“ท่านพ่อทำงานหนักมาตลอด ไม่เคยพูดจาโอ้อวด แต่ตอนนี้กลับต้องมาพบจุดจบแบบนี้”“ฮ่องเต้บอกจะฆ่าพวกเราก็ฆ่า” กงซุนหงก็เกลียดมากเช่นกัน“แม้แต่เหตุผลที่เหมาะสมก็ไม่มี กลับลงมือต่อหมู่บ้านโซว่หวางอย่างกะทันหัน”ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนางพี่น้องโชคดีมีบุญวาสนา ตอนนี้แต่ละคนก็คงถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว นางยังถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดอีก!“เขาไร้เมตตา พวกเราก็ไม่ต้องมีคุณธรรม ต่อให้เราไม่ก่อกบฏ คาดว่าฮ่องเต้ก็คงไม่ปล่อยเราไปแน่ สู้ลองเสี่ยงตายสักตั้ง เพื่อหาทางรอดให้ทุกคนดีกว่าทุกคนในสกุลกงซุน เวลานี้ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน“ดี ข้าสบายใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่อทุกคนมีความคิดที่จะต่อต้านฮ่องเต้ชั่ว เช่นนั้นนางก็ไม่รังเกียจที่จะรับคนเหล่านี้ไว้ใต้บังคับบัญชา“พี่สาวว่าอย่างไร ก็เป็นเช่นนั้น ข้าฟังพี่สาว”กงซุนซวงไม่มีความคิดเห็นอะไร“สามวันหลังจากนี้เริ่มลงมือ”กู้หว่านเยว่ได้วางแผนเบื้องต้นไว้แล้วอาศัยช่วงสามวันนี้ นางจะได้ฝึกฝนการควบคุมสัตว์ให้ดี ๆ สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ เวลานี้ มีอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาในเขตซีเป่ยแล้ว“การลงมือของเสด็จพี่ ช่างรวดเร็วจริง ๆ ”มู่หรงอวี้จ้องมองนักร
“ข้าถามท่าน ข้างกายซูจิ่งสิงมีสตรีที่เก่งกาจคนหนึ่งอยู่ด้วยใช่หรือไม่?”เทียนอวี๋ยังคงติดค้างในใจนางแค่คิดว่านกหงส์เพลิงที่ตัวเองตามหามานาน กลับถูกหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่รู้จักชื่อแย่งไป หัวใจของนางก็เจ็บปวดเหลือเกิน“ท่านรู้ได้อย่างไร?”เมื่อพูดถึงกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็รู้สึกเกลียดจนแทบคลั่ง“ท่านรู้จักหรือ?”“ไม่ใช่แค่รู้จัก ข้าอยากจะดื่มเลือด กินเนื้อ ถลกหนัง และกระชากเส้นเอ็นของนางเสีย!”มู่หรงอวี้สั่นไปทั้งตัว“แขนข้างนี้ของข้า ก็เป็นนางสารเลวนั่นที่ตัด!”“แม่นางคงไม่ทราบกระมัง นางสารเลวนั่นคือภรรยาของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่”มู่หรงอวี้แทบจะกัดฟันกรอดเมื่อพูดชื่อของกู้หว่านเยว่ เพราะเขาพลาดท่าให้กับกู้หว่านเยว่มากเกินไปแล้วจริง ๆ “กู้หว่านเยว่?”เทียนอวี๋แทบไม่อยากจะเชื่อ“นางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง”เรื่องนี้ คงจะยุ่งยากแล้ว“ใช่แล้ว เดิมทีข้ายังคิดว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้ควรชักชวนมาเข้าพวก แต่ในเมื่อนางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง ก็ไม่มีทางที่จะมายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราได้”เมื่อพูดถึงฐานะของกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้เขาหวังอย่างยิ่งว่ากู้หว่านเยว่
