ง“ท่านรู้จักหรือ?”“ไม่ใช่แค่รู้จัก ข้าอยากจะดื่มเลือด กินเนื้อ ถลกหนัง และกระชากเส้นเอ็นของนางเสีย!”มู่หรงอวี้สั่นไปทั้งตัว“แขนข้างนี้ของข้า ก็เป็นนางสารเลวนั่นที่ตัด!”“แม่นางคงไม่ทราบกระมัง นางสารเลวนั่นคือภรรยาของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่”มู่หรงอวี้แทบจะกัดฟันกรอดเมื่อพูดชื่อของกู้หว่านเยว่ เพราะเขาพลาดท่าให้กับกู้หว่านเยว่มากเกินไปแล้วจริง ๆ “กู้หว่านเยว่?”เทียนอวี๋แทบไม่อยากจะเชื่อ“นางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง”เรื่องนี้ คงจะยุ่งยากแล้ว“ใช่แล้ว เดิมทีข้ายังคิดว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้ควรชักชวนมาเข้าพวก แต่ในเมื่อนางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง ก็ไม่มีทางที่จะมายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราได้”เมื่อพูดถึงฐานะของกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้เขาหวังอย่างยิ่งว่ากู้หว่านเยว่
“น้องหญิง ข้าอยากนอนกับเจ้า”หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวลใจเล็กน้อยกลัวว่าจะเห็นสีหน้าปฏิเสธของนางกู้หว่านเยว่หน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า “ได้ เรามาพักผ่อนด้วยกัน”ทั้งสองนอนด้วยกัน แม้จะเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้ลมหายใจรดรินกันและกัน หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลูกในท้อง คงจะเกิดเรื่องเลยเถิดกันไปแล้ว“นอนเถอะ”ซูจิ่งสิงจูบนางเบา ๆ แล้วอดทนไว้วันรุ่งขึ้น ก็ถึงวันที่นัดหมายในการลงมือกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงพาองครักษ์จันทราออกไปก่อน“พวกเจ้าที่บาดเจ็บก็พักฟื้นอยู่ในถ้ำเถอะ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”กู้หว่านเยว่เอ่ยกำชับ“ส่วนคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ พอได้ยินสัญญาณก็ออกมาช่วยได้”นางโบกดอกไม้ไฟสีฟ้าในมือไปมา นี่คือสัญญาณการติดต่อของพวกเขาเมื่อนางจุดดอกไม้ไฟสีฟ้า ก็หมายความว่านางยึดหลินซีโข่วได้แล้ว“ได้ พวกข้าเข้าใจแล้ว”ทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง ประหนึ่งว่าพวกเขายอมรับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเป็นนายแล้ว“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”สามีภรรยาออกจากถ้ำ หลังจากออกมาแล้ว ก็ส่งองครักษ์จันทราออกไป“ไปที่หลินซีโข่ว”หลังจากที่พวกเขาบุก
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง