“ไปเถิด ไปในที่ที่เจ้าจะมีความสุข...ท่านอ๋องจะดูแลเจ้าและลูกของเขาข้าเชื่อเช่นนั้น” เขากระซิบด้วยน้ำเสียง จริงจัง ซีหรูเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอบอุ่นของผู้เป็นบิดาน้ำตาไหลรินเงียบๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่นั้นอย่างแนบแน่นชินหวางอ๋องยืนนิ่งปล่อยให้นางได้กล่าวลาไม่มีคำเร่งเร้า ไม่มีการเร่งรัดเมื่อซีหรูปล่อยมือออกในที่สุด ชินหวางอ๋องจึงโอบรัดเอวบางของนางอย่างอ่อนโยน พาขึ้นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ก่อนจาก เสิ่นกวงหลิวตะโกนตามหลังมาเสียงหนักแน่นว่า “ดูแลตัวเองให้ดีนะ เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นก็ด้วย!”ซีหรูหันกลับไปส่งยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่ชินหวางอ๋องโอบไหล่นางแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจเกี๊ยวค่อยๆ เคลื่อนออกจากประตูบ้านเสิ่นอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน และดวงใจสองดวงที่ค่อยๆ เริ่มผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น"ตั้งแต่นี้ไป... ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสียน้ำตาเพียงลำพังอีก" เสียงกระซิบของชินหวางอ๋องดังอยู่ข้างหูนาง แผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับคำสัตย์สาบานซีหรูกัดริมฝีปากน้อยๆ พยักหน้าช้าๆ ซบใบหน้าไว้กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น รู้แน่แล้วว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะมีพายุลูกใดในชีวิต ซีหรูก็จะไม่ต้องเผชิญมันเพียง
เสียงกีบม้าเกือบยี่สิบตัว กระทบพื้นดังสนั่น พร้อมเสียงร้องตะโกนระงม"โครมๆๆๆ!" เกี๊ยวหรูหราที่เคลื่อนตัวอยู่กลางทางระเบิดพังลงแทบในพริบตา เศษไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ กลุ่มมือสังหารราวยี่สิบคนในชุดดำทะยานพุ่งเข้าล้อมกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววสังหารเยียบเย็นไร้ปรานี“ฆ่า…เสิ่นซีหรู”ชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวออกจากเศษซากเกี๊ยวที่กำลังถล่ม มือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือบางของซีหรูมากำไว้แน่น เสียงคำรามต่ำหลุดออกจากลำคอเขา"อารักขาชายาข้า! ไฉ่หาน ไม่ต้องห่วงข้า อารักขาพระชายา!!"คำสั่งเปี่ยมด้วยอำนาจและเด็ดขาดโดยไม่ลังเล ชินหวางอ๋องใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองโอบล้อมร่างบางไว้เต็มที่ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงรับคมมีดที่ฟาดมาโดยตรงแทนซีหรู เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับเสือโคร่งที่กำลังปกป้องลูกน้อยเสียงใบมีดเสียดแทงผิวเนื้อดัง “ฉึบ!” เลือดสดพุ่งซึมออกจากบาดแผลลึกบนบ่ากว้างของเขาทันที แต่เขากลับไม่แม้แต่จะร้องครวญสักคำ เพียงยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น"ท่านอ๋อง!" ไฉ่หานร้องด้วยความตกใจ ทะยานเข้าต่อสู้กับมือสังหารอีกทาง เสี่ยวอูที่รีบวิ่งเข้ามาขวางมือสังหารที่ตั้งใจพุ่งเข้าหาซีหรูชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวหลบการโจ
“แต่งกับหญิงอัปลักษณ์ใบหน้าของนางน่าเกลียดน่ากลัวจนคนเห็นเป็นลมล้มพับไปก็หลายคนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่” ขันทีเสี่ยวอูบ่นงึมงำด้วยเห็นใจชินหวางอ๋องที่บทจะได้แต่งงานก็ต้องแต่งกับหญิงที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ที่สุดในสามแคว้น “ก็ทรงคิดว่าต้องการยัดเยียดบุตรีของบ้านเสิ่นให้กับข้าเพียงเพราะโปรดปรานใต้เท้าเสิ่นกลัวว่าบุตรีเพียงคนเดียวจะหาสามีไม่ได้” น้ำเสียงหยามเหยียดยิ่งนัก “ท่านอ๋องท่านเองก็รูปงามอีกทั้งยังมีคุณหนูตระกูลหลางผู้งดงามทำไมไม่ปฏิเสธไปแต่งนางในฐานะเมียเอก แล้วคนที่รักแต่งเมียรองท่านอ๋องท่านไม่สงสารคุณหนูบ้านหยางหรือไร” “ข้าให้หญิงอัปลักษณ์นั่นได้แค่ตำแหน่งเมียรองเท่านั้นข้าจะยื่นคำขาดกับฝ่าบาทเรื่องที่จะแต่งนางในฐานะเมียรอง” สีหน้าบึ้งตึงรบชนะกลับมาตั้งใจแต่งฟางหราน แต่กลับถูกฝ่าบาทประทานงานแต่งงานกับบุตรีบ้านเสิ่นบ้านเสิ่น “คุณหนูเจ้าขา จะต้องแต่งจริงๆ เจ้าค่ะ” “ก็ดีแล้ว เขายอมแต่งกับข้าด้วยหรือ ในเมื่อชินหวางอ๋องรูปงามที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร เขายอมแต่กับคนอัปลักษณ์เช่นข้าหรือ” น้ำเรียบเฉยหากแต่เจือไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “เจ้าค่ะแต่คุณหนูจะต้องแต่งในฐานะชายารอง
“อะ จะทำอะไร” อีกคนกลับคว้าเอวบางไว้ เผลอสูดดมกลิ่นหอมของคนข้างกายอย่างลืมตัว “ข้าน่ะอยากให้เจ้าท้องแล้วนี่ ข้าจะได้แต่งกับฟางหลานเสียที นางร้องจนตาบวม ข้าไม่อยากให้นางเสียใจไปมากกว่านี้” ซีหรูกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ ผลักร่างสูงที่เมามายลงไปบนแท่นนอนลุกขึ้นยืน แล้วคว้าผ้าห่มเดินออกจากตรงนั้นแต่อีกคนกับคว้าร่างบางไว้ซีหรูสะบัดมือไฟในห้องก็สว่างไสว ชินหวางอ๋องลุกขึ้นยืนจ้องใบหน้าของซีหรูนิ่งสร่างเมาในทันที “ใบหน้าเจ้าอัปลักษณ์สิ้นดี” สะบัดชายเสื้อเดินออกจากห้องไป ซีหรูยิ้มทิ้งตัวลงบนแท่นนอนแม้จะเจ็บปวดแต่ไม่มีน้ำตาเช้าสดใส “ไทเฮาเสด็จจจจจจจจจ” ร่างท้วมเดินมาพร้อมกันขันทีและนางสนองพระโอฐและนางกำนัลสองสามคนถือวิสาสะเดินเข้าในห้องบรรทมของชินหวางอ๋องกับซีหรูซีหรูที่รีบเอาผ้าแพรพันใบหน้าเพื่อปกปิดใบหน้าอัปลักษณ์เสีย รีบย่อกายลงอ่อนหวานตรงหน้าไทเฮา “ซีหรูถวายพระพรไทเฮา” “หือเสียงดังกระดิ่งทอง ไพเราะเสียจริง” “พวกเจ้าช้าอยู่ไย” ซีหรูตกใจไม่น้อยนี่เพิ่งจะยามเฉิน (07.00น-09.00น) ทำไมไทเฮาถึงมาถึงจวนอ๋องได้รวดเร็วนัก นางกำนัลรีบมาไปที่แท่นนอนรื้อค้นราวกับกำลังหาสิ่งสำคัญที่ทำหล่นหาย “เจ
“เจ้ากล้าหรือ” “แน่นอนในเมื่อคิดว่าข้าอยากแต่งกับท่านสิ่งเดียวที่ข้าจะทำเพื่อลบล้างคำพูดที่ว่าอยากจะได้ท่านเป็นสามีจนตัวสั่น ข้าก็ควรหย่ากับท่านเสีย เพราะชินหวางอ๋องผู้สูงส่งทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติข้าแม้แต่น้อย” “เจ้ากล้าดีอย่างไร ข้าเสียอีกควรขอหย่าจากเจ้า หญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้ายังกล้าขอหย่าสามี หย่าแล้วคิดว่าใครเขาจะอยากรับเจ้าเป็นภรรยาต่อจากข้าทั้งหม้ายทั้ง…อัปลักษณ์” โมโหอย่างที่สุดก็ควรเป็นเขาสินะที่ต้องขอหย่าจากนางเขายังไม่กล้าทูลฝ่าบาทรื่องนี้หากเขากล้าฝืนบัญชาฝ่าบาทมิสู้ไม่ขอแต่งนางตั้งแต่แรกแล้วหรือ “ท่านไม่ต้องห่วงดีไหมเรื่องแบบนี้ ข้าแบกรับเพียงลำพังยินดีที่จะต้องทนให้ท่านพูดว่าข้าตั้งใจให้ท่านพ่อกดดันฝ่าบาทให้ประทานอนุญาตข้าแต่งกับท่าน” ชินหวางอ๋องกัดฟันจนเป็นสันนูน สะบัดชายเสื้อจากไปตำหนักไทเฮา “ชิงหวานอ๋องทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติชายารองแม้แต่น้อยข้าอยากจะลดทอนความหยิ่งยโสของตระกูลหยางลง จึงไม่ให้ชินหวางอ๋องแต่งกับหยางฟางหรานคนนั้นแต่ดูสิ่งที่เขาทำ ไม่แม้แต่จะแตะตัวชายารองผู้น่าสงสาร” “ไทเฮาเพฮะนาง…เอ่อชายารองของชินหวางอ๋องมีใบหน้า ไม่พึงประสงค์ชินหวางอ๋องก็บุรุษก็ย่
เสี่ยวไป๋ดึงมือออกจากมือซีหรู รีบเดินออกจากห้องสงสารซีหรูไม่น้อย ได้แต่ชะแง้คอมองเข้าไปข้างในปกติแล้วท่านอ๋องใจดีทำไมใจร้ายกับพระชายารองจัง “เสี่ยวไป๋ปิดประตู” เสี่ยวไป๋รีบปิดประตูตามคำสั่งซีหรูหน้าเสีย “ไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียข้าจะรอที่นี่ เจ้าจะต้องไปยกน้ำชากับข้าที่ตำหนักชิงหนิงกง” ซีหรูยังนั่งนิ่ง ชินหวางอ๋องเดินข้าไปคว้าข้อมือให้ลุกขึ้นยืน “ปล่อยนะ อย่ามาทำแบบนี้มีสิทธิ์อะไร” “ข้าคือสามี ไปสับเปลี่ยนอาภรณ์เสียไม่อย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนให้เอง” “ไม่” “เดี๋ยวนี้จะต้องไปเดี๋ยวนี้ฮองเฮาดื่มชายามบ่าย หากช้ากว่านี้จะถูกตำหนิเรื่องเวลาเอาได้” “นั่นมันเรื่องของท่านไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเสียหน่อยจะถูกตำหนิก็เรื่องของท่าน” ชิงกวานอ๋องดึงสายรัดเอวของซีหรูออกอย่างรวดเร็ว สอดมือเข้าไปโอบเอวบางดึงอาภรณ์ออกอย่างคนที่ช่ำชอง “ปะปล่อยข้านะ” กลิ่นกายหอมหวนจนเผลอสูดดมเข้าไปเต็มเปาอีกครั้ง “หอมจัง” ดังฝันล่องลอยกลิ่นหอมนั้นติดอยุ่ที่ปลายจมูกทำให้อยากสูดดม “ปล่อยนะ” ซีหรูผลักร่างสูงให้ถอยห่างไม่ทันระวังชิงหวานอ๋องกำลังจะล้มลงไปกับพื้นดึงเอาร่างเล็กของซีหรูล้มลงไปทับเขาอย่างจังซีหรูพยายามลุกขึ้น
เกี้ยวถูกหามถึงหน้าวังหลวง ชินหวางอ๋องลงจากเกี้ยว อย่างรวดเร็วไม่สนใจจะรับซีหรูลงจากเกี้ยวด้วยแม้แต่น้อย ซีหรูก้าวลงจากเกี้ยวช้าๆ อย่างระมัดระวังตัวเพราะยังเจ็บจากที่ล้มเมื่อครู่ กลัวว่าเท้าจะพลิกด้วยซ้ำไป “ชินหวางอ๋อง อ๋องน้อยตระกูลชินมาแล้วหรือ อ้าว แล้วเหตุใดไม่รับชายารองลงจากเกี้ยว” เสียงราวประกาศิตดังมาจากข้างหลังฮ่องเต้วัยกลางคนยืนอยู่ด้านหลังคนทั้งสองโดยที่ไม่ได้ให้ขันทีขานเวลาที่เสด็จมาถึง “ตู้เล่อ ไปรับชายารองของชินหวางอ๋องระวังจะตกลงมาจากเกี้ยว” ตู้เล่อที่หลฃาอเหลาหนุ่มแน่นอต่รั้งตำแหน่ง หัวหน้าองครักษ์หรือองครักษ์ข้างกายของฮ่องเต้ ชินเตอหลางรีบส่งมือให้ซีหรูจับ “ชายาอ๋องระวังหน่อย” น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่สุด ชินหวางอ๋องหันมาประสานมือตรงหน้าชินเตอหลาง “ชินหวางอ๋องถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี” ซีหรูย่อกายลงตรงหน้าชินเตอหลาง เหลือบตามองตู้เล่อที่องอาจหล่อเหลาไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือรังเกียจ ใบหน้าอัปลักษณ์ของซีหรูแม้แต่น้อยแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุด นี่เขาหงุดหงิดเรื่องอะไรก้คงเรื่องที่หมอนั่น ทำท่าทีไม่ได้รัเกียจซีหรูเหมือนเป็นการตบหน้าเขาชัดๆ “ขอบคุณท่า
“เจ้าก็พูดเสียจนชินหวางอ๋องเป็นตัวร้ายความจริงแล้วชินหวางอ๋องเป็นคนที่จิตใจดีเพียงแค่เป็นข้าที่กดดันมากไปใช่ไหม แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ข้ามอบให้มันดีที่สุด” พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไปกันดีกว่า ปล่อยฝ่าบาทกับท่านอ๋องคุยกันไปเราสองคนไปเลือกหยิบสิ่งของที่เจ้าถูกใจดีไหม ของกำนัลจากต่างแคว้นและของกำนัลจากฝ่าบาทมากมาย ข้ายินดีให้เจ้าเลือกหยิบเอาตามใจ” ดึงมือซีหรูเดินตามเข้าไปในตำหนักชิงหนิงกงชินเตอหลางเปลี่ยนท่าทีจากยิ้มแย้มเป็นเคร่งขรึมทันที “มาถึงเรื่องของเรา” “พ่ะย่ะค่ะ” “ใต้เท้าหยาง กำลังจะทำเรื่องที่ผิดกับข้า เจ้าจะวางเฉยได้ไหม” “ฝ่าบาท บุตรีไม่เกี่ยวกับบิดา” ชินหวางอ๋องตัดพ้อ “บุตรีไม่เกี่ยวกับบิดาได้หรือ ใต้เท้าหยางกล้าให้การช่วยเหลือ เชวียเต๋ออ๋องส่งเสบียงและอาวุธอ้างว่าเพื่อเงิน แต่ที่ข้ารู้หยางซูซินคนนี้ ตั้งใจยกบุตตรีให้กับเชวียอ๋อง” “เช่นนั้นฝ่าบาทก็ให้ชินหวางอ๋องแต่งกับบุตรีของใต้เท้าหยางเสียจึงจะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น” ชินเตอหลางฮ่องเต้ถอนหายใจยาวค่ำคืนเหน็บหนาวซีหรูนอนขดตัวในผ้าห่มหนา ข่มตาหลับไหลคืนนี้คืนที่สองแล้วเขาก็ยังไม่แวะมา ถอนหายใจโล่งอกเสียมากกว่าชินชากั
เสียงกีบม้าเกือบยี่สิบตัว กระทบพื้นดังสนั่น พร้อมเสียงร้องตะโกนระงม"โครมๆๆๆ!" เกี๊ยวหรูหราที่เคลื่อนตัวอยู่กลางทางระเบิดพังลงแทบในพริบตา เศษไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ กลุ่มมือสังหารราวยี่สิบคนในชุดดำทะยานพุ่งเข้าล้อมกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววสังหารเยียบเย็นไร้ปรานี“ฆ่า…เสิ่นซีหรู”ชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวออกจากเศษซากเกี๊ยวที่กำลังถล่ม มือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือบางของซีหรูมากำไว้แน่น เสียงคำรามต่ำหลุดออกจากลำคอเขา"อารักขาชายาข้า! ไฉ่หาน ไม่ต้องห่วงข้า อารักขาพระชายา!!"คำสั่งเปี่ยมด้วยอำนาจและเด็ดขาดโดยไม่ลังเล ชินหวางอ๋องใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองโอบล้อมร่างบางไว้เต็มที่ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงรับคมมีดที่ฟาดมาโดยตรงแทนซีหรู เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับเสือโคร่งที่กำลังปกป้องลูกน้อยเสียงใบมีดเสียดแทงผิวเนื้อดัง “ฉึบ!” เลือดสดพุ่งซึมออกจากบาดแผลลึกบนบ่ากว้างของเขาทันที แต่เขากลับไม่แม้แต่จะร้องครวญสักคำ เพียงยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น"ท่านอ๋อง!" ไฉ่หานร้องด้วยความตกใจ ทะยานเข้าต่อสู้กับมือสังหารอีกทาง เสี่ยวอูที่รีบวิ่งเข้ามาขวางมือสังหารที่ตั้งใจพุ่งเข้าหาซีหรูชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวหลบการโจ
“ไปเถิด ไปในที่ที่เจ้าจะมีความสุข...ท่านอ๋องจะดูแลเจ้าและลูกของเขาข้าเชื่อเช่นนั้น” เขากระซิบด้วยน้ำเสียง จริงจัง ซีหรูเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอบอุ่นของผู้เป็นบิดาน้ำตาไหลรินเงียบๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่นั้นอย่างแนบแน่นชินหวางอ๋องยืนนิ่งปล่อยให้นางได้กล่าวลาไม่มีคำเร่งเร้า ไม่มีการเร่งรัดเมื่อซีหรูปล่อยมือออกในที่สุด ชินหวางอ๋องจึงโอบรัดเอวบางของนางอย่างอ่อนโยน พาขึ้นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ก่อนจาก เสิ่นกวงหลิวตะโกนตามหลังมาเสียงหนักแน่นว่า “ดูแลตัวเองให้ดีนะ เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นก็ด้วย!”ซีหรูหันกลับไปส่งยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่ชินหวางอ๋องโอบไหล่นางแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจเกี๊ยวค่อยๆ เคลื่อนออกจากประตูบ้านเสิ่นอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน และดวงใจสองดวงที่ค่อยๆ เริ่มผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น"ตั้งแต่นี้ไป... ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสียน้ำตาเพียงลำพังอีก" เสียงกระซิบของชินหวางอ๋องดังอยู่ข้างหูนาง แผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับคำสัตย์สาบานซีหรูกัดริมฝีปากน้อยๆ พยักหน้าช้าๆ ซบใบหน้าไว้กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น รู้แน่แล้วว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะมีพายุลูกใดในชีวิต ซีหรูก็จะไม่ต้องเผชิญมันเพียง
ข่าวคราวจากคุกหลวงถูกนำมาส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว ฮูหยินรองเสิ่นสวี่เหยียน...เสียชีวิตแล้วชินหวางอ๋องยืนนิ่งงันอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ในเรือนพัก ลมเย็นพัดชายเสื้อคลุมยาวของเขาไหวสะบัด แต่ชินหวางอ๋องกลับนิ่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาคมลึกนั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าอย่างครุ่นคิด"นางเลือกทางนี้เอง...หรือว่ามีใครทำให้นางต้องสิ้นชื่อกันแน่" เสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบา“ท่านอ๋องเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” เสี่ยวอูถามขึ้นสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“พรุ่งนี้ข้าจะพาซีหรูเข้าถวายพระพรฝ่าบาทบอกเล่าเรื่องใบหน้าที่งดามและการที่ชายาของข้ากำลังตั้งครรภ์ส่วนเรื่องไฟไหม้บ้านเสิ่นเมื่อหลายปีที่แล้วคงต้องให้ฝ่าบาทตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไร”เขาแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างปิดปกติกับความตายของสวี่เหยียน หากแต่รู้ดีว่าความเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะซับซ้อนกว่าที่เคย เงามืดเบื้องหลังคงไม่ยอมปล่อยมือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือซีหรู กับเด็กในครรภ์น้อยๆ ที่กำลังเติบโตในกายของนางตอนนี้เขาเองไม่อาจวางใจใครให้ปกป้องซีหรูและลูกในท้องได้นอกจากตัวเขาเอง"เสี่ยวอูเตรียมเกี๊ยว!" เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่น องครักษ์ที่คอยเฝ้าอ
สวี่เหยียนถูกล่ามโซ่ไว้ในความมืด…นั่งอยู่มุมห้องขัง ใบหน้าซูบซีด มีเพียงเปลวแสงจากโคมเล็กหน้าห้องที่ส่องผ่านช่องไม้พาดมาให้เห็นดวงตาของนางยังเปล่งแสงแห่งความหวังแม้เพียงเล็กน้อย“พี่สาวท่านช้าอยู่ใยข้ารออยู่ข้าเชื่อว่ามีท่านเพียงคนเดียวที่จะไม่มีทางปล่อยให้ข้าต้องตาย”เสียงประตูเหล็กดังแกรกกรากนางสะดุ้งน้อยๆ พลางรีบยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งเหยิงเพื่อแต่งกายให้ดูดีที่สุดด้วยความดีใจทหารยามสองคนพาร่างเล็กๆ ของขันทีคนหนึ่งเดินนำหน้าเข้ามา หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อเขาแสดงตราสัญลักษณ์เล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ เป็นตราฝังหยกแกะสลักลายบุปผาโบกไหว สัญลักษณ์เฉพาะของ “ฮองเฮาอี้หราน”"ฮองเฮาทรงหวงใย ท่านไม่น้อยขอรับ" ขันทีคุกเข่าลง เสียงแผ่วเบาแต่อบอุ่นดั่งน้ำซึมในผืนดินแห้งแล้ง“ทรงฝากข้ามาบอกว่า… ทรงจะส่ง ยาจำศีล มาให้…คืนนี้… ก่อนยามซวี (ประมาณสามทุ่ม) ” เขากระซิบเบาๆ อี้หรานลิงโลดในใจ"หลังดื่มยานั้นแล้ว ท่านจะดูเหมือนสิ้นใจจริง ไม่มีชีพจร ไม่มีลมหายใจ จะไม่มีใครกล้าแตะร่างท่านจนกว่าจะถึงยามเฉินของวันถัดไป (เช้าตรู่) เราจะพาท่านออกมาแล้วทุกอย่างก็จะเป็นความลับ"สวี่เหยียนเบิกตากว้าง น้ำตาเอ่อขึ
หยางฟางหรานยืนอยู่กลางห้อง ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงแววตาของบิดาหยางซูซิน ผู้เป็นขุนนางใหญ่ที่ทอดมองมาอย่างเคร่งเครียด“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผู้ใดถูกคุมตัวไปในวันนี้ฟางหราน”เสียงของเขาเย็นเฉียบ คล้ายกำลังสอบถาม…แต่แท้จริงแล้วคือคำกล่าวหาอ้อม ๆฟางหรานกัดริมฝีปากแน่น ปรายตามองบิดาก่อนตอบเสียงแผ่ว“ฮูหยินรองสวี่เหยียน…”“และเจ้าเอง” น้ำเสียงของหยางซูซินทุ้มต่ำ “เจ้าก็รู้ดีว่าถ้านางเปิดปากขึ้นมาเมื่อไร ชื่อของเจ้าจะเป็นชื่อถัดไปที่ถูกเรียกและถูดคุมขัง”ฟางหรานเม้มริมฝีปาก สะบัดชายแขนเสื้อแล้วนั่งลงบนเบาะอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ใบหน้าที่เคยงดงามอ่อนหวานบัดนี้กลับมีดวงตาแข็งกร้าว“แล้วท่านพ่อคิดจะปล่อยให้ข้าถูกลากไปเหรอ ปล่อยให้ท่านอ๋องจองจำข้าหรือ” “ปล่อยให้ซีหรูหญิงอัปลักษณ์คนนั้นได้หัวเราะเยาะข้า ทั้งๆ ที่ข้าต่างหากที่ควรอยู่เคียงข้างท่านอ๋องในตอนนี้เป็นชายาเอกอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะนางแพศยาคนนั้นคนเดียว”แววตาของบิดาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นประกายบางอย่างระหว่างความห่วงใยและไม่พอใจ“เจ้าลืมสิ่งที่พ่อเคยพูดไปแล้วหรือ บิดาของนางเป็นฝ่าบาทที่ส่งเสริม และยังตั้งใจที่จะกีดกันเจ้า เป็นพ่อที่วางรากฐ
เสียงดาบปะทะหอกดังสนั่นทั่วแนวรบ เลือดร้อนสาดกระเซ็นบนผืนหิมะขาวจนแดงฉาน ซุนเจอหนี่ในชุดเกราะสีเข้มเปรอะเลือด ยืนหยัดอยู่กลางสมรภูมิ ท่ามกลางลูกธนูที่ยังโหมใส่ไม่หยุด"แม่ทัพ! เราเสียแนวรบตะวันตกแล้ว ขอรับ!" เสียงเหยียนชารีบรายงาน ใบหน้าของเขานั้นทั้งห่วงใยและตื่นตระหนกซุนเจอหนี่กัดฟันแน่น มือที่กำดาบสั่นเล็กน้อยเพราะเสียเลือดมากเกินไป กำลังจนหมดแรงลงเช่นกัน"พวกจะตายก็ควรตายเพราะปกป้อง"เค้นเสียงพูดเบาๆ ปลายเสียงขาดห้วง แต่แววตายังไม่ยอมแพ้“ท่านแม่ทัพ องค์หญิงอถอยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนชาเตือนด้วยความหวังดี”“ไม่มีทางข้าจะไม่ทิ้งด่านหน้าแห่งนี้เด็ดขาด”“แต่ท่านแม่ทัพเราพ่ายแล้ว” เหยียนชาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นจากแนวป่าด้านหลังกองทหารที่บาดเจ็บล้มตายภายใต้การนำของซุนเจอหนี่ ซุนเจอหนี่หันขวับความรู้สึกตึงเครียดกับความคิดว่านั่นอาจเป็นทัพเสริมของศัตรู แม่ทัพหม่าเซินเลิกคิ้วสูงธงรบที่ชักขึ้นสูงบ่งบอกว่าเป็นธงของต้าเซี่ยด้านซุนเจอหนี่"ทัพนั่นของใครกัน!" หนึ่งในแม่ทัพรองตะโกนถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงซุนเจอหนี่เบิกตากว้างเล็กน้อย ธงมังกรเงิ
เสียงกลองรบของข้าศึกดังกระหน่ำอย่างไม่มีหยุดพัก ควันดำลอยอ้อยอิ่งเหนือแนวกำแพงด่านหน้าที่แตกพัง เศษซากของโรงสีที่ถูกไฟเผาไหม้ยังคงส่งเสียงปะทุเบา ๆ ข้างฝั่งน้ำแข็งแตกกระเทาะทหารของแคว้นเป่ยในชุดเกราะเก่าโทรมมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนทั่วร่าง บางคนขาดอาวุธ บางคนแขนขาได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจขยับกานและยังคงคลานกลับค่ายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว เสียงร้องไห้ของหญิงชราที่วิ่งตามร่างบุตรชายบนรถเข็นไม้ กรีดหัวใจของผู้ได้ยินให้ปวดหนึบบนหอคอยบัญชาการ องค์หญิงใหญ่ซุนเจอหนี่ ในชุดแม่ทัพเกราะเงิน ยืนนิ่งทอดสายตาออกไปยังขอบฟ้าที่ยังไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือหายนะใหม่"ด่านหน้าพังราบไปแล้วขอรับท่านแม่ทัพ ตอนนี้เหลือเพียงที่นี่แต่ทหารของเราบาดเจ็บไม่น้อยเมื่อที่นี่ไม่อาจยันทัพของแคว้นไต้ไว้ได้และแตกลง พวกมันจะล้อมเมืองหลวง..." เสียงรองแม่ทัพที่หนึ่งกล่าวแผ่วเบา ซุนเจอหนี่เพียงพยักหน้า สั่งการอย่างสงบนิ่ง แม้ดวงตาจะคลอไปด้วยหยาดน้ำใส"ส่งสารน์ไปยังต้าเซี่ย ขอพันธมิตร... ป่านนี้ทัพจากแคว้นฉียังมาไม่ถึงหรือไร"ทอดอาลัยด้วยความรู้สึกกดดันในฐานะผู้นำคนสนิทของนาง เหยียนซา รีบก้าวเข้ามากระซิบ "แต่แคว้นต้าเซี่ยยังมิได้ตอบร
ค่ำคืนมืดมิดชินหวางอ๋องในชุดคลุมดำไร้ลวดลาย ก้าวย่างเงียบเชียบเข้าสู่หลังบ้านเสิ่นอย่างเงียบๆองครักษ์ไฉ่หานรออยู่ก่อนแล้ว“ท่านอ๋อง” ไฉ่หานประสานมือนอบน้อม“ท่านพ่อตารอข้าอยู่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงเรียบเฉย“พ่ะย่ะค่ะ สาวใช้นางหนึ่งรับหน้าที่เป็นคนล้างภาชนะในครัว ได้กลิ่นหญ้าหลัวซินจื่อจากชาที่นางเคี่ยว นางเห็นชัดว่าสาวใช้คนหนึ่งของฮูหยินรองนำออกไปก่อนจะนำชามาให้พระชายารอง” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ“ดีมาก ท่านพ่อตาคงไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่นใช่ไหม ข้าตั้งใจพบท่านพ่อตาในทันทีเพื่อกล่าวโทษฮูหยินรองสวี่เหยียน” ริมฝีปากคมขยับช้า ๆ ดวงตาคมวาวเยือกเย็นดุจจิ้งจอกกลางหิมะ“ส่งสาวใช้คนนั้นกลับบ้านนางเสียข้าไม่รู้ว่าขอบเขตของเรื่องนี้ขยายวงกว้างแค่ไหนจำต้องปกป้องพยานของเรา”“พ่ะย่ะค่ะ…” ไฉ่หานประสานมืออีกครั้ง ชินหวางอ๋องเร้นกายยังห้องพักด้านในของเสิ่นกวงหลิวชินหวางอ๋องก้าวเท้าผ่านก่อนจะหยุดที่หน้าต่างทอดมองไปยังห้องมืดมิดของซีหรูในบ้านเสิ่นแม้จะอยู่ห่าง แต่เขาก็รู้ดีว่าซีหรูนอนอยู่ในห้องนั้นแอบอมยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่อจากที่เขากำลังจะบงการให้เป็นช่วงเวลาดีดีสำหรับเขา“ซีหรู...หากไม่ใช่ข้าแอบมองเจ
ในห้องลับใต้เรือนเก่าคร่ำคร่า ริมกำแพงตะวันตกของเมืองหลวง หยางฟางหรานยืนนิ่งอยู่หน้าตู้ไม้ดำ มีลิ้นชักนับสิบที่บรรจุสมุนไพรและผงแปลกประหลาดสารพัดชนิด ในมือเธอมีถุงผ้าสีแดงกำแน่น ดวงตาวาววับแม้จะอยู่ในความมืด“นี่คือยาพิษที่เจ้าต้องการ” หมอหญิงชราผู้หนึ่งกล่าวขณะค่อย ๆ วางขวดยาเล็กจิ๋วลงบนถาด“ท่านหมอยาชนิดนี้ใช้ได้ดีเพียงใด”“เพียงผงเท่าปลายเล็บก็สามารถทำให้หัวใจของคนหยุดเต้นภายในครึ่งชั่วยาม…”ฟางหรานก้มลงหยิบขวดยา สีหน้าไม่ไหวติง“ข้าอยากให้หัวใจของนางหยุดเต้นในทันทีเช่นนั้นข้าจะต้องเพิ่มขนาดยาใช่หรือไม่” หมอหญิงชราพยักหน้ายิ้มๆ“แน่นอน ท่านใช้ได้เท่าที่ต้องการเพื่อให้แน่ใจว่าคนคนนนั้นจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา”“และจะไม่เหลือร่องรอยให้ตรวจพบใช่หรือไม่” หยางฟางหรานทำสีหน้าสงสัย“แม้แต่หมอหลวงก็ตรวจไม่เจอ หากใส่ลงในของเหลวที่มีรสเข้มข้น เช่น น้ำแกง หรือชา…ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นยาพิษ”รอยยิ้มเยียบเย็นแย้มขึ้นบนมุมปากของฟางหรานเป็นครั้งแรก“ดี...นางจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาอย่างที่ท่านหมอพูด ข้าเกลียดนาง”ค่ำวันถัดมา ภายในห้องรับรองของบ้านตระกูลเสิ่นหยางฟางหรานในชุดคลุมแพรสีคราม เดินอย