กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่นจากคำอธิบายของซูหรานหร่าน อีกฝ่ายน่าจะเป็นแม่เล้า มีแต่แม่เล้าเท่านั้นที่จะติดดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ไว้บนศีรษะ และใช้วิธีสกปรกอย่างการใช้ยาสลบแบบนี้แต่เหตุใดแม่เล้าถึงเล็งพวกนางทั้งสองคนล่ะ?“ท่านพี่ เรารีบตามไปเถอะ!”ไม่ว่าแม่เล้าจะเล็งทั้งสองคนได้อย่างไร ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตามหาพวกนางกลับมาทั้งสองคนยังเป็นหญิงบริสุทธิ์ อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในสถานที่อย่างหอนางโลมเลยกู้หว่านเยว่กลับไปบอกซุนอู่ พอซุนอู่ได้ยินว่าซูจิ่นเอ๋อร์ถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไป ก็โกรธขึ้นมาทันที“ยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่ แม้แต่นักโทษเนรเทศก็ยังกล้าลักพาตัว?!”“พี่ใหญ่ซุน ข้าต้องไปตามพวกนางกลับมา”ซุนอู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นนิ้วออกมา “ให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน ภายในหนึ่งวัน เจ้าต้องกลับมาให้ได้”แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับกู้หว่านเยว่ แต่ก็ไม่สามารถใช้เส้นสายได้ตามอำเภอใจหิมะเกือบละลายหมดแล้ว ตามหลักแล้วพวกเขาควรจะรีบเดินทางต่อไม่สามารถหยุดการเดินทางและไม่รีบไปต่อ เพียงเพื่อตามหาน้องสะใภ้ของกู้หว่านเยว่“พี่ใหญ่ซุนวางใจเถอะ ภายในหนึ่งวันไม่ว่าจะหาเจ
“ท่านป้า ปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเราเป็นนักโทษ หากทางการรู้เข้า ท่านต้องเดือดร้อนแน่ ๆ”ซูจิ่นเอ๋อร์พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วเลียนแบบท่าทางยามปกติของพี่สะใภ้ เพื่อเจรจากับอีกฝ่าย“ท่านเป็นนักธุรกิจ ก็แค่ต้องการเงินมิใช่หรือ?แค่ท่านส่งพวกเรากลับไป ท่านจะเอาเงินเท่าไหร่ก็ได้”แม่เล้าเหลือบมองซูจิ่นเอ๋อร์ แล้วส่งเสียงจุ๊ ๆ“เด็กดี ดูสิเจ้าร้องไห้จนตาบวมหมดแล้วแม่น่ะต้องการเงินจริง ๆ แต่ดูเจ้าสิ หน้ากลม ตาโต น่ารักขนาดนี้เชียวถึงแม้ใบหน้าจะคล้ำแดด แต่ถ้าบำรุงดี ๆ ก็หายแล้วแล้วก็คนที่อยู่ข้าง ๆ เจ้า ท่าทางเย็นชาแบบนี้ จะเป็นหญิงคณิกาอันดับหนึ่งก็ถือว่าไม่เกินไปเพราะงั้นเก็บพวกเจ้าไว้ ถึงจะหาเงินได้มากกว่า!”ยิ่งแม่เล้ามองพวกนางสองคนก็ยิ่งพอใจ จะยอมปล่อยพวกนางกลับไปได้อย่างไร“พวกเจ้าเลิกคิดที่จะหนีไปได้เลย ไม่อย่างนั้นถ้าถูกจับกลับมา พวกเจ้าจะต้องเจอบทลงโทษที่สาสม!”แม่เล้าขู่พวกนางเอาไว้ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นว่าตัวเองพูดดี ๆ แล้ว แต่แม่เล้ากลับไม่ฟัง จึงเริ่มรู้สึกโมโห“ข้าคุยกับท่านดี ๆ ท่านรีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ปล่อยข้า พอพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ของข้ามาตามหา จะต้องถลกหน
“แต่ว่า...”“คงจะไม่ปล่อยให้พวกเขาพาไปในซ่องโสเภณีจริง ๆ หรอกนะ”จิ่นเอ๋อร์คิดดูแล้ว ก็พบว่าเป็นอย่างนี้จริง ๆถ้าไปถึงซ่องโสเภณีจริง ๆ หญิงสาวบริสุทธิ์อะไรก็คงจะไม่มีแล้วทั้งสองคนจึงหลับตาลง เพื่อพักผ่อนเอาแรงพอตกค่ำ ก็มีคนนำอาหารเย็นเข้ามาให้ซูจิ่นเอ๋อร์และเมี่ยชิงหว่านกลัวว่าในอาหารจะใส่ยาอะไรลงไป จึงปล่อยให้ท้องหิวแต่ไม่กล้ากินเมื่อไม่เห็นกู้หว่านเยว่มา เมี่ยชิงหว่านจึงกดกลไกที่อยู่บนกำไลข้อมือของนาง ปล่อยใบมีดเล็ก ๆ ออกมา แล้วตัดเชือกป่านที่มัดมือออกจากนั้นก็ไปหาซูจิ่นเอ๋อร์ ช่วยแกะเชือกที่มัดตัวนางมือเท้าของทั้งสองคนเป็นอิสระแล้ว ก็คลานไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก“น้องจิ่นเอ๋อร์ เจ้าฟังข้านะ ที่เรือนนี้คงจะมีคนเฝ้าอยู่ไม่เยอะ เดี๋ยวพอออกไปแล้ว เราไปหาม้าตัวหนึ่งก่อน จากนั้นหนีออกทางประตูหลัง”“ได้”ซูจิ่นเอ๋อร์กลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว เมื่อหันไปมองข้างหลัง คิดในใจว่าพอนางหลบหนีออกไปแล้ว จะไปแจ้งทางการให้มาช่วยหญิงสาวพวกนี้ด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่ทั้งสองคนปีนออกไปทางหน้าต่าง หญิงสาวชุดเขียวที่คุยกับพวกนางเมื่อตอนกลางวันก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันเ
ซูจิ่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับฟู่หลานเหิงที่นี่อีกเมื่อเห็นฟู่หลานเหิงมองมา นางก็รีบเก็บซ่อนความดีใจบนใบหน้า แต่แววตาที่เป็นประกายนั้นไม่อาจปกปิดได้“แม่นางจิ่นเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ฟู่หลานเหิงเดินมาอยู่ตรงหน้านาง“ข้า ข้าไม่เป็นไร” ซูจิ่นเอ๋อร์ที่เมื่อครู่ยังส่งเสียงโวยวาย ตอนนี้กลับก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย“ไม่เป็นไรก็ดี ข้าให้ทหารล้อมเรือนนี้ไว้แล้ว”เมี่ยชิงหว่านเหลือบไปเห็นแม่เล้ากำลังมุดรูสุนัข จึงรีบกล่าวขึ้น“นางจะหนี!”กู้หว่านเยว่พุ่งเข้าไป แล้วถีบแม่เล้าจนกระเด็นออกจากรูสุนัข ตรงไปยังเบื้องหน้าของทุกคน“อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้าไม่กล้าหนีแล้ว”แม่เล้าถูกถีบจนเอวแทบหัก เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นชุดขุนนางของฟู่หลานเหิง ก็ยิ่งตกใจจนทรุดเข่าลงกับพื้น“จอมยุทธ์หญิงไว้ชีวิตด้วย ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย ข้า ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างโกรธแค้น “อย่าไปเชื่อคำโกหกของนาง นางเป็นคนเลว ห้องด้านหลังเต็มไปด้วยหญิงสาวที่นางลักพาตัวมา”ซูจิ่นเอ๋อร์รีบชี้ทางให้เหล่าทหาร ในเวลาไม่นาน หญิงสาวภายในห้องก็ถูกพาออกมาทั้งหมดเมื่อเห็นเด็กสาวเหล่านั้นขดตัวด้วยความหวาดกลัว บ
อย่างน้อยพวกนางก็ได้รับความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวมากน้อยเพียงใดที่ถูกแม่เล้าพาไปที่หอนางโลมใช้ชีวิตที่เหลืออย่างทุกข์ทรมานในต่างแดน“ไม่ต้องกลัว พวกเจ้าปลอดภัยแล้ว”กู้หว่านเยว่เดินไปอยู่ตรงหน้าพวกนาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“เรามาช่วยพวกเจ้า ท่านผู้นี้คือใต้เท้าฟู่ เขาเป็นขุนนางของราชสำนัก จะช่วยพวกเจ้าตามหาครอบครัว”ภายในเรือนมีร่องรอยการต่อสู้ หญิงสาวเหล่านั้นต่างหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำพูดของกู้หว่านเยว่ ก็มองไปที่ชุดขุนนางของฟู่หลานเหิง เมื่อเห็นว่าแม่เล้าและพวกอันธพาลถูกจับไว้ พวกนางจึงพยักหน้าฟู่หลานเหิงให้ลูกน้องพาพวกนางออกไป เวลานี้ซูจิ่นเอ๋อร์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ชี้ไปยังหญิงสาวชุดเขียวที่จงใจก้มตัวลงอยู่ในกลุ่มคน“เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องปล่อยนางไป”ถ้าไม่ใช่เพราะนางฟ้อง พวกนางก็คงไม่ถูกแม่เล้าจับได้ ตอนนี้คงหนีไปได้แล้วโชคดีที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้มา แต่ถ้าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ไม่มาเล่า?ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายเกินกว่าจะคาคคิด“...” หญิงสาวชุดเขียวพยายามขดตัวอยู่ในกลุ่มคนมาตลอด เพื่อลดการมีตัวตนของนาง กลัวว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะจำนางได้ไม่คิดเลยว่าจะถูกซูจิ่นเอ๋
ใบหน้าที่เย็นชาของเมี่ยชิงหว่านร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย “จิ่นเอ๋อร์ หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว!”“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล ครั้งที่แล้วที่เจ้ากระโดดลงน้ำ พี่รองตกใจจนแทบสิ้นสติ หากข้าไม่ขวางเขาไว้ มีหวังเขาได้กระโดดตามเจ้าลงไปในน้ำเป็นแน่”ซูจิ่นเอ๋อร์หัวเราะเยาะ ถึงแม้ว่าพี่รองจะพูดจาประชดประชัน แต่ที่เขาเป็นอย่างนั้นก็เพราะเขามีใจให้กับพี่ชิงหว่านอย่างแน่นอน!“ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว”เมี่ยชิงหว่านหมุนตัวกลับไปด้วยความเย่อหยิ่ง“ถึงอย่างไรข้ากับพี่รองก็ไม่มีทางเป็นไปได้!”“ก็ได้” ซูจิ่นเอ๋อร์ขยี้จมูก นางเอือมระอากับพี่รองของตัวเองอย่างมากพี่รองนะพี่รอง ดูท่าทางท่านจะตกหลุมรักคนง่ายเกินไปเสียแล้ว!กู้หว่านเยว่เองก็คาดไม่ถึง หรือว่าตัวเองจะเข้าไปรบกวนเส้นเรื่องจนทำให้ภรรยาของซูจื่อชิงหายไป?แต่ทว่าเรื่องในครั้งนี้กลับเตือนสตินางไว้ว่าศัตรูคนต่อไปจะมากขึ้นเรื่อย ๆ !นางและซูจิ่งสิงมีความสามารถในการปกป้องตัวเอง แต่ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่มีครั้งนี้นางถูกลักพาตัวไป แต่ช่วยกลับมาได้ ครั้งต่อไปหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตของพวกนางล่ะ?นางไม่สามารถปกป้องพวกนางได้ตลอดเวลา ถึงอย่างไรก็ต้องให้พวกนางเรียนรู
“ใต้เท้าไม่รู้อะไรเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ถูกโจรลักพาตัวไป แต่ข้าถูกท่านพ่อกับท่านแม่แท้ ๆ ของตัวเองขายให้กับโจรเหล่านั้นเป็นจำนวนเงินห้าเหรียญเงินจีน! ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ใช่คน พวกเขารักบุตรชายมากกว่าบุตรสาว ต้องการเพียงบุตรชายไม่ต้องการบุตรสาว ที่ขายข้าให้กับคนพวกนั้นก็เพื่อหาเงินมาเป็นค่าสินสอดให้กับพี่ชายของข้า! หากข้ากลับบ้าน ก็เหมือนกลับไปอยู่ในดงหมาป่าอีกครั้ง”“ท่านมาและท่านพ่อของเจ้าช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก”ฟู่หลานเหิงตื่นตกใจละคนกับรู้สึกลำบากใจ“หากเจ้าไม่กลับบ้าน แล้วเจ้าจะไปไหน? เจ้ามีสหายหรือญาติพี่น้องหรือไม่?”หยางหลิวส่ายหน้า “หญิงสาวชาวบ้านที่ล่องลอยเป็นผีไม่มีศาลอย่างข้าไม่มีที่ไปหรอกเจ้าค่ะ”อาจารย์หูกล่าวแนะนำ “ข้างกายของใต้เท้าไม่มีคนรับใช้เช่นกัน ไม่สู้ให้นางอยู่เป็นคนรับใช้ข้างกายท่านดีหรือไม่? เช่นนี้นอกจากจะช่วยแก้ไขเรื่องที่อยู่ของนางได้แล้ว ยังมีคนดูแลท่านด้วย ข้าว่าดีต่อทั้งสองฝ่ายนะ?”ดวงตาของหยางหลิวเป็นประกาย คำแนะนำนี้เป็นเรื่องที่นางปรารถนาพอดีนางรีบคุกเข่าลง“ข้ายอมเป็นม้าเป็นวัวของใต้เท้า เป็นสาวใช้ของใต้เท้าเจ้าค่ะ”ฟู่หลานเหิงบุรุษผู้มีความสามารถแล
“พี่สะใภ้ใหญ่ยอดเยี่ยมมาก!”“แค้นต้องชำระ” ซูจิ่นเอ๋อร์มองกู้หว่านเยว่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา“เมื่อไหร่ข้าจะเก่งเหมือนกับพี่สะใภ้ใหญ่บ้าง”“ต้องมีสักวัน”กู้หว่านเยว่กำลังนึกถึงเรื่องที่ฟู่เยียนหรานถูกนำตัวส่งกลับหนานหยาง หากให้คนคนนี้อยู่ต่อก็มีแต่จะสร้างหายนะให้ทุกคนไม่มีใครรู้ว่านางจะฟื้นตัวเมื่อไหร่?ช่วงเที่ยงวัน ซุนอู่ได้พาทุกคนไปหาจุดพักที่แห้งแล้งเพื่อพักทานข้าวกู้หว่านเยว่เรียกซูจิ่งสิงเดินไปอีกด้านของจุดพัก “ท่านพี่ ท่านอยากทำอาวุธให้ท่านแม่และจิ่นเอ๋อร์ไว้ใช้ป้องกันตัวบ้างหรือไม่ อย่างน้อย ๆ ก็จะได้ปกป้องตัวเองยามตกอยู่ในอันตราย”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว “จิ่นเอ๋อร์และท่านแม่ใช้อาวุธไม่เป็น มีดเหล่านั้นพวกนางใช้ไม่เป็น และข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าจะใช้อะไรมาสร้างเป็นอาวุธให้พวกนางใช้ป้องกันตัวเอง”“ข้าก็เห็นด้วยกับท่าน เช่นนั้นก็ต้องคิดหาทาง”กู้หว่านเยว่เม้มริมฝีปากและคลี่ยิ้ม ในขณะเดียวกันก็หยิบของที่ซื้อมาจากศูนย์กลางการค้าในห้วงมิติ“นี่คืออะไร?” ซูจิ่งสิงมองดูสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับกล่องใส่ปากกาจำนวนหนึ่ง และเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ธนูแขนเสื้อ ขนาดเล็กกะทัดรัด มักจะใ
แม่ม่ายหลี่กอดเด็กสองคนไว้ในอ้อมแขน รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้มนอกจากพวกเขาแล้ว ชาวประมงคนอื่น ๆ ก็สวมกอดกับครอบครัวของพวกเขาเช่นกัน“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านกลับมาแล้ว อาเฉ่าคิดถึงท่านมาก”“ลูกชายของข้าล่ะ ลูกชายของข้าทำไมไม่กลับมา?”ชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งขึ้นไปบนเรืออย่างร้อนรน ก็เห็นศพสองศพบนดาดฟ้าเรือแม้ว่าศพทั้งสองจะถูกทับจนเละเทะไปหมด แต่ลุงเนี่ยก็ยังจำเสื้อผ้าบนศพทั้งสองได้ในทันที เพราะเป็นเสื้อผ้าที่เขาตัดเย็บเองกับมือ“ต้าหู่ เสียวหู่ พวกเจ้าเป็นอะไรไป?”ลุงเนี่ยร้องไห้โฮแล้ววิ่งเข้าไป ซูจิ่งสิงเรียกหัวหน้าหมู่บ้านมา แล้วบอกสาเหตุการตายของทั้งสองคนให้เขาฟัง“ตอนที่พวกเราไปถึง ทั้งสองคนนี้ก็เละเทะไปหมดแล้ว ขาดใจตายไปนานแล้ว”“ต้าหู่ เสียวหู่ พวกเจ้าลืมตาขึ้นมามองพ่อสิ พ่อจะเสียพวกเจ้าไปไม่ได้!”ลุงเนี่ยร้องไห้เสียงดังลั่น หัวหน้าหมู่บ้านรีบเข้าไปอธิบายให้เขาฟังคงเป็นเพราะรับไม่ได้ที่ลูกชายทั้งสองจากไป เขาจึงเป็นลมล้มพับไป“ใครก็ได้ เร็วเข้า พาเนี่ยต้าเหลียงกลับบ้านทีแล้วก็ศพของต้าหู่และเสียวหู่ พวกเจ้าไปหาแผ่นไม้มา แล้วนำศพกลับไปที่บ้านสกุลเนี่ย”“พวกเราจ
มองเห็นร่างของพวกเขาค่อย ๆ กลายเป็นจุดดำเล็ก ๆ จนหายไปในที่สุดกู้หว่านเยว่จึงนำชาวประมงสิบคน หนานหยางอ๋อง และศพอีกสองศพออกมาจากมิติศพทั้งสองนั้นถูกก้อนหินทับจนเละเทะไปหมด มองดูแล้วน่าสยดสยองจริง ๆ กู้หว่านเยว่จึงไปเด็ดใบไม้ใหญ่ ๆ ริมแม่น้ำ มาคลุมศพเอาไว้“ท่านพี่ ข้าจะเข้าไปดูงูหลามยักษ์ตัวนั้นในมิติก่อน”ระหว่างรอ กู้หว่านเยว่ก็บอกกับซูจิ่งสิง หลัก ๆ แล้วนางกังวลว่างูหลามยักษ์จะคลุ้มคลั่งอยู่ในมิติ“ได้ เจ้าเข้าไปเถอะ ข้าจะคอยดูต้นทางให้เจ้าข้างนอกนี่เอง”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างอ่อนโยน กู้หว่านเยว่จึงรีบเข้าไปในมิติแต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ หลังจากเข้าไปแล้ว กลับไม่พบฉากนองเลือดอย่างที่คิดไว้งูหลามยักษ์สีขาวกำลังนอนขดอยู่กับนกหงส์เพลิงนกตัวหนึ่ง งูตัวหนึ่ง คุยกันเจื้อยแจ้ว ราวกับกำลังรำลึกความหลังกู้หว่านเยว่ ? นกกับงูเป็นเพื่อนกันได้ด้วยหรือ?“จูเชวี่ย พวกเจ้าสองตัวเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่?”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา นกหงส์เพลิงก็รีบกางขาเล็กๆ สองข้าง กระพือปีกบินมาหากู้หว่านเยว่ จากนั้นเอาหัวถูไถนางอย่างสนิทสนมส่วนงูหลามยักษ์สีขาวก็เอียงหัว กะพริบตา จ
“ข้า...ข้าแอบตามหลังพวกท่านมา ก็เลยติดตามมาด้วย”ซูจื่อชิงก็ก้มหน้าเช่นกัน ทั้งสองคนเหมือนเด็กน้อยสองคนที่ทำความผิดมองดูเด็กตัวป่วนสองคนที่เพิ่งรอดตาย กู้หว่านเยว่ก็ดุพวกเขาไม่ลง“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก มันอันตรายมาก”ซูจิ่งสิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่เมื่อเห็นการกระทำที่ซูจื่อชิงปกป้องเมี่ยชิงหว่านเมื่อครู่นี้ เขาในฐานะพี่ชายก็รู้สึกโล่งใจน้องรองโตขึ้นแล้ว“รีบเอามือเจ้ามาให้ข้าดูหน่อย”เมี่ยชิงหว่านนึกอะไรขึ้นได้ รีบคว้ามือทั้งสองข้างของซูจื่อชิง เมื่อเห็นฝ่ามือเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาของนางก็แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง“เหตุใดเจ้าถึงโง่เช่นนี้ เมื่อครู่ เจ้าสามารถทิ้งข้าแล้วหนีเอาตัวรอดไปได้แท้ ๆ ”ซูจื่อชิงไม่พูดอะไร ถ้าเขาคิดจะหนีเอาตัวรอด คงไม่ช่วยเมี่ยชิงหว่านตั้งแต่แรกแล้ว“พี่หว่านเยว่ พี่รีบดูแผลที่ฝ่ามือของเขาเร็ว”เมี่ยชิงหว่านร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมาบางทีอาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ตกใจมากเกินไป ซูจื่อชิงจึงไม่รู้สึกเหนื่อย คิดแต่ว่าจะพายให้เร็วขึ้นอีกหน่อยตอนนี้พ้นจากอันตรายแล้ว เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือทันที แขนทั้งสองข้างก็ปวดเมื่อยจนชาไปหมดแม้แต่เรี่ยวแรงที่
“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”กู้หว่านเยว่เห็นว่าในมิติล้วนเต็มไปด้วยทองคำ จึงยิ้มอย่างมีความสุขมากเป็นพิเศษ มีเงินนี่ดีจริง ๆ มีเงินก็สามารถทำการใหญ่ได้“ไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ ทำความสะอาดเครื่องเรือนที่เต็มไปด้วยฝุ่นอย่างใส่ใจ ทั้งสองมองย้อนกลับไปดูทางส่วนลึกของถ้ำในสุสานใต้ดินเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจูงมือกันเดินกลับทางเดิมขณะที่ผ่านทางเดิน เห็นชาวประมงสองคนที่ถูกทับตายอย่างน่าสงสาร คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจนำศพของพวกเขากลับไปด้วยเวลานี้หนานหยางอ๋องได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว และป้อนน้ำเชื่อมที่กู้หว่านเยว่ทิ้งไว้ให้เหล่าชาวประมงตามจำนวนเรียบร้อยแล้วเมื่อเห็นทั้งสองคนพุ่งตัวออกมาจากข้างใน จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับเช็ดเหงื่อ“ท่านอ๋อง พระชายา ในที่สุดพวกท่านก็ออกมาแล้ว ข้ายังกังวลว่าพวกท่านจะพบกับอันตราย”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วแล้วยิ้ม “ไม่มีอันตรายอะไรหรอก”หนานหยางอ๋องรีบหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา “ชาวบ้านจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กหายไปทั้งหมดสิบสองคน ตายไปสองคน ที่เหลืออยู่ที่นี่แล้ว”ที่แท้หัวหน้าหมู่บ้านก็ให้สมุดเล่มเล็กกับเขาเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการตามหาชาวประมงที
นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิบดาบยาวขึ้นมา ทันใดนั้นก็พบว่าดาบเล่มนี้เข้ากับซูจิ่งสิงมากทีเดียว“ท่านพี่ ดาบเล่มนี้เหมาะกับท่านมาก”“ข้าขอลองหน่อย” ซูจิ่งสิงรับดาบยาวมา ทันทีที่จับดาบไว้ในมือ ก็รู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าของดาบเล่มนี้หยิบดาบยาวขึ้นมา ฟันไปที่โซ่เหล็กข้างหนึ่งผลปรากฏว่าโซ่เหล็กนั่นขาดทันที“คมกริบ ดาบเล่มนี้เป็นของดีจริง ๆ !”กู้หว่านเยว่ร้องอุทาน เมื่อเห็นว่าซูจิ่งสิงชอบดาบเล่มนี้มาก จึงเสนอว่า“ท่านพี่ ถ้าท่านชอบดาบเล่มนี้ ก็เก็บไว้ข้างกายเถิด”“ตกลง” ซูจิ่งสิงนาน ๆ ทีจะชอบของสักอย่างมากขนาดนี้ตอนที่ทั้งสองคนเพิ่งเข้ามา พวกเขาคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสุสานของใครสักคน แต่หลังจากเดินวนไปรอบ ๆ สุสานใต้ดินแล้ว กู้หว่านเยว่ก็พบว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเคยอาศัยอยู่ดูสิ ที่ส่วนลึกของสุสานใต้ดิน ยังสามารถมองเห็นโต๊ะเครื่องแป้ง บนโต๊ะมีกระจกทองแดง ด้านหน้ายังมีกล่องใส่เครื่องประทินโฉมอีกด้วยด้านหลังยังมีเตียงหินอีกหนึ่งเตียง แม้ว่าที่นี่จะเก่าแก่มาก ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่ก็มองเห็นเลือนรางว่าเป็นที่ที่ชายหญิงคู่หนึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่“ท่านพี่
“ต้าหนิว เจ้าทำอะไร?” เอ้อร์โก่วล้มลงกับพื้น โกรธจนหน้าแดงก่ำ“พวกเขาสองคนถูกหินทับตาย มันเกี่ยวอะไรกับข้า?”ต้าหนิวกำหมัดแน่น เอ่ยถามด้วยความโมโห “หากมิใช่เพราะเจ้าหวาดกลัวเกินไปจนผลักพวกเขาสองคนล้มลง พวกเขาจะถูกหินทับตายหรือไม่ สรุปแล้วก็เป็นเพราะเจ้า”หลังจากที่พวกเขาถูกวังน้ำวนขนาดใหญ่พัดพาเข้ามาในสุสานใต้ดินแห่งนี้ โชคดีที่พวกเขามีเสบียงติดตัวมาบ้าง จึงสามารถประทังชีวิตอยู่ในสุสานใต้ดินได้ระยะหนึ่งแต่เมื่อสองวันก่อน เสบียงของพวกเขาหมดแล้วดังนั้น จึงตัดสินใจส่งคนห้าคนลงไปยังส่วนลึกของสุสานใต้ดินเพื่อหาอาหารถ้าหาอาหารเจอ หรือหาทางออกเจอก็ได้แต่หลังจากพวกเขาเข้าไปในส่วนลึกของอุโมงค์ กลับพบงูหลามยักษ์สีขาวตัวนั้นตอนที่เอ้อร์โก่วหนีเอาตัวรอด เป็นเพราะหวาดกลัวเกินไป เขาจึงผลักเพื่อนสองคนออกไป แล้วรีบวิ่งไปหลบหลังผนังหินก่อน ส่วนเพื่อนสองคนที่ถูกเขาผลักนั้นล้มลงกับพื้น และบังเอิญถูกก้อนหินที่ร่วงลงมาจากด้านบนทับพอดี จึงถูกทับตายคาที่หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว กู้หว่านเยว่ก็มองไปยังเอ้อร์โก่วด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอ้อร์โก่วหน้าแดงก่ำพลางกล่าวขึ้น “ข้าไม่ควรหนีเอาช
กู้หว่านเยว่กะพริบตา นางก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหนเหมือนกัน แต่พอเห็นดวงตาของงูตัวนั้นแล้วกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกซูจิ่งสิงก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้ เขายังรู้สึกสนิทสนมกับงูหลามยักษ์ตัวนี้อย่างน่าประหลาด เมื่อเห็นว่างูหลามยักษ์สงบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว และไม่ทำร้ายใครอีก กู้หว่านเยว่จึงเก็บขลุ่ยเข้าไปในมิติอีกครั้งจากนั้นก็กระโดดลงมาจากผนังหิน มาถึงข้าง ๆ งูหลามยักษ์ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็โบกมือเก็บงูหลามยักษ์เข้าไปในมิติ“เก็บมันเข้าไปในมิติก่อน รอออกไปข้างนอกแล้วเราค่อย ๆ ศึกษา”“ก็ดี”“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีใครช่วยพวกเราได้บ้าง...”ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากมุมหนึ่ง ทั้งสองคนตามเสียงไป พบว่าที่มุมนั้นมีก้อนหินขนาดใหญ่วางขวางอยู่ข้างหน้า เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังก้อนหินกู้หว่านเยว่โบกมือ เก็บก้อนหินนั้นเข้าไปในมิติโดยตรง จากนั้น คนที่ซ่อนอยู่หลังก้อนหินก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าคนเหล่านี้หิวจนผอมโซ แทบจะจำหน้าตาไม่ได้แล้ว พอเห็นทั้งสองคนก็หวาดกลัว จากนั้นก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น“ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยพวกเรา ขอบคุณ ขอบคุณมาก”กู้หว่านเย
โดยทั่วไปแล้ว สถานที่ที่มีสัตว์ประหลาดคอยเฝ้าอยู่ มักจะมีสมบัติและดูจากแผนที่แล้ว ที่นี่เป็นเพียงทางเข้าสุสานใต้ดินเท่านั้น ยังไปไม่ถึงส่วนลึกของสุสานใต้ดินเลยด้วยซ้ำในเมื่อได้แผนที่มาแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน ด้วยนิสัยของนางแล้ว จะต้องกวาดล้างสมบัติในสุสานใต้ดินแห่งนี้ให้หมดเกลี้ยงถึงจะพอใจ“ก็ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”ซูจิ่งสิงไม่ได้ปฏิเสธเพราะเขารู้สึกได้ว่า นับตั้งแต่เข้ามาในสุสานใต้ดิน ความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังเรียกหาเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเมื่อเดินไปถึงส่วนลึกของสุสานใต้ดิน เขาอาจจะไขปริศนานี้ได้หนานหยางอ๋องไม่คิดเลยว่าหลังจากที่ตนพูดไปมากมายขนาดนั้น สองสามีภรรยาคู่นี้ยังจะคิดเข้าไปตายอีก ทำเอาเกือบจะกระอักเลือดออกมา“ท่านอ๋อง พระชายา ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าข้างในนั้นมีสัตว์ประหลาด พวกท่านเข้าไป จะพบกับอันตราย”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “วางใจเถอะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน ข้าก็ไม่กลัวหรอก และต่อหน้าข้า พวกมันก็เทียบข้าไม่ติด”ล้อเล่นน่า สัตว์ประหลาดอะไรจะน่ากลัวเท่านางกันล่ะ?ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดพวกนั้น เมื่อเห็นน
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