“น้องหญิง ข้าอยากนอนกับเจ้า”หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวลใจเล็กน้อยกลัวว่าจะเห็นสีหน้าปฏิเสธของนางกู้หว่านเยว่หน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า “ได้ เรามาพักผ่อนด้วยกัน”ทั้งสองนอนด้วยกัน แม้จะเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้ลมหายใจรดรินกันและกัน หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลูกในท้อง คงจะเกิดเรื่องเลยเถิดกันไปแล้ว“นอนเถอะ”ซูจิ่งสิงจูบนางเบา ๆ แล้วอดทนไว้วันรุ่งขึ้น ก็ถึงวันที่นัดหมายในการลงมือกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงพาองครักษ์จันทราออกไปก่อน“พวกเจ้าที่บาดเจ็บก็พักฟื้นอยู่ในถ้ำเถอะ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”กู้หว่านเยว่เอ่ยกำชับ“ส่วนคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ พอได้ยินสัญญาณก็ออกมาช่วยได้”นางโบกดอกไม้ไฟสีฟ้าในมือไปมา นี่คือสัญญาณการติดต่อของพวกเขาเมื่อนางจุดดอกไม้ไฟสีฟ้า ก็หมายความว่านางยึดหลินซีโข่วได้แล้ว“ได้ พวกข้าเข้าใจแล้ว”ทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง ประหนึ่งว่าพวกเขายอมรับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเป็นนายแล้ว“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”สามีภรรยาออกจากถ้ำ หลังจากออกมาแล้ว ก็ส่งองครักษ์จันทราออกไป“ไปที่หลินซีโข่ว”หลังจากที่พวกเขาบุก
“สุนัขหมาป่าที่อยู่ในกำมือ ควบคุมไม่ได้แล้ว!”สุนัขหมาป่าที่ถูกผูกเชือกไว้ เมื่อได้ยินเพลงควบคุมสัตว์ร้าย ต่างก็ส่งเสียงคำรามต่ำ พร้อมกับใช้สองขาตะกุยพื้น“สกุลกงซุนเชี่ยวชาญการฝึกสัตว์ร้าย สุนัขหมาป่าเหล่านี้ถูกพวกเขาฝึกฝนมาตั้งแต่เล็กจนโต เชื่อฟังคำสั่งเป็นที่สุด เหตุใดจู่ ๆ จึงคลุ้มคลั่งขึ้นมา?”เหล่าทหารต่างก็ตื่นตระหนก“เป็นเสียงขลุ่ยจากหอสังเกตการณ์!”ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ในที่สุดก็พบความผิดปกติเสียงขลุ่ยที่ทรงพลังเข้าแทรกซึม ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนไปถึงจุดสูงสุด“อาว ๆ อาว ๆ อู...”สุนัขหมาป่าก็กระชากเชือกอย่างกะทันหัน พุ่งเข้ากัดทหารของฮ่องเต้ชั่ว“อ๊าก ช่วยด้วย!”สิ่งที่มีมากที่สุดในเขตซีเป่ยคืออะไร คือสรรพสัตว์อย่างไรเล่า!คนของฮ่องเต้ชั่วคิดไปเองว่าเมื่อขับไล่สกุลกงซุนออกไปได้ แล้วเข้ายึดครองหมู่บ้านโซว่หวาง ก็จะสามารถครอบครองสรรพสัตว์ที่พวกเขาฝึกฝนมาหลายปีได้ใช้สุนัขหมาป่าของสกุลกงซุนมาลาดตระเวน ใช้เหยี่ยวออกตามหาคนของสกุลกงซุนแต่ตอนนี้ ในที่สุดก็ได้เวลาเอาคืนแล้ว!สุนัขหมาป่าและม้าศึกในเมืองได้ยินเพลงควบคุมสัตว์ร้ายแล้ว ก็เริ่มคลั่ง ต่อต้าน เหวี่ยงทหารตกจากหลังม
“ท่านประมุขเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อย ข้าน้อยไม่ได้คิดจะหลบหนี”เขาร้องไห้พลางพูดโกหก“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เจ้าเฝ้าอยู่ที่ประตู”เทียนอวี๋มองเขาด้วยสายตาตักเตือน ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในหมู่บ้านโซว่หวางนางพุ่งตัวเข้าไปในหอบรรพบุรุษ ตั้งใจจะเอาของที่อยู่ข้างในออกมาน่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้เข้าไปในหอบรรพบุรุษ ก็ได้ยินเสียงพังประตูดังมาจากข้างนอก“อ๊าก ช่วยด้วย...” ตามมาด้วยเสียงร้องโวยวายของใต้เท้าเหลย“ให้ตายเถอะ!”เทียนอวี๋เอียงหูฟัง ได้ยินเสียงฝูงสัตว์ที่กำลังใกล้เข้ามาถ้าตอนนี้ยังไม่ออกไป เกรงว่าคงยากที่จะออกไปแล้วแต่นางยังมีของสำคัญที่หล่นอยู่ในหอบรรพบุรุษในขณะที่เทียนอวี๋ลังเลใจอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ขี่นกหงส์เพลิงบินเข้ามาจากด้านนอกเมื่อเห็นเงาของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง เทียนอวี๋ก็ตัดสินใจทันที เปลี่ยนทิศทางจากเดิมที่จะไปยังหอบรรพบุรุษ แล้ววิ่งหนีออกไปทางข้างนอกแทน“ท่านพี่ ใต้เท้าเกาตายแล้ว”กู้หว่านเยว่จับชีพจรของใต้เท้าเกา พบว่าอีกฝ่ายถูกธนูแทงทะลุหัวใจ ตายสนิทแล้วส่วนใต้เท้าเหลย ถูกสัตว์ร้ายที่บุกเข้ามาในหมู่บ้านโซว่หวางเหยียบไปหลายครั้ง ตอนนี้นอนกระอักเลือดอยู
“อย่ารอช้า พวกเราตามไปดูกันเดี๋ยวนี้เลย”ทั้งสองขี่นกหงส์เพลิง แล้วบินไปทางต้นอู๋ถงบนท้องฟ้า มองเห็นเงาร่างสีขาวที่ว่องไว กำลังปีนข้ามกำแพง แล้ววิ่งหนีออกไปข้างนอก“เป็นหญิงสาวลึกลับคนนั้น”กู้หว่านเยว่ดวงตาเป็นประกาย รีบสั่งให้นกหงส์เพลิงไล่ตามไป“วิชาตัวเบาของหญิงผู้นี้ ช่างยอดเยี่ยมนัก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว ถึงแม้จะไม่รู้จักใบหน้าที่แท้จริงของหญิงสาวลึกลับคนนี้ แต่ดูจากวรยุทธ์แล้ว น่าจะเป็นหญิงสาวที่มีวิชาตัวเบาแข็งแกร่งหญิงสาวแบบนี้ หากมองไปทั่วทั้งแผ่นดิน ก็นับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวทั้งสองไม่กล้ารอช้า หลังจากออกจากกำแพงแล้ว ก็รีบลงจากนกหงส์เพลิง แล้วไล่ตามหญิงสาวลึกลับคนนั้นไปเห็นหญิงสาวลึกลับคนนั้นพุ่งเข้าไปในหมอกพิษ“ท่านพี่ ใส่ไว้”กู้หว่านเยว่รีบหยิบหน้ากากป้องกันแก๊สพิษสองอันออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงใส่หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอันตรายแล้ว จึงเข้าไปในป่าหมอกพิษน่าเสียดายที่ภายในป่าหมอกพิษมีแต่ควันปกคลุมไปทั่วหญิงสาวลึกลับคนนั้น พอเข้าไปแล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยสองสามีภรรยาตามหาในป่าหมอกพิษอยู่นาน จึงจะพบทางเดินใต้ดินซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่“ดูเหมือนว่า
กงซุนหงเผยรอยยิ้มที่ขมขื่น พร้อมกับรำลึกความหลัง“ผลสุดท้าย ทุกคนต่างถูกสั่งสอน หลังจากนั้นพวกเราถึงได้รู้ว่าท่านพ่อพูดถูก”กงซุนเสว่รีบเอ่ยขึ้น “พี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้ายังจำศิลาจารึกที่อยู่ใต้ล่างหอบรรพบุรุษของสกุลกงซุนของพวกเราได้หรือไม่ บนศิลาจารึกมีภาพวาดอยู่ น้องสี่ ครั้งที่แล้วข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้ารู้สึกว่าคนในภาพวาดนั้นเหมือนแม่นางกู้”“ไม่ใช่แค่เหมือน แต่เป็นนาง!”นอกจากนางแล้ว ยังมีใครที่จะสามารถทำให้หงส์เพลิงยอมรับเป็นนายได้อย่างเต็มใจล่ะ?“ไป พวกเราไปช่วยกัน”พี่น้องทุกคนต่างพากันหยิบนกหวีดออกมาจากอก ฝูงสัตว์ก็สงบลงแล้วฝูงสัตว์ร้ายกลับสู่สภาพเดิม ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น พวกมันที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ก็พากันวิ่งกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเองกู้หว่านเยว่มองดูทั้งหมดนี้ สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือจับหญิงสาวลึกลับคนนั้นไม่ได้“นายหญิง แย่แล้ว”เวลานี้ ชิงเหลียนก็รีบเข้ามา“พวกเราพบร่องรอยของมู่หรงอวี้”“มู่หรงอวี้?!”กู้หว่านเยว่ดวงตาเป็นประกาย จากนั้นยิ้มออกมาทันทีจับหญิงสาวลึกลับคนนั้นไม่ได้ แต่ฆ่ามู่หรงอวี้ได้ก็ไม่เลว“มู่หรงอวี้ดูเหมือนจะค้นพบถ้ำแล้ว ตอนนี้กำ
เมื่อได้ยินเสียงนั้น มู่หรงอวี้ก็เห็นท่าไม่ดีเมื่อหันหน้าไป เผชิญกับกู้หว่านเยว่ที่มีรอยยิ้มอันคลุมเครือ ก็ยิ่งเหงื่อตกอย่างฉับพลันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปยังซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่เห็นจะมีสภาพบาดเจ็บตรงไหน“เจ้าโง่ รีบหนีไป!”คนรับใช้จับผิดข้อความอย่างเห็นได้ชัดมู่หรงอวี้ขี่ม้าหนีไปโดยไม่ลังเลเคยมีประสบการณ์ทำหลุดจากมือไปแล้วในคราวก่อน เวลานี้ไม่ว่ากู้หว่านเยว่จะพูดอะไร ก็จะไม่ปล่อยให้มู่หรงอวี้หนีรอดไปได้“ท่านพี่ ไล่ตามไป”กู้หว่านเยว่นำอุปกรณ์ติดตามออกมาจากมิติ ซูจิ่งสิงโอบตัวนางไว้ ก่อนจะเหาะเหินขึ้นไปตามไล่ล่า“พวกเจ้าเข้าไปในถ้ำเพื่อปกป้องคนอื่น ๆ”เล็งอุปกรณ์ติดตามไปที่หลังของมู่หรงอวี้ แล้วปล่อยมันออกไปไม่ว่าเขาจะหนีไปที่ใด กู้หว่านเยว่ก็สามารถไล่ตามเขาได้“ซวยแล้ว”มู่หรงอวี้กำลังรีบรุดอยู่ข้างหน้า เขาพอจะรู้สึกได้ว่า ครั้งนี้มันอันตรายมากคิดว่าในเมื่อกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสามารถปรากฏตัวที่นี่ได้ แสดงว่าฝ่ายหญิงลึกลับนั้นพ่ายแพ้ไปแล้วเขาวิ่งไปที่หลินซีโข่วโดยไม่ลังเลใด ๆ วางแผนที่จะหลบหนีออกจากเขตซีเป่ยโดยทันทีกู้หว่านเยว่อ่านเจตนาของเขาออก ไล่
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก