“ครอบครัวพวกเขาอยู่อย่างถ่อมตน ไม่เคยมีปัญหากับผู้อื่น ที่เหลือก็มีเพียงศัตรูทางการค้าแล้วส่วนที่สามารถทำเรื่องฆ่าล้างตระกูลพรรค์นี้ได้ จะต้องหาคนชั่วเสียยิ่งกว่าชั่วในยุทธภพ คนเช่นนี้จ้างวานยากนักดังนั้น ข้าจึงถามว่าช่วงนี้มีโจรนักฆ่าหนีมายังฉูโจวหรือไม่”กู้หว่านเยว่ฟังการวิเคราะห์โดยละเอียดของซูจิ่งสิงแล้ว สายตาชื่นชมอย่างอดไม่ได้สมองของชายคนนี้ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง เวลาสั้นๆ ถึงขั้นวิเคราะห์ออกมาได้มากเพียงนี้“ถ้าอย่างนั้นท่านตาสามารถสืบหาคนอยู่เบื้องหลังได้หรือไม่?”“ย่อมได้ เจ้าวางใจ คนมีความคิดลึกซึ้งเพียงนี้มีไม่กี่คน ท่านตาของเจ้าตั้งข้อสันนิษฐานดูสักหน่อยก็เดาออกแล้ว”ซูจิ่งสิงพูดจบ ครู่ต่อมาลูบผมนางเป็นการปลอบนี่เป็นเพราะเรื่องของสกุลหลินทั้งคู่จึงคืนดีกันชั่วคราว ลูบผมแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องอึดอัดใจต่อกัน ถัดมาหันมองอีกฝ่ายสายตาสอดประสานกัน พลันเกิดความรู้สึกประหม่า เบือนหน้าหนีเร็วรี่กู้หว่านเยว่รีบลุกขึ้น พูดอย่างประหม่า “เอ่อ ขอบคุณท่าน...”แววตาซูจิ่งสิงหม่นลง “ครอบครัวของเจ้าก็คือครอบครัวของข้า ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”อะไรเรียกว่าครอบครัวของ
ทางฝั่งนี้กู้หว่านเยว่กินมื้อเย็นอิ่มดีแล้ว ก็นั่งบนเตียงเตาแสร้งหลับตาพักผ่อน เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติวิเศษตรวจดูหอการค้าแล้วทำให้นางดีใจก็คือ เก้าอี้ไม้หลีฮวาถูกขายไปแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้นเพราะนางตั้งราคาอย่างไม่ตั้งใจเพียงหมื่นเดียว ถูกมากเกินไป ผู้ซื้อไม่เพียงไม่ต่อรองราคา ยังเขียนข้อเสนอแนะหนึ่งพันตัวอักษรให้นาง เป็นการแนะนำในหน้าแรกของการค้นหาเรียกความสนใจจากนักสะสมซื้อของสะสมเป็นจำนวนมาก นักสะสมเหล่านี้ต่างทิ้งข้อความไว้ที่หน้าแรกของนาง ถามว่านางยังมีของโบราณขายอีกหรือไม่คราวนี้ ผู้ติดตามของกู้หว่านเยว่ก็เพิ่มขึ้นหลายสิบคนแล้วทันใดนั้นกู้หว่านเยว่กระตือรือร้นขึ้นมาแล้ว ยามนางปล้นก็มิได้ใส่ใจดูสิ่งของที่ได้มาในท้องพระคลังหลวงหรือคลังส่วนตัว นำของใส่ลงไปในมิติวิเศษทั้งหมดอันที่จริงบางอย่างก็ไม่ได้ใช้ แสดงออกมาก็แสดงไม่หมดมิสู้นำของที่ไม่ได้ใช้ทั้งหมดวางลงบนหน้าจอขายสินค้า ให้ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเงินจากนั้นใช้เงินเหล่านี้ ไปซื้อของภายในหอการค้าเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงสามารถขายสินค้าที่ปล้นมาเหล่านี้ออกไป ยังสามารถซื้อสินค้าในยุคปัจจุบันเข้ามาได้อีกด้วยยิ่งไปกว่านั้น หอกา
ก่อนนี้กู้หว่านเยว่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเงินในกระเป๋ามาจากที่ใด บัดนี้มีสกุลหลินบังหน้า นางจับจ่ายขึ้นมาก็ไม่ต้องปิดบังเลยแม้แต่น้อยเสื้อผ้าเครื่องนอน เสบียงอาหาร ยังซื้อเสื้อฟางกันฝนเตรียมไว้ใช้ในยามจำเป็นขณะเตรียมของสำหรับครอบครัวตนเอง นางเองก็ไม่ลืมพวกสกุลเหยียนและสกุลเซิ่งที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซื้อให้พวกเขาอีกเล็กน้อยแค่เพียงเล็กน้อย รับรองว่าพวกเขาไม่มีวันหิวตายก็พอ มากไปนางกู้หว่านเยว่มิใช่พระแม่ ไม่สามารถมอบให้ได้กระนั้นสิ่งนี้ทำให้กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด ต้องให้พวกเขาพยายามหามาด้วยตนเองถึงจะใช้ได้หาปลาให้คนกินมิสู้สอนคนจับปลา พึ่งพานางไปตลอดมิใช่หนทางแก้ปัญหาทว่านี่คือความคิดเกิดขึ้นชั่วขณะของกู้หว่านเยว่ ส่วนต้องทำเยี่ยงไร ยังต้องให้นางคิดดีๆทางฝั่งนี้ จางเอ้อร์และพวกนักการศาลาว่าการเห็นกำลังการซื้อของกู้หว่านเยว่แล้ว แต่ละคนล้วนตกตะลึงอ้าปากค้างดูท่าแล้วสกุลหลินมอบเงินให้ไม่น้อย หาไม่แล้วคงไม่จับจ่ายตามสะดวกได้มากเพียงนี้“พี่ใหญ่จาง ข้าอยากไปดูสกุลหลินสักหน่อย” กู้หว่านเยว่ซื้อของเรียบร้อยแล้วก็วางบนลาเทียมเกวียน หันหน้าปรึกษาจางเอ้อร์“ท่านอยากไปดูบ้าน
“อยู่ต่อหน้านักการแห่งศาลาว่าการก็กล้าตีคน เจ้าเสียสติไปแล้วกระมัง?”จางเอ้อร์และนักการแห่งศาลาว่าการอีกสองคนยืนขนาบข้างกายกู้หว่านเยว่ ช่วยสนับสนุนนางแม้ไม่รู้เพราะเหตุใดกู้หว่านเยว่ต้องช่วยออกหน้าแทนคนไม่รู้จัก แต่คนเหล่านี้ล้วนเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่โดยไม่มีเงื่อนไขยิ่งไปกว่านั้นคำพูดเมื่อครู่ของเจ้าของร้าน พวกเขาเองก็ได้ยินแล้ว เจ้าของร้านคนนี้เป็นพวกรังแกคนอ่อนแอกว่าคนหนึ่ง“บัณฑิตคนนี้ไม่อยากขายตำรับให้เจ้า เจ้าก็แย่งเขา? ไฉนเลยจะปล่อยให้เจ้าทำเช่นนี้ได้?”“เข้าใจผิดๆ ก็คือพวกเดียวกันไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันดุจน้ำหลากลงวัดมังกร พวกใต้เท้าอย่าถือสาเลย” เจ้าของร้านเองก็คิดไม่ถึง ตนเองตีคนจนคุ้นชินแล้ว วันนี้ถึงขั้นยังมีนักการแห่งศาลาว่าการขวัญกล้ามาดูแล รีบเอ่ย “เป็นเจ้าคนนี้พูดว่าต้องการขายตำรับอาหารให้ข้า ผลปรากฏว่านึกเสียใจภายหลังแล้ว ท่านว่านี่เขามิใช่กำลังหลอกคนหรือ?”เว่ยเฉิงเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก เปล่งเสียงหนัก “ตำรับนี้ข้าขายหนึ่งร้อยตำลึง เจ้ากลับให้เพียงสิบตำลึง ไม่ให้เจ้าก็แย่งไป ข้าว่าเจ้าไม่ใช่เจ้าของร้าน เป็นโจรต่างหาก!”“เจ้า!” ใบหน้าเจ้าของร้านแดงก่ำ ให้ตายเ
ทว่าน่าเสียดายหญิงเช่นนี้ สุดท้ายกลับถูกผู้คุมนักโทษขืนใจจนพุ่งชนกำแพงตายหากนางจำไม่ผิด ตำรับอาหารเลิศรสในมือเว่ยเฉิงนี้ สุดท้ายถูกพระเอกหวายหนานอ๋องนำไปขายหวายหนานอ๋องเองก็กลายเป็นผู้ค้นพบพรสวรรค์ของเว่ยเฉิง สำหรับเขาก็คือผู้มีบุญคุณต่อกันกู้หว่านเยว่ครุ่นคิด หากตำรับอาหารนี้ถูกสกุลหลินซื้อไปถ้าอย่างนั้นใช่หรือไม่ว่าบุญคุณที่หวายหนานอ๋องมีต่อเว่ยเฉิง ก็ไม่มีเฉกเดียวกัน ส่วนจุดจบของเว่ยเฉิงเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้?ระหว่างครุ่นคิด เรือนสกุลหลินอยู่ข้างหน้าแล้วนายท่านผู้เฒ่าหลินกำลังคิดจะไปหากู้หว่านเยว่อยู่พอดี ครั้นมองเห็นนางสีหน้าก็ยังมีความกลัวติดอยู่“ต้องขอบคุณความฝันนั้นของเจ้า เมื่อคืนพวกเราจับพวกโจรชั่วได้แถวเรือนจริงๆ หลังมอบคนให้ทางการแล้ว ก็ทรมานให้เผยตัวคนลงแรงอยู่เบื้องหลังออกมาหากมิใช่พวกเจ้าเตือนได้ทันเวลา อีกสองวันพวกเขาก็จะลงมือแล้ว เมื่อนั้นก็สายไปแล้วล่ะ”นายท่านผู้เฒ่าหลินพูดไป เหงื่อเย็นผุดออกจากแผ่นหลังเรื่องนี้พูดง่าย แต่เกิดขึ้นจริง พวกเขาทั้งครอบครัวยี่สิบกว่าคน ล้วนต้องตายไม่มีใครรอด!บัดนี้เขารู้สึกโชคดีเหลือเกิน เมื่อวานฟังคำเตือนของกู้ห
คลำอยู่พักหนึ่ง หยิบชุดสีดำทั้งสองชิ้นออกมาจากข้างล่างสุดเพียงซูจิ่นเอ๋อร์และซูจื่อชิงมองเห็นเสื้อผ้าตัวยาว ก็รู้ว่าไม่ใช่ของพวกเขาเห็นกู้หว่านเยว่ถือเสื้อผ้าเดินไปหาซูจิ่งสิง ทั้งสองคนเข้าใจในทันใด ที่แท้ก็ซื้อให้พี่ใหญ่นี่เองเผยอากัปกิริยาซุบซิบนินทา ส่งยิ้มให้กัน แอบดูที่ด้านข้างซูจิ่งสิงเองก็คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เขา เห็นนางเดินเข้าใกล้ ใบหน้าหล่อเหลาสะท้อนความประหม่าครู่ถัดมาเบือนหน้า แต่กลับถูกกู้หว่านเยว่ดึงกลับมาเบาๆ“อย่าขยับ ให้ข้าเทียบดูว่าเสื้อผ้าสองชุดนี้พอดีตัวท่านหรือไม่”ซูจิ่งสิงอยู่นิ่งๆ ไม่กล้าขยับอีก ก็แค่ร่างกายกลับแข็งทื่อเป็นเส้นตรงตามการเคลื่อนไหวของนางกู้หว่านเยว่ยกมุมปากอย่างอดไม่ได้ชายคนนี้ปกติดูแล้วสุขุมเยือกเย็น แต่ทุกครั้งตนเองเข้าใกล้เขา เขาก็สะเทิ้นอายคล้ายแม่นางคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นน่ารักยิ่งนักทันใดนั้นนางเกิดนึกสนุกขึ้นมา แตะโดนตัวเขาคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ“ความยาวพอดีแล้ว แต่แขนเสื้อยังต้องวัดอีกหน่อย ส่วนเอวให้ข้าดูหน่อยว่าแน่นหรือไม่...”ลมหายใจชายบนเตียงเตาว้าวุ่นแล้ว กลีบปากบางเม้มแน่น แม้แต่หน้าผากก
มีเพียงครอบครัวสกุลซูหนึ่งกลุ่มต้องทุกข์ทรมานจับจ้องทุกคนกำลังแจกจ่ายของกิน มีเพียงพวกเขาแม้ขนเส้นเดียวก็ไม่มี สายตาริษยาของแต่ละคนแดงก่ำ ไม่กล้าขยับขึ้นไปหาเรื่อง ทำได้เพียงสบถด่าทุกคนรออยู่ภายในโรงเตี๊ยม จนกระทั่งซุนอู่ไปรายงานศาลาว่าการประจำเมืองเรียบร้อยดีแล้ว ถึงเดินทางออกจากเมืองฉูโจวทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือ พวกเขาถึงขั้นพบเว่ยเฉิงอีกครั้งที่หน้าประตูเมือง“แม่นางกู้ นับว่ารอจนได้พบเจ้าแล้ว”หลังเว่ยเฉิงมองเห็นกู้หว่านเยว่ รีบถลันขึ้นมาต้อนรับ ที่แท้เขาก็ได้รู้ฐานะของกู้หว่านเยว่ผ่านปากของสกุลหลิน จึงมารอนางที่หน้าประตูเมือง“ขอบคุณแม่นางกู้ สกุลหลินรับตำรับอาหารของข้าไว้แล้ว ให้เงินข้ามากถึงห้าร้อยตำลึง”สกุลหลินเห็นแก่ฐานะของกู้หว่านเยว่ ใจกว้างต่อเขามาก ไม่เพียงมอบเงินให้ห้าร้อยตำลึงซื้อตำรับอาหารเลิศรส มิหนำซ้ำยังมอบเงินปันผลให้เขาอีกปีละห้าร้อยตำลึงสิ่งนี้สำหรับคนที่อยู่ท่ามกลางความลำบากเช่นเว่ยเฉิง ก็คือสมบัติก้อนโตอย่างไม่ต้องสงสัยเขาขอบคุณกู้หว่านเยว่อีกครั้ง “บุญคุณของแม่นางกู้ ข้าน้อยจำไว้แล้ว ภายภาคหน้ามีโอกาสจะต้องตอบแทนเป็นแน่”กู้หว่านเยว่ยิ้มน้อย
ทางฝั่งนี้ ซูจิ่งสิงยังใคร่ครวญประโยคไม่มีหัวไม่มีหางนั้นของเว่ยเฉิงกู้หว่านเยว่เองก็แปลกใจมาก “เว่ยเฉิงให้ท่านไปพบโจวเหล่าทำอันใด?”ยิ่งไปกว่านั้นโจวเหล่านี้คือใครกันเล่า?ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “ข้าเองก็แปลกใจมาก แต่เขาก็พูดหนึ่งประโยคนี้ ไม่มีหัวไม่มีหาง ข้าเองก็ไม่รู้หมายความว่ากระไรกันแน่”“ส่วนโจวหล่าคนนี้ เขาเป็นผู้อาวุโสของสำนักศึกษาอิ้งเทียน ทั้งยังเป็นราชครูของอดีตองค์รัชทายาท บัดนี้น่าจะเกษียณกลับบ้านเกิดแล้ว” ผู้อาวุโสก็คืออาจารย์ใหญ่ สำนักศึกษาอิ้งเทียนเป็นสำนักศึกษามีชื่อเสียงมากที่สุดในต้าฉี ลูกศิษย์มาจากทั่วทั้งเหนือจรดใต้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชนชั้นสูงสองสามีภรรยาครุ่นคิดอยู่นาน ก็ไม่สามารถหยั่งเดาความนัยของเว่ยเฉิงออกเพียงอย่างเดียวที่สามารถมั่นใจได้ ก็คือเว่ยเฉิงมิได้คิดร้ายต่อพวกเขา“ไม่รู้เพราะเหตุใด ข้าและเว่ยเฉิงมีความรู้สึกราวกับเพียงได้พบหน้าก็คล้ายพบสหายเก่า”ซูจิ่งสิงสับสนมากว่าตกลงความรู้สึกนี้มาจากที่ใดกู้หว่านเยว่นึกตำหนิภายในใจ พวกท่านทั้งสองคนหนึ่งบุ๋นคนหนึ่งบู๊ ล้วนมีความแค้นถูกคนลืมบุญคุณรื้อสะพานหลังข้ามแม่น้ำแล้ว ไฉนจะไม่รู้สึกเพียงได้พบหน้าก็คล