แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสมที่จะพาเมี่ยชิงหว่านเข้าไปแนะนำตัวกับครอบครัวแล้ว กู้หว่านเยว่พูดได้เพียงว่า“ข้าจะพาเจ้ากลับไปก่อน”ทั้งสองกลับมาถึงหอนอนรวม เมี่ยชิงหว่านทักทายคำหนึ่งแล้วไปเก็บข้าวของ ซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าไม่ยินดีของพวกนาง ก็รู้แล้วว่าหนนี้ไม่ราบรื่น“ผิดพลาดหรือ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว พลางดึงซูจิ่งสิงไปทางด้านหนึ่ง“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฝ่ายหนานหยางอ๋องหาคุณหนูรองพบแล้ว”เรื่องนี้ทำให้ซูจิ่งสิงประหลาดใจมากกว่าเกิดความผิดพลาดเสียอีกจู่ ๆ คุณหนูรองที่หายตัวไปนานกว่าสิบปีก็มาหาถึงหน้าบ้าน ซ้ำยังอยู่ในภูเขาหิมะที่อยู่ห่างไกล แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่ปกติ“จากที่สมมติฐานของเจ้า ความสัมพันธ์ระหว่างเมี่ยชิงหว่านกับหนานหยางอ๋องมีความเกี่ยวข้องกันแปดถึงเก้าส่วน บนโลกนี้ไม่มีทางมีเรื่องบังเอิญเช่นนั้น คนของหนานหยางอ๋องส่วนใหญ่เป็นพวกจอมปลอม”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างครุ่นคิด“ข้ามีวิธีพิสูจน์ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดหรือไม่ แต่ว่า ต้องไปหาหนานหยางอ๋องอีกรอบ เพื่อให้ได้เห็นคุณหนูรองนั่น”...ทางด้านนี้ หนานหยางอ๋องกำลังนั่งอยู่หน้าเตียง จับมือเด็กสาวนางหนึ่งด้วยควา
เดิมทียังคิดว่าต้องยากลำบากพอสมควร กว่าจะได้รับความไว้วางใจจากชายชราผู้นี้ ไม่คิดว่าจะง่ายดายเช่นนี้ชื่อและสมญานามของคุณหนูสายตรงแห่งจวนหนานหยางอ๋องผู้มั่งคั่งล้นฟ้านี้ ก็คือของนางแล้ว!“คุณหนูรอง” ตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดหนานหยางอ๋องเปลี่ยนชื่อให้นางแล้ว นามว่าฟู่ชิงทุกคนต่างยินดีปรีดาที่สองพ่อลูกได้หวนกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน มีเพียงหวังปี้ที่เห็นฟู่ชิงแล้วขัดหูขัดตา พลางบ่นพึมพำ“เคยคิดเสมอว่าคุณหนูรองเป็นเทพธิดาเช่นเดียวกับอดีตพระชายา ทว่า...เหตุใดนิสัยใจคอถึงหยาบคายนัก”เรื่องนี้ย่อมไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้า ท่านอ๋องผู้เฒ่ากำลังปลื้มฟู่ชิง ได้ยินเข้าอาจจะถลกหนังเขาก็ได้เมื่อหันไปก็เห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเข้ามา เลยรีบออกไปต้อนรับพวกเขา ได้เห็นมารยาร้อยเล่มเกวียนของฟู่ชิงที่นี่พอดี“พวกเจ้ามาจนได้ ช่วยข้าให้รอดพ้นจากหายนะ”กู้หว่านเยว่งุนงงไม่เข้าใจ “ศึกษาและผลิตยาถอนพิษเรียบร้อยแล้ว ข้าเอามาให้ท่านอ๋องเสวย ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหาธิดาพบแล้ว โชคสองชั้นมาเยือนจริง ๆ”หนานหยางอ๋องได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่มาแต่ไกล จึงรีบพูดขึ้นว่า“แม่นางกู้ เจ้ามาได้เวลาพอดี มือและเท้าของชิ
ขุนพลหวัง ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าถึงดูแย่เช่นนี้?”หวังปี้ยิ้มตอบว่า “ไม่มีอะไร แค่ทนเห็นท่าทางคุณหนูรองนั่นไม่ได้”เขาแค่ไม่เข้าใจ ยังนึกว่าคุณหนูรองโตแล้วไม่ใช่คนที่เหมือนเทพธิดา แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่กับคนเมื่อครู่นี้ เขาไม่คุ้นชินจริง ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทางที่ฟู่ชิงยิ้มให้หนานหยางอ๋อง มันไม่บริสุทธิ์ใสซื่อเลยสักนิด ในสายตาเต็มไปด้วยการคิดคำนวณน่าเสียดายที่ท่านอ๋องหลงใหลได้ปลื้ม คิดแต่ว่านางดี“ยังไงข้าก็รู้สึกว่า หญิงผู้นี้ไม่ใช่คุณหนูรองตัวจริง”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบสายตากันแวบหนึ่ง“คนที่สามารถทำให้ขุนพลหวังเกลียดชังได้มีไม่มากนัก เอาล่ะ พวกข้าได้ทิ้งยาถอนพิษไว้ให้แล้ว ก็ต้องกลับแล้วล่ะ หากมีเรื่องอะไร ท่านค่อยมาหาพวกข้าใหม่”“อืม”หวังปี้พยักหน้าทั้งสองเดินกลับไปตามทาง เมื่อซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของกู้หว่านเยว่ ก็อดถามไม่ได้“ฟู่ชิงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“อืม”กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างมั่นใจ“ปานบนมือของฟู่ชิงเป็นของปลอม สักขึ้นมาทีหลัง”นอกจากเรื่องนี้ นางยังถอนเส้นผมของทั้งสอง วางไว้ในหอแห่งโอสถเพื่อทำการวิเคราะห์แล้วอีกสั
“ไม่มีความเป็นไปได้ที่หนานหยางอ๋องจะเป็นบิดาในทางชีววิทยาของฟู่ชิง?หว่านเยว่ นี่มันหมายความว่ายังไง?”“ความหมายก็คือระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมต่อกัน”“ฟู่ชิงไม่ใช่คุณหนูรองตัวจริง”กู้หว่านเยว่อธิบายการคาดเดาของนางถูกต้อง “คุณหนูรอง” คนนั้นเป็นตัวปลอมดังคาดแต่กู้หว่านเยว่ก็ยังมีข้อสงสัย “ถึงจะมีหลักฐานที่แน่ชัดแล้ว แต่หนานหยางอ๋องก็กำลังดื่มด่ำอยู่กับความยินดีที่หาตัวธิดาพบถ้าตอนนี้พวกเราไปเปิดโปง ไม่ใช่แค่จะถูกเกลียดชังเท่านั้นแต่การพาเมี่ยชิงหว่านไปพบครอบครัวด้วย อาจถูกมองว่ามีเจตนาแอบแฝงก็ได้”ซูจิ่งสิงก็คิดเช่นเดียวกัน “ควรเลื่อนเรื่องการพบครอบครัวออกไปก่อนดีกว่า”อันที่จริงเขาก็อยู่ที่นั่นไม่ไปไหนอยู่แล้วแม้ว่าหนานหยางอ๋องจะได้ยาถอนพิษแล้ว แต่ก็จะไปไหนสักพัก ต้องให้กู้หว่านเยว่ตรวจวินิจฉัยอีกสองครั้งว่ามีพิษตกค้างหรือไม่กล่าวคือก่อนหน้านั้น พวกเขายังมีโอกาสเปิดโปง “คุณหนูรอง” อยู่หลังจากหารือกันแล้ว กู้หว่านเยว่ก็โยนผลรายงานเข้าไปในมิติ แล้วเร่งการเดินทางต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากเดินไปได้สักพัก ซูจิ่นเอ๋อร์ก็ชี้ไปที่ป่าโกร
“แผล แผลฝีดาษ?”หลี่เฉินอันอยากส่องกระจกขึ้นมาทันใด...อีกด้านหนึ่ง สวีหลานเพิ่งพบว่าลูกน้องสองคนถูกฆ่าตายแล้ว“เจ้าเด็กหนุ่มหลี่เฉินอันนั่น อยู่กับแม่ที่มีภูมิหลังต่ำต้อย ไม่มีความสามารถเช่นนี้แน่นอนยอดฝีมือสูงส่งผู้ใดกันที่คอยช่วยเขาอยู่?”สวีหลานอัดอั้นไปด้วยความสงสัยแม่นมอู๋ที่อยู่ทางด้านหนึ่งก็อยากรู้เช่นกัน “ข้างกายคุณชายมีเพียงเด็กรับใช้คนเดียว ไม่มียอดฝีมือแม่ของเขาก็ตายไปแล้ว เหลือเพียงลุงเกิ่งกวง แต่เกิ่งกวงก็อยู่ไกลถึงเจดีย์หนิงกู่ ตอนนี้ไม่สามารถรับข่าวสารใด ๆ แน่นอน”สวีหลานกุมหน้าผาก“จะปล่อยให้เขามีชีวิตรอดกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ไม่ได้ ส่งคนออกไปตามหาเขาอีกครั้ง ต้องหาเขาให้พบ แล้วฆ่าเขาซะ”ระหว่างการสนทนา จู่ ๆ ก็มีเสียง “หยุดรถ!” ดังมาจากภายนอกรถม้าจากนั้นหญิงอ้วนก็ปีนเข้ามาจากภายนอกคนที่เข้ามาก็คือหลี่อวิ๋นอวิ๋น ลูกสาวคนเดียวของสวีหลานทันทีที่นางเข้ามาก็โผเข้าหาอ้อมกอดของสวีหลาน จนเกือบจะชนแม่ของนางสลบไป“ท่านแม่ เมื่อกี้พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”สวีหลานผลักนางออกไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว อีกหน่อยก็ถึงเวลาหารือเรื่อ
กู้หว่านเยว่เปิดระบบ เริ่มค้นหาว่าในระยะใกล้เคียงนี้มีที่ซ่อนหรือไม่ทางฝั่งนั้นซูจิ่งสิงเห็นนางตกอยู่ในอาการเหม่อลอย ก็รู้ว่านางกำลังเข้าไปอยู่ในมิติ รีบถอดเสื้อคลุมกำบังศีรษะของนางไว้ ป้องกันมิให้หิมะกัดได้รับบาดเจ็บครั้งนี้กู้หว่านเยว่ใช้เวลาค้นหานานไปบ้าง ยังดีหลังผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง นางก็ลืมตาขึ้น“ท่านพี่ ห้าร้อยหมี่ด้านหน้ามีถ้ำแห่งหนึ่ง พวกเรารีบไปเร็วเข้า!”“ได้”ดวงตาซูจิ่งสิงทอประกาย จับเชือกลาเทียมเกวียน มุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งนั้นพวกนักการแห่งศาลาว่าการที่กำลังมองรอบข้างอย่างตกตะลึงและนักโทษถูกเนรเทศทางด้านหลังเองก็รีบตามมาหลังผ่านภัยพิบัติมาหลายครั้ง พวกเขาก็พลอยคล้อยตามกู้หว่านเยว่อย่างไม่คิดโต้แย้ง“สหายซู แม่นางกู้ พวกเจ้าเดินทางช้าหน่อย!”ซุนอู่ตะโกนเสียงดังพื้นหิมะลื่นมาก ต้องการเร่งความเร็วทำได้ยากยิ่งกู้หว่านเยว่เห็นลูบเห็บยิ่งมายิ่งใหญ่ ศีรษะภายใต้เสื้อคลุมรู้สึกปวดอยู่บ้าง รีบหันกลับไปร้องตะโกน “พี่ใหญ่ซุน ให้ทุกคนเร่งฝีเท้า ข้างหน้ามีถ้ำ”“อะไรนะ? มีถ้ำ!”สีหน้าซุนอู่ดีใจมาก เขาก็รู้กู้หว่านเยว่ต้องมีหนทาง รีบออกแรงตามไปพวกนักโทษถูกเนรเทศเหล่าน
เซิ่งฮูหยินยิ่งไม่ต้องพูดมาก ก่อนนี้นางก็เริ่มลอบยัดเงินให้กู้หว่านเยว่แล้วกู้หว่านเยว่หัวเราะ สอนทุกคนทำเสื้อบุนวมหาเงิน ก็ต้องการผลลัพธ์เช่นนี้นี่ล่ะย่อมไม่สามารถอุปถัมภ์พวกเขาชั่วชีวิตได้ ต่อให้ภายในมิติของนางมีเสบียงอาหารมากเพียงนั้น นั่นก็ไม่สมจริงเท่าใดนักทุกคนมิได้ทำให้นางผิดหวัง แต่ละคนรู้จักตอบแทนบุญคุณ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น“ได้ เช่นนั้นก็ทำอย่างที่พวกท่านพูด มอบเงินให้ก็แล้วกันไก่ป่านี้จับมาได้ เห็ดข้าเก็บมาจากข้างทาง มิได้ใช้เงินมากมายอันใด พวกท่านหนึ่งครอบครัวให้ข้าสิบอีแปะก็พอจิ่นเอ๋อร์ เจ้าไปเก็บเงินเถอะ”“...ได้!”ไก่ตุ๋นเห็ดสิบอีแปะ สำหรับการเดินทางเนรเทศนี้นับว่าถูกมากจริงๆทุกคนรำลึกถึงความดีของกู้หว่านเยว่ ต่างพากันมอบเงินให้ซูจิ่นเอ๋อร์ซูจิ่นเอ๋อร์หยิบถุงใส่เงินใบหนึ่งออกมา ใส่เงินของทุกคนอย่างดี จากนั้นเก็บไว้ติดตัวต่อมาหยิบกระบวย ตักน้ำแกงและเนื้อไก่ให้ทุกคน“ให้เด็กมากหน่อย”กู้หว่านเยว่กระซิบเสียงเบา ตอนต้มไก่ นางตั้งใจจับไก่ป่าออกมาสองตัวและใส่เข้าไปพร้อมกันดังนั้นเนื้อไก่ในหม้อนี้จึงมีมากซูจิ่นเอ๋อร์แปลกใจมาก “ตอนฆ่าไก่ป่าสองตัวไม่คิดว่า
“เกิดอะไรขึ้น? พาข้าไปดู” กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิงทีหนึ่ง ทั้งสองรีบตามจางเอ้อร์มาที่ปากถ้ำกลับพบว่าที่ปากถ้ำมีคนกลุ่มหนึ่งขวางไว้อย่างแน่นหนาส่วนคนกลุ่มนั้น ก็คือนักโทษถูกเนรเทศอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้พบก่อนหน้านี้มองพวกเขาตะโกนใส่ซุนอู่ไม่หยุด“พวกเจ้ากล้าขวางพวกเรา!”“ใช่แล้ว ถ้ำนี้มิได้เขียนชื่อพวกเจ้าเสียหน่อย ถือสิทธิ์อะไรไม่ให้พวกเราเข้าไป?”ที่แท้ตอนพวกเขาเดินทางมาถึงที่นี่ ก็มองเห็นถ้ำและต้องการเข้ามาหลบภายในแต่พวกซุนอู่เห็นพวกเขาแต่ละคนคล้ายคนโฉดชั่วก็มิปาน กลัวเกิดความวุ่นวาย สั่งให้พวกนักการขวางพวกเขาไว้ที่หน้าประตู ไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาปรากฏว่าพวกเขาจับคนไว้และฝืนบุกเข้ามาระหว่างเกิดความขัดแย้งกัน ยังทำให้ศีรษะซุนอู่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วยหินก้อนเท่ากำปั้น ทำให้ซุนอู่ล้มลงไปแล้วยามกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึง ซุนอู่นอนบนพื้น เลือดไหลไม่หยุด“แม่นางกู้ เจ้ารีบเข้าไปเถอะ”คนกลุ่มนี้มิใช่คนดี ดุร้ายยิ่งกว่าโจร“ข้าเข้าไปแล้วจะทำเยี่ยงไร? อย่าเพิ่งพูดเลย”กู้หว่านเยว่ไม่เก็บสถานการณ์เล็กๆ นี้มาใส่ใจ รีบนำผ้าพันแผลไปปิดบาดแผลบนศีรษะของซุนอู่ ห้ามเลือดให
เมื่อเห็นว่าดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า รอบกายมืดมิดลมแรง บนพื้นเองก็มองได้ไม่ชัดเจนกู้หว่านเยว่มองเข้าไปในมิติแวบหนึ่ง บัดนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว“หนานหยางอ๋อง ฟ้ามืดเกินไป เหล่าทหารเร่งเดินทางย่อมไม่สะดวกเจ้าค่ะ”เร่งเดินทางยามฟ้ามืดย่อมพลาดพลั้งได้อย่างง่ายดายในเวลานี้ ภายในป่าลึกยังมีอสรพิษมากมายนัก“มิสู้พวกเราหาที่แห่งหนึ่ง พักผ่อนสักสองชั่วยามเถอะ”รอพักผ่อนเอาแรงดีแล้วค่อยเดินทางต่อก็ไม่สายหนานหยางอ๋องพยักหน้าหลังกองทัพใหญ่ออกเดินทางจากแม่น้ำมู่ตานก็ไม่ได้พักผ่อนอีกเลยอาศัยช่วงฟ้ามืด พักผ่อนสองสามชั่วยามก็ไม่เป็นไร“ให้กองทัพใหญ่หยุด พักผ่อนอยู่กับที่ แจกจ่ายเสบียงอาหาร!”หนานหยางอ๋องออกคำสั่งกับขุนพลหลี่เหล่าหลี่ร้องตะโกนเสียงแหบ “ทหารทุกนายพักผ่อนอยู่กับที่ ดื่มน้ำ กินเสบียงอาหาร!”“ขอรับ!”ทุกคนทำตามคำสั่งของหนานหยางอ๋อง นั่งลงพักผ่อนเพื่อความสะดวก ทหารทุกคนล้วนพกอาหารแห้งและถุงน้ำแขวนไว้ข้างเอวหลังนั่งลงไปแล้ว ทุกคนก็หยิบอาหารแห้งออกจากใต้วงแขน เปิดถุงน้ำ เริ่มเพิ่มพลังงานทว่าอาหารแห้งที่พวกเขากิน มิใช่อาหารแห้งแข็งๆ อีกแต่เป็นเปี๊ยะอัดแท่งที่กู้ห
เดิมทีกองทัพเจดีย์หนิงกู่ก็มีคนไม่มาก ตระหนักถึงปัจจัยรอบด้าน ซูจิ่งสิงจึงให้กองทัพใหญ่อยู่ที่สมรภูมิหลักหนานหยางอ๋องและกู้หว่านเยว่นำทหารชั้นยอดไปเพียงหนึ่งพันนายทหารชั้นยอดหนึ่งพันนายนี้ เป็นกองกำลังเฝ้าระวังอยู่ที่ชายแดนกับหนานหยางอ๋องในปีนั้นกู้หว่านเยว่เปลี่ยนชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด หอกดาบไม่ทะลุให้กับพวกเขา จับคู่กับหอกยาวที่แหลมคมที่สุดขี่ม้ากำยำแข็งแรงที่สุดของสกุลกงซุนคนกลุ่มนี้เน้นการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ วางแผนทำให้เมืองเหยาไม่ทันตั้งตัวหนานหยางอ๋องหยิบแผนที่ออกมา ชี้ไปยังคูเมืองสองสามแห่งข้างบน“พระชายา เจ้าดูนี่กึ่งกลางระหว่างพวกเราและเมืองเหยา ยังมีคูเมืองสองแห่งอยู่พวกเราสามารถอ้อมเข้าภูเขาเหยา โจมตีเมืองเหยาก่อนได้จากนั้นย้อนกลับมาโจมตีคูเมืองสองด้านพร้อมท่านอ๋อง”แท้จริงแล้ว ต่อให้ไม่ใช่เพื่อสกุลหลินไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องมาโจมตีเมืองเหยาแห่งนี้เมืองเหยาเป็นจุดยุทธศาสตร์ นับเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตงเป่ยและหัวเป่ย“หากโจมตีเมืองเหยา ข้ามด่านก็คือที่ราบกว้างใหญ่ของหัวเป่ยแล้ว”หาไม่แล้วเหตุใดกองโจรพเนจรกลุ่มนั้นถึงไม่โจมตีคูเมือง แต่ลงมือกับเม
“ไม่ได้”ซูจิ่งสิงคัดค้านในทันทีทันใด เขาส่งผู้นำที่เหมาะสมไปแล้ว“เจ้าจงอยู่กับข้าที่นี่”ในสนามรบดาบกระบี่ไม่มีตา ก่อนหน้านี้ไปตามหาองค์หญิงใหญ่ยังไม่เท่าไร แต่หากเป็นแนวหน้าก็อาจได้รับบาดเจ็บทุกเมื่อ“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถมาก แต่สถานการณ์ในสนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา หากเจ้าได้รับบาดเจ็บ หลบเข้ามิติไม่ทัน”ซูจิ่งสิงไม่หวังให้กู้หว่านเยว่ได้รับบาดเจ็บ“ไม่เป็นไร ท่านยังไม่รู้ความสามารถของข้าอีกหรือ?”กู้หว่านเยว่จับมือเขาไว้อย่างจริงจัง“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารับปากกท่านตาท่านยายแล้วว่าจะพาญาติผู้พี่กลับมาอย่างปลอดภัยตอนพวกเราถูกเนรเทศ พวกเขาเคยยื่นมือเข้าช่วย มอบความช่วยเหลือยามทุกข์ยากข้าไม่อยากติดค้างพวกเขาเจ้าค่ะ”แต่ไหนแต่ไรมากู้หว่านเยว่เป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทนหากนางติดตามไป ก็ย่อมมีความหวังในการตามหาหลินเพียวเพียวมากยิ่งขึ้นเห็นว่าซูจิ่งสิงยังคิดปฏิเสธ กู้หว่านเยว่จึงปรึกษากับเขาอีกครั้ง“ญาติผู้พี่กำลังตั้งครรภ์ ต่อให้ตามหาเบาะแสของนางพบ แต่การเดินทางลำบากมาก ยากจะรับรองได้ว่านางจะไม่เป็นไรหากข้าติดตามไปด้วย หลังพบนางแล้ว ข้าก็สามารถทำให้นางหมดสติแล
กู้หว่านเยว่เข้าใจในทันใด มิน่าเล่าคนเหล่านี้ท้องร้องโครกคราก ท่าทางอิดโรย ที่แท้ก็เกิดเรื่องกับสกุลหลินนี่เอง“สกุลหลินเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ขึ้น ข้ากลับไม่รู้เรื่อง ต้องขออภัยด้วย”“เรื่องนี้จะโทษเจ้าไม่ได้ ฉูโจวและเจดีย์หนิงกู่อยู่ห่างกันมากเพียงนี้ จะส่งจดหมายมาก็เป็นเรื่องยาก”ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุที่เกิดเรื่องกับสกุลหลิน ยังไม่ใช่เพราะราชสำนักโง่เขลาไร้ขอบเขตอีกหรือ ต่อให้บอกกู้หว่านเยว่เรื่องนี้ ยังจะมีประโยชน์อันใดอีกเล่า?“กินข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าสมควรเริ่มปลอบจากที่ใด ยังดีรับคนสกุลหลินมาแล้ว“ท่านตาท่านยาย แนวหน้าอันตราย รอพวกท่านพักผ่อนสักสองวันแล้ว ข้าจะให้คนพาพวกท่านไปส่งที่เมืองอวี้ไปถึงเมืองอวี้ย่อมมีคนจัดแจงที่พักให้พวกท่านส่วนทางฝั่งญาติผู้พี่ รอข้าได้รับข่าวของนางแล้ว ค่อยให้คนกลับไปแจ้งพวกท่าน”กู้หว่านเยว่บอกความคิดของตนให้คนเหล่านี้ฟังนายท่านผู้เฒ่าหลินในฐานะผู้นำตระกูลใหญ่ เอ่ยปากก่อนเป็นคนแรก “หว่านเยว่ ทั้งหมดล้วนฟังเจ้า ขอเพียงไม่สร้างปัญหาให้เจ้าก็พอ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าคนสกุลหลินล้วนคิดเพื่อหลานสาวอย่างนางคนนี้มาโดยตล
“ดูเจ้าสิ พูดเรื่องนี้กับหว่านเยว่เพื่ออะไร?”หลินรู่ไห่ดึงนางเก๋อไว้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเช่นกัน แต่เขารู้ว่าการบอกเรื่องนี้กับกู้หว่านเยว่นั้นไม่มีประโยชน์เมืองเหยาอยู่ไกลจากที่นี่ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับฮ่องเต้ จะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาคนที่เมืองเหยา?พวกเขาไม่อยากให้กู้หว่านเยว่ต้องลำบากใจ“ท่านน้า ต้องขอบคุณน้าสะใภ้ที่บอกข้า เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ทำไมพวกท่านไม่พูดทันทีที่เข้ามา?”กู้หว่านเยว่ยังจำหลินเพียวเพียวได้ สาวน้อยที่สงบเสงี่ยมมาก เวลาพูดขึ้นมาก็ดูคงแก่เรียนเมื่อคนสกุลหลินไปที่โรงเตี๊ยมเตียงนอนรวมเพื่อส่งเงินให้นาง หลินเพียวเพียวก็มาด้วย แล้วยังปลอบประโลมนางอย่างนุ่มนวล“หว่านเยว่ พวกเราไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวล”ประเด็นคือพวกเขาไม่เคยคิดว่ากู้หว่านเยว่จะสามารถช่วยหลินเพียวเพียวกลับมาได้และพวกเขาก็เป็นห่วงว่าซูจิ่งสิงจะรู้สึกว่าสกุลหลินของพวกเขาเป็นปัญหา ถึงตอนนั้นจะทำให้กู้หว่านเยว่เดือดร้อนไปด้วยกู้หว่านเยว่จำพวกเขาได้ จึงขอให้ซูจิ่งสิงส่งคนไปรับพวกเขาที่ฉูโจว พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว จะเสนอเงื่อนไขอะไรได้อย่างไร?“พวกท่าน”กู้หว
