“ข้าถามท่าน ข้างกายซูจิ่งสิงมีสตรีที่เก่งกาจคนหนึ่งอยู่ด้วยใช่หรือไม่?”เทียนอวี๋ยังคงติดค้างในใจนางแค่คิดว่านกหงส์เพลิงที่ตัวเองตามหามานาน กลับถูกหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่รู้จักชื่อแย่งไป หัวใจของนางก็เจ็บปวดเหลือเกิน“ท่านรู้ได้อย่างไร?”เมื่อพูดถึงกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็รู้สึกเกลียดจนแทบคลั่ง“ท่านรู้จักหรือ?”“ไม่ใช่แค่รู้จัก ข้าอยากจะดื่มเลือด กินเนื้อ ถลกหนัง และกระชากเส้นเอ็นของนางเสีย!”มู่หรงอวี้สั่นไปทั้งตัว“แขนข้างนี้ของข้า ก็เป็นนางสารเลวนั่นที่ตัด!”“แม่นางคงไม่ทราบกระมัง นางสารเลวนั่นคือภรรยาของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่”มู่หรงอวี้แทบจะกัดฟันกรอดเมื่อพูดชื่อของกู้หว่านเยว่ เพราะเขาพลาดท่าให้กับกู้หว่านเยว่มากเกินไปแล้วจริง ๆ “กู้หว่านเยว่?”เทียนอวี๋แทบไม่อยากจะเชื่อ“นางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง”เรื่องนี้ คงจะยุ่งยากแล้ว“ใช่แล้ว เดิมทีข้ายังคิดว่าคนที่มีความสามารถเช่นนี้ควรชักชวนมาเข้าพวก แต่ในเมื่อนางเป็นภรรยาของซูจิ่งสิง ก็ไม่มีทางที่จะมายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราได้”เมื่อพูดถึงฐานะของกู้หว่านเยว่ มู่หรงอวี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้เขาหวังอย่างยิ่งว่ากู้หว่านเยว่
“น้องหญิง ข้าอยากนอนกับเจ้า”หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองกู้หว่านเยว่ด้วยความกังวลใจเล็กน้อยกลัวว่าจะเห็นสีหน้าปฏิเสธของนางกู้หว่านเยว่หน้าแดงเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า “ได้ เรามาพักผ่อนด้วยกัน”ทั้งสองนอนด้วยกัน แม้จะเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้ลมหายใจรดรินกันและกัน หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลูกในท้อง คงจะเกิดเรื่องเลยเถิดกันไปแล้ว“นอนเถอะ”ซูจิ่งสิงจูบนางเบา ๆ แล้วอดทนไว้วันรุ่งขึ้น ก็ถึงวันที่นัดหมายในการลงมือกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงพาองครักษ์จันทราออกไปก่อน“พวกเจ้าที่บาดเจ็บก็พักฟื้นอยู่ในถ้ำเถอะ อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”กู้หว่านเยว่เอ่ยกำชับ“ส่วนคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ พอได้ยินสัญญาณก็ออกมาช่วยได้”นางโบกดอกไม้ไฟสีฟ้าในมือไปมา นี่คือสัญญาณการติดต่อของพวกเขาเมื่อนางจุดดอกไม้ไฟสีฟ้า ก็หมายความว่านางยึดหลินซีโข่วได้แล้ว“ได้ พวกข้าเข้าใจแล้ว”ทุกคนตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง ประหนึ่งว่าพวกเขายอมรับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเป็นนายแล้ว“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”สามีภรรยาออกจากถ้ำ หลังจากออกมาแล้ว ก็ส่งองครักษ์จันทราออกไป“ไปที่หลินซีโข่ว”หลังจากที่พวกเขาบุก
“สุนัขหมาป่าที่อยู่ในกำมือ ควบคุมไม่ได้แล้ว!”สุนัขหมาป่าที่ถูกผูกเชือกไว้ เมื่อได้ยินเพลงควบคุมสัตว์ร้าย ต่างก็ส่งเสียงคำรามต่ำ พร้อมกับใช้สองขาตะกุยพื้น“สกุลกงซุนเชี่ยวชาญการฝึกสัตว์ร้าย สุนัขหมาป่าเหล่านี้ถูกพวกเขาฝึกฝนมาตั้งแต่เล็กจนโต เชื่อฟังคำสั่งเป็นที่สุด เหตุใดจู่ ๆ จึงคลุ้มคลั่งขึ้นมา?”เหล่าทหารต่างก็ตื่นตระหนก“เป็นเสียงขลุ่ยจากหอสังเกตการณ์!”ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ในที่สุดก็พบความผิดปกติเสียงขลุ่ยที่ทรงพลังเข้าแทรกซึม ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนไปถึงจุดสูงสุด“อาว ๆ อาว ๆ อู...”สุนัขหมาป่าก็กระชากเชือกอย่างกะทันหัน พุ่งเข้ากัดทหารของฮ่องเต้ชั่ว“อ๊าก ช่วยด้วย!”สิ่งที่มีมากที่สุดในเขตซีเป่ยคืออะไร คือสรรพสัตว์อย่างไรเล่า!คนของฮ่องเต้ชั่วคิดไปเองว่าเมื่อขับไล่สกุลกงซุนออกไปได้ แล้วเข้ายึดครองหมู่บ้านโซว่หวาง ก็จะสามารถครอบครองสรรพสัตว์ที่พวกเขาฝึกฝนมาหลายปีได้ใช้สุนัขหมาป่าของสกุลกงซุนมาลาดตระเวน ใช้เหยี่ยวออกตามหาคนของสกุลกงซุนแต่ตอนนี้ ในที่สุดก็ได้เวลาเอาคืนแล้ว!สุนัขหมาป่าและม้าศึกในเมืองได้ยินเพลงควบคุมสัตว์ร้ายแล้ว ก็เริ่มคลั่ง ต่อต้าน เหวี่ยงทหารตกจากหลังม
“ท่านประมุขเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อย ข้าน้อยไม่ได้คิดจะหลบหนี”เขาร้องไห้พลางพูดโกหก“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เจ้าเฝ้าอยู่ที่ประตู”เทียนอวี๋มองเขาด้วยสายตาตักเตือน ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในหมู่บ้านโซว่หวางนางพุ่งตัวเข้าไปในหอบรรพบุรุษ ตั้งใจจะเอาของที่อยู่ข้างในออกมาน่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้เข้าไปในหอบรรพบุรุษ ก็ได้ยินเสียงพังประตูดังมาจากข้างนอก“อ๊าก ช่วยด้วย...” ตามมาด้วยเสียงร้องโวยวายของใต้เท้าเหลย“ให้ตายเถอะ!”เทียนอวี๋เอียงหูฟัง ได้ยินเสียงฝูงสัตว์ที่กำลังใกล้เข้ามาถ้าตอนนี้ยังไม่ออกไป เกรงว่าคงยากที่จะออกไปแล้วแต่นางยังมีของสำคัญที่หล่นอยู่ในหอบรรพบุรุษในขณะที่เทียนอวี๋ลังเลใจอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ขี่นกหงส์เพลิงบินเข้ามาจากด้านนอกเมื่อเห็นเงาของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง เทียนอวี๋ก็ตัดสินใจทันที เปลี่ยนทิศทางจากเดิมที่จะไปยังหอบรรพบุรุษ แล้ววิ่งหนีออกไปทางข้างนอกแทน“ท่านพี่ ใต้เท้าเกาตายแล้ว”กู้หว่านเยว่จับชีพจรของใต้เท้าเกา พบว่าอีกฝ่ายถูกธนูแทงทะลุหัวใจ ตายสนิทแล้วส่วนใต้เท้าเหลย ถูกสัตว์ร้ายที่บุกเข้ามาในหมู่บ้านโซว่หวางเหยียบไปหลายครั้ง ตอนนี้นอนกระอักเลือดอยู
“อย่ารอช้า พวกเราตามไปดูกันเดี๋ยวนี้เลย”ทั้งสองขี่นกหงส์เพลิง แล้วบินไปทางต้นอู๋ถงบนท้องฟ้า มองเห็นเงาร่างสีขาวที่ว่องไว กำลังปีนข้ามกำแพง แล้ววิ่งหนีออกไปข้างนอก“เป็นหญิงสาวลึกลับคนนั้น”กู้หว่านเยว่ดวงตาเป็นประกาย รีบสั่งให้นกหงส์เพลิงไล่ตามไป“วิชาตัวเบาของหญิงผู้นี้ ช่างยอดเยี่ยมนัก”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว ถึงแม้จะไม่รู้จักใบหน้าที่แท้จริงของหญิงสาวลึกลับคนนี้ แต่ดูจากวรยุทธ์แล้ว น่าจะเป็นหญิงสาวที่มีวิชาตัวเบาแข็งแกร่งหญิงสาวแบบนี้ หากมองไปทั่วทั้งแผ่นดิน ก็นับได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวทั้งสองไม่กล้ารอช้า หลังจากออกจากกำแพงแล้ว ก็รีบลงจากนกหงส์เพลิง แล้วไล่ตามหญิงสาวลึกลับคนนั้นไปเห็นหญิงสาวลึกลับคนนั้นพุ่งเข้าไปในหมอกพิษ“ท่านพี่ ใส่ไว้”กู้หว่านเยว่รีบหยิบหน้ากากป้องกันแก๊สพิษสองอันออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงใส่หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอันตรายแล้ว จึงเข้าไปในป่าหมอกพิษน่าเสียดายที่ภายในป่าหมอกพิษมีแต่ควันปกคลุมไปทั่วหญิงสาวลึกลับคนนั้น พอเข้าไปแล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยสองสามีภรรยาตามหาในป่าหมอกพิษอยู่นาน จึงจะพบทางเดินใต้ดินซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่“ดูเหมือนว่า
กงซุนหงเผยรอยยิ้มที่ขมขื่น พร้อมกับรำลึกความหลัง“ผลสุดท้าย ทุกคนต่างถูกสั่งสอน หลังจากนั้นพวกเราถึงได้รู้ว่าท่านพ่อพูดถูก”กงซุนเสว่รีบเอ่ยขึ้น “พี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้ายังจำศิลาจารึกที่อยู่ใต้ล่างหอบรรพบุรุษของสกุลกงซุนของพวกเราได้หรือไม่ บนศิลาจารึกมีภาพวาดอยู่ น้องสี่ ครั้งที่แล้วข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้ารู้สึกว่าคนในภาพวาดนั้นเหมือนแม่นางกู้”“ไม่ใช่แค่เหมือน แต่เป็นนาง!”นอกจากนางแล้ว ยังมีใครที่จะสามารถทำให้หงส์เพลิงยอมรับเป็นนายได้อย่างเต็มใจล่ะ?“ไป พวกเราไปช่วยกัน”พี่น้องทุกคนต่างพากันหยิบนกหวีดออกมาจากอก ฝูงสัตว์ก็สงบลงแล้วฝูงสัตว์ร้ายกลับสู่สภาพเดิม ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น พวกมันที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว ก็พากันวิ่งกลับไปประจำตำแหน่งของตัวเองกู้หว่านเยว่มองดูทั้งหมดนี้ สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือจับหญิงสาวลึกลับคนนั้นไม่ได้“นายหญิง แย่แล้ว”เวลานี้ ชิงเหลียนก็รีบเข้ามา“พวกเราพบร่องรอยของมู่หรงอวี้”“มู่หรงอวี้?!”กู้หว่านเยว่ดวงตาเป็นประกาย จากนั้นยิ้มออกมาทันทีจับหญิงสาวลึกลับคนนั้นไม่ได้ แต่ฆ่ามู่หรงอวี้ได้ก็ไม่เลว“มู่หรงอวี้ดูเหมือนจะค้นพบถ้ำแล้ว ตอนนี้กำ
เมื่อได้ยินเสียงนั้น มู่หรงอวี้ก็เห็นท่าไม่ดีเมื่อหันหน้าไป เผชิญกับกู้หว่านเยว่ที่มีรอยยิ้มอันคลุมเครือ ก็ยิ่งเหงื่อตกอย่างฉับพลันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปยังซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่เห็นจะมีสภาพบาดเจ็บตรงไหน“เจ้าโง่ รีบหนีไป!”คนรับใช้จับผิดข้อความอย่างเห็นได้ชัดมู่หรงอวี้ขี่ม้าหนีไปโดยไม่ลังเลเคยมีประสบการณ์ทำหลุดจากมือไปแล้วในคราวก่อน เวลานี้ไม่ว่ากู้หว่านเยว่จะพูดอะไร ก็จะไม่ปล่อยให้มู่หรงอวี้หนีรอดไปได้“ท่านพี่ ไล่ตามไป”กู้หว่านเยว่นำอุปกรณ์ติดตามออกมาจากมิติ ซูจิ่งสิงโอบตัวนางไว้ ก่อนจะเหาะเหินขึ้นไปตามไล่ล่า“พวกเจ้าเข้าไปในถ้ำเพื่อปกป้องคนอื่น ๆ”เล็งอุปกรณ์ติดตามไปที่หลังของมู่หรงอวี้ แล้วปล่อยมันออกไปไม่ว่าเขาจะหนีไปที่ใด กู้หว่านเยว่ก็สามารถไล่ตามเขาได้“ซวยแล้ว”มู่หรงอวี้กำลังรีบรุดอยู่ข้างหน้า เขาพอจะรู้สึกได้ว่า ครั้งนี้มันอันตรายมากคิดว่าในเมื่อกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสามารถปรากฏตัวที่นี่ได้ แสดงว่าฝ่ายหญิงลึกลับนั้นพ่ายแพ้ไปแล้วเขาวิ่งไปที่หลินซีโข่วโดยไม่ลังเลใด ๆ วางแผนที่จะหลบหนีออกจากเขตซีเป่ยโดยทันทีกู้หว่านเยว่อ่านเจตนาของเขาออก ไล่
“ครั้งหนึ่งข้าเคยมีความฝันที่เหมือนจริงมาก” เว่ยเฉิงเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา“ในความฝันข้าสนับสนุนให้มู่หรงอวี้ขึ้นครองบัลลังก์ แต่เขากลับคุมขังครอบครัวของข้าทั้งหมด เพราะกลัวว่าข้าจะรู้เรื่องราวในอดีตของเขามากเกินไป ฆ่าลูก ๆ ของข้า ข่มเหงภรรยาผู้เป็นที่รักของข้า...”ดวงตาของเว่ยเฉิงแดงก่ำ เมื่อเห็นดังนั้นหัวใจของทุกคนก็สั่นสะท้านมีเพียงกู้หว่านเยว่เท่านั้นที่รู้ว่านั่นไม่ใช่ความฝันทั้งหมดนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในโลกของหนังสือต้นฉบับ“ไม่ใช่ เจ้าฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ?” มู่หรงอวี้เหมือนได้ยินเรื่องตลกระดับชาติเขาดูเหมือนจะยอมรับไม่ได้ “เพียงเพราะความฝันเดียว เจ้าก็จะเป็นปฏิปักษ์ต่อข้างั้นหรือ? ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”“ตอนแรกข้าน้อยก็คิดเช่นนี้ ว่านั่นเป็นเพียงความฝัน” เว่ยเฉิงยิ้มเยาะจนกระทั่งเรื่องราวที่อยู่ในความฝันได้กลายเป็นจริงทีละน้อย เขาได้รู้จักกับมู่หรงอวี้ โรคระบาดในเมืองตงโจว...สิ่งเดียวที่แตกต่างจากความฝัน ก็คือคู่สามีภรรยากู้หว่านเยว่ดังนั้นตั้งแต่เริ่มต้น เว่ยเฉิงจึงเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเขา“แม่นางกู้ ได้โปรดให้โอกาสนี้แก่ข้า”เว่ยเฉิงรีบรุดมายังเ
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง