เดิมทียังคิดว่าต้องยากลำบากพอสมควร กว่าจะได้รับความไว้วางใจจากชายชราผู้นี้ ไม่คิดว่าจะง่ายดายเช่นนี้ชื่อและสมญานามของคุณหนูสายตรงแห่งจวนหนานหยางอ๋องผู้มั่งคั่งล้นฟ้านี้ ก็คือของนางแล้ว!“คุณหนูรอง” ตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดหนานหยางอ๋องเปลี่ยนชื่อให้นางแล้ว นามว่าฟู่ชิงทุกคนต่างยินดีปรีดาที่สองพ่อลูกได้หวนกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน มีเพียงหวังปี้ที่เห็นฟู่ชิงแล้วขัดหูขัดตา พลางบ่นพึมพำ“เคยคิดเสมอว่าคุณหนูรองเป็นเทพธิดาเช่นเดียวกับอดีตพระชายา ทว่า...เหตุใดนิสัยใจคอถึงหยาบคายนัก”เรื่องนี้ย่อมไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้า ท่านอ๋องผู้เฒ่ากำลังปลื้มฟู่ชิง ได้ยินเข้าอาจจะถลกหนังเขาก็ได้เมื่อหันไปก็เห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเข้ามา เลยรีบออกไปต้อนรับพวกเขา ได้เห็นมารยาร้อยเล่มเกวียนของฟู่ชิงที่นี่พอดี“พวกเจ้ามาจนได้ ช่วยข้าให้รอดพ้นจากหายนะ”กู้หว่านเยว่งุนงงไม่เข้าใจ “ศึกษาและผลิตยาถอนพิษเรียบร้อยแล้ว ข้าเอามาให้ท่านอ๋องเสวย ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหาธิดาพบแล้ว โชคสองชั้นมาเยือนจริง ๆ”หนานหยางอ๋องได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่มาแต่ไกล จึงรีบพูดขึ้นว่า“แม่นางกู้ เจ้ามาได้เวลาพอดี มือและเท้าของชิ
ขุนพลหวัง ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าถึงดูแย่เช่นนี้?”หวังปี้ยิ้มตอบว่า “ไม่มีอะไร แค่ทนเห็นท่าทางคุณหนูรองนั่นไม่ได้”เขาแค่ไม่เข้าใจ ยังนึกว่าคุณหนูรองโตแล้วไม่ใช่คนที่เหมือนเทพธิดา แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่กับคนเมื่อครู่นี้ เขาไม่คุ้นชินจริง ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทางที่ฟู่ชิงยิ้มให้หนานหยางอ๋อง มันไม่บริสุทธิ์ใสซื่อเลยสักนิด ในสายตาเต็มไปด้วยการคิดคำนวณน่าเสียดายที่ท่านอ๋องหลงใหลได้ปลื้ม คิดแต่ว่านางดี“ยังไงข้าก็รู้สึกว่า หญิงผู้นี้ไม่ใช่คุณหนูรองตัวจริง”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบสายตากันแวบหนึ่ง“คนที่สามารถทำให้ขุนพลหวังเกลียดชังได้มีไม่มากนัก เอาล่ะ พวกข้าได้ทิ้งยาถอนพิษไว้ให้แล้ว ก็ต้องกลับแล้วล่ะ หากมีเรื่องอะไร ท่านค่อยมาหาพวกข้าใหม่”“อืม”หวังปี้พยักหน้าทั้งสองเดินกลับไปตามทาง เมื่อซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของกู้หว่านเยว่ ก็อดถามไม่ได้“ฟู่ชิงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“อืม”กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างมั่นใจ“ปานบนมือของฟู่ชิงเป็นของปลอม สักขึ้นมาทีหลัง”นอกจากเรื่องนี้ นางยังถอนเส้นผมของทั้งสอง วางไว้ในหอแห่งโอสถเพื่อทำการวิเคราะห์แล้วอีกสั
“ไม่มีความเป็นไปได้ที่หนานหยางอ๋องจะเป็นบิดาในทางชีววิทยาของฟู่ชิง?หว่านเยว่ นี่มันหมายความว่ายังไง?”“ความหมายก็คือระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมต่อกัน”“ฟู่ชิงไม่ใช่คุณหนูรองตัวจริง”กู้หว่านเยว่อธิบายการคาดเดาของนางถูกต้อง “คุณหนูรอง” คนนั้นเป็นตัวปลอมดังคาดแต่กู้หว่านเยว่ก็ยังมีข้อสงสัย “ถึงจะมีหลักฐานที่แน่ชัดแล้ว แต่หนานหยางอ๋องก็กำลังดื่มด่ำอยู่กับความยินดีที่หาตัวธิดาพบถ้าตอนนี้พวกเราไปเปิดโปง ไม่ใช่แค่จะถูกเกลียดชังเท่านั้นแต่การพาเมี่ยชิงหว่านไปพบครอบครัวด้วย อาจถูกมองว่ามีเจตนาแอบแฝงก็ได้”ซูจิ่งสิงก็คิดเช่นเดียวกัน “ควรเลื่อนเรื่องการพบครอบครัวออกไปก่อนดีกว่า”อันที่จริงเขาก็อยู่ที่นั่นไม่ไปไหนอยู่แล้วแม้ว่าหนานหยางอ๋องจะได้ยาถอนพิษแล้ว แต่ก็จะไปไหนสักพัก ต้องให้กู้หว่านเยว่ตรวจวินิจฉัยอีกสองครั้งว่ามีพิษตกค้างหรือไม่กล่าวคือก่อนหน้านั้น พวกเขายังมีโอกาสเปิดโปง “คุณหนูรอง” อยู่หลังจากหารือกันแล้ว กู้หว่านเยว่ก็โยนผลรายงานเข้าไปในมิติ แล้วเร่งการเดินทางต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากเดินไปได้สักพัก ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ชี้ไปที่ป่าโกร
“แผล แผลฝีดาษ?”หลี่เฉินอันอยากส่องกระจกขึ้นมาทันใด...อีกด้านหนึ่ง สวีหลานเพิ่งพบว่าลูกน้องสองคนถูกฆ่าตายแล้ว“เจ้าเด็กหนุ่มหลี่เฉินอันนั่น อยู่กับแม่ที่มีภูมิหลังต่ำต้อย ไม่มีความสามารถเช่นนี้แน่นอนยอดฝีมือสูงส่งผู้ใดกันที่คอยช่วยเขาอยู่?”สวีหลานอัดอั้นไปด้วยความสงสัยแม่นมอู๋ที่อยู่ทางด้านหนึ่งก็อยากรู้เช่นกัน “ข้างกายคุณชายมีเพียงเด็กรับใช้คนเดียว ไม่มียอดฝีมือแม่ของเขาก็ตายไปแล้ว เหลือเพียงลุงเกิ่งกวง แต่เกิ่งกวงก็อยู่ไกลถึงเจดีย์หนิงกู่ ตอนนี้ไม่สามารถรับข่าวสารใด ๆ แน่นอน”สวีหลานกุมหน้าผาก“จะปล่อยให้เขามีชีวิตรอดกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ไม่ได้ ส่งคนออกไปตามหาเขาอีกครั้ง ต้องหาเขาให้พบ แล้วฆ่าเขาซะ”ระหว่างการสนทนา จู่ ๆ ก็มีเสียง “หยุดรถ!” ดังมาจากภายนอกรถม้าจากนั้นหญิงอ้วนก็ปีนเข้ามาจากภายนอกคนที่เข้ามาก็คือหลี่อวิ๋นอวิ๋น ลูกสาวคนเดียวของสวีหลานทันทีที่นางเข้ามาก็โผเข้าหาอ้อมกอดของสวีหลาน จนเกือบจะชนแม่ของนางสลบไป“ท่านแม่ เมื่อกี้พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”สวีหลานผลักนางออกไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว อีกหน่อยก็ถึงเวลาหารือเรื่อ
กู้หว่านเยว่เปิดระบบ เริ่มค้นหาว่าในระยะใกล้เคียงนี้มีที่ซ่อนหรือไม่ทางฝั่งนั้นซูจิ่งสิงเห็นนางตกอยู่ในอาการเหม่อลอย ก็รู้ว่านางกำลังเข้าไปอยู่ในมิติ รีบถอดเสื้อคลุมกำบังศีรษะของนางไว้ ป้องกันมิให้หิมะกัดได้รับบาดเจ็บครั้งนี้กู้หว่านเยว่ใช้เวลาค้นหานานไปบ้าง ยังดีหลังผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง นางก็ลืมตาขึ้น“ท่านพี่ ห้าร้อยหมี่ด้านหน้ามีถ้ำแห่งหนึ่ง พวกเรารีบไปเร็วเข้า!”“ได้”ดวงตาซูจิ่งสิงทอประกาย จับเชือกลาเทียมเกวียน มุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งนั้นพวกนักการแห่งศาลาว่าการที่กำลังมองรอบข้างอย่างตกตะลึงและนักโทษถูกเนรเทศทางด้านหลังเองก็รีบตามมาหลังผ่านภัยพิบัติมาหลายครั้ง พวกเขาก็พลอยคล้อยตามกู้หว่านเยว่อย่างไม่คิดโต้แย้ง“สหายซู แม่นางกู้ พวกเจ้าเดินทางช้าหน่อย!”ซุนอู่ตะโกนเสียงดังพื้นหิมะลื่นมาก ต้องการเร่งความเร็วทำได้ยากยิ่งกู้หว่านเยว่เห็นลูบเห็บยิ่งมายิ่งใหญ่ ศีรษะภายใต้เสื้อคลุมรู้สึกปวดอยู่บ้าง รีบหันกลับไปร้องตะโกน “พี่ใหญ่ซุน ให้ทุกคนเร่งฝีเท้า ข้างหน้ามีถ้ำ”“อะไรนะ? มีถ้ำ!”สีหน้าซุนอู่ดีใจมาก เขาก็รู้กู้หว่านเยว่ต้องมีหนทาง รีบออกแรงตามไปพวกนักโทษถูกเนรเทศเหล่าน
เซิ่งฮูหยินยิ่งไม่ต้องพูดมาก ก่อนนี้นางก็เริ่มลอบยัดเงินให้กู้หว่านเยว่แล้วกู้หว่านเยว่หัวเราะ สอนทุกคนทำเสื้อบุนวมหาเงิน ก็ต้องการผลลัพธ์เช่นนี้นี่ล่ะย่อมไม่สามารถอุปถัมภ์พวกเขาชั่วชีวิตได้ ต่อให้ภายในมิติของนางมีเสบียงอาหารมากเพียงนั้น นั่นก็ไม่สมจริงเท่าใดนักทุกคนมิได้ทำให้นางผิดหวัง แต่ละคนรู้จักตอบแทนบุญคุณ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น“ได้ เช่นนั้นก็ทำอย่างที่พวกท่านพูด มอบเงินให้ก็แล้วกันไก่ป่านี้จับมาได้ เห็ดข้าเก็บมาจากข้างทาง มิได้ใช้เงินมากมายอันใด พวกท่านหนึ่งครอบครัวให้ข้าสิบอีแปะก็พอจิ่นเอ๋อร์ เจ้าไปเก็บเงินเถอะ”“...ได้!”ไก่ตุ๋นเห็ดสิบอีแปะ สำหรับการเดินทางเนรเทศนี้นับว่าถูกมากจริงๆทุกคนรำลึกถึงความดีของกู้หว่านเยว่ ต่างพากันมอบเงินให้ซูจิ่นเอ๋อร์ซูจิ่นเอ๋อร์หยิบถุงใส่เงินใบหนึ่งออกมา ใส่เงินของทุกคนอย่างดี จากนั้นเก็บไว้ติดตัวต่อมาหยิบกระบวย ตักน้ำแกงและเนื้อไก่ให้ทุกคน“ให้เด็กมากหน่อย”กู้หว่านเยว่กระซิบเสียงเบา ตอนต้มไก่ นางตั้งใจจับไก่ป่าออกมาสองตัวและใส่เข้าไปพร้อมกันดังนั้นเนื้อไก่ในหม้อนี้จึงมีมากซูจิ่นเอ๋อร์แปลกใจมาก “ตอนฆ่าไก่ป่าสองตัวไม่คิดว่า
“เกิดอะไรขึ้น? พาข้าไปดู” กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิงทีหนึ่ง ทั้งสองรีบตามจางเอ้อร์มาที่ปากถ้ำกลับพบว่าที่ปากถ้ำมีคนกลุ่มหนึ่งขวางไว้อย่างแน่นหนาส่วนคนกลุ่มนั้น ก็คือนักโทษถูกเนรเทศอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้พบก่อนหน้านี้มองพวกเขาตะโกนใส่ซุนอู่ไม่หยุด“พวกเจ้ากล้าขวางพวกเรา!”“ใช่แล้ว ถ้ำนี้มิได้เขียนชื่อพวกเจ้าเสียหน่อย ถือสิทธิ์อะไรไม่ให้พวกเราเข้าไป?”ที่แท้ตอนพวกเขาเดินทางมาถึงที่นี่ ก็มองเห็นถ้ำและต้องการเข้ามาหลบภายในแต่พวกซุนอู่เห็นพวกเขาแต่ละคนคล้ายคนโฉดชั่วก็มิปาน กลัวเกิดความวุ่นวาย สั่งให้พวกนักการขวางพวกเขาไว้ที่หน้าประตู ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาปรากฏว่าพวกเขาจับคนไว้และฝืนบุกเข้ามาระหว่างเกิดความขัดแย้งกัน ยังทำให้ศีรษะซุนอู่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วยหินก้อนเท่ากำปั้น ทำให้ซุนอู่ล้มลงไปแล้วยามกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึง ซุนอู่นอนบนพื้น เลือดไหลไม่หยุด“แม่นางกู้ เจ้ารีบเข้าไปเถอะ”คนกลุ่มนี้มิใช่คนดี ดุร้ายยิ่งกว่าโจร“ข้าเข้าไปแล้วจะทำเยี่ยงไร? อย่าเพิ่งพูดเลย”กู้หว่านเยว่ไม่เก็บสถานการณ์เล็กๆ นี้มาใส่ใจ รีบนำผ้าพันแผลไปปิดบาดแผลบนศีรษะของซุนอู่ ห้ามเลือดให
เถาเอ๋อร์คนนี้นับว่างามมาก แต่บัดนี้นักการหวงกลับไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงาม“ไสหัวไปที่ด้านข้าง!”“ท่านนักการอย่าหงุดหงิดไปเลย เถาเอ๋อร์มีความคิดอย่างหนึ่ง สามารถทำให้พวกเขาตายอยู่ภายในถ้ำทั้งหมดเลยได้ ก็ไม่รู้ว่าท่านนักการจะยินดีฟังหรือไม่”นักการหวงสนใจขึ้นมาแล้ว “เจ้าพูด”“ท่านนักการเอียงหูมาเถอะ ข้าจะบอกท่าน” ดวงตาเถาเอ๋อร์ทอประกายวาววับ นางยังไม่ลืมว่าบิดามารดาตายเยี่ยงไรลูกเห็บบนท้องฟ้ายังไม่หยุด แม้ว่าน้อยกว่าช่วงกลางวันมาก ไม่ถึงกับหล่นใส่คนตายได้ แต่ตกใส่ตัวก็ยังเจ็บอยู่เพื่อป้องกันลูกเห็บตกหนักระหว่างเดินทาง ไม่มีที่ให้พักผ่อน กอปรกับซุนอู่เองก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเร่งเดินทางได้สุดท้ายทุกคนก็ตัดสินใจพักผ่อนภายในถ้ำหนึ่งคืนช่วงกลางคืน ทุกคนล้วนนอนหลับ กู้หว่านเยว่ลืมตา รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างดังคาด เพียงครู่เดียวซูจิ่งสิงที่ออกไปลาดตระเวนก็กลับมา สีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าเดาได้ไม่ผิด นักการหวงลงมือดังคาด”พูดจบ จูงมือกู้หว่านเยว่ พานางออกจากถ้ำเงียบๆ มาที่ถนนสายเล็กภายนอกหิมะยามราตรีเงียบสงบ แสงจันทร์ดุจสายน้ำกู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเย็น เพียงแวบเดียวก็มองเห็