“ท่านยาย พวกท่านปลอดภัยดีตลอดเส้นทางไหม?”กู้หว่านเยว่สอบถามพวกเขา แม้ว่าซูจิ่งสิงจะส่งคนไปรับพวกเขาเองก็ตามแต่เวลานี้ทั่วแคว้น ความอดอยากแห้งแล้งได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โจรร่อนเร่ได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทุกแห่งการเดินทางมาของสกุลหลินครั้งนี้ ก็คงไม่สงบสุขนัก“ระหว่างทาง ได้พบกับโจรสลัด”เมื่อนายท่านผู้เฒ่าหลินพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังรู้สึกสะเทือนใจ“โจรสลัดเหล่านั้นฆ่าทุกคนที่พบเจอ ไม่เว้นแม้แต่คนแก่ คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็ก น่ากลัวจริง ๆ”สกุลหลินเป็นพลเมืองดีที่ทำการค้า การเข่นฆ่าใด ๆ พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนตกใจกลัวจนเหลือทน ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไปก็ยังคงรู้สึกกลัวอยู่“ท่านยาย พวกท่านลำบากแย่เลย”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าโจรเร่ร่อนข้างนอกนั้นเหิมเกริมเช่นนี้“ไม่เป็นไร ทุกอย่างผ่านไปแล้ว”นายท่านผู้เฒ่าหลินลูบเครา พลางโบกมือ“โชคดีที่แม่ทัพหนุ่มที่ท่านอ๋องส่งไปฉลาดเฉลียว รู้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ก็พาพวกเราหนีไปทางเรือเล็กแต่น่าเสียดายนายท่านผู้เฒ่าหลินเผยแววตาทนไม่ได้ บนเรือใหญ่ยังมีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก“พวกเราหนีออกไปได้ไม่ไกลนัก ก็เห็นเรือทั้งลำ
“ข้าไม่เป็นอะไร”ลั่วยางชักมือออกอย่างไม่เป็นธรรมชาติคนผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่?เหล่าทหารทุกคนกำลังเฝ้าดู ตอนนี้ทั้งกองทัพรู้แล้วว่าเขาชอบนางนางไม่อยากกลายเป็นจุดสนใจ“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”เกาเจี้ยนถอนหายใจ มองไปทางซูจิ่งสิง ขณะที่กำลังจะโต้แย้งก็เห็นคนที่เมื่อครู่ยังหัวเราะเยาะเขาอยู่ คว้ามือของกู้หว่านเยว่ไว้โดยไม่ละอาย น้ำเสียงอ่อนโยนจนแทบจะคั้นเป็นน้ำออกมาได้“น้องหญิงเหนื่อยหรือยัง หิวหรือเปล่า ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปกินข้าว”เกาเจี้ยนเบิกตากว้าง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”คนผู้นี้มีความรู้มากกว่าเขาเสียอีก!“ท่านมาที่นี่ทำไม?”กู้หว่านเยว่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้ซูจิ่งสิงแม้ว่าวันนี้จะไม่ร้อนมาก แต่ซูจิ่งสิงก็สวมชุดกราะตลอดเมื่ออยู่ในกองทัพ ถูกแดดตอนเที่ยงวันสาดส่อง จนเหงื่อแตกพลั่ก“เห็นเจ้าไม่กลับมาเสียที ก็เลยเป็นห่วงเจ้า”ซูจิ่งสิงมองเข้าไปในกระโจม กู้หว่านเยว่ก็อธิบายสถานการณ์ของกงซุนฉิงอย่างคร่าว ๆ ก่อนจะพาคนกลับไปเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงสกุลกงซุน สั่งให้คนแพร่ข่าวออกไปหลี่กวงถิงถูกจับแล้ว กองทัพของเจดีย์หนิงกู่ก็ไล่ล่าโจมต
ลั่วยางก็ไม่ได้โกรธเช่นกันทักษะทางการแพทย์ของกู้หว่านเยว่นั้นเหนือกว่านางอยู่แล้ว ลู่จิงจะทำทุกวิถีทางเพื่อความปลอดภัย ไปเชิญกู้หว่านเยว่มาอีกครั้งก็เป็นเรื่องปกติ“พี่หว่านเยว่”ลั่วยางมีอายุมากกว่ากู้หว่านเยว่ แต่ในด้านทักษะทางการแพทย์ ถือได้ว่ากู้หว่านเยว่อาวุโสกว่านางประโยค “พี่หว่านเยว่” ของลั่วยาง ก็ไม่ได้เรียกผิด“คุณหนูกงซุนไม่เป็นอะไร แค่เหนื่อยจนล้มไปเท่านั้น”ร่างกายของนางเคยถูกทรมานมาก่อน แม้ว่าจะได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่ แต่ถึงอย่างไรก็ได้รับบาดเจ็บโชคดีที่กงซุนฉิงมีทักษะการต่อสู้ จึงปกติเหมือนคนที่ไม่ได้เป็นอะไรแต่ก็ไม่อาจทนต่อความยุ่งวุ่นวายในระดับสูงได้“ข้าฝังเข็มให้นางหนึ่งเล่ม แล้วนางก็ตื่นขึ้นมา”ลั่วยางอธิบาย“แต่ว่า นางนอนหลับ กลับช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพเดิมเสียด้วยซ้ำไป”“เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางหลับต่ออีกนิดเถอะ”กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน พลางจับชีพจรของกงซุนฉิงครู่หนึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ลั่วยางพูด“ส่วนทางทหารกล้าตายแนวหน้า”กู้หว่านเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ที่กงซุนฉิงเหนื่อยจนล้มไป ก็เพราะว่าไม่กี่วันที่ผ่านมานักรบหมาป่าได้ให้ก
ขณะที่นำกองทหารออกจากเมืองหลวง เขาก็รู้ว่าชีวิตของตัวเอง ช้าเร็วก็ต้องถูกพรากไป“ข้าต้องการให้ท่านเขียนคำสั่งลงโทษตัวเอง”ซูจิ่งสิงพูดทีละคำ เอ่ยปากอย่างตั้งใจตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาพร้อมกับชัยชนะ แต่กลับถูกฮ่องเต้ชั่วและขุนนางชั่วกลุ่มนี้เนรเทศไปที่เจดีย์หนิงกู่ในข้อหากบฏแม้ว่าฮ่องเต้ชั่วจะแต่งตั้งเขาให้เป็นเจิ้นเป่ยอ๋องอีกครั้งในเวลาต่อมา แต่ความเข้าใจผิดในอดีตก็ไม่ได้รับการล้างมลทินให้เขาเวลานี้ ในสายตาผู้คนใต้หล้า เขาคืออาชญากรที่สมคบคิดกับข้าศึกและขายชาติเขาต้องการล้างมลทินให้กับตัวเองด้วยมือของเขาเอง“ท่าน”ใบหน้าชราของหลี่กวงถิงทั้งอายและโกรธเคือง“ไม่”เขาส่ายหัวปฏิเสธ ต่อให้ต้องตายในมือของซูจิ่งสิงเช่นนี้ ก็ยังมีชื่อเสียงดี ๆ ฝากไว้แต่เมื่อคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ถูกเขียนขึ้นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความผิดอย่างเปิดเผยตอนแรกเขาให้ความร่วมมือกับฮ่องเต้ในการใส่ร้ายซูจิ่งสิงมันต่างอะไรกับขุนนางทุจริต?ผู้คนทั่วหล้าจะถ่มน้ำลายด่าประนามเขาเช่นไร?“จะฆ่าจะแกง ก็สุดแล้วแต่ท่าน ข้ายังคงยืนยันประโยคนั้นเหมือนเดิมสำหรับคำสั่งลงโทษตัวเองนี้ ข้าไม่มีทางเขียนเด