นั้นเป็นแค่ตำราฝึกสัตว์แบบง่าย ๆ เล่มหนึ่งเท่านั้น ใช้ฝึกม้าศึกของฮ่องเต้ขั้นพื้นฐาน“พวกเจ้าตามข้ามา เดี๋ยวก็รู้” ผู้อาวุโสโซว่หวางโบกมืออย่างอ่อนแรงกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันทั้งสองคนรู้ดีแก่ใจ ผู้อาวุโสโซว่หวางรู้ว่าตัวเองทนไม่ไหวและกำลังจะตาย ก่อนจะตาย เขาต้องนำความลับของสกุลกงซุนบอกพวกเขาดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่ส่งเสียงใด ๆ เดินตามหลังผู้อาวุโสโซว่หวางอย่างว่ายง่ายเมื่อเห็นผู้อาวุโสโซว่หวางเดินเข้ามาในส่วนลึกของลานฝึกสัตว์ กระทั่งตรงเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งภายในห้องนี้ได้กักขังจิ้งจอกที่มีลำตัวยาวสองเมตรไว้หนึ่งตัวท่าทางของมันดูโหดร้ายมาก แต่เมื่อจิ้งจอกตัวนี้เห็นผู้อาวุโสโซว่หวาง มันกลับดูเชื่องลงอย่างเห็นได้ชัด“พวกเจ้าไม่ต้องกลัว นี่คือสหายของข้า มันไม่ทำร้ายพวกเจ้าหรอก”ผู้อาวุโสโซว่หวางเรียกจิ้งจอกตัวนั้นมาข้างกาย จากนั้นก็เปิดห้องลับด้านใน“ในนี้ยังมีห้องลับอีกห้องหรือนี่?”กู้หว่านเยว่เปิดแผนที่ พบว่าแม้แต่กงซุนเสว่ก็ยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของห้องลับนี้ดูท่าทางความลับของสกุลกงซุนจะมากมายจริง ๆ “นี่คือความลับสุดยอดของสกุลกงซุน มีแค่คนที่จะกลายเป็นหั
“ได้โปรดฮูหยินอย่าลังเลเลย ตอบรับข้าเถิด”ผู้อาวุโสโซว่หวางอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารับปากท่านก็ได้” กู้หว่านเยว่เก็บขลุ่ยและตำราโบราณอย่างจนปัญญา นางตอบตกลงได้ แต่หากนกหงส์เพลิงตัวนี้ไม่ใช่นกของนาง ก็อย่ามาโทษนางก็แล้วกัน“ดี ดี เช่นนี้ข้าก็วางใจ”เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสโซว่หวางกำลังจะสิ้นสุดวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว คำสั่งเสียมากมายที่เขาพยายามฝืนลั่นออกมาเมื่อครู่ทำให้สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงบัดนี้เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่รับสิ่งเหล่านี้ไป เขาไม่มีห่วงผู้มัดอีกแล้ว ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมา และล้มลงไปบนพื้น“ผู้อาวุโสโซว่หวาง!”กู้หว่านเยว่รีบรุดเข้าไปหา จากนั้นก็คว้าข้อมือของเขามาจับชีพจร“ผู้อาวุโสโซว่หวางจากไปแล้ว”อีกฝ่ายไร้ซึ่งลมหายใจ จิ้งจอกสีเทานอนหมอบอยู่ข้างกายของเขาพร้อมกับสะอื้นเบา ๆ มันรู้ว่าผู้เป็นนายจากโลกนี้ไปตลอดกาลกู้หว่านเยว่ทอดถอนใจ จากนั้นก็นำพาซูจิ่งสิงให้ก้มกราบหัวโขกดินคารวะผู้อาวุโสโซว่หวางสามครั้ง“น้องหญิง ไม่ต้องเศร้าไป เจ้าทำดีที่สุดแล้ว”ซูจิ่งสิงกล่าวปลอบใจนางเบา ๆ เขาเป็นห่วงกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะโทษตัวเองถึงอย่างไรก็ไม่
กู้หว่านเยว่หลับตาลง พร้อมกับเป่าขลุ่ยอย่างตั้งใจทันทีที่เสียงขลุ่ยบรรเลง พลังแห่งการปลอบประโลมจิตใจก็แผ่ขยายออกมา“น้องหญิง ดูนั้น”ซูจิ่งสิงสูกดลมหายใจเบา ๆ “ดูเหมือนว่านกหงส์เพลิงจะตื่นแล้ว”กู้หว่านเยว่รีบมองไปตามคำบอกกล่าวของซูจิ่งสิง นกหงส์เพลิงหลากสีค่อย ๆ กางปีกอย่างช้า ๆ แสดงท่าทางเหมือนกับตื่นนอน“อย่าหยุดนะ” ซูจิ่งสิงกล่าวเตือน “ดูเหมือนมันจะได้ยินเสียงขลุ่ยของเจ้า ถึงได้ตื่น”“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ยังคงเปล่าขลุ่ยในบทเพลงฝึกสัตว์ต่อไป การบรรเลงของนางทำให้นกหงส์เพลิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจากนั้นมันก็เริ่มกางปีกสีแดงเพลิง และหันไปมองกู้หว่านเยว่ต้องบอกว่า นกหงส์เพลิงมีรูปลักษณ์ค่อนข้างน่ากลัวดวงตาสีแดงเพลิงคู่หนึ่งเหมือนกับอัญมณี ในยามที่รูม่านตาสีดำนั้นจ้องมองผู้คน มันแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามที่รุนแรงไม่น้อยอีกทั้งนกหงส์เพลิงมีรูปร่างขนาดใหญ่ ในตอนที่มันหมอบอยู่ในมุมยังดูไม่ค่อยน่ากลัวนัก แต่พอมันยืนขึ้น ลำตัวของมันกินพื้นที่แทบจะครึ่งหนึ่งของห้วงมิติเลยทีเดียว“ท่านพี่ ระวัง”กู้หว่านเยว่คว้ามือของซูจิ่งสิง แม้ว่าผู้อาวุโสโซว่หวางจะยกนกหงส์เพลิงให้นางแล้ว แต่นกต
ความรู้สึกคุ้ยเคยที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้นางรู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างที่นางคิดไว้บางทีสาเหตุที่นางข้ามเวลามาที่นี่ อาจะไม่ใช่ความบังเอิญทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไกลตัวของทั้งสองคนมาก เวลานี้เบาะแสที่พวกเขามีน้อยเกินไปจริง ๆ ทำได้แค่นำเรื่องนี้วางไว้ก่อน จากนั้นก็แก้ไขปัญหาของผู้อาวุโสโซว่หวางก่อน เมื่อเห็นนกหงส์เพลิงเชื่อใจตนเช่นนี้ กู้หว่านเยว่จึงเอื้อมมือออกไปลูบหัวของมันอย่างวางใจ“โฮก....”นกหงส์เพลิงส่งเสียงคำรามอย่างสบายใจ พร้อมกับใช้หัวคลอเคลียร์ฝ่ามือของนางเบา ๆ “ดูเหมือนมันจะเห็นเจ้าเป็นนายมันแล้ว”กู้หว่านเยว่ดูตื่นตกใจ ไม่รู้ว่านกหงส์เพลิงตัวนี้นิสัยเป็นยังไง มันจะฟังคำสั่งเข้าใจหรือไม่“ลุกขึ้น”นางออกคำสั่ง ในตอนนี้เองนกหงส์เพลิงที่นอดอย่างขี้เกียจอยู่บนพื้น“โฮก!”เมื่อได้ยินคำสั่งของนาง นกหงส์เพลิงก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการลุกขึ้นอย่างไม่ลังเลและถือโอกาสแปรงขนของตัวเองที่ยุ่งเหยิงให้เรียบงดงาม“ท่านพี่ ท่านเห็นไหมว่ามันเข้าใจภาษาคน”เวลานี้ นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกนางอยากเลี้ยงสัตว์เป็นของตัวเองมาโดยตลอด เพียงแต่น่าเส
นกหงส์เพลิงเงยหน้าขึ้นฟ้า จากนั้นก็คำรามเสียงทุ้มต่ำ“โฮก!”กู้หว่านเยว่แทบจะหลุดขำออกมา คว้าซูจิ่งสิงขึ้นมา ทั้งสองคนจึงนั่งอยู่บนหลังของนกอย่างสง่าผาเผย ทันทีที่ได้ยินเสียงนกหงส์เพลิงคำราม มันก็พุ่งออกจากห้องลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บินโฉบไปบนฟ้า เวลานี้ เทียนอวี๋กำลังเฝ้ารออย่างร้อนใจหลังจากที่นางส่งผู้อาวุโสโซว่หวางออกไป ไม่นานนางก็พบกับเรื่องไม่คาดฝัน อยู่ ๆ การเชื่อมจิตระหว่างตนกับผู้อาวุโสโซว่หวางก็ถูกตัดขาดจากกันไม่ว่านางจะสั่นกระดิ่งเงินในมืออย่างไร ก็หาการมีอยู่ของผู้อาวุโสโซว่หวางไม่เจอเรื่องนี้ทำให้เทียนอวี๋กระวนกระวายใจคาถาหุ่นเชิดของนางกล้าแกร่งมาก แทบจะไม่มีใครสามารถทำลายคาถาตัวนี้ได้หากผู้อาวุโสโซว่หวางตายไป เช่นนั้นก็ดี แต่หากคาถาหุ่นเชิดบนตัวของผู้อาวุโสโซว่หวางถูกทำลาย นั้นก็หมายความว่าข้างกายซูจิ่งสิงมีใครคนหนึ่งที่มีความสามารถครั้นอยู่ในหอบรรพบุรุษก่อนหน้านั้น เทียนอวี๋มั่นใจว่าเป็นซูจิ่งสิงเพียงแต่คนที่อยู่ข้างกายซูจิ่งสิง นางไม่มั่นใจว่าเป็นใครแต่ก็มั่นใจมากพอว่าเป็นสตรีผู้หนึ่ง“หรือว่าสตรีผู้นั้นคือนคนที่ทำลายคาถาหุ่นเชิดของข้าได้?”
ถึงตอนนี้นางก็ได้เข้าใจแล้ว ก็ว่าอยู่ว่าทำไมช่วงนี้ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดก็ดูไม่ราบรื่นไปเสียหมด ดูจากสถานการณ์ความเป็นจริง ที่แท้ก็เป็นเพราะซูจิ่งสิงนี่เอง“เราดูถูกซูจิ่งสิงเกินไปแล้ว รู้อย่างนี้น่าจะฆ่าเขาให้เสียรู้แล้วรู้รอด”เทียนอวี๋โกรธจนตัวสั่น แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่มองซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่จากไปเท่านั้นกู้หว่านเยว่นั่งมองผืนโลกจากบนหลังนกหงส์เพลิงด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและสบายใจหลังจากที่ออกจากหมู่บ้านโซว่หวางแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ให้นกหงส์เพลิงโฉบลงไปยังพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน“โฮก!”นกหงส์เพลิงกระเง้ากระงอน หลังจากบินมาได้ช่วงเวลานหนึ่ง มันก็เหนื่อยกู้หว่านเยว่มองออกว่ามันเหนื่อยแล้ว จึงรีบให้นกหงส์เพลิงเข้าไปในห้วงมิติ ให้มันได้พักผ่อนอย่างดีในนั้นถึงอย่างไรนกตัวใหญ่เพียงนี้ หากนางไม่พามันเข้าไปในห้วงมิติ ก็คงไม่สะดวกพามันติดตามข้างกายไปด้วย“เรากลับกันก่อนเถอะ ไปรวมตัวกับทุกคน”ผู้อาวุโสโซว่หวางตายแล้ว จะต้องนำข่าวนี้ไปบอกคนของสกุลกงซุน“ไปกันเถอะ”ซูจิ่งสิงอุ้มกู้หว่านเยว่ จากนั้นก็ลอยตัวไปทางถ้ำภูเขาหลังจากที่ทั้งสองคนจากมาในช่วงเวลา
กงซุนเสว่น้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้ม ก่อนจะโผเข้าไปหาผู้อาวุโสโซว่หวาง“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงทิ้งพวกเราไปเช่นนี้?”“ท่านพ่อจากพวกเราไปแล้วหรือ? ไม่ เป็นไปไม่ได้...”กงซุนฉิงพยายามลุกขึ้นจากเตียง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยหยดน้ำตา กงซุนจ่างเย่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“ให้ข้าได้สัมผัสท่านพ่อ....”มือของเขาแทบจะยกไม่ขึ้นแล้วกงซุนจ่างเย่รู้สึกร้อนผ่าวที่จมูก ก่อนจะสะอื้นจนตัวสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด“กงซุน” หมิงจูเข้ามากอดแขนของเขา “ตาของท่านจะร้องไห้ไม่ได้”ดวงตาของเขาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัด น้ำตาจะทำให้ดวงตาของเขาอักเสบ“ข้าไร้ความสามารถ ข้าไร้ความสามารถจริง ๆ!”กงซุนจ่างเย่ฟุบอยู่บนรถเข็นเขาคิดมาตลอดว่าครอบครัวของเขาอยู่อย่างสงบสุข มีพ่อและพี่สาวคอยดูแลทุกอย่างหลายปีมานี้เขาแทบจะกลายเป็นลูกผู้ดีมีเงินไปโดยปริยายบัดนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง“พวกเจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองโดนคาถาหุ่นเชิด ยังไม่ได้รับการถอนคาถา อาการของคุณหนูห้าก็ยังไม่ดีขึ้น”ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะขึ้นรถม้า นางได้พาคนเหล่านั้นออกมาแล้ว“พาคุณหนูใหญ่ คุณหนูรองและคุณหนูห้าขึ้นเตียงก่อนเถอะ”กงซุ
ผู้อาวุโสโซว่หวางเคยกล่าวไว้ เพราะสกุลกงซุนนั้นมีนกหงส์เพลิง จึงสามารถสั่งสัตว์ร้ายได้ดูท่าทางนกหงส์เพลิงตัวนี้จะร้ายการจริง ๆกู้หว่านเยว่เล่นกับนกหงส์เพลิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดตำราควบคุมสัตว์ร้ายทุกหน้าของตำราควบคุมสัตว์ร้ายมีบทเพลงที่แตกต่างกัน ซึ่งบทเพลงเหล่านี้มีรูปแบบการสั่งสัตว์ที่แตกต่างกันกู้หว่านเยว่เปิดดูบทเพลงหนึ่งในนั้น เป็นบทเพลงที่สามารถควบคุมนักรบหมาป่าได้ จึงเรียนวิธีการเป่าหลังจากเป่าบทเพลงนี้แล้ว ร่างตัวของนางก็หลงใหลอยู่ในม่านบทเพลงนั้นไม่รู้ว่านานแค่ไหน กระทั่งกู้หว่านเยว่สามารถเป่าเพลงนี้ออกมาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ นางถึงวางขลุ่ยลง“ท่านพี่” กู้หว่านเยว่ออกมาจาห้วงมิติ แวบแรกที่เห็นซูจิ่งสิงที่หลับตาเก็บแรง นางจึงเข้าไปเรียกเขาเบา ๆ ซูจิ่งสิงรีบลืมตาทันที “มีอะไรหรือ?”“ฝึกได้พอสมควรแล้ว เหลือแต่ทดสอบจริง”กู้หว่านเยว่นึกถึงนักรบหมาป่าที่อยู่ด้านล่างกำแพงเหล่านั้น และกล่าวว่า“วันนี้ข้าเหนื่อยมาก เราพักกันก่อนเถิด ไว้พรุ่งนี้วางแผนเสร็จก็ค่อยลองดู”“ก็ได้” ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ที่มีดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด“ตาแดงหมดแล้ว รีบพักผ่อนเถิด”กู้ห
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง