เซิ่งฮูหยินยิ่งไม่ต้องพูดมาก ก่อนนี้นางก็เริ่มลอบยัดเงินให้กู้หว่านเยว่แล้วกู้หว่านเยว่หัวเราะ สอนทุกคนทำเสื้อบุนวมหาเงิน ก็ต้องการผลลัพธ์เช่นนี้นี่ล่ะย่อมไม่สามารถอุปถัมภ์พวกเขาชั่วชีวิตได้ ต่อให้ภายในมิติของนางมีเสบียงอาหารมากเพียงนั้น นั่นก็ไม่สมจริงเท่าใดนักทุกคนมิได้ทำให้นางผิดหวัง แต่ละคนรู้จักตอบแทนบุญคุณ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น“ได้ เช่นนั้นก็ทำอย่างที่พวกท่านพูด มอบเงินให้ก็แล้วกันไก่ป่านี้จับมาได้ เห็ดข้าเก็บมาจากข้างทาง มิได้ใช้เงินมากมายอันใด พวกท่านหนึ่งครอบครัวให้ข้าสิบอีแปะก็พอจิ่นเอ๋อร์ เจ้าไปเก็บเงินเถอะ”“...ได้!”ไก่ตุ๋นเห็ดสิบอีแปะ สำหรับการเดินทางเนรเทศนี้นับว่าถูกมากจริงๆทุกคนรำลึกถึงความดีของกู้หว่านเยว่ ต่างพากันมอบเงินให้ซูจิ่นเอ๋อร์ซูจิ่นเอ๋อร์หยิบถุงใส่เงินใบหนึ่งออกมา ใส่เงินของทุกคนอย่างดี จากนั้นเก็บไว้ติดตัวต่อมาหยิบกระบวย ตักน้ำแกงและเนื้อไก่ให้ทุกคน“ให้เด็กมากหน่อย”กู้หว่านเยว่กระซิบเสียงเบา ตอนต้มไก่ นางตั้งใจจับไก่ป่าออกมาสองตัวและใส่เข้าไปพร้อมกันดังนั้นเนื้อไก่ในหม้อนี้จึงมีมากซูจิ่นเอ๋อร์แปลกใจมาก “ตอนฆ่าไก่ป่าสองตัวไม่คิดว่า
“เกิดอะไรขึ้น? พาข้าไปดู” กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิงทีหนึ่ง ทั้งสองรีบตามจางเอ้อร์มาที่ปากถ้ำกลับพบว่าที่ปากถ้ำมีคนกลุ่มหนึ่งขวางไว้อย่างแน่นหนาส่วนคนกลุ่มนั้น ก็คือนักโทษถูกเนรเทศอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้พบก่อนหน้านี้มองพวกเขาตะโกนใส่ซุนอู่ไม่หยุด“พวกเจ้ากล้าขวางพวกเรา!”“ใช่แล้ว ถ้ำนี้มิได้เขียนชื่อพวกเจ้าเสียหน่อย ถือสิทธิ์อะไรไม่ให้พวกเราเข้าไป?”ที่แท้ตอนพวกเขาเดินทางมาถึงที่นี่ ก็มองเห็นถ้ำและต้องการเข้ามาหลบภายในแต่พวกซุนอู่เห็นพวกเขาแต่ละคนคล้ายคนโฉดชั่วก็มิปาน กลัวเกิดความวุ่นวาย สั่งให้พวกนักการขวางพวกเขาไว้ที่หน้าประตู ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาปรากฏว่าพวกเขาจับคนไว้และฝืนบุกเข้ามาระหว่างเกิดความขัดแย้งกัน ยังทำให้ศีรษะซุนอู่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วยหินก้อนเท่ากำปั้น ทำให้ซุนอู่ล้มลงไปแล้วยามกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึง ซุนอู่นอนบนพื้น เลือดไหลไม่หยุด“แม่นางกู้ เจ้ารีบเข้าไปเถอะ”คนกลุ่มนี้มิใช่คนดี ดุร้ายยิ่งกว่าโจร“ข้าเข้าไปแล้วจะทำเยี่ยงไร? อย่าเพิ่งพูดเลย”กู้หว่านเยว่ไม่เก็บสถานการณ์เล็กๆ นี้มาใส่ใจ รีบนำผ้าพันแผลไปปิดบาดแผลบนศีรษะของซุนอู่ ห้ามเลือดให
เถาเอ๋อร์คนนี้นับว่างามมาก แต่บัดนี้นักการหวงกลับไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงาม“ไสหัวไปที่ด้านข้าง!”“ท่านนักการอย่าหงุดหงิดไปเลย เถาเอ๋อร์มีความคิดอย่างหนึ่ง สามารถทำให้พวกเขาตายอยู่ภายในถ้ำทั้งหมดเลยได้ ก็ไม่รู้ว่าท่านนักการจะยินดีฟังหรือไม่”นักการหวงสนใจขึ้นมาแล้ว “เจ้าพูด”“ท่านนักการเอียงหูมาเถอะ ข้าจะบอกท่าน” ดวงตาเถาเอ๋อร์ทอประกายวาววับ นางยังไม่ลืมว่าบิดามารดาตายเยี่ยงไรลูกเห็บบนท้องฟ้ายังไม่หยุด แม้ว่าน้อยกว่าช่วงกลางวันมาก ไม่ถึงกับหล่นใส่คนตายได้ แต่ตกใส่ตัวก็ยังเจ็บอยู่เพื่อป้องกันลูกเห็บตกหนักระหว่างเดินทาง ไม่มีที่ให้พักผ่อน กอปรกับซุนอู่เองก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถเร่งเดินทางได้สุดท้ายทุกคนก็ตัดสินใจพักผ่อนภายในถ้ำหนึ่งคืนช่วงกลางคืน ทุกคนล้วนนอนหลับ กู้หว่านเยว่ลืมตา รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างดังคาด เพียงครู่เดียวซูจิ่งสิงที่ออกไปลาดตระเวนก็กลับมา สีหน้าเคร่งขรึม“เจ้าเดาได้ไม่ผิด นักการหวงลงมือดังคาด”พูดจบ จูงมือกู้หว่านเยว่ พานางออกจากถ้ำเงียบๆ มาที่ถนนสายเล็กภายนอกหิมะยามราตรีเงียบสงบ แสงจันทร์ดุจสายน้ำกู้หว่านเยว่สูดลมหายใจเย็น เพียงแวบเดียวก็มองเห็
พูดถึงหลู่ซื่อ นับตั้งแต่เขาลอบช่วยลั่วยาง ก็เริ่มไม่ใส่ใจทำงานให้มู่หรงอวี้แล้วซูจิ่งสิงรู้ภาพรวมว่าเกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว “ได้ยินว่าลั่วยางสูญเสียความทรงจำ”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด แต่คิดได้อย่างว่องไว ลั่วยางคนคลั่งรักนี้สมองน่าจะถูกกระตุ้นหนักเกินไปจนสูญเสียความทรงจำ“เพราะเหตุนี้จึงปล่อยให้คนขโมยระเบิดได้ ลั่วยางสูญเสียความทรงจำ หลู่ซื่อมองเห็นความหวังแล้ว ย่อมมอบกายใจเข้าไปอยู่ข้างกายนาง ไม่สนใจการงานอีก”ด้านซุบซิบนินทาของภรรยาตัวน้อยนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ซูจิ่งสิงถูกนางชักนำให้พูดเหน็บแนมไปด้วยกัน“หลู่ซื่อใช้เงินทั้งหมดที่มีเช่าเรือนเล็กหนึ่งหลัง ไม่เพียงให้คนพักอาศัยอยู่ภายใน ยังซื้อสาวใช้สองคนเพื่อดูแลปรนนิบัตินางกินดื่ม กระนั้นก็ยังมิได้รับสีหน้าที่ดีจากลั่วยางแม้แต่น้อย”“หา? หลู่ซื่อคนนี้เป็นพวกประจบเอาใจกระนั้นรึ?”“อืม ก็คือพวกคุกเข่าเลียแข้งเลียขาได้อย่างไร้ศักดิ์ศรี”“เช่นนั้นเขาก็เป็นพวกประจบเอาใจคนหนึ่งจริง”สองสามีภรรยาซุบซิบนินทาต่อหน้านักการหวง กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ว่ามู่หรงอวี้สมเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย เหมืองน้ำมันก๊าดถูกนางเก็บไว
“เถาเอ๋อร์?”มองเห็นใบหน้าตกตะลึงพรึงเพริดนั้น ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วทีหนึ่งกู้หว่านเยว่เองก็รู้จักอีกฝ่าย ทันใดนั้นแปลกใจอยู่บ้างแววตาเถาเอ๋อร์มืดมน กัดกลีบปาก คิดไม่ถึงศัตรูทั้งสองวาสนาดีเพียงนี้ ถึงขั้นยังไม่ถูกระเบิดตายดูท่าแล้ว การแก้แค้นให้ ‘บิดามารดา’ ไม่สำเร็จอีกแล้วทางฝั่งนั้นจางเอ้อร์ร้องตะโกน“นักการหวงถูกพวกเราจับไว้แล้ว พวกเจ้าทุกคนห้ามขยับเขยื้อน หากใครขวัญกล้าหนีหรือต่อต้าน อย่าโทษข้าไม่มีเมตตาเลย!”เพียงได้ยินว่านักการหวงถูกจับ พวกนักโทษถูกเนรเทศเหล่านั้นล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง ถูกมัดมือมัดเท้าไว้แล้วจางเอ้อร์วิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้ากู้หว่านเยว่ “นับจำนวนคนแล้ว ไม่ขาดใครไป”“ดี พวกเรากลับเถอะ”กู้หว่านเยว่ตรวจสอบรอบกายอีกหนึ่งรอบ หลังมั่นใจว่าไม่มีระเบิดหลงเหลืออยู่แล้ว นี่ถึงเตรียมตัวกลับไปหญิงอ้วนคนเมื่อครู่ยักย้ายส่ายก้นไล่ตามมา เข้าไปจับซูจิ่งสิงไว้อย่างหลงใหล“คุณชาย ท่านหล่อเหลาเหลือเกิน”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเบี่ยงตัวหลบไปที่ฝั่งหนึ่ง บุรุษชุดขาวภายใต้แสงจันทร์หล่อเหลายิ่งกว่าเซียนถูกไล่ลงจากสวรรค์“ไสหัวไป”อาจเพราะหญิงอ้วนไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร ยังยิ
กู้หว่านเยว่มองเชือกที่กระจัดกระจายบนพื้นอย่างปวดหัว ย้อนคิดถึงท่าทางอ่อนแอบอบบางของเถาเอ๋อร์ มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่านางยังมีความสามารถนี้อยู่ยิ่งไปกว่านั้นซุนอู่ให้พวกเขาดื่มหร่วนจินซ่านไปแล้ว นางยังสามารถหนีออกไปได้!เถาเอ๋อร์คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ...“แม่นางกู้ เถาเอ๋อร์คนนั้นยังทิ้งกระดาษไว้หนึ่งแผ่น แต่ข้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ”ซุนอู่พูดออกมาอย่างสงสัย กู้หว่านเยว่รีบรับกระดาษมา อ่านจบกลับเลิกคิ้วขึ้นมองเห็นบนกระดาษแผ่นนั้น ถึงขั้นเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ‘SB’ซุนอู่ไม่รู้ว่านี่มีความหมายว่ากระไร กู้หว่านเยว่กลับรู้ว่านี่คือภาษาอังกฤษหมายความว่าโง่Xเถาเอ๋อร์คนนี้ถึงขั้นเป็นผู้ข้ามภพคนหนึ่ง นางข้ามพบมาตั้งแต่ยามใดเล่า? รู้เรื่องที่บิดามารดาทำ ยังด่าพวกเขาโง่X?กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่ชมชอบเถาเอ๋อร์คนนี้ที่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ กระนั้นนี่ก็อธิบายไม่ยากแล้ว เหตุใดเถาเอ๋อร์สามารถหนีไปได้ข้ามภพนี่นา ย่อมมีทักษะอยู่ในมือ“จะให้ข้าเหล่าซุนไปจับนางกลับมาหรือไม่?”“ไม่ต้อง”รอยเท้าบนพื้นหิมะหายไปแล้วหุบเขาใหญ่เพียงนี้ ไล่ตามไปตอนนี้ก็คือแมลงวันไร้หัว เสียเวลาเดินทางกอปรกับกู้หว่านเยว
เมี่ยชิงหว่านพูดอย่างขบขัน “นางอยากให้เจ้าเป็นสามีรองนะ”“ข้าไม่เอา” ซูจื่อชิงโมโหเมี่ยชิงหว่านเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้าจะเป็นสามีให้ใครกันเล่า?”“ข้า” ซูจื่อชิงลอบมองเมี่ยชิงหว่านแวบหนึ่ง พูดงึมงำ “อย่างไรเสียข้าก็ไม่ชอบนาง ข้าชอบหญิงอ่อนโยน”“อ้อ” อ่อนโยนหรือ คล้ายไม่ใกล้เคียงกับตนเองดูท่าแล้ว ครั้งก่อนซูจิ่นเอ๋อร์พูดว่าเจ้าทึ่มคนนี้ชอบตนเอง เป็นนางพูดส่งเดชดังคาดเมี่ยชิงหว่านสะบัดมือจากไปแล้ว“นี่ พวกท่านสองคนเป็นอะไรไปอีก...” ซูจิ่นเอ๋อร์เอือมระอา ระหว่างการเดินทางไม่รู้ได้เห็นพี่รองทำให้พี่หญิงชิงหว่านโมโหกี่ครั้งแล้วหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พี่สะใภ้รองของนางต้องหายไปเป็นแน่!ก็ไม่รู้ว่ากำลังระบายความแค้นของสวีหลานลงบนตัวนางหรือไม่ ระหว่างเดินทางหลี่เฉินอันโยนงานเบ็ดเตล็ดหลากหลายอย่างให้หลี่อวิ๋นอวิ๋นทำ ยังสั่งให้หลี่อวิ๋นอวิ๋นไปขุดหิมะเก็บเห็ดอีกด้วยหลี่อวิ๋นอวิ๋นย่อมไม่ทำ โยนตะกร้าลงพื้นโดยตรง“แม่ข้าล้วนไม่ให้ข้าทำงาน เจ้านับเป็นตัวอะไร?”“ข้านับเป็นตัวอะไร ฮึๆ?” มองพี่หญิงโง่งมคนนี้ เพลิงโทสะก่อตัวขึ้นภายในใจหลี่เฉินอัน พูดประชดประชันหนึ่งประโยค “เจ้าเป็นคุณหนูสูงศ
นักการหวงแทบกระอักโลหิตตาย “ไม่ใช่ๆ ข้าพูดผิดไปแล้ว ข้าไม่เกี่ยวอันใดกับเจียงเต๋อจื้อ...”“ข้าเชื่อเจ้ากับผีสิ เจ้าพูดว่าเกี่ยวก็เกี่ยว เจ้าพูดว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวกระนั้นรึ? ตีก่อนค่อยว่ากัน!”ซูจื่อชิงระบายโทสะใส่เขาพักหนึ่ง ตีเขาจนหน้ากลายเป็นหัวหมูซุนอู่เองก็ไม่ห้าม ชนิดที่ว่าลอบมอบแผ่นรองเท้าให้อีกด้วย“จื่อชิง” ซูจิ่งสิงอยากให้เขาเลิกทำเช่นนี้ กลับถูกกู้หว่านเยว่ห้ามไว้แล้ว “ปล่อยเขาไปเถอะ เด็กคนนี้ลำบากมาตลอดทาง ให้เขาระบายอารมณ์สักหน่อยก็ดี”“...ได้” ต้องฟังคำพูดของภรรยา“ท่านมาดูว่านี่คืออะไร”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็หยิบรายงานหนึ่งแผ่นออกมา ซูจิ่งสิงรับไปพบว่าไม่ต่างจากหนังสือรับรองพิสูจน์สายเลือดครั้งก่อนมากนักเพียงแต่ผลลัพธ์กลับไม่เหมือนกัน“ยืนยันว่าหนานหยางอ๋องเป็นบิดาทางชีววิทยาของเมี่ยชิงหว่าน”“ก็หมายความว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกัน!”กู้หว่านเยว่อธิบายยิ้มๆ แม้รู้เรื่องส่วนใหญ่ของพวกเขาสองพ่อลูกตั้งแต่แรก แต่มีรายงานอันเป็น ‘หลักฐานเหล็กดุจขุนเขา’ ที่แท้จริงนี้แล้ว“เจ้าวางแผนช่วยเมี่ยชิงหว่านและหนานหยางอ๋องนับญาติกัน?”ภรรยาตัวน้อยมิใช่คนเข้าไปยุ่งให้มากเรื่อง นี
“บ่าวไปเดี๋ยวนี้เพคะ!”ชิงเหลียนหมุนกายวิ่งออกไปทันทีวันนี้คนที่เข้าเวรที่สำนักหมอนหลวงคือลั่วยางพอดี เมื่อเห็นชิงเหลียงมาเรียกคน คิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นอะไรเสียอีก รีบคว้ากล่องยาตามออกไปทันทีหลังจากตามมาจึงจะรู้เรื่องของโจวเสี้ยนจากปากชิงเหลียน“นายท่านกับฮูหยินกำลังรู้สึกผิด ไม่ว่าจะส่งใครไป ท้ายที่สุดนี่ก็คือจุดจบของเรื่องนี้ ไม่มีใครถ้าคิดว่าองค์ชายหนานเจียงจะบ้าเช่นนี้หมอหญิงลั่ว หลังจากท่านเข้าไป ต้องเกลี้ยกล่อมฮูหยินดีๆ นะ”ลั่วยางพยักหน้า “น่าสงสารโจวฮูหยินมาก”“ก็นั่นน่ะสิ กว่าจะได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”เดิมทีสกุลโจวก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว ในที่สุดโจวเสี้ยนก็ได้แต่งงานกับนาง และมาซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลวงวันดีๆ กำลังจะมาอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเพิ่งแต่งงานได้หนึ่งเดือน ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ระหว่างที่ทั้งสองสนทนา ก็ได้มาถึงตำหนักข้างที่ให้โจวฮูหยินพักชั่วคราวแล้วหลังจากลั่วยางคำนับทั้งสอง ก็เข้าไปตรวจชีพจรให้โจวฮูหยิน“เสียใจมากเกินไป ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หม่อมฉันจ่ายยาก็ดีขึ้นเองเพคะ”ลั่วยางเขียนตำรับยาหนึ่งแผ่น ให้ผู้ช่วยไปเอายาที่สำนักหมอหลวง ผ่านไปครู่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้กว่านเยว่ถามชิงเหลียนคนหนักแน่น น้อยครั้งที่จะตื่นตระหนกเช่นนี้“องค์ชายสามของหนานเจียงเพคะ”นางกำหมัดแน่น โมโหจนยากจะควบคุมอารมณ์ “เขาเหิมเกริมเกินไปแล้ว เขา เขาฆ่าแม่ทัพโจวตายแล้ว!”“อะไรนะ?”สีหน้ากู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเปลี่ยนฉับพลันโจวเสี้ยนเป็นคนไปต้อนรับทูตหนานเจียงหลังจากโจวเสี้ยนยอมจำนนที่ด่านหานกู่ ก็กลายเป็นขุนนางคนสำคัญของซูจิ่งสิง ทั้งสองคิดไม่ถึงว่าคนหนานเจียงจะใจกล้าถึงขั้นฆ่าเขา“ทำไมถึงฆ่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าซูจิ่งสิงขรึมลงโจวเสี้ยนอายุยังน้อย เพิ่งแต่งงานเดือนที่แล้วชิงเหลียนกล่าวตอบ “ข่าวที่ส่งกลับมาบอกว่าแม่ทัพโจวลวนลามสนมรักขององค์ชายสาม ด้วยความโกรธ องค์ชายสามจึง…ฆ่าเขา”นางหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก“ใช่แล้ว นี่คือหนังสือยอมรับผิดขององค์ชายสามหนานเจียง”สีหน้าซูจิ่งสิงดูน่าเกลียดมาก เขารับหนังสือยอมรับผิดมา ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง“เขาเขียนว่าอะไร?”“เจ้าดูสิ”กู้หว่านเยว่รับหนังสือยอมรับผิดมาจากมือซูจิ่งสิง หลังจากอ่านครู่หนึ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ซูจิ่งสิงโกรธเช่นนี้ นางก็โมโหเช่นกันองค์ชายสามคนนี้แสร้งเขี
ทว่าท่าทีของซูจิ่งสิงแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยเห็นธัญพืชเช่นนี้มาก่อน“มองใบสีเขียวมรกตนี้ หรือว่าจะเป็นผัก?” ซูจิ่งสิงถามตอบด้วยตนเอง ทำเสียจนกู้หว่านเยว่หัวเราะดังลั่น“ของกินนี้เรียกว่ามันฝรั่ง อีกทั้งยังสามารถเรียกว่ามันฝรั่งหม่าหลิงได้อีกด้วย ใบของมันไม่ได้นำมากิน หัวมันฝรั่งโตที่รากต่างหากที่นำมากินเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่อธิบายซูจิ่งสิงเข้าใจในทันใด “คล้ายมันเทศใช่หรือไม่?”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ส่งจอบให้อันหนึ่ง“ท่านพี่ ท่านขุดออกมาดูเถอะ”“ได้”ซูจิ่งสิงรับจอบไป เดินมายังตำแหน่งใกล้ที่สุด ขุดดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นดึงรากของมันฝรั่งออกมาปริมาณมันฝรั่งภายในมิติชวนให้คนตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นรูปร่างอ้วนกลมยังทำให้คนชอบมาก“รสชาติเจ้าสิ่งนี้เป็นเช่นไร?”ซูจิ่งสิงแปลกใจอยู่บ้าง เจ้าสิ่งที่เรียกว่า “มันฝรั่ง” นี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยกินมาก่อนด้วยไม่รู้ว่าเทียบกับมันเทศที่คล้ายกันแล้วจะมีรสชาติเช่นไร“ไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”กู้หว่านเยว่จูงซูจิ่งสิงมายังพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งเพื่อแสดงรสชาติอร่อยที่สุดของมันฝรั่ง กู้หว่านเยว่ไม่ได้ใช้ครัวอ
“หนานเจียงส่งคนมาแล้ว?”ดวงตาเฟิ่งอู๋ชีเผยแววประหลาดใจ “ส่งใครมาหรือ?”“องค์ชายสามหนานเจียง” กู้หว่านเยว่พูดเฟิ่งอู๋ชีเผยสีหน้าเย้ยหยันตนเอง ก้มหน้าเล่นถ้วยชาบนโต๊ะ“เป็นเฟิ่งหวู่โจวนี่เอง”“เขาน่ะ มีความสัมพันธ์อันดีกับเสด็จพี่ใหญ่ของข้ามากที่สุด”ความเสียใจบนใบหน้าเขาสะท้อนออกอย่างชัดเจน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงล้วนสามารถรับรู้ได้ ทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่งจึงเอ่ยถามไล่เรียง“เฟิ่งอู๋ชี พูดเช่นนี้อาจล่วงเกินท่านอยู่บ้าง แต่ตกลงสถานการณ์ที่หนานเจียงของท่านเป็นเช่นไรกันแน่?”เฟิ่งอู๋ชีเบือนหน้าหนี เขาถูกกระตุ้นให้นึกถึกเรื่องที่เสียใจจึงหลีกเลี่ยงคำถามของทั้งคู่“ข้าบอกพวกท่านได้เพียงว่าน้องสามของข้าท่านนี้ไม่มีอันใดน่ากลัว เขาเป็นสุนัขตัวหนึ่งของเฟิ่งหมิงกวง ขอเพียงพวกท่านจับเฟิ่งหมิงกวงไว้ได้อยู่หมัดก็เท่ากับจับเขาไว้ได้แล้ว”แม้ว่ากู้หว่านเยว่อยากสืบข่าวให้มากยิ่งกว่านี้ แต่เห็นว่าเฟิ่งอู๋ชีถูกพูดแทงใจ นางเองก็ไม่ได้ถามต่อ“ได้ ท่านพักผ่อนดีๆ พวกเราจะมาเยี่ยมท่านใหม่วันหลัง”นางลุกขึ้นบอกลา“น้อมส่งฝ่าบาท น้อมส่งฮองเฮา”เฟิ่งอู๋ชีอยากลุกขึ้นทำความเคารพ กลับถูกกู้หว่านเยว่
“คนที่ส่งมาคือใคร?”“องค์ชายสามของหนานเจียงพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชายสาม?”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง หนานเจียงไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมานานหลายปี พวกเขารู้เรื่องหนานเจียงน้อยมาก ย่อมไม่รู้จักองค์ชายสามคนนี้ดังนั้นสองคนจึงตัดสินใจไปสอบถามเฟิ่งอู๋ชีก่อน“ช่วงนี้ร่างกายของเฟิ่งอู๋ชีเป็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามชิงเหลียน ช่วงนี้เป็นนางเฝ้าเฟิ่งอู๋ชีอยู่ตลอด“หลังท่านมอบเลือดของเทพเต่าให้เขาแล้ว เขาปรุงสมุนไพรด้วยตนเองจึงดีกว่าแต่ก่อนมากเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าได้รู้ว่าเลือดเต่าของเฟิ่งอู๋ชีถูกเฟิ่งหมิงกวงขโมยไป กู้หว่านเยว่ก็เข้าไปในมิติปรึกษากับเต่าทะเลยักษ์หนึ่งรอบ หวังว่าจะได้รับเลือดจากตัวมันอีกเล็กน้อยแน่นอน ภายในใจนางนับเต่าทะเลยักษ์เป็นสหายแล้วหากเต่าทะเลยักษ์ไม่ยอม นางย่อมไม่บังคับเต่าทะเลยักษ์ยอมรับกู้หว่านเยว่ในฐานะเจ้านายอย่างมาก ได้รู้ว่ากู้หว่านเยว่ทำเพื่อช่วยสหายของตนก็ยื่นกรงเล็บน้อยๆ ออกไปอย่างไม่ลังเล ให้กู้หว่านเยว่เจาะเลือดหลังกู้หว่านเยว่รับไปแล้วก็รีบไปหาเฟิ่งอู๋ชีและมอบเลือดเต่าทะเลให้เขาหลังจากนั้นเขาก็พักรักษาตัวภายในตำหนักแห่งหน
ตอนหวงจูเข้าวัง ใต้เท้าหวงและหวงฮูหยินคิดว่าลูกสาวจะไปเป็นสนมสรุปคือคนพลิกบทบาทไปในเวลาเพียงชั่วพริบตา กลายเป็นขุนนางคนสนิทของกู้หว่านเยว่เสียแล้วหวงจูสวมชุดแดงใส่หมวกขุนนางกลับบ้าน ทั้งสองคนยังตอบสนองไม่ทัน ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่“ลูกสาว เจ้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นสนมหรือ เหตุใดเป็นขุนนางแล้วเล่า?”ดูแล้วขุนนางนี้ ตำแหน่งไม่เล็กใต้เท้าหวงขยี้ตา เขายังไม่ตื่นหรือ?“ท่านพ่อ ท่านดูไม่ผิด บัดนี้ลูกรับราชการในราชสำนักเหมือนท่านแล้ว”หวงจูคลี่ยิ้มอย่างฉลาดหลักแหลม“ฮองเฮาแต่งตั้งลูกเป็นรองผู้คุมสอบขุนนางในครั้งนี้เจ้าค่ะ”สองผู้เฒ่าสกุลหวง ‘?’“นี่ตกลงเกิดอันใดขึ้นกันแน่?”ใต้เท้าหวงใกล้หมดสติเต็มที“ท่านพ่อ ฮองเฮาตัดสินใจเปิดการสอบพระราชทานของสตรีในปีนี้ ฮองเฮาถูกใจลูก ทำลายกฎเกณฑ์เป็นพิเศษ จัดการสอบพระราชทานในครั้งนี้ขึ้นเจ้าค่ะ”สีหน้าหวงจูเรียบเฉย กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากภายในใจ ความหวังและความใฝ่ฝันของนางก็จะเป็นจริงแล้ว“จูเอ๋อร์”แววตาใต้เท้าหวงทอประกาย“เจ้าบอกพ่อ ตั้งแต่เข้าวัง เจ้าก็วางแผนไว้แล้วใช่หรือไม่?”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”หวงจูยกชาขึ้น พยักหน้าอย่างจริงจั
กู้หว่านเยว่โบกมือ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายลุกขึ้น“กำลังจะกินมื้อเช้าพอดี”กู้หว่านเยว่ล้างหน้าบ้วนปากแล้วก็วางผ้าเช็ดหน้าไว้ที่ฝั่งหนึ่ง สั่งคนไปยกอาหาร“เจ้าเองก็ยังไม่ได้กินข้าวกระมัง? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็นั่งลงทางด้านข้าง กินไปด้วยพูดไปด้วยเถอะ”ท่าทีเป็นกันเองของนางทำให้หวงจูแปลกใจ แววตายามทอดมองนางเปี่ยมความชื่นชม“บ่าวขอบพระทัยฮองเฮามากเพคะ”ทั้งสองคนนั่งลงพร้อมกัน หวงจูกลับไม่กล้ากินจริง ที่ทำมากที่สุดคือปรนนิบัติกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่เองก็อยากฉวยโอกาสนี้ทดสอบหมิงจู ดูว่าตกลงนางมีความสามารถมากเพียงใด ปราฎว่าทดสอบดูแล้วพบว่าอีกฝ่ายมีความคิดล้ำสมัยอย่างแท้จริง“เจ้าอ่านหนังสือไม่น้อย”“หลังกินเสร็จแล้วเจ้าอย่าเพิ่งไป ข้าจะให้คนทดสอบเจ้า”นางกำลังขาดผู้อยู่ใต้อาณัติไว้ใช้งานดีหวงจูชะงักไป จากนั้นดีใจอย่างบ้าคลั่ง“บ่าวขอบพระทัยฮองเฮามากเพคะ”เรื่องนี้มีหวังแล้ว!“เจ้าไปเชิญใต้เท้าเว่ยเว่ยเฉิงมาสักเที่ยวหนึ่ง”กู้หว่านเยว่สั่งหงเจาหนึ่งประโยค“เพคะ”หงเจาพยักหน้า จากนั้นรีบออกไปตามคนรอจนกระทั่งกู้หว่านเยว่กินข้าวเรียบร้อยแล้ว เว่ยเฉิงก็เดินทางเข้ามาจากนอกวัง กำล
ชิงเหลียนมองออกไป แล้วรีบกราบทูลรายงานว่า “นี่คือคนที่สกุลหวงส่งเข้ามาเมื่อหลายวันก่อน บอกว่าเข้ามาดูแลท่านเป็นพิเศษ ข้าเห็นว่านางเป็นคนว่านอนสอนง่าย จึงพานางมาที่นี่เจ้าค่ะ”หวงจูรีบหมุนตัวกลับมา นางมองกู้หว่านเยว่อย่างชื่นชม ก่อนจะรีบก้มหน้าลง คุกเข่าตรงหน้าของกู้หว่านเยว่“ข้าหวงจู ขอคารวะพระมเหสี ขอให้พระมเหสีทรงมีอายุยืนยาวเป็นพัน ๆ ปี เป็น หมื่น ๆปี”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง“เจ้าคือบุตรสาวของใต้เท้าหวง”นางมีความประทับใจต่อขุนนางอย่างใต้เท้าหวง ทำไมนะหรือ? ไต้เท้าหวงผู้นี้มีตำแหน่งไม่ธรรมดา อีกทั้งยังยังเคยทำงานภายใต้การดูแลของมู่หรงถิงมาก่อนตามหลักแล้ว นางจะต้องสืบค้นอย่างแน่นอนทว่าหลังจากที่สืบค้นแล้ว พบว่าสกุลหวงไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ใต้เท้าหวงไม่ใช่ขุนนางทุจริต ดังนั้นจึงปล่อยผ่านไม่ได้สืบค้นตระกูลของพวกนาง ตอนนี้ใต้เท้าหวงยังคงดำรงตำแหน่งเดิม“พระมเหสีทรงความจำดียิ่งนัก ท่านพ่อของข้าคือจงเฉิงหวงเหรินในตอนนี้”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดใต้เท้าหวงไม่ใช่ขุนนางชั้นผู้น้อยในราชสำนัก บุตรสาวของเขาก็นับว่าสามารถขึ้นเป็นพระชายาของท่านอ๋องได้ เหตุใดถึงส่งนางมา
จงหลี่ไม่ไป ตัดสินใจว่าจะตายไปพร้อมกับพวกเขาทุกคนต่างก็ซาบซึ้งใจและลำบากใจในเวลาเดียวกัน“ฝ่าบาท”ชิงเยี่ยนน้ำตาไหลพราก นัยน์ตาของจงหลี่เลื่อนมาหยุดอยู่ที่เขา ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าและตบบ่าของเขาด้วยความเชื่อมั่น“ชิงเหยียน เจ้าไปเถอะเจ้าคือองครักษ์ของข้า คือคนที่ข้าเห็นการเติบโตและเป็นคนที่ข้าเชื่อใจที่สุดเจ้าจงนำอารยธรรมของเมืองตงโจวไปตามหาหว่านเยว่ที่ต้าฉี”ในใจของเขายังเป็นห่วงน้องสาว“หลังจากที่เจอหว่านเยว่แล้ว จำไว้ บอกนางจงใช้ชีวิตอยู่ในต้าฉีให้ดี ห้ามกลับมาเมืองตงโจวอีก”“ฝ่าบาท!”ชิงเยี่ยนแสดงสีหน้าตื่นตกใจ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ต้องจากไปคือตัวเอง“ไม่ ฝ่าบาท ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่กับท่าน”ชิงเยี่ยนแทบจะคุกเข่าร้องไห้ กอดขาของจงหลี่ไว้“ฝ่าบาท ท่านอย่าไล่ข้าเลยเขอรับ ให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากจากไปจริง ๆ”ฝ่าบาทมีพระคุณกับเขามากมายดั่งภูผา เขาจะทิ้งฝ่าบาท แล้วหนีเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวได้อย่างไร?เขาทำไม่ได้ชิงเยี่ยนน้องไห้น้ำตานองหน้า ส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียวจงหลี่ทอดถอนใจ แล้วประคองเขาขึ้นมา “ชิงเยี่ยน ทำไมข้าถึงต้องให้เจ้าไป? ประการแรกคื