เสี่ยวไป๋ดึงมือออกจากมือซีหรู รีบเดินออกจากห้องสงสารซีหรูไม่น้อย ได้แต่ชะแง้คอมองเข้าไปข้างในปกติแล้วท่านอ๋องใจดีทำไมใจร้ายกับพระชายารองจัง
“เสี่ยวไป๋ปิดประตู” เสี่ยวไป๋รีบปิดประตูตามคำสั่งซีหรูหน้าเสีย
“ไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียข้าจะรอที่นี่ เจ้าจะต้องไปยกน้ำชากับข้าที่ตำหนักชิงหนิงกง”
ซีหรูยังนั่งนิ่ง ชินหวางอ๋องเดินข้าไปคว้าข้อมือให้ลุกขึ้นยืน
“ปล่อยนะ อย่ามาทำแบบนี้มีสิทธิ์อะไร”
“ข้าคือสามี ไปสับเปลี่ยนอาภรณ์เสียไม่อย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนให้เอง”
“ไม่”“เดี๋ยวนี้จะต้องไปเดี๋ยวนี้ฮองเฮาดื่มชายามบ่าย หากช้ากว่านี้จะถูกตำหนิเรื่องเวลาเอาได้”
“นั่นมันเรื่องของท่านไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเสียหน่อยจะถูกตำหนิก็เรื่องของท่าน”
ชิงกวานอ๋องดึงสายรัดเอวของซีหรูออกอย่างรวดเร็ว สอดมือเข้าไปโอบเอวบางดึงอาภรณ์ออกอย่างคนที่ช่ำชอง
“ปะปล่อยข้านะ” กลิ่นกายหอมหวนจนเผลอสูดดมเข้าไปเต็มเปาอีกครั้ง
“หอมจัง” ดังฝันล่องลอยกลิ่นหอมนั้นติดอยุ่ที่ปลายจมูกทำให้อยากสูดดม
“ปล่อยนะ” ซีหรูผลักร่างสูงให้ถอยห่างไม่ทันระวังชิงหวานอ๋องกำลังจะล้มลงไปกับพื้นดึงเอาร่างเล็กของซีหรูล้มลงไปทับเขาอย่างจัง
ซีหรูพยายามลุกขึ้นแต่อีกคนรวบเอวกิ่วไว้ นั่นเพราะกลิ่นหอมจากผิวกายและเรือนผมตรึงชินหวางอ๋องไว้กับที่
ตาคมจ้องมองใบหน้าข้างที่ไม่มีผ้าแพรปิดบังไว้ตาสบตา ซีหรูรีบหลบตาเสีย
“ปล่อย จะไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันช่วงเวลาดื่มชาของฮองเฮา”
“ก็ลุกไปสิเจ้าก็ลุกไปเจ้าทับข้าอยู่” น้ำเสียงเย็นชาทั้งที่แอบสบตาเขา
ซีหรูลุกขึ้นจากการนอนทับไปบนร่างใหญ่
“ท่านออกไปเลยนะข้าจะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์” ไม่มองหน้าก้มหน้าหลบตา
“ไม่มีใครอยากจะดู ข้าน่ะจะหลับตาให้เจ้าเอง รีบเปลี่ยนอาภรณ์เสียห้ามบิดพลิ้วจะต้องไปยกน้ำชา ให้ทันเวลา”
ซีหรูรีบเดินไปที่ราวแขวนอาภรณ์สีสวยเลือกหยิบสีม่วงขาว มาทาบแล้วค่อยๆ ปลด อาภรณ์ลงไปกองกับพื้นตาจับจ้องไปที่ชินหวางอ๋องที่ยืนหันหลังหลับตานิ่ง
ร่างอ้อนแอ้นในอาภรณ์ชุดชั้นในบางเบารีบร้อนสวมอาภรณ์โดยเร็ว แต่ทว่า
“กรี๊ดดดดด” งูเขียวตัวเล็กตกลงมาจากอาภรณ์สีสวยซีหรูตกใจจนเผลอกรีดร้อง ชิงหวางอ๋องลืมตาหันหลังกลับมา
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ ร่างอ้อนแอ้นทรวดทรงองค์เอวโค้งเว้าได้รูปงดงามจนไม่อาจบรรยายยืนตัวสั่นชี้มือไปที่เจ้างูเขียวที่กองอยู่บนอาภรณ์สีม่วงขาว
ชิงหวางอ๋องยืนตะลึงตาค้างก่อนจะถอนหายใจยาวเดินมาจับหัวเจ้างูตัวนั้นโยนออกนอกหน้าต่าง โดยเร็ว
“มันไปแล้ว” หยิบอาภรณ์ส่งให้ซีหรูโดยที่หลับตาสนิท เขาเบือนหน้าหนีร่างอ้อนแอ้นตรงหน้า
“ไม่ใส่แล้วไม่เอาตัวนี้แล้ว ข้าเกลียดงูที่สุด”
ชินหวางอ๋องถอนหายใจก้าวเดินออกจากประตูไป
“ข้ารอเจ้าที่เกี้ยว เสี่ยวไป๋ช่วยพระชายาแต่งตัวโดยเร็วที่สุด” เสี่ยวไป๋รีบก้าวเข้ามาในห้องอมยิ้มจ้องใบหน้าของซีหรู
“พระชายาของเสี่ยวไป๋ ก็มีเสน่ห์เหมือนกันนะเนี๊ยะท่านอ๋องงี้หน้าแดงออกไปเลย”
“เขาโกรธข้านะสิ” เสี่ยวไป๋เลิกคิ้ว
“โกรธเรื่องอะไรเจ้าค่ะ”
“โกรธเรื่องที่ข้ามาเป็นชายารองเขาอย่างไรเล่า” เสี่ยวไป๋ถอนหายใจยาว
“เจ้าค่ะโกรธก็โกรธแค่ที่พูดว่าพระชายาหลงใหลในตัวท่านอ๋องก็ผิดแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องอยู่มานมนานทำไมไม่ยอมแต่งชายาสักที พอมาถึงตอนนี้บอกว่าไม่รับแต่กลับมีคนอื่น รีรออะไรอยู่ทำไมไม่แต่งไปเสียตั้งแต่แรกแล้วจะมาโทษว่าเป็นความผิดของท่านมันไม่ถูก”
“เจ้าแอบฟังหรือ” ยิ้มบางๆ
เสี่ยวไป๋หัวเราะคิกคัก
“ท่านอ๋องปกติใจดีที่สุด ในจวนอ๋องทุกคนต่างรู้ดี ไม่มีทางตวาดใครด้วยซ้ำ แต่กับพระชายาทำไมใจร้ายจังแบบนี้เสี่ยวไป๋ไม่เข้าข้างหรอกเจ้าค่ะ”
“ช่างเขามาแต่งตัวให้ข้าดีกว่า” เสี่ยวไป๋ยิ้ม
“ต่อไปพระชายาจะต้อง รู้จักหลบหลีกนะเจ้าคะ” พูดด้วยความจริงใจจนซีหรูอดขำไม่ได้นี่กำลังไปรบหรือไร
หยิบปิ่นปักผมมาเสียบไปที่มวยผมของซีหรู
“วันก่อนเสี่ยวไป๋เห็นท่านอ๋องเลือกปิ่นสวยอันหนึ่งไม่ได้นำมามอบให้กับพระชายาตามธรรมเนียมหรือเจ้าคะ” ซีหรูส่ายหน้าไปมา
“ช่างเขาเถอะเรียบร้อยหรือยัง” ตัดบทไม่อยากรับรู้อะไรก็ไม่ได้มีผลอะไรไม่ได้รักเขาจะน้อยใจไปทำไมเขาเองก็ไมไ่ด้รักซีหรูทำไมจะต้องมอบปิ่นแทนใจด้วย
“เจ้าคะ” ซีหรูแค่ยิ้มบางๆ จะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่มีผลอะไรในเมื่อใบหน้าซีกซ้ายอัปลักษณ์เพียงนั้น แต่งหน้าได้ก้ไม่มีใครอยากจะมอง
เกี้ยวรออยู่หน้าจวนก่อนแล้ว ซีหรูก้าวขาเปิดม่านด้านหน้าเข้าไปในนั้น คนตัวสูงนั่งกอดอกหลับตาทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“เคลื่อนเกี้ยว” ซีหรูยังไม่ทันได้นั่งหรือระวังตัว เซถลาล้มลงบนตักของชินหวางอ๋อง
มืออุ่นคว้าเอวบางใบหน้าชิดใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
ชินหวางอ๋องรีบผลักร่างเล็กลงไปข้างๆ
“ซีหรูล้มลงแทบเท้าเจ็บไปทั่วร่างค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นใบหน้าเหยเก
“ใจดำที่สุด” พึมพำเบาๆ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
ซีหรูนิ่งไม่พูดว่าอย่างไร เปิดหน้าต่างเกี้ยวมองออกไปด้านนอกเสีย
“นี่ข้าถามว่าเจ้าพูดว่าอย่างไร”
“ข้าเกลียดท่าน” หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างไม่สนใจชนหวางอ๋องอีกเลย
เกี้ยวถูกหามถึงหน้าวังหลวง ชินหวางอ๋องลงจากเกี้ยว อย่างรวดเร็วไม่สนใจจะรับซีหรูลงจากเกี้ยวด้วยแม้แต่น้อย ซีหรูก้าวลงจากเกี้ยวช้าๆ อย่างระมัดระวังตัวเพราะยังเจ็บจากที่ล้มเมื่อครู่ กลัวว่าเท้าจะพลิกด้วยซ้ำไป “ชินหวางอ๋อง อ๋องน้อยตระกูลชินมาแล้วหรือ อ้าว แล้วเหตุใดไม่รับชายารองลงจากเกี้ยว” เสียงราวประกาศิตดังมาจากข้างหลังฮ่องเต้วัยกลางคนยืนอยู่ด้านหลังคนทั้งสองโดยที่ไม่ได้ให้ขันทีขานเวลาที่เสด็จมาถึง “ตู้เล่อ ไปรับชายารองของชินหวางอ๋องระวังจะตกลงมาจากเกี้ยว” ตู้เล่อที่หลฃาอเหลาหนุ่มแน่นอต่รั้งตำแหน่ง หัวหน้าองครักษ์หรือองครักษ์ข้างกายของฮ่องเต้ ชินเตอหลางรีบส่งมือให้ซีหรูจับ “ชายาอ๋องระวังหน่อย” น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่สุด ชินหวางอ๋องหันมาประสานมือตรงหน้าชินเตอหลาง “ชินหวางอ๋องถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี” ซีหรูย่อกายลงตรงหน้าชินเตอหลาง เหลือบตามองตู้เล่อที่องอาจหล่อเหลาไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือรังเกียจ ใบหน้าอัปลักษณ์ของซีหรูแม้แต่น้อยแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุด นี่เขาหงุดหงิดเรื่องอะไรก้คงเรื่องที่หมอนั่น ทำท่าทีไม่ได้รัเกียจซีหรูเหมือนเป็นการตบหน้าเขาชัดๆ “ขอบคุณท่า
“เจ้าก็พูดเสียจนชินหวางอ๋องเป็นตัวร้ายความจริงแล้วชินหวางอ๋องเป็นคนที่จิตใจดีเพียงแค่เป็นข้าที่กดดันมากไปใช่ไหม แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ข้ามอบให้มันดีที่สุด” พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไปกันดีกว่า ปล่อยฝ่าบาทกับท่านอ๋องคุยกันไปเราสองคนไปเลือกหยิบสิ่งของที่เจ้าถูกใจดีไหม ของกำนัลจากต่างแคว้นและของกำนัลจากฝ่าบาทมากมาย ข้ายินดีให้เจ้าเลือกหยิบเอาตามใจ” ดึงมือซีหรูเดินตามเข้าไปในตำหนักชิงหนิงกงชินเตอหลางเปลี่ยนท่าทีจากยิ้มแย้มเป็นเคร่งขรึมทันที “มาถึงเรื่องของเรา” “พ่ะย่ะค่ะ” “ใต้เท้าหยาง กำลังจะทำเรื่องที่ผิดกับข้า เจ้าจะวางเฉยได้ไหม” “ฝ่าบาท บุตรีไม่เกี่ยวกับบิดา” ชินหวางอ๋องตัดพ้อ “บุตรีไม่เกี่ยวกับบิดาได้หรือ ใต้เท้าหยางกล้าให้การช่วยเหลือ เชวียเต๋ออ๋องส่งเสบียงและอาวุธอ้างว่าเพื่อเงิน แต่ที่ข้ารู้หยางซูซินคนนี้ ตั้งใจยกบุตตรีให้กับเชวียอ๋อง” “เช่นนั้นฝ่าบาทก็ให้ชินหวางอ๋องแต่งกับบุตรีของใต้เท้าหยางเสียจึงจะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น” ชินเตอหลางฮ่องเต้ถอนหายใจยาวค่ำคืนเหน็บหนาวซีหรูนอนขดตัวในผ้าห่มหนา ข่มตาหลับไหลคืนนี้คืนที่สองแล้วเขาก็ยังไม่แวะมา ถอนหายใจโล่งอกเสียมากกว่าชินชากั
“พระชายาเพคะวันนี้ห้องเครื่องทำเครื่องเสวยที่พระชายาชอบมีทั้งผัดโป๊ยเซียนทั้งขนมผักกาด”เสี่ยวไป๋พยายามเบี่ยงเบนความสนใจส่งตะเกียบให้กับซีหรู“ข้าบอกให้มานี่มาช่วยกันวางแผน”ซีหรูรับเอาตะเกียบคีบขนมผักกาดเคี้ยวงับๆ“ไม่ได้ยินหรือไร เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้”เดินมาหยุดตรงหน้า ซีหรูที่คาบขนมผักกาดไว้แก้มป่อง ดวงตาที่โผล่มาข้างเดียวกลมใส“รอก่อนได้ไหมข้าหิวจะแย่แค่ต้องรอไทเฮาตรวจแท่นนอนข้าก็หิวแทบตายแล้ว”เคี้ยวไปพูดไป ซีหรูยมกินนับว่าเป็นช่วงเวลาที่นางมีความสุขที่สุดแล้ว“อั๊กๆๆๆ”สำลักขนม ชินหวางอ๋องคว้าถ้วยน้ำส่งให้อย่างลืมตัวเพราะเอาแต่จ้องตากลมใสของซีหรู ที่รับเอาน้ำมากระดกลงคออึกใหญ่ชินหวางอ๋อง ทรุดกายนั่งลงตรงข้ามกับซีหรู“เสี่ยวอูยกเครื่องเสวย”เสี่ยวอูทำสีหน้างงๆก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องเครื่อง“ก็ต้องแบบนี้แหละเจ้าค่ะไม่กินอย่างไรสมองจะแล่น”เสี่ยวไป๋ตักข้าวเลื่อนไปวางตรงหน้าชินหวางอ๋องเสี่ยวอูกลับเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในจวนที่ถือเครื่องเสวยชุดใหญ่เข้ามาวาง“ทำไมต้องเป็นชุดใหญ่”“ก็ ก็ ก็ท่านอ๋องกับพระชายเสวยด้วยกันก็ต้องชุดใหญ่”ชินหวางอ๋องส่ายหน้าไปมา“ทดสอบพิษ”เสี่ยวอูหยิบตะเกียบทดสอบพิษใ
“อีกเรื่อง ฟางหรานอ้อนวอนข้าขอเข้ามาในฐานะ ว่าที่ชายาเอกในจวนอ๋อง เจ้ายินดีที่จะให้นางเข้ามาหรือไม่” ซีหรูหลับตาลงช้าๆ ไล่ความรู้สึกเจ็บแปลบในใจ หันหลังก้าวเดินออกจากตรงนั้น “แล้วแต่ท่านอ๋องหากเห็นว่าควรข้าก็ไม่อาจขัดท่านตัดสินใจไปแล้วนี่จะมาถามข้าทำไม” ซีหรูสาวเท้า ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว “เฉวี่ยเต๋ออ๋อง แวะมา คารวะท่านอ๋องไร้พ่ายยยย” เฉวี่ยเต๋ออ๋องที่รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าขาวสะอาดทว่าใบหน้าเชิดหยิ่ง หล่อเหลาไม่เป็นรองชินหวางอ๋องแม้แต่น้อย “เฉวี่ยเต๋ออ๋อง แวะมาเยือนจวนอ๋องไร้พ่าย” สายตาจับจ้องที่แผ่นหลังงดงามซีหรูไม่วางตา เพียงคำปราศรัยทว่าสายตามองไปที่ร่างงามอรชรที่เดินจากไป “ชายารองได้ชื่อว่าหญิงที่มีใบหน้าไม่งดงาม ถูกใจท่านอ๋องน้อยชินหวางอ๋องเหตุใดจึงรีบไปเสียไม่พามาแนะนำให้กับเฉวี่ยฮ่องได้พบพานบ้าง” “ไม่ต้อง ไม่สำคัญ” “เฉวี่ยอ๋องไม่สำคัญหรือว่าชายารองไม่สำคัญ ได้ยินว่าฝ่าบาทโปรดปรานบิดานางใต้เท้าเสิ่น หากท่านอ๋องไม่โปรดปรานนางหย่ากับนางแล้วยกให้เฉวี่ยอ๋องเสียดีไหม” ชินหวางอ๋องทำสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร “เฮ้อ ของเขาเราอยากได้” เฉวี่ยเต๋ออ๋องพึมพำเบาๆ “มานี่
“แม่นางท่านนี้” สวีไฉ่หานประสานมือตรงหน้าดวงตาจับจ้องมองใบหน้าที่จะว่าน่าเอ็นดูไม่ได้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ภายใต้ผ้าแพรบางเบาคุลมหน้าไว้ กระนั้นกลับจินตนาการว่าซูหรูที่เห็นช่างงดงาม ต่างจากหญิงทั่วไปนางมีบางอย่างสะดุดตาสวีไฉ่หานยิ่งนัก เสี่ยวไป๋ยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนทำสีหน้างุนงงว่าเหตุใดมีหญิงนางหนึ่งที่แม้แต่ท่าทางการเยื้องย่างยังต่างออกมาอยู่ในจวนอ๋องเวลานี้ ย่อกายลง “ท่านองครักษ์ไฉ่หานนี่คือชายารองของท่านอ๋อง พระชายารองเสิ่นซีหรู “ข้าน้อยสวีไฉ่หานยินดีที่ได้พบท่านพระชายารอง” “เช่นกัน” หันหลังก้าวเดิน สวีไฉ่หานมองแผ่นหลังงดงามท่าทีที่มั่นคงนั้นต่างออกไปจริงๆ “ท่านอ๋อง ท่านองครักษ์สวีไฉ่หานกลับมาแล้ว” ชินหวางอ๋อง ที่เอาแต่คัดอักษรตวัดพู่กันจนกระดาษฉีกขาดเพราะรอยหมึกที่กดอยู่กับเนื้อกระดาษ เสี่ยวอูฝนหมึกจนมือชาถอนหายใจเมื่อองครักษ์สวีไฉ่หานกลับมาจากหายไปแรมปีหลังจากรบชนะเขาก็ออกเดินทาง จนกระทั่งวันนี้จึงมาพบกันกับชินหวางอ๋องที่จวนอ๋องไร้พ่าย “มาแล้วหรือหายไปจน ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบกันเสียแล้ว” สวีไฉ่หานยิ้มน้อยๆ เหลือบตามองกระดาษที่ถูกขยำกับรอยหมึกสีเข้มบนกระดาษบนโต๊ะ “ได้ข่าวว่า
“พระชายาเจ้าขาทำไมต้องยอมด้วยเจ้าค่ะแต่งเข้ามาก่อนก็ต้องสู้สิเจ้าคะจะต้องครอบครองท่านอ๋องเก็บท่านอ๋องไว้เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ ไม่มีใครยอมหรอกนะเจ้าคะยอมให้สามีรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง” ซีหรูยิ้มบางๆ “เขาไม่ใช่สามีข้านี่ แล้วเราก็ไม่ได้รักกันเขากับคุณหนูตระกูลหยางนั่นรักกันมาเนิ่นนานก็สมควรที่จะได้ครองรักกัน ยิ่งไปขัดขวางเท่ากับยิ่งทำให้เขาเกลียดชังไม่สู้ข้าถอยออกมาเสียดีกว่า” “พระชายาเจ้าขาช่างมีน้ำใจเสียจริงท่านอ๋องเสียอีกเกเรราวกับเด็กหนุ่ม รอวันไหนที่พระชายาหายไปจะรู้สึก” เสี่ยวไป๋บ่นเบาๆ “เขาจะดีใจที่ข้า… ไปเสียได้ เขาจะได้แต่งกับชายาเอกของเขาฝ่าบาทก็จะไม่มีทางว่าอะไรเขาได้เป็นเพราะข้าที่ทนเขาไม่ได้ด้วยตัวเอง” เสี่ยวไป๋ถอนหายใจพระชายาเจ้าขาตัวมอมหมดแล้วเสี่ยวไป๋เตรียมน้ำอุ่นพระชายารองนอนแช่น้ำอุ่นให้หายเมื่อยดีไหมเจ้าค่ะอาการเหนื่อยล้าจะได้หายไปเราสองคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้วห้องนี้จึงออกมาดีเพียงนี้” หันมองรอบๆ ห้องที่ก่อนหน้านั้นเคยรกเรื้อมาตอนนี้กลับสะอาดสะอ้านน่านั่งน่านอนและยังตกแต่งราวกับแท่นบรรทมของฮ่องเต้ “ดีเหมือนกัน ข้ากำลังคิดว่าเจ้าไปขอแบ่งวัตถุดิบมาจากห้องเครื่องของจวน
“พระชายารองขอรับท่านอ๋องให้พระชายาออกมาข้างนอกขอรับ” เสียงเสี่ยวอูยังตะโกนดังๆ “พระชายาเจ้าขาไม่ต้องออกไปเสี่ยวไป๋จะบอกว่าพระชายากำลังบรรทมเจ้าค่ะ” เสี่ยวไป๋เองก็ยังยืนยันคำเดิม “ช่างเถอะข้าออกไปเอง” ซีหรูกำลังจะก้าวขาออกจากห้อง ประตูห้องถูกกระชากอย่างแรงจนบานประตูหลุดติดมือออกมาเสี่ยวไป๋ส่ายหน้าไปมาซีหรูยืนนิ่งเสี่ยวอูรีบเข้ามารับบานประตูไป ชินหวางอ๋องกวาดสายตามองห้องที่เคยรกร้างบัดนี้กลับตกแต่งงดงามอีกทั้งยังสะอาดสะอ้านน่านั่งน่านอนกลิ่นหอมจากกำยานกลิ่นอ่อนๆ ชวนให้ผ่อนคลาย ทุกอย่างที่เห็นราวกับว่าไม่เคยเป็นห้องรกร้างมาก่อน “กลับไปที่ห้องของเจ้าเสีย” ซีหรูหลุบตามองพื้น ไม่ต่อคำ “เสี่ยวไป๋เก็บของ ของพระชายารองกลับไปที่ห้องเดิม เหตุใดชอบสร้างปัญหาบิดาเจ้ามาพบว่าบุตตรีที่รักต้องมาอาศัยในห้องเก่ารกร้างแบบนี้จะต้องนำเรื่องนี้ไปฟ้องฝ่าบาท” ซีหรูยิ้มเศร้าๆ “ท่านพ่อไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นท่านอ๋องกังวลมากไปแล้วซีหรูเพิ่งจะทำความสะอาดห้องนี้เสร็จเมื่อชั่วยามที่ผ่านมานี้เอง จึงอยากจะอยู่นี่จนกว่าจะคุ้มกับแรงที่ลงไป” ยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมมากำไว้ผมยาวสลวยหลุดลุ่ยสยายเต็มแผ่นหลังกลิ่นหอม
“ท่านอ๋องขอรับ” ท่านพ่อบ้านถือค้อนมายืนตรงหน้าชินหวางอ๋องโบกมือให้หยุดพูด “เอ่อ ข้าน้อยเร่งมาถึงนี่เพื่อมาซ่อมแซมประตูตามคำสั่งของท่านอ๋อง” ”ไฉ่หานอมยิ้ม “ไม่ต้องแล้วมีคนมาซ่อมให้นางเรียบร้อยแล้ว” “แบบนี้สินะท่านอ๋องเองก็ส่งคนมาแต่ช้ากว่า ท่านองครักษ์สินะ” เสี่ยวไป๋พูดขึ้นเบาๆ “เสี่ยวไป๋คุกเข่า” ชินหวางอ๋องกำลังหาที่ลงพอดี “นางผิดอะไร” ซีหรูพูดขึ้นไม่พอใจที่อีกคนฟาดงวงฟาดงาเพียงแค่ไฉ่หานมาซ่อมประตูให้กับซีหรู หากมองอยู่ข้างนอกอย่างไฉ่หานเขาเข้าใจลึกซึ้งอาการคล้ายคนกำลังหึง “เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นไชินหวางอ๋องเปลี่ยนแปลงคำสั่งง่ายดาย “ไฉ่หาน ด้านหน้านั้นต้องการคนคอยอารักขาส่วนขาไม่ต้องการให้ใครมาอารักขาชายารองของข้าเพราะนางไม่ใช่คนสำคัญอะไร” ซีหรูยิ้มบางๆ เดินหันหลังกลับเข้าไปในห้องเสี่ยวไป๋เดินตามกำลังจะปิดประตู ชินหวางอ๋องเดินแทรกตัวเข้าไปในทันที “ทะท่านอ๋องเจ้าขา พระชายารองหิ้วท้องรอตั้งนานแล้วเจ้าค่ะกำลังจะกินอะไรเพื่อบรรเทาความหิวแต่ท่านอ๋องก็กลับไปกลับมาทำให้พระชายารองป่านนี้ยามไหนแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง” เสี่ยวไป๋พูดขึ้นพลางถอนหายใจ “ข้าจะเข้ามาตักเตือนนางที่ทำใจดีกับคน
เสียงกีบม้าเกือบยี่สิบตัว กระทบพื้นดังสนั่น พร้อมเสียงร้องตะโกนระงม"โครมๆๆๆ!" เกี๊ยวหรูหราที่เคลื่อนตัวอยู่กลางทางระเบิดพังลงแทบในพริบตา เศษไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ กลุ่มมือสังหารราวยี่สิบคนในชุดดำทะยานพุ่งเข้าล้อมกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววสังหารเยียบเย็นไร้ปรานี“ฆ่า…เสิ่นซีหรู”ชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวออกจากเศษซากเกี๊ยวที่กำลังถล่ม มือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือบางของซีหรูมากำไว้แน่น เสียงคำรามต่ำหลุดออกจากลำคอเขา"อารักขาชายาข้า! ไฉ่หาน ไม่ต้องห่วงข้า อารักขาพระชายา!!"คำสั่งเปี่ยมด้วยอำนาจและเด็ดขาดโดยไม่ลังเล ชินหวางอ๋องใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองโอบล้อมร่างบางไว้เต็มที่ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงรับคมมีดที่ฟาดมาโดยตรงแทนซีหรู เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับเสือโคร่งที่กำลังปกป้องลูกน้อยเสียงใบมีดเสียดแทงผิวเนื้อดัง “ฉึบ!” เลือดสดพุ่งซึมออกจากบาดแผลลึกบนบ่ากว้างของเขาทันที แต่เขากลับไม่แม้แต่จะร้องครวญสักคำ เพียงยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น"ท่านอ๋อง!" ไฉ่หานร้องด้วยความตกใจ ทะยานเข้าต่อสู้กับมือสังหารอีกทาง เสี่ยวอูที่รีบวิ่งเข้ามาขวางมือสังหารที่ตั้งใจพุ่งเข้าหาซีหรูชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวหลบการโจ
“ไปเถิด ไปในที่ที่เจ้าจะมีความสุข...ท่านอ๋องจะดูแลเจ้าและลูกของเขาข้าเชื่อเช่นนั้น” เขากระซิบด้วยน้ำเสียง จริงจัง ซีหรูเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอบอุ่นของผู้เป็นบิดาน้ำตาไหลรินเงียบๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่นั้นอย่างแนบแน่นชินหวางอ๋องยืนนิ่งปล่อยให้นางได้กล่าวลาไม่มีคำเร่งเร้า ไม่มีการเร่งรัดเมื่อซีหรูปล่อยมือออกในที่สุด ชินหวางอ๋องจึงโอบรัดเอวบางของนางอย่างอ่อนโยน พาขึ้นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ก่อนจาก เสิ่นกวงหลิวตะโกนตามหลังมาเสียงหนักแน่นว่า “ดูแลตัวเองให้ดีนะ เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นก็ด้วย!”ซีหรูหันกลับไปส่งยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่ชินหวางอ๋องโอบไหล่นางแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจเกี๊ยวค่อยๆ เคลื่อนออกจากประตูบ้านเสิ่นอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน และดวงใจสองดวงที่ค่อยๆ เริ่มผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น"ตั้งแต่นี้ไป... ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสียน้ำตาเพียงลำพังอีก" เสียงกระซิบของชินหวางอ๋องดังอยู่ข้างหูนาง แผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับคำสัตย์สาบานซีหรูกัดริมฝีปากน้อยๆ พยักหน้าช้าๆ ซบใบหน้าไว้กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น รู้แน่แล้วว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะมีพายุลูกใดในชีวิต ซีหรูก็จะไม่ต้องเผชิญมันเพียง
ข่าวคราวจากคุกหลวงถูกนำมาส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว ฮูหยินรองเสิ่นสวี่เหยียน...เสียชีวิตแล้วชินหวางอ๋องยืนนิ่งงันอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ในเรือนพัก ลมเย็นพัดชายเสื้อคลุมยาวของเขาไหวสะบัด แต่ชินหวางอ๋องกลับนิ่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาคมลึกนั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าอย่างครุ่นคิด"นางเลือกทางนี้เอง...หรือว่ามีใครทำให้นางต้องสิ้นชื่อกันแน่" เสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบา“ท่านอ๋องเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” เสี่ยวอูถามขึ้นสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“พรุ่งนี้ข้าจะพาซีหรูเข้าถวายพระพรฝ่าบาทบอกเล่าเรื่องใบหน้าที่งดามและการที่ชายาของข้ากำลังตั้งครรภ์ส่วนเรื่องไฟไหม้บ้านเสิ่นเมื่อหลายปีที่แล้วคงต้องให้ฝ่าบาทตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไร”เขาแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างปิดปกติกับความตายของสวี่เหยียน หากแต่รู้ดีว่าความเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะซับซ้อนกว่าที่เคย เงามืดเบื้องหลังคงไม่ยอมปล่อยมือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือซีหรู กับเด็กในครรภ์น้อยๆ ที่กำลังเติบโตในกายของนางตอนนี้เขาเองไม่อาจวางใจใครให้ปกป้องซีหรูและลูกในท้องได้นอกจากตัวเขาเอง"เสี่ยวอูเตรียมเกี๊ยว!" เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่น องครักษ์ที่คอยเฝ้าอ
สวี่เหยียนถูกล่ามโซ่ไว้ในความมืด…นั่งอยู่มุมห้องขัง ใบหน้าซูบซีด มีเพียงเปลวแสงจากโคมเล็กหน้าห้องที่ส่องผ่านช่องไม้พาดมาให้เห็นดวงตาของนางยังเปล่งแสงแห่งความหวังแม้เพียงเล็กน้อย“พี่สาวท่านช้าอยู่ใยข้ารออยู่ข้าเชื่อว่ามีท่านเพียงคนเดียวที่จะไม่มีทางปล่อยให้ข้าต้องตาย”เสียงประตูเหล็กดังแกรกกรากนางสะดุ้งน้อยๆ พลางรีบยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งเหยิงเพื่อแต่งกายให้ดูดีที่สุดด้วยความดีใจทหารยามสองคนพาร่างเล็กๆ ของขันทีคนหนึ่งเดินนำหน้าเข้ามา หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อเขาแสดงตราสัญลักษณ์เล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ เป็นตราฝังหยกแกะสลักลายบุปผาโบกไหว สัญลักษณ์เฉพาะของ “ฮองเฮาอี้หราน”"ฮองเฮาทรงหวงใย ท่านไม่น้อยขอรับ" ขันทีคุกเข่าลง เสียงแผ่วเบาแต่อบอุ่นดั่งน้ำซึมในผืนดินแห้งแล้ง“ทรงฝากข้ามาบอกว่า… ทรงจะส่ง ยาจำศีล มาให้…คืนนี้… ก่อนยามซวี (ประมาณสามทุ่ม) ” เขากระซิบเบาๆ อี้หรานลิงโลดในใจ"หลังดื่มยานั้นแล้ว ท่านจะดูเหมือนสิ้นใจจริง ไม่มีชีพจร ไม่มีลมหายใจ จะไม่มีใครกล้าแตะร่างท่านจนกว่าจะถึงยามเฉินของวันถัดไป (เช้าตรู่) เราจะพาท่านออกมาแล้วทุกอย่างก็จะเป็นความลับ"สวี่เหยียนเบิกตากว้าง น้ำตาเอ่อขึ
หยางฟางหรานยืนอยู่กลางห้อง ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงแววตาของบิดาหยางซูซิน ผู้เป็นขุนนางใหญ่ที่ทอดมองมาอย่างเคร่งเครียด“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผู้ใดถูกคุมตัวไปในวันนี้ฟางหราน”เสียงของเขาเย็นเฉียบ คล้ายกำลังสอบถาม…แต่แท้จริงแล้วคือคำกล่าวหาอ้อม ๆฟางหรานกัดริมฝีปากแน่น ปรายตามองบิดาก่อนตอบเสียงแผ่ว“ฮูหยินรองสวี่เหยียน…”“และเจ้าเอง” น้ำเสียงของหยางซูซินทุ้มต่ำ “เจ้าก็รู้ดีว่าถ้านางเปิดปากขึ้นมาเมื่อไร ชื่อของเจ้าจะเป็นชื่อถัดไปที่ถูกเรียกและถูดคุมขัง”ฟางหรานเม้มริมฝีปาก สะบัดชายแขนเสื้อแล้วนั่งลงบนเบาะอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ใบหน้าที่เคยงดงามอ่อนหวานบัดนี้กลับมีดวงตาแข็งกร้าว“แล้วท่านพ่อคิดจะปล่อยให้ข้าถูกลากไปเหรอ ปล่อยให้ท่านอ๋องจองจำข้าหรือ” “ปล่อยให้ซีหรูหญิงอัปลักษณ์คนนั้นได้หัวเราะเยาะข้า ทั้งๆ ที่ข้าต่างหากที่ควรอยู่เคียงข้างท่านอ๋องในตอนนี้เป็นชายาเอกอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะนางแพศยาคนนั้นคนเดียว”แววตาของบิดาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นประกายบางอย่างระหว่างความห่วงใยและไม่พอใจ“เจ้าลืมสิ่งที่พ่อเคยพูดไปแล้วหรือ บิดาของนางเป็นฝ่าบาทที่ส่งเสริม และยังตั้งใจที่จะกีดกันเจ้า เป็นพ่อที่วางรากฐ
เสียงดาบปะทะหอกดังสนั่นทั่วแนวรบ เลือดร้อนสาดกระเซ็นบนผืนหิมะขาวจนแดงฉาน ซุนเจอหนี่ในชุดเกราะสีเข้มเปรอะเลือด ยืนหยัดอยู่กลางสมรภูมิ ท่ามกลางลูกธนูที่ยังโหมใส่ไม่หยุด"แม่ทัพ! เราเสียแนวรบตะวันตกแล้ว ขอรับ!" เสียงเหยียนชารีบรายงาน ใบหน้าของเขานั้นทั้งห่วงใยและตื่นตระหนกซุนเจอหนี่กัดฟันแน่น มือที่กำดาบสั่นเล็กน้อยเพราะเสียเลือดมากเกินไป กำลังจนหมดแรงลงเช่นกัน"พวกจะตายก็ควรตายเพราะปกป้อง"เค้นเสียงพูดเบาๆ ปลายเสียงขาดห้วง แต่แววตายังไม่ยอมแพ้“ท่านแม่ทัพ องค์หญิงอถอยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนชาเตือนด้วยความหวังดี”“ไม่มีทางข้าจะไม่ทิ้งด่านหน้าแห่งนี้เด็ดขาด”“แต่ท่านแม่ทัพเราพ่ายแล้ว” เหยียนชาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นจากแนวป่าด้านหลังกองทหารที่บาดเจ็บล้มตายภายใต้การนำของซุนเจอหนี่ ซุนเจอหนี่หันขวับความรู้สึกตึงเครียดกับความคิดว่านั่นอาจเป็นทัพเสริมของศัตรู แม่ทัพหม่าเซินเลิกคิ้วสูงธงรบที่ชักขึ้นสูงบ่งบอกว่าเป็นธงของต้าเซี่ยด้านซุนเจอหนี่"ทัพนั่นของใครกัน!" หนึ่งในแม่ทัพรองตะโกนถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงซุนเจอหนี่เบิกตากว้างเล็กน้อย ธงมังกรเงิ
เสียงกลองรบของข้าศึกดังกระหน่ำอย่างไม่มีหยุดพัก ควันดำลอยอ้อยอิ่งเหนือแนวกำแพงด่านหน้าที่แตกพัง เศษซากของโรงสีที่ถูกไฟเผาไหม้ยังคงส่งเสียงปะทุเบา ๆ ข้างฝั่งน้ำแข็งแตกกระเทาะทหารของแคว้นเป่ยในชุดเกราะเก่าโทรมมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนทั่วร่าง บางคนขาดอาวุธ บางคนแขนขาได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจขยับกานและยังคงคลานกลับค่ายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว เสียงร้องไห้ของหญิงชราที่วิ่งตามร่างบุตรชายบนรถเข็นไม้ กรีดหัวใจของผู้ได้ยินให้ปวดหนึบบนหอคอยบัญชาการ องค์หญิงใหญ่ซุนเจอหนี่ ในชุดแม่ทัพเกราะเงิน ยืนนิ่งทอดสายตาออกไปยังขอบฟ้าที่ยังไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือหายนะใหม่"ด่านหน้าพังราบไปแล้วขอรับท่านแม่ทัพ ตอนนี้เหลือเพียงที่นี่แต่ทหารของเราบาดเจ็บไม่น้อยเมื่อที่นี่ไม่อาจยันทัพของแคว้นไต้ไว้ได้และแตกลง พวกมันจะล้อมเมืองหลวง..." เสียงรองแม่ทัพที่หนึ่งกล่าวแผ่วเบา ซุนเจอหนี่เพียงพยักหน้า สั่งการอย่างสงบนิ่ง แม้ดวงตาจะคลอไปด้วยหยาดน้ำใส"ส่งสารน์ไปยังต้าเซี่ย ขอพันธมิตร... ป่านนี้ทัพจากแคว้นฉียังมาไม่ถึงหรือไร"ทอดอาลัยด้วยความรู้สึกกดดันในฐานะผู้นำคนสนิทของนาง เหยียนซา รีบก้าวเข้ามากระซิบ "แต่แคว้นต้าเซี่ยยังมิได้ตอบร
ค่ำคืนมืดมิดชินหวางอ๋องในชุดคลุมดำไร้ลวดลาย ก้าวย่างเงียบเชียบเข้าสู่หลังบ้านเสิ่นอย่างเงียบๆองครักษ์ไฉ่หานรออยู่ก่อนแล้ว“ท่านอ๋อง” ไฉ่หานประสานมือนอบน้อม“ท่านพ่อตารอข้าอยู่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงเรียบเฉย“พ่ะย่ะค่ะ สาวใช้นางหนึ่งรับหน้าที่เป็นคนล้างภาชนะในครัว ได้กลิ่นหญ้าหลัวซินจื่อจากชาที่นางเคี่ยว นางเห็นชัดว่าสาวใช้คนหนึ่งของฮูหยินรองนำออกไปก่อนจะนำชามาให้พระชายารอง” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ“ดีมาก ท่านพ่อตาคงไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่นใช่ไหม ข้าตั้งใจพบท่านพ่อตาในทันทีเพื่อกล่าวโทษฮูหยินรองสวี่เหยียน” ริมฝีปากคมขยับช้า ๆ ดวงตาคมวาวเยือกเย็นดุจจิ้งจอกกลางหิมะ“ส่งสาวใช้คนนั้นกลับบ้านนางเสียข้าไม่รู้ว่าขอบเขตของเรื่องนี้ขยายวงกว้างแค่ไหนจำต้องปกป้องพยานของเรา”“พ่ะย่ะค่ะ…” ไฉ่หานประสานมืออีกครั้ง ชินหวางอ๋องเร้นกายยังห้องพักด้านในของเสิ่นกวงหลิวชินหวางอ๋องก้าวเท้าผ่านก่อนจะหยุดที่หน้าต่างทอดมองไปยังห้องมืดมิดของซีหรูในบ้านเสิ่นแม้จะอยู่ห่าง แต่เขาก็รู้ดีว่าซีหรูนอนอยู่ในห้องนั้นแอบอมยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่อจากที่เขากำลังจะบงการให้เป็นช่วงเวลาดีดีสำหรับเขา“ซีหรู...หากไม่ใช่ข้าแอบมองเจ
ในห้องลับใต้เรือนเก่าคร่ำคร่า ริมกำแพงตะวันตกของเมืองหลวง หยางฟางหรานยืนนิ่งอยู่หน้าตู้ไม้ดำ มีลิ้นชักนับสิบที่บรรจุสมุนไพรและผงแปลกประหลาดสารพัดชนิด ในมือเธอมีถุงผ้าสีแดงกำแน่น ดวงตาวาววับแม้จะอยู่ในความมืด“นี่คือยาพิษที่เจ้าต้องการ” หมอหญิงชราผู้หนึ่งกล่าวขณะค่อย ๆ วางขวดยาเล็กจิ๋วลงบนถาด“ท่านหมอยาชนิดนี้ใช้ได้ดีเพียงใด”“เพียงผงเท่าปลายเล็บก็สามารถทำให้หัวใจของคนหยุดเต้นภายในครึ่งชั่วยาม…”ฟางหรานก้มลงหยิบขวดยา สีหน้าไม่ไหวติง“ข้าอยากให้หัวใจของนางหยุดเต้นในทันทีเช่นนั้นข้าจะต้องเพิ่มขนาดยาใช่หรือไม่” หมอหญิงชราพยักหน้ายิ้มๆ“แน่นอน ท่านใช้ได้เท่าที่ต้องการเพื่อให้แน่ใจว่าคนคนนนั้นจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา”“และจะไม่เหลือร่องรอยให้ตรวจพบใช่หรือไม่” หยางฟางหรานทำสีหน้าสงสัย“แม้แต่หมอหลวงก็ตรวจไม่เจอ หากใส่ลงในของเหลวที่มีรสเข้มข้น เช่น น้ำแกง หรือชา…ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นยาพิษ”รอยยิ้มเยียบเย็นแย้มขึ้นบนมุมปากของฟางหรานเป็นครั้งแรก“ดี...นางจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาอย่างที่ท่านหมอพูด ข้าเกลียดนาง”ค่ำวันถัดมา ภายในห้องรับรองของบ้านตระกูลเสิ่นหยางฟางหรานในชุดคลุมแพรสีคราม เดินอย