“แผล แผลฝีดาษ?”หลี่เฉินอันอยากส่องกระจกขึ้นมาทันใด...อีกด้านหนึ่ง สวีหลานเพิ่งพบว่าลูกน้องสองคนถูกฆ่าตายแล้ว“เจ้าเด็กหนุ่มหลี่เฉินอันนั่น อยู่กับแม่ที่มีภูมิหลังต่ำต้อย ไม่มีความสามารถเช่นนี้แน่นอนยอดฝีมือสูงส่งผู้ใดกันที่คอยช่วยเขาอยู่?”สวีหลานอัดอั้นไปด้วยความสงสัยแม่นมอู๋ที่อยู่ทางด้านหนึ่งก็อยากรู้เช่นกัน “ข้างกายคุณชายมีเพียงเด็กรับใช้คนเดียว ไม่มียอดฝีมือแม่ของเขาก็ตายไปแล้ว เหลือเพียงลุงเกิ่งกวง แต่เกิ่งกวงก็อยู่ไกลถึงเจดีย์หนิงกู่ ตอนนี้ไม่สามารถรับข่าวสารใด ๆ แน่นอน”สวีหลานกุมหน้าผาก“จะปล่อยให้เขามีชีวิตรอดกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ไม่ได้ ส่งคนออกไปตามหาเขาอีกครั้ง ต้องหาเขาให้พบ แล้วฆ่าเขาซะ”ระหว่างการสนทนา จู่ ๆ ก็มีเสียง “หยุดรถ!” ดังมาจากภายนอกรถม้าจากนั้นหญิงอ้วนก็ปีนเข้ามาจากภายนอกคนที่เข้ามาก็คือหลี่อวิ๋นอวิ๋น ลูกสาวคนเดียวของสวีหลานทันทีที่นางเข้ามาก็โผเข้าหาอ้อมกอดของสวีหลาน จนเกือบจะชนแม่ของนางสลบไป“ท่านแม่ เมื่อกี้พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”สวีหลานผลักนางออกไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว อีกหน่อยก็ถึงเวลาหารือเรื่อ
กู้หว่านเยว่เปิดระบบ เริ่มค้นหาว่าในระยะใกล้เคียงนี้มีที่ซ่อนหรือไม่ทางฝั่งนั้นซูจิ่งสิงเห็นนางตกอยู่ในอาการเหม่อลอย ก็รู้ว่านางกำลังเข้าไปอยู่ในมิติ รีบถอดเสื้อคลุมกำบังศีรษะของนางไว้ ป้องกันมิให้หิมะกัดได้รับบาดเจ็บครั้งนี้กู้หว่านเยว่ใช้เวลาค้นหานานไปบ้าง ยังดีหลังผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง นางก็ลืมตาขึ้น“ท่านพี่ ห้าร้อยหมี่ด้านหน้ามีถ้ำแห่งหนึ่ง พวกเรารีบไปเร็วเข้า!”“ได้”ดวงตาซูจิ่งสิงทอประกาย จับเชือกลาเทียมเกวียน มุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งนั้นพวกนักการแห่งศาลาว่าการที่กำลังมองรอบข้างอย่างตกตะลึงและนักโทษถูกเนรเทศทางด้านหลังเองก็รีบตามมาหลังผ่านภัยพิบัติมาหลายครั้ง พวกเขาก็พลอยคล้อยตามกู้หว่านเยว่อย่างไม่คิดโต้แย้ง“สหายซู แม่นางกู้ พวกเจ้าเดินทางช้าหน่อย!”ซุนอู่ตะโกนเสียงดังพื้นหิมะลื่นมาก ต้องการเร่งความเร็วทำได้ยากยิ่งกู้หว่านเยว่เห็นลูบเห็บยิ่งมายิ่งใหญ่ ศีรษะภายใต้เสื้อคลุมรู้สึกปวดอยู่บ้าง รีบหันกลับไปร้องตะโกน “พี่ใหญ่ซุน ให้ทุกคนเร่งฝีเท้า ข้างหน้ามีถ้ำ”“อะไรนะ? มีถ้ำ!”สีหน้าซุนอู่ดีใจมาก เขาก็รู้กู้หว่านเยว่ต้องมีหนทาง รีบออกแรงตามไปพวกนักโทษถูกเนรเทศเหล่าน
เซิ่งฮูหยินยิ่งไม่ต้องพูดมาก ก่อนนี้นางก็เริ่มลอบยัดเงินให้กู้หว่านเยว่แล้วกู้หว่านเยว่หัวเราะ สอนทุกคนทำเสื้อบุนวมหาเงิน ก็ต้องการผลลัพธ์เช่นนี้นี่ล่ะย่อมไม่สามารถอุปถัมภ์พวกเขาชั่วชีวิตได้ ต่อให้ภายในมิติของนางมีเสบียงอาหารมากเพียงนั้น นั่นก็ไม่สมจริงเท่าใดนักทุกคนมิได้ทำให้นางผิดหวัง แต่ละคนรู้จักตอบแทนบุญคุณ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น“ได้ เช่นนั้นก็ทำอย่างที่พวกท่านพูด มอบเงินให้ก็แล้วกันไก่ป่านี้จับมาได้ เห็ดข้าเก็บมาจากข้างทาง มิได้ใช้เงินมากมายอันใด พวกท่านหนึ่งครอบครัวให้ข้าสิบอีแปะก็พอจิ่นเอ๋อร์ เจ้าไปเก็บเงินเถอะ”“...ได้!”ไก่ตุ๋นเห็ดสิบอีแปะ สำหรับการเดินทางเนรเทศนี้นับว่าถูกมากจริงๆทุกคนรำลึกถึงความดีของกู้หว่านเยว่ ต่างพากันมอบเงินให้ซูจิ่นเอ๋อร์ซูจิ่นเอ๋อร์หยิบถุงใส่เงินใบหนึ่งออกมา ใส่เงินของทุกคนอย่างดี จากนั้นเก็บไว้ติดตัวต่อมาหยิบกระบวย ตักน้ำแกงและเนื้อไก่ให้ทุกคน“ให้เด็กมากหน่อย”กู้หว่านเยว่กระซิบเสียงเบา ตอนต้มไก่ นางตั้งใจจับไก่ป่าออกมาสองตัวและใส่เข้าไปพร้อมกันดังนั้นเนื้อไก่ในหม้อนี้จึงมีมากซูจิ่นเอ๋อร์แปลกใจมาก “ตอนฆ่าไก่ป่าสองตัวไม่คิดว่า
“เกิดอะไรขึ้น? พาข้าไปดู” กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิงทีหนึ่ง ทั้งสองรีบตามจางเอ้อร์มาที่ปากถ้ำกลับพบว่าที่ปากถ้ำมีคนกลุ่มหนึ่งขวางไว้อย่างแน่นหนาส่วนคนกลุ่มนั้น ก็คือนักโทษถูกเนรเทศอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้พบก่อนหน้านี้มองพวกเขาตะโกนใส่ซุนอู่ไม่หยุด“พวกเจ้ากล้าขวางพวกเรา!”“ใช่แล้ว ถ้ำนี้มิได้เขียนชื่อพวกเจ้าเสียหน่อย ถือสิทธิ์อะไรไม่ให้พวกเราเข้าไป?”ที่แท้ตอนพวกเขาเดินทางมาถึงที่นี่ ก็มองเห็นถ้ำและต้องการเข้ามาหลบภายในแต่พวกซุนอู่เห็นพวกเขาแต่ละคนคล้ายคนโฉดชั่วก็มิปาน กลัวเกิดความวุ่นวาย สั่งให้พวกนักการขวางพวกเขาไว้ที่หน้าประตู ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาปรากฏว่าพวกเขาจับคนไว้และฝืนบุกเข้ามาระหว่างเกิดความขัดแย้งกัน ยังทำให้ศีรษะซุนอู่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วยหินก้อนเท่ากำปั้น ทำให้ซุนอู่ล้มลงไปแล้วยามกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึง ซุนอู่นอนบนพื้น เลือดไหลไม่หยุด“แม่นางกู้ เจ้ารีบเข้าไปเถอะ”คนกลุ่มนี้มิใช่คนดี ดุร้ายยิ่งกว่าโจร“ข้าเข้าไปแล้วจะทำเยี่ยงไร? อย่าเพิ่งพูดเลย”กู้หว่านเยว่ไม่เก็บสถานการณ์เล็กๆ นี้มาใส่ใจ รีบนำผ้าพันแผลไปปิดบาดแผลบนศีรษะของซุนอู่ ห้ามเลือดให
