“แต่ว่า...”“คงจะไม่ปล่อยให้พวกเขาพาไปในซ่องโสเภณีจริง ๆ หรอกนะ”จิ่นเอ๋อร์คิดดูแล้ว ก็พบว่าเป็นอย่างนี้จริง ๆถ้าไปถึงซ่องโสเภณีจริง ๆ หญิงสาวบริสุทธิ์อะไรก็คงจะไม่มีแล้วทั้งสองคนจึงหลับตาลง เพื่อพักผ่อนเอาแรงพอตกค่ำ ก็มีคนนำอาหารเย็นเข้ามาให้ซูจิ่นเอ๋อร์และเมี่ยชิงหว่านกลัวว่าในอาหารจะใส่ยาอะไรลงไป จึงปล่อยให้ท้องหิวแต่ไม่กล้ากินเมื่อไม่เห็นกู้หว่านเยว่มา เมี่ยชิงหว่านจึงกดกลไกที่อยู่บนกำไลข้อมือของนาง ปล่อยใบมีดเล็ก ๆ ออกมา แล้วตัดเชือกป่านที่มัดมือออกจากนั้นก็ไปหาซูจิ่นเอ๋อร์ ช่วยแกะเชือกที่มัดตัวนางมือเท้าของทั้งสองคนเป็นอิสระแล้ว ก็คลานไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก“น้องจิ่นเอ๋อร์ เจ้าฟังข้านะ ที่เรือนนี้คงจะมีคนเฝ้าอยู่ไม่เยอะ เดี๋ยวพอออกไปแล้ว เราไปหาม้าตัวหนึ่งก่อน จากนั้นหนีออกทางประตูหลัง”“ได้”ซูจิ่นเอ๋อร์กลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว เมื่อหันไปมองข้างหลัง คิดในใจว่าพอนางหลบหนีออกไปแล้ว จะไปแจ้งทางการให้มาช่วยหญิงสาวพวกนี้ด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่ทั้งสองคนปีนออกไปทางหน้าต่าง หญิงสาวชุดเขียวที่คุยกับพวกนางเมื่อตอนกลางวันก็ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันเ
ซูจิ่นเอ๋อร์คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับฟู่หลานเหิงที่นี่อีกเมื่อเห็นฟู่หลานเหิงมองมา นางก็รีบเก็บซ่อนความดีใจบนใบหน้า แต่แววตาที่เป็นประกายนั้นไม่อาจปกปิดได้“แม่นางจิ่นเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ฟู่หลานเหิงเดินมาอยู่ตรงหน้านาง“ข้า ข้าไม่เป็นไร” ซูจิ่นเอ๋อร์ที่เมื่อครู่ยังส่งเสียงโวยวาย ตอนนี้กลับก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย“ไม่เป็นไรก็ดี ข้าให้ทหารล้อมเรือนนี้ไว้แล้ว”เมี่ยชิงหว่านเหลือบไปเห็นแม่เล้ากำลังมุดรูสุนัข จึงรีบกล่าวขึ้น“นางจะหนี!”กู้หว่านเยว่พุ่งเข้าไป แล้วถีบแม่เล้าจนกระเด็นออกจากรูสุนัข ตรงไปยังเบื้องหน้าของทุกคน“อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้าไม่กล้าหนีแล้ว”แม่เล้าถูกถีบจนเอวแทบหัก เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นชุดขุนนางของฟู่หลานเหิง ก็ยิ่งตกใจจนทรุดเข่าลงกับพื้น“จอมยุทธ์หญิงไว้ชีวิตด้วย ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย ข้า ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์”ซูจิ่นเอ๋อร์พูดอย่างโกรธแค้น “อย่าไปเชื่อคำโกหกของนาง นางเป็นคนเลว ห้องด้านหลังเต็มไปด้วยหญิงสาวที่นางลักพาตัวมา”ซูจิ่นเอ๋อร์รีบชี้ทางให้เหล่าทหาร ในเวลาไม่นาน หญิงสาวภายในห้องก็ถูกพาออกมาทั้งหมดเมื่อเห็นเด็กสาวเหล่านั้นขดตัวด้วยความหวาดกลัว บ
อย่างน้อยพวกนางก็ได้รับความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวมากน้อยเพียงใดที่ถูกแม่เล้าพาไปที่หอนางโลมใช้ชีวิตที่เหลืออย่างทุกข์ทรมานในต่างแดน“ไม่ต้องกลัว พวกเจ้าปลอดภัยแล้ว”กู้หว่านเยว่เดินไปอยู่ตรงหน้าพวกนาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“เรามาช่วยพวกเจ้า ท่านผู้นี้คือใต้เท้าฟู่ เขาเป็นขุนนางของราชสำนัก จะช่วยพวกเจ้าตามหาครอบครัว”ภายในเรือนมีร่องรอยการต่อสู้ หญิงสาวเหล่านั้นต่างหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำพูดของกู้หว่านเยว่ ก็มองไปที่ชุดขุนนางของฟู่หลานเหิง เมื่อเห็นว่าแม่เล้าและพวกอันธพาลถูกจับไว้ พวกนางจึงพยักหน้าฟู่หลานเหิงให้ลูกน้องพาพวกนางออกไป เวลานี้ซูจิ่นเอ๋อร์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ชี้ไปยังหญิงสาวชุดเขียวที่จงใจก้มตัวลงอยู่ในกลุ่มคน“เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องปล่อยนางไป”ถ้าไม่ใช่เพราะนางฟ้อง พวกนางก็คงไม่ถูกแม่เล้าจับได้ ตอนนี้คงหนีไปได้แล้วโชคดีที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้มา แต่ถ้าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ไม่มาเล่า?ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายเกินกว่าจะคาคคิด“...” หญิงสาวชุดเขียวพยายามขดตัวอยู่ในกลุ่มคนมาตลอด เพื่อลดการมีตัวตนของนาง กลัวว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะจำนางได้ไม่คิดเลยว่าจะถูกซูจิ่นเอ๋
ใบหน้าที่เย็นชาของเมี่ยชิงหว่านร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย “จิ่นเอ๋อร์ หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว!”“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล ครั้งที่แล้วที่เจ้ากระโดดลงน้ำ พี่รองตกใจจนแทบสิ้นสติ หากข้าไม่ขวางเขาไว้ มีหวังเขาได้กระโดดตามเจ้าลงไปในน้ำเป็นแน่”ซูจิ่นเอ๋อร์หัวเราะเยาะ ถึงแม้ว่าพี่รองจะพูดจาประชดประชัน แต่ที่เขาเป็นอย่างนั้นก็เพราะเขามีใจให้กับพี่ชิงหว่านอย่างแน่นอน!“ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว”เมี่ยชิงหว่านหมุนตัวกลับไปด้วยความเย่อหยิ่ง“ถึงอย่างไรข้ากับพี่รองก็ไม่มีทางเป็นไปได้!”“ก็ได้” ซูจิ่นเอ๋อร์ขยี้จมูก นางเอือมระอากับพี่รองของตัวเองอย่างมากพี่รองนะพี่รอง ดูท่าทางท่านจะตกหลุมรักคนง่ายเกินไปเสียแล้ว!กู้หว่านเยว่เองก็คาดไม่ถึง หรือว่าตัวเองจะเข้าไปรบกวนเส้นเรื่องจนทำให้ภรรยาของซูจื่อชิงหายไป?แต่ทว่าเรื่องในครั้งนี้กลับเตือนสตินางไว้ว่าศัตรูคนต่อไปจะมากขึ้นเรื่อย ๆ !นางและซูจิ่งสิงมีความสามารถในการปกป้องตัวเอง แต่ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่มีครั้งนี้นางถูกลักพาตัวไป แต่ช่วยกลับมาได้ ครั้งต่อไปหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตของพวกนางล่ะ?นางไม่สามารถปกป้องพวกนางได้ตลอดเวลา ถึงอย่างไรก็ต้องให้พวกนางเรียนรู
“ใต้เท้าไม่รู้อะไรเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ถูกโจรลักพาตัวไป แต่ข้าถูกท่านพ่อกับท่านแม่แท้ ๆ ของตัวเองขายให้กับโจรเหล่านั้นเป็นจำนวนเงินห้าเหรียญเงินจีน! ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ใช่คน พวกเขารักบุตรชายมากกว่าบุตรสาว ต้องการเพียงบุตรชายไม่ต้องการบุตรสาว ที่ขายข้าให้กับคนพวกนั้นก็เพื่อหาเงินมาเป็นค่าสินสอดให้กับพี่ชายของข้า! หากข้ากลับบ้าน ก็เหมือนกลับไปอยู่ในดงหมาป่าอีกครั้ง”“ท่านมาและท่านพ่อของเจ้าช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก”ฟู่หลานเหิงตื่นตกใจละคนกับรู้สึกลำบากใจ“หากเจ้าไม่กลับบ้าน แล้วเจ้าจะไปไหน? เจ้ามีสหายหรือญาติพี่น้องหรือไม่?”หยางหลิวส่ายหน้า “หญิงสาวชาวบ้านที่ล่องลอยเป็นผีไม่มีศาลอย่างข้าไม่มีที่ไปหรอกเจ้าค่ะ”อาจารย์หูกล่าวแนะนำ “ข้างกายของใต้เท้าไม่มีคนรับใช้เช่นกัน ไม่สู้ให้นางอยู่เป็นคนรับใช้ข้างกายท่านดีหรือไม่? เช่นนี้นอกจากจะช่วยแก้ไขเรื่องที่อยู่ของนางได้แล้ว ยังมีคนดูแลท่านด้วย ข้าว่าดีต่อทั้งสองฝ่ายนะ?”ดวงตาของหยางหลิวเป็นประกาย คำแนะนำนี้เป็นเรื่องที่นางปรารถนาพอดีนางรีบคุกเข่าลง“ข้ายอมเป็นม้าเป็นวัวของใต้เท้า เป็นสาวใช้ของใต้เท้าเจ้าค่ะ”ฟู่หลานเหิงบุรุษผู้มีความสามารถแล
“พี่สะใภ้ใหญ่ยอดเยี่ยมมาก!”“แค้นต้องชำระ” ซูจิ่นเอ๋อร์มองกู้หว่านเยว่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา“เมื่อไหร่ข้าจะเก่งเหมือนกับพี่สะใภ้ใหญ่บ้าง”“ต้องมีสักวัน”กู้หว่านเยว่กำลังนึกถึงเรื่องที่ฟู่เยียนหรานถูกนำตัวส่งกลับหนานหยาง หากให้คนคนนี้อยู่ต่อก็มีแต่จะสร้างหายนะให้ทุกคนไม่มีใครรู้ว่านางจะฟื้นตัวเมื่อไหร่?ช่วงเที่ยงวัน ซุนอู่ได้พาทุกคนไปหาจุดพักที่แห้งแล้งเพื่อพักทานข้าวกู้หว่านเยว่เรียกซูจิ่งสิงเดินไปอีกด้านของจุดพัก “ท่านพี่ ท่านอยากทำอาวุธให้ท่านแม่และจิ่นเอ๋อร์ไว้ใช้ป้องกันตัวบ้างหรือไม่ อย่างน้อย ๆ ก็จะได้ปกป้องตัวเองยามตกอยู่ในอันตราย”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว “จิ่นเอ๋อร์และท่านแม่ใช้อาวุธไม่เป็น มีดเหล่านั้นพวกนางใช้ไม่เป็น และข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าจะใช้อะไรมาสร้างเป็นอาวุธให้พวกนางใช้ป้องกันตัวเอง”“ข้าก็เห็นด้วยกับท่าน เช่นนั้นก็ต้องคิดหาทาง”กู้หว่านเยว่เม้มริมฝีปากและคลี่ยิ้ม ในขณะเดียวกันก็หยิบของที่ซื้อมาจากศูนย์กลางการค้าในห้วงมิติ“นี่คืออะไร?” ซูจิ่งสิงมองดูสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับกล่องใส่ปากกาจำนวนหนึ่ง และเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ธนูแขนเสื้อ ขนาดเล็กกะทัดรัด มักจะใ
กู้หว่านเยว่ยิ้มเยาะเบา ๆ “หากเจ้าชอบกิน ก็กินเยอะ ๆ นะ ไม่พอในหม้อยังมีอีก”“ขอบคุณเจ้าค่ะ ฮูหยิน!”เสี่ยวหรงไม่ได้ขี้ระแวงถึงเพียงนั้น หลังจากกินหมดหนึ่งชามแล้วนางก็ไปตักมาเพิ่มอีกพูนชามความหอมเย้ายวนของไส้กรอกแทบจะทำให้สกุลซูที่กำลังกินหมั่นโถวอยู่ข้าง ๆ อยากกินไปด้วย“ท่านแม่ ข้าหิว ข้าอยากกิน!” ตัวตัวจ้องมองหม้อใบนั้นตาไม่กะพริบนางหลิวกลืนน้ำลายหลายอึก นางเองก็อยากกินด้วยเช่นกัน แต่กู้หว่านเยว่ไม่ให้พวกเขากินแน่“เด็กดี อย่ากินเลย ไส้กรอกนั้นไม่อร่อยหรอก อร่อยสู้หมันโถวของเราไม่ได้”หมันโถวที่โดนความเย็นจากหิมะจนแข็งเป็นก้อนหิน หลังจากกินหมันโถวเย็นชืดมาหนึ่งวันเต็ม กามของนางก็เริ่มปวดร้าวไปหมดตัวตัวอดร้องคร่ำครวญไม่ได้ “หมันโถวไม่อร่อย ไส้กรอกน่าอร่อยกว่า ท่านแม่ ข้าอยากกินไส้กรอก ข้าอยากกินไส้กรอก!”“หยุดโวยวายได้แล้ว!”นางหลิวปวดหัวกับเสียงร้องนั้น จึงหวดมือลงบนก้นของตัวตัวอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็ตวาดด้วยความโกรธเคือง“ข้าบอกให้เจ้าหยุดร้อง เจ้าไม่เชื่อฟังข้าใช่หรือไม่ มีของกินก็ดีเท่าไหร่แล้ว ข้าจะไปหาไส้กรอกจากที่ไหนมาให้เจ้า?!”ทันใดนั้นเสียงร้องไห้คร่ำครวญของต
บนก้านสตรอว์เบอร์รียังมีเนื้อของผลไม้ติดอยู่เล็กน้อย ทำให้ลิ้มรสได้ถึงความหวานอมเปรี้ยวนางหลิวกินเพียงไม่กี่ก้านก็รับรู้ถึงความอร่อยของสตรอว์เบอร์รี นางจึงนำส่วนที่เหลือกลับไปให้ตัวตัวที่มีร่างกายซูบผอม“อร่อยไหม?”“อร่อย” ตัวตัวพยักหน้า“กินเยอะ ๆ นะ” นางหลิวเก็บก้านผลไม้เหล่านั้นไว้ แต่ทันทีที่เงยหน้า นางก็สบเข้ากับสายตารังเกียจของฮูหยินผู้เฒ่าซู“เก็บของเหลือจากคนอื่น หน้าไม่อายจริง ๆ!”นางหลิวแสดงสีหน้าลำบากใจ แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติไร้ศักดิ์ศรีเรื่องเล็ก หิวตายนี่สิเรื่องใหญ่ จะสนใจสายตาของคนอื่นทำไมทุกคนเดินทางต่อ แม้ว่าหิมะจะหยุดตกแล้ว แต่ยิ่งเดินทางขึ้นเหนือ อุณหภูมิก็ยิ่งลดต่ำลงกู้หว่านเยว่ต้องแปะแผ่นแปะความร้อนสองชิ้นไว้ใต้เท้าของนาง เพื่อคงความอุ่นไว้ส่วนมือและเท้าของนักโทษคนอื่นเริ่มเกิดเป็นผืนแดง เนื่องจากเดินทางทั้งวันทั้งคืน ทำให้ผื่นแดงบริเวณส้นเท้าและนิ้วเท้าเริ่มเน่าเปื่อย ทุกรอยเท้าจะทิ้งหยดเลือดซึมเอาไว้ เห็นแล้วน่าเวทนายิ่งนัก“กรี๊ด!”ทันใดนั้นหลี่ฮูหลินก็กรีดร้องด้วยความตกใจ จากนั้นก็ล้มลงไปบนพื้น“ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร?”นายท่านหลี่รีบรุดหน้
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง