ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่สนใจใคร คงเป็นเพราะเขามีทั้งความเกลียดและความเจ็บปวดต่อหลี่ฮูหยิน“ในเมื่อแม่เลี้ยงของเจ้าส่งนักฆ่ามาตามฆ่าเจ้าตลอด แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”หลี่เฉินอันครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าอยากกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ ติดต่อกับท่านลุงก่อน แล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ”เพียงแต่ว่าหลี่ฮูหยินจิตใจโหดเหี้ยม ส่งนักฆ่ามาดักรอตลอดทางเขากลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไม่ถึงเจดีย์หนิงกู่ ก็จะกลายเป็นศพข้างทางถึงจะสุขุมมากเพียงใด ก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดปี หลี่เฉินอันยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนกู้หว่านเยว่รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย จึงดึงซูจิ่งสิงไปคุยกันข้าง ๆ“เจ้าอยากพาหลี่เฉินอันไปด้วยหรือ?”ไม่ต้องให้นางพูด ซูจิ่งสิงก็เดาความคิดของนางได้“ใช่” กู้หว่านเยว่พยักหน้า จากนั้นเอ่ยกับซูจิ่งสิง “หลี่เฉินอันเป็นลูกชายของหลี่โหวแห่งเจดีย์หนิงกู่”ซูจิ่งสิงเข้าใจความคิดของกู้หว่านเยว่ทันทีพวกเขากลุ่มนี้ถูกเนรเทศไปยังเจดีย์หนิงกู่ ไม่มีฐานอำนาจหรือเส้นสายอะไรเลยในเจดีย์หนิงกู่วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการสร้างรากฐานที่มั่นคงในที่แห่งนั้นคือ การสนับสนุนคนของเราเองสิ่งที
ซุนอู่เหลือบมองทั้งสองคนอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเบ้ปากกล่าวขึ้น“ดีจริง ๆ แม่นางน้อยกู้ เจ้าว่านักโทษเนรเทศอย่างเจ้า ซื้อบ่าวมาปรนนิบัติสองคนมันเป็นอย่างไรกัน? ดูเหมือนจะอยู่สุขสบายกว่านักการอย่างพวกเราเสียอีก”ซุนอู่เป็นคนปากร้าย แต่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรกู้หว่านเยว่ส่ายหัวอย่างจนใจ แอบยัดของบางอย่างใส่ในอกเขา“พี่ใหญ่ซุน นี่กับแกล้มให้ท่าน”“อะไรน่ะ?”ซุนอู่เปิดถุงกระดาษดู เห็นเนื้อกวางตุ๋นที่หอมกรุ่นจนเขาน้ำลายไหล จากนั้นก็หัวเราะออกมาทันที“เจ้าก็นะ เกรงใจพี่ใหญ่ทำไมกัน เห็นพวกเจ้าใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ ข้าก็รู้สึกดีใจไปด้วย”หลี่เฉินอันและเสี่ยวหรงก็ได้อยู่ในขบวนนักโทษเนรเทศอย่างราบรื่น“ต่อจากนี้ไป เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเจ้าชื่อเสี่ยวอัน เจ้าชื่อเสี่ยวหรง จำไว้ว่าอย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเจ้าเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนทั้งสองคนหลี่เฉินอันรีบพยักหน้า เขาห่วงชีวิตของตัวเองมากกว่ากู้หว่านเยว่เสียอีก“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองคงตกใจมาก ไปหาที่นอนพักผ่อนก่อนเถอะ”การเป็นสาวใช้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ กู้หว่านเยว่ยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นอย่างมาก“ขอบคุณ
กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่นจากคำอธิบายของซูหรานหร่าน อีกฝ่ายน่าจะเป็นแม่เล้า มีแต่แม่เล้าเท่านั้นที่จะติดดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ไว้บนศีรษะ และใช้วิธีสกปรกอย่างการใช้ยาสลบแบบนี้แต่เหตุใดแม่เล้าถึงเล็งพวกนางทั้งสองคนล่ะ?“ท่านพี่ เรารีบตามไปเถอะ!”ไม่ว่าแม่เล้าจะเล็งทั้งสองคนได้อย่างไร ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตามหาพวกนางกลับมาทั้งสองคนยังเป็นหญิงบริสุทธิ์ อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในสถานที่อย่างหอนางโลมเลยกู้หว่านเยว่กลับไปบอกซุนอู่ พอซุนอู่ได้ยินว่าซูจิ่นเอ๋อร์ถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไป ก็โกรธขึ้นมาทันที“ยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่ แม้แต่นักโทษเนรเทศก็ยังกล้าลักพาตัว?!”“พี่ใหญ่ซุน ข้าต้องไปตามพวกนางกลับมา”ซุนอู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นนิ้วออกมา “ให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน ภายในหนึ่งวัน เจ้าต้องกลับมาให้ได้”แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับกู้หว่านเยว่ แต่ก็ไม่สามารถใช้เส้นสายได้ตามอำเภอใจหิมะเกือบละลายหมดแล้ว ตามหลักแล้วพวกเขาควรจะรีบเดินทางต่อไม่สามารถหยุดการเดินทางและไม่รีบไปต่อ เพียงเพื่อตามหาน้องสะใภ้ของกู้หว่านเยว่“พี่ใหญ่ซุนวางใจเถอะ ภายในหนึ่งวันไม่ว่าจะหาเจ
“ท่านป้า ปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเราเป็นนักโทษ หากทางการรู้เข้า ท่านต้องเดือดร้อนแน่ ๆ”ซูจิ่นเอ๋อร์พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วเลียนแบบท่าทางยามปกติของพี่สะใภ้ เพื่อเจรจากับอีกฝ่าย“ท่านเป็นนักธุรกิจ ก็แค่ต้องการเงินมิใช่หรือ?แค่ท่านส่งพวกเรากลับไป ท่านจะเอาเงินเท่าไหร่ก็ได้”แม่เล้าเหลือบมองซูจิ่นเอ๋อร์ แล้วส่งเสียงจุ๊ ๆ“เด็กดี ดูสิเจ้าร้องไห้จนตาบวมหมดแล้วแม่น่ะต้องการเงินจริง ๆ แต่ดูเจ้าสิ หน้ากลม ตาโต น่ารักขนาดนี้เชียวถึงแม้ใบหน้าจะคล้ำแดด แต่ถ้าบำรุงดี ๆ ก็หายแล้วแล้วก็คนที่อยู่ข้าง ๆ เจ้า ท่าทางเย็นชาแบบนี้ จะเป็นหญิงคณิกาอันดับหนึ่งก็ถือว่าไม่เกินไปเพราะงั้นเก็บพวกเจ้าไว้ ถึงจะหาเงินได้มากกว่า!”ยิ่งแม่เล้ามองพวกนางสองคนก็ยิ่งพอใจ จะยอมปล่อยพวกนางกลับไปได้อย่างไร“พวกเจ้าเลิกคิดที่จะหนีไปได้เลย ไม่อย่างนั้นถ้าถูกจับกลับมา พวกเจ้าจะต้องเจอบทลงโทษที่สาสม!”แม่เล้าขู่พวกนางเอาไว้ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นว่าตัวเองพูดดี ๆ แล้ว แต่แม่เล้ากลับไม่ฟัง จึงเริ่มรู้สึกโมโห“ข้าคุยกับท่านดี ๆ ท่านรีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ปล่อยข้า พอพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ของข้ามาตามหา จะต้องถลกหน
“แต่ว่า...”“คงจะไม่ปล่อยให้พวกเขาพาไปในซ่องโสเภณีจริง ๆ หรอกนะ”จิ่นเอ๋อร์คิดดูแล้ว ก็พบว่าเป็นอย่างนี้จริง ๆถ้าไปถึงซ่องโสเภณีจริง ๆ หญิงสาวบริสุทธิ์อะไรก็คงจะไม่มีแล้วทั้งสองคนจึงหลับตาลง เพื่อพักผ่อนเอาแรงพอตกค่ำ ก็มีคนนำอาหารเย็นเข้ามาให้ซูจิ่นเอ๋อร์และเมี่ยชิงหว่านกลัวว่าในอาหารจะใส่ยาอะไรลงไป จึงปล่อยให้ท้องหิวแต่ไม่กล้ากินเมื่อไม่เห็นกู้หว่านเยว่มา เมี่ยชิงหว่านจึงกดกลไกที่อยู่บนกำไลข้อมือของนาง ปล่อยใบมีดเล็ก ๆ ออกมา แล้วตัดเชือกป่านที่มัดมือออกจากนั้นก็ไปหาซูจิ่นเอ๋อร์ ช่วยแกะเชือกที่มัดตัวนางมือเท้าของทั้งสองคนเป็นอิสระแล้ว ก็คลานไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก“น้องจิ่นเอ๋อร์ เจ้าฟังข้านะ ที่เรือนนี้คงจะมีคนเฝ้าอยู่ไม่เยอะ เดี๋ยวพอออกไปแล้ว เราไปหาม้าตัวหนึ่งก่อน จากนั้นหนีออกทางประตูหลัง”“ได้”ซูจิ่นเอ๋อร์กลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว เมื่อหันไปมองข้างหลัง คิดในใจว่าพอนางหลบหนีออกไปแล้ว จะไปแจ้งทางการให้มาช่วยหญิงสาวพวกนี้ด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่ทั้งสองคนปีนออกไปทางหน้าต่าง หญิงสาวชุดเขียวที่คุยกับพวกนางเมื่อตอนกลางวันก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันเ
ซูจิ่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับฟู่หลานเหิงที่นี่อีกเมื่อเห็นฟู่หลานเหิงมองมา นางก็รีบเก็บซ่อนความดีใจบนใบหน้า แต่แววตาที่เป็นประกายนั้นไม่อาจปกปิดได้“แม่นางจิ่นเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ฟู่หลานเหิงเดินมาอยู่ตรงหน้านาง“ข้า ข้าไม่เป็นไร” ซูจิ่นเอ๋อร์ที่เมื่อครู่ยังส่งเสียงโวยวาย ตอนนี้กลับก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย“ไม่เป็นไรก็ดี ข้าให้ทหารล้อมเรือนนี้ไว้แล้ว”เมี่ยชิงหว่านเหลือบไปเห็นแม่เล้ากำลังมุดรูสุนัข จึงรีบกล่าวขึ้น“นางจะหนี!”กู้หว่านเยว่พุ่งเข้าไป แล้วถีบแม่เล้าจนกระเด็นออกจากรูสุนัข ตรงไปยังเบื้องหน้าของทุกคน“อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้าไม่กล้าหนีแล้ว”แม่เล้าถูกถีบจนเอวแทบหัก เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นชุดขุนนางของฟู่หลานเหิง ก็ยิ่งตกใจจนทรุดเข่าลงกับพื้น“จอมยุทธ์หญิงไว้ชีวิตด้วย ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย ข้า ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างโกรธแค้น “อย่าไปเชื่อคำโกหกของนาง นางเป็นคนเลว ห้องด้านหลังเต็มไปด้วยหญิงสาวที่นางลักพาตัวมา”ซูจิ่นเอ๋อร์รีบชี้ทางให้เหล่าทหาร ในเวลาไม่นาน หญิงสาวภายในห้องก็ถูกพาออกมาทั้งหมดเมื่อเห็นเด็กสาวเหล่านั้นขดตัวด้วยความหวาดกลัว บ
อย่างน้อยพวกนางก็ได้รับความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวมากน้อยเพียงใดที่ถูกแม่เล้าพาไปที่หอนางโลมใช้ชีวิตที่เหลืออย่างทุกข์ทรมานในต่างแดน“ไม่ต้องกลัว พวกเจ้าปลอดภัยแล้ว”กู้หว่านเยว่เดินไปอยู่ตรงหน้าพวกนาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“เรามาช่วยพวกเจ้า ท่านผู้นี้คือใต้เท้าฟู่ เขาเป็นขุนนางของราชสำนัก จะช่วยพวกเจ้าตามหาครอบครัว”ภายในเรือนมีร่องรอยการต่อสู้ หญิงสาวเหล่านั้นต่างหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำพูดของกู้หว่านเยว่ ก็มองไปที่ชุดขุนนางของฟู่หลานเหิง เมื่อเห็นว่าแม่เล้าและพวกอันธพาลถูกจับไว้ พวกนางจึงพยักหน้าฟู่หลานเหิงให้ลูกน้องพาพวกนางออกไป เวลานี้ซูจิ่นเอ๋อร์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ชี้ไปยังหญิงสาวชุดเขียวที่จงใจก้มตัวลงอยู่ในกลุ่มคน“เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องปล่อยนางไป”ถ้าไม่ใช่เพราะนางฟ้อง พวกนางก็คงไม่ถูกแม่เล้าจับได้ ตอนนี้คงหนีไปได้แล้วโชคดีที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้มา แต่ถ้าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ไม่มาเล่า?ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายเกินกว่าจะคาคคิด“...” หญิงสาวชุดเขียวพยายามขดตัวอยู่ในกลุ่มคนมาตลอด เพื่อลดการมีตัวตนของนาง กลัวว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะจำนางได้ไม่คิดเลยว่าจะถูกซูจิ่นเอ๋
ใบหน้าที่เย็นชาของเมี่ยชิงหว่านร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย “จิ่นเอ๋อร์ หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว!”“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล ครั้งที่แล้วที่เจ้ากระโดดลงน้ำ พี่รองตกใจจนแทบสิ้นสติ หากข้าไม่ขวางเขาไว้ มีหวังเขาได้กระโดดตามเจ้าลงไปในน้ำเป็นแน่”ซูจิ่นเอ๋อร์หัวเราะเยาะ ถึงแม้ว่าพี่รองจะพูดจาประชดประชัน แต่ที่เขาเป็นอย่างนั้นก็เพราะเขามีใจให้กับพี่ชิงหว่านอย่างแน่นอน!“ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว”เมี่ยชิงหว่านหมุนตัวกลับไปด้วยความเย่อหยิ่ง“ถึงอย่างไรข้ากับพี่รองก็ไม่มีทางเป็นไปได้!”“ก็ได้” ซูจิ่นเอ๋อร์ขยี้จมูก นางเอือมระอากับพี่รองของตัวเองอย่างมากพี่รองนะพี่รอง ดูท่าทางท่านจะตกหลุมรักคนง่ายเกินไปเสียแล้ว!กู้หว่านเยว่เองก็คาดไม่ถึง หรือว่าตัวเองจะเข้าไปรบกวนเส้นเรื่องจนทำให้ภรรยาของซูจื่อชิงหายไป?แต่ทว่าเรื่องในครั้งนี้กลับเตือนสตินางไว้ว่าศัตรูคนต่อไปจะมากขึ้นเรื่อย ๆ !นางและซูจิ่งสิงมีความสามารถในการปกป้องตัวเอง แต่ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่มีครั้งนี้นางถูกลักพาตัวไป แต่ช่วยกลับมาได้ ครั้งต่อไปหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตของพวกนางล่ะ?นางไม่สามารถปกป้องพวกนางได้ตลอดเวลา ถึงอย่างไรก็ต้องให้พวกนางเรียนรู