“แม่นางท่านนี้” สวีไฉ่หานประสานมือตรงหน้าดวงตาจับจ้องมองใบหน้าที่จะว่าน่าเอ็นดูไม่ได้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ภายใต้ผ้าแพรบางเบาคุลมหน้าไว้ กระนั้นกลับจินตนาการว่าซูหรูที่เห็นช่างงดงาม ต่างจากหญิงทั่วไปนางมีบางอย่างสะดุดตาสวีไฉ่หานยิ่งนัก เสี่ยวไป๋ยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนทำสีหน้างุนงงว่าเหตุใดมีหญิงนางหนึ่งที่แม้แต่ท่าทางการเยื้องย่างยังต่างออกมาอยู่ในจวนอ๋องเวลานี้ ย่อกายลง
“ท่านองครักษ์ไฉ่หานนี่คือชายารองของท่านอ๋อง พระชายารองเสิ่นซีหรู
“ข้าน้อยสวีไฉ่หานยินดีที่ได้พบท่านพระชายารอง”
“เช่นกัน” หันหลังก้าวเดิน สวีไฉ่หานมองแผ่นหลังงดงามท่าทีที่มั่นคงนั้นต่างออกไปจริงๆ
“ท่านอ๋อง ท่านองครักษ์สวีไฉ่หานกลับมาแล้ว” ชินหวางอ๋อง ที่เอาแต่คัดอักษรตวัดพู่กันจนกระดาษฉีกขาดเพราะรอยหมึกที่กดอยู่กับเนื้อกระดาษ เสี่ยวอูฝนหมึกจนมือชา
ถอนหายใจเมื่อองครักษ์สวีไฉ่หานกลับมาจากหายไปแรมปีหลังจากรบชนะเขาก็ออกเดินทาง จนกระทั่งวันนี้จึงมาพบกันกับชินหวางอ๋องที่จวนอ๋องไร้พ่าย
“มาแล้วหรือหายไปจน ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบกันเสียแล้ว” สวีไฉ่หานยิ้มน้อยๆ เหลือบตามองกระดาษที่ถูกขยำกับรอยหมึกสีเข้มบนกระดาษบนโต๊ะ
“ได้ข่าวว่า ท่านอ๋องแต่งชายาใหม่ ทำไมหัวเสียง่ายดายแบบนี้ปกติแล้วคนที่แต่งชายาใหม่ๆ จะมีเวลามานั่งหัวเสียด้วยหรือเอาเวลาไปโอ้โลมชายาไม่ดีกว่าหรือ”
“เพราะนางทำข้าเป็นแบบนี้”
“อ่อ เมื่อครู่ไฉ่หานเห็นว่าพระชายารองขนข้าวของไปที่ท้ายจวนมิน่าเล่าท่านอ๋องจึงหัวเสีย” ชิงหวางอ๋องขมวดคิ้วคม
“เสี่ยวอู ไปสืบดู”
“อ่าท่านอ๋องขอรับเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อครู่ตอนไปเอาแท่นฝนหมึกอันใหม่เสี่ยวอูก็เห็นเช่นนั้นถามเสี่ยวไป๋นางบอกว่าพระชายารองเว้นที่ไว้ให้ว่าที่พระชายาเอก”
“จะมากไปแล้วกล้าดีอย่างไรข้าไม่สั่งอย่างไรจึงกล้า”
“ก็ดีไม่ใช่หรือขอรับ ท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องพบพระชายารองที่มีใบหน้า…ไม่งดงาม ท่านอ๋องเองก็ไม่สู้ชอบใจทำไมไม่ปล่อยพระชายารองไปเสีย”
“พรุ่งนี้เสด็จย่าก็จะมา และหากพบว่านางไม่ได้นอนที่ห้องนั้นเกรงว่าเสด็จย่าจะต้องฆ่าข้าแน่นอน” สวีไฉ่หานอมยิ้ม
“ไทเฮาทรงมาทำไมพ่ะย่ะค่ะ” ถามเสียหน่อย
“เสด็จย่าไม่วางใจกลัวว่าข้าไม่ยอมร่วมแท่นนอนกับชายารองก็เลยต้องคอยมาตรวจแท่นนอนในทุกเช้าตั้งแต่คืนเข้าหอ”
“จริงด้วย ข้าน้อยเสี่ยวอูลืมไปเสียสนิท ท่านอ๋องก็ทรงรีบไปเอาโลหิตของพระชายารองมาเก็บไว้ก่อนแล้วหาก ไทเฮามาตรวจก็คงพอเหมาะพอดี”
“หือ เดี๋ยวนี้ท่านอ๋องน้อยไร้พ่ายของเรา เอาเปรียบสตรีโดยให้นางเจ็บตัวเพื่อแผนการด้วยหรือ” คำพูดของสวีไฉ่หานบาดลึกไปในใจ แม้นำเสียงจะไม่จริงจังเท่าไหร่
“นางยินดีมอบโลหิตให้กับข้า เพื่อให้แผนการลุล่วงนางเองก็ไม่ได้อยากแต่งกับข้า สักเท่าไหร่”
“แล้วทำไมต้องเป็นเช่นนั้นไฉ่หานชักอยากจะพบปะพูดคุยกับชายารองท่านอ๋องเสียแล้วว่าเป็นคนเช่นไรจึงยอมง่ายดายเพียงนี้”
“เช่นนั้นหรือขอรับมีด้วยหรือคนที่แต่งเข้ามาเป็นชายาท่านอ๋องของเราที่รูปงาม แต่อยากจะหย่าออกไป” เสี่ยวอูพูดขึ้นอีกคนยิ่งทำให้ชินหวางอ๋องรู้สึกไม่ชอบใจนัก ทั้งที่เสี่ยวอูเคยอยู่ข้างเขามาตลอดพอได้ยินคำพูดของสวีไฉ่หานกลับลังเล
“พวกเจ้าเลิกมองว่านางแปลกได้แล้วเพราะนางรู้ว่าอย่างไรฝ่าบาทก็จะไม่มีทางประทานอนุญาตให้หย่ากับข้านางจึงยื่นข้อเสนอนี้เพื่อให้นางดูมีคุณค่าต่างหาก”
ไฉ่หานส่ายหน้า
ห้องพักท้ายจวน
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ พระชายารองห้องนี้สะอาดขึ้นทันตาไม่มีฝุ่นผงแค่กๆๆ” เสี่ยวไป๋ไอสองสามที ซีหรูยิ้มบางๆ วางมือจากผ้าเช็ดโต๊ะแล้วปาดเหงื่อ
“พอเถอะเจ้าเหนื่อยมากแล้ว ข้าค่อยๆ จัดแต่งอีกนิดก็อยู่ได้แล้วไม่ได้เรื่องมากอะไรอยู่ชั่วคราวพอขอประทานอนุญาตหย่ากับท่านอ๋องได้แล้วก็ไป คงไม่นานหรอกที่จะต้องพำนักที่นี่”
เสี่ยวไป๋ทำหน้าเศร้า
“ไม่ไปไม่ได้หรือเจ้าคะ ในเมื่อพระชายารองก็ไม่ได้สนใจว่าท่านอ๋องจะใส่ใจหรือไม่ท่านอ๋องจะแวะมาค้างด้วยหรือไม่ทำไมไม่อยู่ในฐานะชายารองไปอย่างนี้ทำไมต้องหย่าเจ้าคะ” เสี่ยวไป๋เริ่มรู้สึกว่าสะท้อนใจกลับสิ่งที่ซีหรูได้รับ
“เจ้าอยากไปอยู่ที่ตระกูลเสิ่นกับข้าไหม ข้ายินดีรับเจ้าเป็นคนของตระกูลเสิ่น” เสี่ยวไป๋ยิ้มทั้งน้ำตา
“พระชายาเจ้าขาทำไมต้องยอมด้วยเจ้าค่ะแต่งเข้ามาก่อนก็ต้องสู้สิเจ้าคะจะต้องครอบครองท่านอ๋องเก็บท่านอ๋องไว้เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ ไม่มีใครยอมหรอกนะเจ้าคะยอมให้สามีรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง” ซีหรูยิ้มบางๆ “เขาไม่ใช่สามีข้านี่ แล้วเราก็ไม่ได้รักกันเขากับคุณหนูตระกูลหยางนั่นรักกันมาเนิ่นนานก็สมควรที่จะได้ครองรักกัน ยิ่งไปขัดขวางเท่ากับยิ่งทำให้เขาเกลียดชังไม่สู้ข้าถอยออกมาเสียดีกว่า” “พระชายาเจ้าขาช่างมีน้ำใจเสียจริงท่านอ๋องเสียอีกเกเรราวกับเด็กหนุ่ม รอวันไหนที่พระชายาหายไปจะรู้สึก” เสี่ยวไป๋บ่นเบาๆ “เขาจะดีใจที่ข้า… ไปเสียได้ เขาจะได้แต่งกับชายาเอกของเขาฝ่าบาทก็จะไม่มีทางว่าอะไรเขาได้เป็นเพราะข้าที่ทนเขาไม่ได้ด้วยตัวเอง” เสี่ยวไป๋ถอนหายใจพระชายาเจ้าขาตัวมอมหมดแล้วเสี่ยวไป๋เตรียมน้ำอุ่นพระชายารองนอนแช่น้ำอุ่นให้หายเมื่อยดีไหมเจ้าค่ะอาการเหนื่อยล้าจะได้หายไปเราสองคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้วห้องนี้จึงออกมาดีเพียงนี้” หันมองรอบๆ ห้องที่ก่อนหน้านั้นเคยรกเรื้อมาตอนนี้กลับสะอาดสะอ้านน่านั่งน่านอนและยังตกแต่งราวกับแท่นบรรทมของฮ่องเต้ “ดีเหมือนกัน ข้ากำลังคิดว่าเจ้าไปขอแบ่งวัตถุดิบมาจากห้องเครื่องของจวน
“พระชายารองขอรับท่านอ๋องให้พระชายาออกมาข้างนอกขอรับ” เสียงเสี่ยวอูยังตะโกนดังๆ “พระชายาเจ้าขาไม่ต้องออกไปเสี่ยวไป๋จะบอกว่าพระชายากำลังบรรทมเจ้าค่ะ” เสี่ยวไป๋เองก็ยังยืนยันคำเดิม “ช่างเถอะข้าออกไปเอง” ซีหรูกำลังจะก้าวขาออกจากห้อง ประตูห้องถูกกระชากอย่างแรงจนบานประตูหลุดติดมือออกมาเสี่ยวไป๋ส่ายหน้าไปมาซีหรูยืนนิ่งเสี่ยวอูรีบเข้ามารับบานประตูไป ชินหวางอ๋องกวาดสายตามองห้องที่เคยรกร้างบัดนี้กลับตกแต่งงดงามอีกทั้งยังสะอาดสะอ้านน่านั่งน่านอนกลิ่นหอมจากกำยานกลิ่นอ่อนๆ ชวนให้ผ่อนคลาย ทุกอย่างที่เห็นราวกับว่าไม่เคยเป็นห้องรกร้างมาก่อน “กลับไปที่ห้องของเจ้าเสีย” ซีหรูหลุบตามองพื้น ไม่ต่อคำ “เสี่ยวไป๋เก็บของ ของพระชายารองกลับไปที่ห้องเดิม เหตุใดชอบสร้างปัญหาบิดาเจ้ามาพบว่าบุตตรีที่รักต้องมาอาศัยในห้องเก่ารกร้างแบบนี้จะต้องนำเรื่องนี้ไปฟ้องฝ่าบาท” ซีหรูยิ้มเศร้าๆ “ท่านพ่อไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นท่านอ๋องกังวลมากไปแล้วซีหรูเพิ่งจะทำความสะอาดห้องนี้เสร็จเมื่อชั่วยามที่ผ่านมานี้เอง จึงอยากจะอยู่นี่จนกว่าจะคุ้มกับแรงที่ลงไป” ยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมมากำไว้ผมยาวสลวยหลุดลุ่ยสยายเต็มแผ่นหลังกลิ่นหอม
“ท่านอ๋องขอรับ” ท่านพ่อบ้านถือค้อนมายืนตรงหน้าชินหวางอ๋องโบกมือให้หยุดพูด “เอ่อ ข้าน้อยเร่งมาถึงนี่เพื่อมาซ่อมแซมประตูตามคำสั่งของท่านอ๋อง” ”ไฉ่หานอมยิ้ม “ไม่ต้องแล้วมีคนมาซ่อมให้นางเรียบร้อยแล้ว” “แบบนี้สินะท่านอ๋องเองก็ส่งคนมาแต่ช้ากว่า ท่านองครักษ์สินะ” เสี่ยวไป๋พูดขึ้นเบาๆ “เสี่ยวไป๋คุกเข่า” ชินหวางอ๋องกำลังหาที่ลงพอดี “นางผิดอะไร” ซีหรูพูดขึ้นไม่พอใจที่อีกคนฟาดงวงฟาดงาเพียงแค่ไฉ่หานมาซ่อมประตูให้กับซีหรู หากมองอยู่ข้างนอกอย่างไฉ่หานเขาเข้าใจลึกซึ้งอาการคล้ายคนกำลังหึง “เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นไชินหวางอ๋องเปลี่ยนแปลงคำสั่งง่ายดาย “ไฉ่หาน ด้านหน้านั้นต้องการคนคอยอารักขาส่วนขาไม่ต้องการให้ใครมาอารักขาชายารองของข้าเพราะนางไม่ใช่คนสำคัญอะไร” ซีหรูยิ้มบางๆ เดินหันหลังกลับเข้าไปในห้องเสี่ยวไป๋เดินตามกำลังจะปิดประตู ชินหวางอ๋องเดินแทรกตัวเข้าไปในทันที “ทะท่านอ๋องเจ้าขา พระชายารองหิ้วท้องรอตั้งนานแล้วเจ้าค่ะกำลังจะกินอะไรเพื่อบรรเทาความหิวแต่ท่านอ๋องก็กลับไปกลับมาทำให้พระชายารองป่านนี้ยามไหนแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง” เสี่ยวไป๋พูดขึ้นพลางถอนหายใจ “ข้าจะเข้ามาตักเตือนนางที่ทำใจดีกับคน
เช้าสดใสซีหรูยืนนิ่งหน้าแท่นนอนของชินหวางอ๋องยามหลับตาไม่ต้องเห็นสายตาคมดุนั่นใบหน้าอ่อนเยาว์คิ้วไม่ขมวดเข้าหากันตลอดเวลาช่างเป็นคนที่หล่อเหลาและมองเหมือนแสนดีเดินกลับมานั่งริมหน้าต่าง “ไทเฮาเสด็จจจจจจ” เสียงเสี่ยวอูขานดังๆ ส่งสัญญาณให้ชินหวางอ๋องที่ลืมตามองภาพด้านหลังของซีหรู่มองเห็นแสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาที่ริมหน้าต่าง ภาพนั้นงดงามประหลาดตาเสียดายที่ซีหรูนางรีบลุกขึ้นไปต้อนรับไทเฮาชินหวางอ๋องคว้าแขนบางกระชากอย่างแรกให้ล้มลงบนอกกว้างเขาแล้วพลิกตัวให้ซีหรูลงไปนอนด้านล่าง พอดีกับที่ไทเฮามาถึงพอดี “อ่าาาาแล้วกันข้ามาแต่เช้าไปใช่ไหม” ซีหรูหน้าแดงระเรื่อ ไทเฮายิ้มน้อยๆ “ขอประทานอภัยเสด็จย่าหลานกับชายารองยังไม่เรียบร้อย” “อืม แค่มาตรวจดูผ้าปูแท่นนอนอย่ากังวลนักเลย เอ้าพวกเจ้าตรวจดูแท่นนอนเสียหน่อย” ประโยคสุดท้ายหันไปสั่งนางกำนัลที่มาด้วยซีหรูรีบลุกขึ้นจากแท่นนอนจัดแต่งอาภรณ์ให้เรียบร้อยชินหวางยิ้มเมื่อเห็นซีหรูหน้าแดงระเรื่อ “ไม่ต้องอายเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อยทุกคนก็ต้องผ่านจุดนี้มาทั้งนั้น” ไทเฮาทรงปลอบประโลมนั่นยิ่งทำให้ซีหรูเขินอายเข้าทางชินหวางอ๋อง “เสร็จแล้วเพคะ” นางกำน
รอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้า ส่งปิ่นคืนให้กับบุรุษผู้นั้น “ไฉ่หานพาเขาไปพบชายารองเพื่อมอบสิ่งนี้ให้กับนาง” ไฉ่หานขมวดคิ้ว “ท่านอ๋อง แต่ปิ่นในความหมายก็เป็นที่รู้กันเหตุใดยัง..” “ช่างนางเฉวี่ยเต๋ออ๋องเองก็รู้ดีว่าปิ่นที่มอบให้ชายารองของข้ามีความหมายใดกันเขายังกล้าส่งคนมาถึงจวนอ๋องไร้พ่ายหน้าด้านสิ้นดี” บุรุษผู้นั้นประสานมือขอบคุณชินหวางอ๋องประหงกๆ ที่ไม่ฆ่าเขาแล้วยังใจดีให้เขาทำงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยไฉ่หานลากคนผู้นั้นไปยังห้องพักด้านหลัง “ชายารองของท่านอ๋อง” ชี้มือยังร่างบางระหงของซีหรูที่กำลังตัดดอกไม้ในสวนกำใส่มือไว้ บุรุษผู้นั้นประสานมืออีกครั้งสีหน้าแย้มยิ้ม “ข้าจะบอกเฉวี่ยเต๋ออ๋องว่าชินหวางอ๋องและคนของชินหวางอ๋องใจดีไม่น้อยนอกจากไม่กล่าวโทษยังพาข้ามาพบชายารองของท่านอ๋อง” เรื่องประหลาดนี้หากไม่ใช่กลลวงของชินหวางอ๋องก็คงเป็นชินหวางอ๋องที่ไม่สนใจไยดีชายารองแม้แต่น้อย แต่เมื่อครู่เขาเห็นว่าชินหวางอ๋องก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจนัก “อ่าพระชายารองเฉวี่ยเต๋ออ๋องให้ข้าน้อยนำสิ่งนี้มามอบให้กับท่านแทนคำขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา” ซีหรูเงยหน้าขึ้นจากช่อดอกไม้งาม เอื้อมมือรับเอาปิ่นปักผมจากบุ
ด้านหน้าจวนอ่องนั้น หยางฟางหรานยืนเงยหน้าขึ้นมองป้าอ๋องไร้พ่าย สีหน้าแสดงความภาคภูมิใจย่างที่สุดชินหวางที่คว้าข้อมือของซีหรูให้เดินตามเขามา หยางฟางหรานมองมือใหญ่ที่จับข้อมือเล็กของซีหรู “ท่านอ๋อง ชายารอง” ย่อกายลงงดงามชินหวางอ๋องรีบปล่อยมือจากซีหรูตรงเข้าประคองฟางหราน “เจ้ามาแล้วข้าจึงให้ชายารองมารับเจ้าเสียพร้อมกัน จวนอ๋องมีห้องว่างมากมายเจ้าต้องการพักที่ไหนข้าจะให้เด็กรับใช้ดูแลจัดการให้เจ้าอย่างที่เจ้าต้องการ” ซีหรูหลุบตามองพื้น “ฟางหรานเพิ่งจะมาวันแรกก็จะกะเกณฑ์นั่นนี่ก็คงไม่ถูก ห้องไหนก็ได้” “ห้องทางด้านซ้ายมือของท่านอ๋อง มีบริเวณกว้างขวางอีกทั้งยังสะดวกสบาย” ซีหรูพูดขึ้นเบาๆ “ชายรอง ข้าขอโทษข้าไม่มีเจตนาแบบนั้นท่านคงคิดว่าข้าอยากจะอยู่ใกล้ท่านอ๋องสินะ ข้าความจริงแล้วที่มาครั้งนี้เพราะท่านอ๋องขอร้องให้ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะได้ จะได้ ทำความคุ้นชินกับจวนอ๋อและชายารองซีหรู” ซีหรูยิ้มบางๆ “ความริงแล้วห้องของท่านอ๋องก็ยังว่าง รอแค่ท่านทั้งสองกล้าที่จะนอนร่วมห้องไม่ต้องเกรงใจข้าซีหรูเพราะนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปไทเฮาก็จะไม่ทรงมาที่นี่อีกแล้วเช่นนั้นห้องนั้นสำหรับข้าก็ไร้ความหมายท่
บุรุษที่ข้างกายล้วนเคียงข้างกระบี่บุรุษผู้นิ่งงันไร้สรรพเสียงแต่ทว่ามีกลิ่นอายของความตายนั่งจิบชาที่โรงเตี๊ยมกลางป่ามีผ้าแพรสีดำปิดบังใบหน้าชัดเจน “ท่านรับงานหรือไม่”“ข้าเพียงแค่ผ่านทาง แต่ตอนนี้ต้องการคนจ่ายคาน้ำชาและอาหาร“มากกว่านั้นก็ย่อมได้ ทองสามพันชั่งที่ข้าเตรียมไว้จะส่งมอบทันทีที่งานลุล่วงที่ทิศใต้ของหุบเขาผิงอัน เพียงแค่จัดการคนผู้หนึ่งแล้วหายไปเสีย อย่าได้กลับมาที่นี่อีก”“คนที่จะให้ข้าจัดการเป็นใครกัน”“แค่หญิงคนหนึ่งในจวนอ๋องไร้พ่ายด้วยฝีมือของท่านจอมยุทธ์ข้าคิดว่าเป็นเรื่องง่ายดาย”“ฮ่าาาหญิงคนหนึ่งในจวนอ๋องไร้พ่ายที่มีการอารักขาแน่นหนาอย่างนั้นหรือเพราะอย่างนี้สินะชีวิตนางถึงมีมูลค่าถึงสามพันชั่ง”“ท่านไม่กล้าหรือไรพูดเช่นนี้ แค่เพียงได้ยินว่าจวนอ๋องไร้พ่ายก็กลัวจนหัวหดแล้วหรือ”“หุบปากเจ้าเสีย ข้ารับงานนี้” กระแทกกระบี่ลงบนโต๊ะ“ท่านจะต้องเริ่มงานในตอนนี้เลยเพราะพวกข้าเตรียมการไว้หมดแล้วที่จวนอ๋องเราวางยาองครักษ์ส่วนหลังของจวน นางอาศัยที่ห้องพักท้ายจวน หากพบหญิงที่มีใบหน้าอัปลักษณ์นั่นล่ะคือนางฉุดคร่านางออกมาจากจวนแล้วฆ่านางเสีย”“ทำไมต้องฉุดคร่านางออกมาเหตุใดไม่ให้ข
ตระกูลอ้าย“ท่านตาๆๆๆๆๆๆๆ” ซีหรูวิ่งเข้าไปกอดอ้ายหลัวปิงเอ่อ ราวกับตัวเองเห็นเด็กเล็กๆ เหมือนเมื่อก่อน“หลานรักของข้าเจ้ามาได้อย่างไร” มู๋โก๋กังฮวนก้าวเข้ามากลางบ้าน อ้ายหลัวปิงเอ่อฉีกยิ้มกว้าง“นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้พบกันดีเหลือเกินได้พบคนที่รักทั้งสอง เจ้าก้อนแป้งน้อยซีหรูของตาช่างนำความโชคดีมาให้ตาเสียจริง” ซีหรูยิ้มออดอ้อนอ้ายหลัวปิงเอ่อโอบกอดซีหรูราวกับซีหรูยังเป็นเด็กหญิง ซีหรูเองก้ผ่อนคลายไม่มีสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนยามที่อยู่วังหลวง“มาแล้วแบบนี้ก้คงต้องทำตามแผนเดิมที่วางไว้ โม๋กูท่านเองก้ควรจะรอดูผลงานของข้าและอยู่ร่ำสุราจนกว่าจะหายคิดถึง” ซีหรูกอดรอบเอวอวบโม๋กูกังฮวนยิ้ม“นางบอกว่านางจะจ่ายข้าด้วยเงินของท่านตานางอย่าบอกนะว่าท่านจะจ่ายข้าด้วยสุรารสเลิศที่ตั้งใจมอมเมาข้า” “ได้ด้วยสินะ โม๋กูนิยมดื่มสุราที่สุด5555” เสียงหัวเราะดังลั่นบ้านตระกูลอ้าย “ท่านตา หลานแต่งานแล้ว”“เป็นตาอย่างไรถึงไม่รู้ว่าหลานแต่งงาน”“หุบปากเจ้าโม๋กูข้าได้ยินข่าวนางตลอดมาเพียงแต่ที่นี่กับวังหลวงห่างไกลกันเหลือเกินและข้าเองไม่สู้ชอบใจลูกเขยขลาดเขลาพ่อของซีหรูคนนั้น ที่ปล่อยให้ซีหยินมารดานางที่เป็นลูก
เสียงกีบม้าเกือบยี่สิบตัว กระทบพื้นดังสนั่น พร้อมเสียงร้องตะโกนระงม"โครมๆๆๆ!" เกี๊ยวหรูหราที่เคลื่อนตัวอยู่กลางทางระเบิดพังลงแทบในพริบตา เศษไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ กลุ่มมือสังหารราวยี่สิบคนในชุดดำทะยานพุ่งเข้าล้อมกรอบอย่างรวดเร็ว ดวงตาแต่ละคู่ฉายแววสังหารเยียบเย็นไร้ปรานี“ฆ่า…เสิ่นซีหรู”ชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวออกจากเศษซากเกี๊ยวที่กำลังถล่ม มือหนึ่งฉวยคว้าข้อมือบางของซีหรูมากำไว้แน่น เสียงคำรามต่ำหลุดออกจากลำคอเขา"อารักขาชายาข้า! ไฉ่หาน ไม่ต้องห่วงข้า อารักขาพระชายา!!"คำสั่งเปี่ยมด้วยอำนาจและเด็ดขาดโดยไม่ลังเล ชินหวางอ๋องใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองโอบล้อมร่างบางไว้เต็มที่ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงรับคมมีดที่ฟาดมาโดยตรงแทนซีหรู เขาขยับตัวอย่างรวดเร็วราวกับเสือโคร่งที่กำลังปกป้องลูกน้อยเสียงใบมีดเสียดแทงผิวเนื้อดัง “ฉึบ!” เลือดสดพุ่งซึมออกจากบาดแผลลึกบนบ่ากว้างของเขาทันที แต่เขากลับไม่แม้แต่จะร้องครวญสักคำ เพียงยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น"ท่านอ๋อง!" ไฉ่หานร้องด้วยความตกใจ ทะยานเข้าต่อสู้กับมือสังหารอีกทาง เสี่ยวอูที่รีบวิ่งเข้ามาขวางมือสังหารที่ตั้งใจพุ่งเข้าหาซีหรูชินหวางอ๋องเบี่ยงตัวหลบการโจ
“ไปเถิด ไปในที่ที่เจ้าจะมีความสุข...ท่านอ๋องจะดูแลเจ้าและลูกของเขาข้าเชื่อเช่นนั้น” เขากระซิบด้วยน้ำเสียง จริงจัง ซีหรูเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอบอุ่นของผู้เป็นบิดาน้ำตาไหลรินเงียบๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่นั้นอย่างแนบแน่นชินหวางอ๋องยืนนิ่งปล่อยให้นางได้กล่าวลาไม่มีคำเร่งเร้า ไม่มีการเร่งรัดเมื่อซีหรูปล่อยมือออกในที่สุด ชินหวางอ๋องจึงโอบรัดเอวบางของนางอย่างอ่อนโยน พาขึ้นเกี๊ยวที่เตรียมไว้ก่อนจาก เสิ่นกวงหลิวตะโกนตามหลังมาเสียงหนักแน่นว่า “ดูแลตัวเองให้ดีนะ เจ้าตัวน้อยในท้องนั่นก็ด้วย!”ซีหรูหันกลับไปส่งยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่ชินหวางอ๋องโอบไหล่นางแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจเกี๊ยวค่อยๆ เคลื่อนออกจากประตูบ้านเสิ่นอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงสายลมอ่อนๆ พัดผ่าน และดวงใจสองดวงที่ค่อยๆ เริ่มผูกพันกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น"ตั้งแต่นี้ไป... ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องเสียน้ำตาเพียงลำพังอีก" เสียงกระซิบของชินหวางอ๋องดังอยู่ข้างหูนาง แผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับคำสัตย์สาบานซีหรูกัดริมฝีปากน้อยๆ พยักหน้าช้าๆ ซบใบหน้าไว้กับอกกว้างที่แสนอบอุ่น รู้แน่แล้วว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะมีพายุลูกใดในชีวิต ซีหรูก็จะไม่ต้องเผชิญมันเพียง
ข่าวคราวจากคุกหลวงถูกนำมาส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว ฮูหยินรองเสิ่นสวี่เหยียน...เสียชีวิตแล้วชินหวางอ๋องยืนนิ่งงันอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ในเรือนพัก ลมเย็นพัดชายเสื้อคลุมยาวของเขาไหวสะบัด แต่ชินหวางอ๋องกลับนิ่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาคมลึกนั้นจ้องมองไปยังความว่างเปล่าอย่างครุ่นคิด"นางเลือกทางนี้เอง...หรือว่ามีใครทำให้นางต้องสิ้นชื่อกันแน่" เสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบา“ท่านอ๋องเราจะทำอย่างไรต่อไปดี” เสี่ยวอูถามขึ้นสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย“พรุ่งนี้ข้าจะพาซีหรูเข้าถวายพระพรฝ่าบาทบอกเล่าเรื่องใบหน้าที่งดามและการที่ชายาของข้ากำลังตั้งครรภ์ส่วนเรื่องไฟไหม้บ้านเสิ่นเมื่อหลายปีที่แล้วคงต้องให้ฝ่าบาทตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไร”เขาแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างปิดปกติกับความตายของสวี่เหยียน หากแต่รู้ดีว่าความเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะซับซ้อนกว่าที่เคย เงามืดเบื้องหลังคงไม่ยอมปล่อยมือ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือซีหรู กับเด็กในครรภ์น้อยๆ ที่กำลังเติบโตในกายของนางตอนนี้เขาเองไม่อาจวางใจใครให้ปกป้องซีหรูและลูกในท้องได้นอกจากตัวเขาเอง"เสี่ยวอูเตรียมเกี๊ยว!" เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่น องครักษ์ที่คอยเฝ้าอ
สวี่เหยียนถูกล่ามโซ่ไว้ในความมืด…นั่งอยู่มุมห้องขัง ใบหน้าซูบซีด มีเพียงเปลวแสงจากโคมเล็กหน้าห้องที่ส่องผ่านช่องไม้พาดมาให้เห็นดวงตาของนางยังเปล่งแสงแห่งความหวังแม้เพียงเล็กน้อย“พี่สาวท่านช้าอยู่ใยข้ารออยู่ข้าเชื่อว่ามีท่านเพียงคนเดียวที่จะไม่มีทางปล่อยให้ข้าต้องตาย”เสียงประตูเหล็กดังแกรกกรากนางสะดุ้งน้อยๆ พลางรีบยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งเหยิงเพื่อแต่งกายให้ดูดีที่สุดด้วยความดีใจทหารยามสองคนพาร่างเล็กๆ ของขันทีคนหนึ่งเดินนำหน้าเข้ามา หัวใจของนางเต้นแรง เมื่อเขาแสดงตราสัญลักษณ์เล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ เป็นตราฝังหยกแกะสลักลายบุปผาโบกไหว สัญลักษณ์เฉพาะของ “ฮองเฮาอี้หราน”"ฮองเฮาทรงหวงใย ท่านไม่น้อยขอรับ" ขันทีคุกเข่าลง เสียงแผ่วเบาแต่อบอุ่นดั่งน้ำซึมในผืนดินแห้งแล้ง“ทรงฝากข้ามาบอกว่า… ทรงจะส่ง ยาจำศีล มาให้…คืนนี้… ก่อนยามซวี (ประมาณสามทุ่ม) ” เขากระซิบเบาๆ อี้หรานลิงโลดในใจ"หลังดื่มยานั้นแล้ว ท่านจะดูเหมือนสิ้นใจจริง ไม่มีชีพจร ไม่มีลมหายใจ จะไม่มีใครกล้าแตะร่างท่านจนกว่าจะถึงยามเฉินของวันถัดไป (เช้าตรู่) เราจะพาท่านออกมาแล้วทุกอย่างก็จะเป็นความลับ"สวี่เหยียนเบิกตากว้าง น้ำตาเอ่อขึ
หยางฟางหรานยืนอยู่กลางห้อง ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงแววตาของบิดาหยางซูซิน ผู้เป็นขุนนางใหญ่ที่ทอดมองมาอย่างเคร่งเครียด“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผู้ใดถูกคุมตัวไปในวันนี้ฟางหราน”เสียงของเขาเย็นเฉียบ คล้ายกำลังสอบถาม…แต่แท้จริงแล้วคือคำกล่าวหาอ้อม ๆฟางหรานกัดริมฝีปากแน่น ปรายตามองบิดาก่อนตอบเสียงแผ่ว“ฮูหยินรองสวี่เหยียน…”“และเจ้าเอง” น้ำเสียงของหยางซูซินทุ้มต่ำ “เจ้าก็รู้ดีว่าถ้านางเปิดปากขึ้นมาเมื่อไร ชื่อของเจ้าจะเป็นชื่อถัดไปที่ถูกเรียกและถูดคุมขัง”ฟางหรานเม้มริมฝีปาก สะบัดชายแขนเสื้อแล้วนั่งลงบนเบาะอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ใบหน้าที่เคยงดงามอ่อนหวานบัดนี้กลับมีดวงตาแข็งกร้าว“แล้วท่านพ่อคิดจะปล่อยให้ข้าถูกลากไปเหรอ ปล่อยให้ท่านอ๋องจองจำข้าหรือ” “ปล่อยให้ซีหรูหญิงอัปลักษณ์คนนั้นได้หัวเราะเยาะข้า ทั้งๆ ที่ข้าต่างหากที่ควรอยู่เคียงข้างท่านอ๋องในตอนนี้เป็นชายาเอกอย่างที่ตั้งใจไว้เพราะนางแพศยาคนนั้นคนเดียว”แววตาของบิดาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เป็นประกายบางอย่างระหว่างความห่วงใยและไม่พอใจ“เจ้าลืมสิ่งที่พ่อเคยพูดไปแล้วหรือ บิดาของนางเป็นฝ่าบาทที่ส่งเสริม และยังตั้งใจที่จะกีดกันเจ้า เป็นพ่อที่วางรากฐ
เสียงดาบปะทะหอกดังสนั่นทั่วแนวรบ เลือดร้อนสาดกระเซ็นบนผืนหิมะขาวจนแดงฉาน ซุนเจอหนี่ในชุดเกราะสีเข้มเปรอะเลือด ยืนหยัดอยู่กลางสมรภูมิ ท่ามกลางลูกธนูที่ยังโหมใส่ไม่หยุด"แม่ทัพ! เราเสียแนวรบตะวันตกแล้ว ขอรับ!" เสียงเหยียนชารีบรายงาน ใบหน้าของเขานั้นทั้งห่วงใยและตื่นตระหนกซุนเจอหนี่กัดฟันแน่น มือที่กำดาบสั่นเล็กน้อยเพราะเสียเลือดมากเกินไป กำลังจนหมดแรงลงเช่นกัน"พวกจะตายก็ควรตายเพราะปกป้อง"เค้นเสียงพูดเบาๆ ปลายเสียงขาดห้วง แต่แววตายังไม่ยอมแพ้“ท่านแม่ทัพ องค์หญิงอถอยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนชาเตือนด้วยความหวังดี”“ไม่มีทางข้าจะไม่ทิ้งด่านหน้าแห่งนี้เด็ดขาด”“แต่ท่านแม่ทัพเราพ่ายแล้ว” เหยียนชาพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นจากแนวป่าด้านหลังกองทหารที่บาดเจ็บล้มตายภายใต้การนำของซุนเจอหนี่ ซุนเจอหนี่หันขวับความรู้สึกตึงเครียดกับความคิดว่านั่นอาจเป็นทัพเสริมของศัตรู แม่ทัพหม่าเซินเลิกคิ้วสูงธงรบที่ชักขึ้นสูงบ่งบอกว่าเป็นธงของต้าเซี่ยด้านซุนเจอหนี่"ทัพนั่นของใครกัน!" หนึ่งในแม่ทัพรองตะโกนถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงซุนเจอหนี่เบิกตากว้างเล็กน้อย ธงมังกรเงิ
เสียงกลองรบของข้าศึกดังกระหน่ำอย่างไม่มีหยุดพัก ควันดำลอยอ้อยอิ่งเหนือแนวกำแพงด่านหน้าที่แตกพัง เศษซากของโรงสีที่ถูกไฟเผาไหม้ยังคงส่งเสียงปะทุเบา ๆ ข้างฝั่งน้ำแข็งแตกกระเทาะทหารของแคว้นเป่ยในชุดเกราะเก่าโทรมมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนทั่วร่าง บางคนขาดอาวุธ บางคนแขนขาได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจขยับกานและยังคงคลานกลับค่ายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว เสียงร้องไห้ของหญิงชราที่วิ่งตามร่างบุตรชายบนรถเข็นไม้ กรีดหัวใจของผู้ได้ยินให้ปวดหนึบบนหอคอยบัญชาการ องค์หญิงใหญ่ซุนเจอหนี่ ในชุดแม่ทัพเกราะเงิน ยืนนิ่งทอดสายตาออกไปยังขอบฟ้าที่ยังไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือหายนะใหม่"ด่านหน้าพังราบไปแล้วขอรับท่านแม่ทัพ ตอนนี้เหลือเพียงที่นี่แต่ทหารของเราบาดเจ็บไม่น้อยเมื่อที่นี่ไม่อาจยันทัพของแคว้นไต้ไว้ได้และแตกลง พวกมันจะล้อมเมืองหลวง..." เสียงรองแม่ทัพที่หนึ่งกล่าวแผ่วเบา ซุนเจอหนี่เพียงพยักหน้า สั่งการอย่างสงบนิ่ง แม้ดวงตาจะคลอไปด้วยหยาดน้ำใส"ส่งสารน์ไปยังต้าเซี่ย ขอพันธมิตร... ป่านนี้ทัพจากแคว้นฉียังมาไม่ถึงหรือไร"ทอดอาลัยด้วยความรู้สึกกดดันในฐานะผู้นำคนสนิทของนาง เหยียนซา รีบก้าวเข้ามากระซิบ "แต่แคว้นต้าเซี่ยยังมิได้ตอบร
ค่ำคืนมืดมิดชินหวางอ๋องในชุดคลุมดำไร้ลวดลาย ก้าวย่างเงียบเชียบเข้าสู่หลังบ้านเสิ่นอย่างเงียบๆองครักษ์ไฉ่หานรออยู่ก่อนแล้ว“ท่านอ๋อง” ไฉ่หานประสานมือนอบน้อม“ท่านพ่อตารอข้าอยู่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงเรียบเฉย“พ่ะย่ะค่ะ สาวใช้นางหนึ่งรับหน้าที่เป็นคนล้างภาชนะในครัว ได้กลิ่นหญ้าหลัวซินจื่อจากชาที่นางเคี่ยว นางเห็นชัดว่าสาวใช้คนหนึ่งของฮูหยินรองนำออกไปก่อนจะนำชามาให้พระชายารอง” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ“ดีมาก ท่านพ่อตาคงไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่นใช่ไหม ข้าตั้งใจพบท่านพ่อตาในทันทีเพื่อกล่าวโทษฮูหยินรองสวี่เหยียน” ริมฝีปากคมขยับช้า ๆ ดวงตาคมวาวเยือกเย็นดุจจิ้งจอกกลางหิมะ“ส่งสาวใช้คนนั้นกลับบ้านนางเสียข้าไม่รู้ว่าขอบเขตของเรื่องนี้ขยายวงกว้างแค่ไหนจำต้องปกป้องพยานของเรา”“พ่ะย่ะค่ะ…” ไฉ่หานประสานมืออีกครั้ง ชินหวางอ๋องเร้นกายยังห้องพักด้านในของเสิ่นกวงหลิวชินหวางอ๋องก้าวเท้าผ่านก่อนจะหยุดที่หน้าต่างทอดมองไปยังห้องมืดมิดของซีหรูในบ้านเสิ่นแม้จะอยู่ห่าง แต่เขาก็รู้ดีว่าซีหรูนอนอยู่ในห้องนั้นแอบอมยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่อจากที่เขากำลังจะบงการให้เป็นช่วงเวลาดีดีสำหรับเขา“ซีหรู...หากไม่ใช่ข้าแอบมองเจ
ในห้องลับใต้เรือนเก่าคร่ำคร่า ริมกำแพงตะวันตกของเมืองหลวง หยางฟางหรานยืนนิ่งอยู่หน้าตู้ไม้ดำ มีลิ้นชักนับสิบที่บรรจุสมุนไพรและผงแปลกประหลาดสารพัดชนิด ในมือเธอมีถุงผ้าสีแดงกำแน่น ดวงตาวาววับแม้จะอยู่ในความมืด“นี่คือยาพิษที่เจ้าต้องการ” หมอหญิงชราผู้หนึ่งกล่าวขณะค่อย ๆ วางขวดยาเล็กจิ๋วลงบนถาด“ท่านหมอยาชนิดนี้ใช้ได้ดีเพียงใด”“เพียงผงเท่าปลายเล็บก็สามารถทำให้หัวใจของคนหยุดเต้นภายในครึ่งชั่วยาม…”ฟางหรานก้มลงหยิบขวดยา สีหน้าไม่ไหวติง“ข้าอยากให้หัวใจของนางหยุดเต้นในทันทีเช่นนั้นข้าจะต้องเพิ่มขนาดยาใช่หรือไม่” หมอหญิงชราพยักหน้ายิ้มๆ“แน่นอน ท่านใช้ได้เท่าที่ต้องการเพื่อให้แน่ใจว่าคนคนนนั้นจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา”“และจะไม่เหลือร่องรอยให้ตรวจพบใช่หรือไม่” หยางฟางหรานทำสีหน้าสงสัย“แม้แต่หมอหลวงก็ตรวจไม่เจอ หากใส่ลงในของเหลวที่มีรสเข้มข้น เช่น น้ำแกง หรือชา…ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นยาพิษ”รอยยิ้มเยียบเย็นแย้มขึ้นบนมุมปากของฟางหรานเป็นครั้งแรก“ดี...นางจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาอย่างที่ท่านหมอพูด ข้าเกลียดนาง”ค่ำวันถัดมา ภายในห้องรับรองของบ้านตระกูลเสิ่นหยางฟางหรานในชุดคลุมแพรสีคราม เดินอย