เถาเอ๋อร์คนนี้นับว่างามมาก แต่บัดนี้นักการหวงกลับไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงาม“ไสหัวไปที่ด้านข้าง!”“ท่านนักการอย่าหงุดหงิดไปเลย เถาเอ๋อร์มีความคิดอย่างหนึ่ง สามารถทำให้พวกเขาตายอยู่ภายในถ้ำทั้งหมดเลยได้ ก็ไม่รู้ว่าท่านนักการจะยินดีฟังหรือไม่”นักการหวงสนใจขึ้นมาแล้ว “เจ้าพูด”“ท่านนักการเอียงหูมาเถอะ ข้าจะบอกท่าน” ดวงตาเถาเอ๋อร์ทอประกายวาววับ นางยังไม่ลืมว่าบิดามารดาตายเยี่ยงไรลูกเห็บบนท้องฟ้ายังไม่หยุด แม้ว่าน้อยกว่าช่วงกลางวันมาก ไม่ถึงกับหล่นใส่คนตายได้ แต่ตกใส่ตัวก็ยังเจ็บอยู่เพื่อป้องกันลูกเห็บตกหนักระหว่างเดินทาง ไม่มีที่ให้พักผ่อน กอปรกับซุนอู่เองก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเร่งเดินทางได้สุดท้ายทุกคนก็ตัดสินใจพักผ่อนภายในถ้ำหนึ่งคืนช่วงกลางคืน ทุกคนล้วนนอนหลับ กู้หว่านเยว่ลืมตา รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างดังคาด เพียงครู่เดียวซูจิ่งสิงที่ออกไปลาดตระเวนก็กลับมา สีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าเดาได้ไม่ผิด นักการหวงลงมือดังคาด”พูดจบ จูงมือกู้หว่านเยว่ พานางออกจากถ้ำเงียบๆ มาที่ถนนสายเล็กภายนอกหิมะยามราตรีเงียบสงบ แสงจันทร์ดุจสายน้ำกู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเย็น เพียงแวบเดียวก็มองเห็
พูดถึงหลู่ซื่อ นับตั้งแต่เขาลอบช่วยลั่วยาง ก็เริ่มไม่ใส่ใจทำงานให้มู่หรงอวี้แล้วซูจิ่งสิงรู้ภาพรวมว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว “ได้ยินว่าลั่วยางสูญเสียความทรงจำ”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด แต่คิดได้อย่างว่องไว ลั่วยางคนคลั่งรักนี้สมองน่าจะถูกกระตุ้นหนักเกินไปจนสูญเสียความทรงจำ“เพราะเหตุนี้จึงปล่อยให้คนขโมยระเบิดได้ ลั่วยางสูญเสียความทรงจำ หลู่ซื่อมองเห็นความหวังแล้ว ย่อมมอบกายใจเข้าไปอยู่ข้างกายนาง ไม่สนใจการงานอีก”ด้านซุบซิบนินทาของภรรยาตัวน้อยนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ซูจิ่งสิงถูกนางชักนำให้พูดเหน็บแนมไปด้วยกัน“หลู่ซื่อใช้เงินทั้งหมดที่มีเช่าเรือนเล็กหนึ่งหลัง ไม่เพียงให้คนพักอาศัยอยู่ภายใน ยังซื้อสาวใช้สองคนเพื่อดูแลปรนนิบัตินางกินดื่ม กระนั้นก็ยังมิได้รับสีหน้าที่ดีจากลั่วยางแม้แต่น้อย”“หา? หลู่ซื่อคนนี้เป็นพวกประจบเอาใจกระนั้นรึ?”“อืม ก็คือพวกคุกเข่าเลียแข้งเลียขาได้อย่างไร้ศักดิ์ศรี”“เช่นนั้นเขาก็เป็นพวกประจบเอาใจคนหนึ่งจริง”สองสามีภรรยาซุบซิบนินทาต่อหน้านักการหวง กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่ามู่หรงอวี้สมเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย เหมืองน้ำมันก๊าดถูกนางเก็บไว
“เถาเอ๋อร์?”มองเห็นใบหน้าตกตะลึงพรึงเพริดนั้น ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วทีหนึ่งกู้หว่านเยว่เองก็รู้จักอีกฝ่าย ทันใดนั้นแปลกใจอยู่บ้างแววตาเถาเอ๋อร์มืดมน กัดกลีบปาก คิดไม่ถึงศัตรูทั้งสองวาสนาดีเพียงนี้ ถึงขั้นยังไม่ถูกระเบิดตายดูท่าแล้ว การแก้แค้นให้ ‘บิดามารดา’ ไม่สำเร็จอีกแล้วทางฝั่งนั้นจางเอ้อร์ร้องตะโกน“นักการหวงถูกพวกเราจับไว้แล้ว พวกเจ้าทุกคนห้ามขยับเขยื้อน หากใครขวัญกล้าหนีหรือต่อต้าน อย่าโทษข้าไม่มีเมตตาเลย!”เพียงได้ยินว่านักการหวงถูกจับ พวกนักโทษถูกเนรเทศเหล่านั้นล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง ถูกมัดมือมัดเท้าไว้แล้วจางเอ้อร์วิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้ากู้หว่านเยว่ “นับจำนวนคนแล้ว ไม่ขาดใครไป”“ดี พวกเรากลับเถอะ”กู้หว่านเยว่ตรวจสอบรอบกายอีกหนึ่งรอบ หลังมั่นใจว่าไม่มีระเบิดหลงเหลืออยู่แล้ว นี่ถึงเตรียมตัวกลับไปหญิงอ้วนคนเมื่อครู่ยักย้ายส่ายก้นไล่ตามมา เข้าไปจับซูจิ่งสิงไว้อย่างหลงใหล“คุณชาย ท่านหล่อเหลาเหลือเกิน”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเบี่ยงตัวหลบไปที่ฝั่งหนึ่ง บุรุษชุดขาวภายใต้แสงจันทร์หล่อเหลายิ่งกว่าเซียนถูกไล่ลงจากสวรรค์“ไสหัวไป”อาจเพราะหญิงอ้วนไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร ยังยิ
กู้หว่านเยว่มองเชือกที่กระจัดกระจายบนพื้นอย่างปวดหัว ย้อนคิดถึงท่าทางอ่อนแอบอบบางของเถาเอ๋อร์ มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่านางยังมีความสามารถนี้อยู่ยิ่งไปกว่านั้นซุนอู่ให้พวกเขาดื่มหร่วนจินซ่านไปแล้ว นางยังสามารถหนีออกไปได้!เถาเอ๋อร์คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ...“แม่นางกู้ เถาเอ๋อร์คนนั้นยังทิ้งกระดาษไว้หนึ่งแผ่น แต่ข้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ”ซุนอู่พูดออกมาอย่างสงสัย กู้หว่านเยว่รีบรับกระดาษมา อ่านจบกลับเลิกคิ้วขึ้นมองเห็นบนกระดาษแผ่นนั้น ถึงขั้นเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ‘SB’ซุนอู่ไม่รู้ว่านี่มีความหมายว่ากระไร กู้หว่านเยว่กลับรู้ว่านี่คือภาษาอังกฤษหมายความว่าโง่Xเถาเอ๋อร์คนนี้ถึงขั้นเป็นผู้ข้ามภพคนหนึ่ง นางข้ามพบมาตั้งแต่ยามใดเล่า? รู้เรื่องที่บิดามารดาทำ ยังด่าพวกเขาโง่X?กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่ชมชอบเถาเอ๋อร์คนนี้ที่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ กระนั้นนี่ก็อธิบายไม่ยากแล้ว เหตุใดเถาเอ๋อร์สามารถหนีไปได้ข้ามภพนี่นา ย่อมมีทักษะอยู่ในมือ“จะให้ข้าเหล่าซุนไปจับนางกลับมาหรือไม่?”“ไม่ต้อง”รอยเท้าบนพื้นหิมะหายไปแล้วหุบเขาใหญ่เพียงนี้ ไล่ตามไปตอนนี้ก็คือแมลงวันไร้หัว เสียเวลาเดินทางกอปรกับกู้หว่านเยว
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง