"อาจารย์ ตอนนี้อาจารย์ซ่างกวานเป็นผู้สอนนะ" กู้ชูหน่วนเอ่ยเตือนอาจารย์ที่มาเข้าฟัง ยุ่มย่ามเกินขอบเขตไปแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ซ่างกวานจะค่อยๆ จะจัดชุดขาวของเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ไม่ตั้งใจฟังเวลาเรียน ทั้งยังรังแกเพื่อนร่วมห้อง พฤติกรรมนี้ขัดต่อธรรมเนียมอันดี ต้องลงโทษให้วิ่งสี่สิบรอบกระมัง"สี่...สี่สิบรอบ?อีกเท่าหนึ่งเลยนะ?กู้ชูหน่วนเกือบจะหุนหันเดินออกจากห้องนางเกือบลืมไปเสียสนิทว่าซ่างกวานฉู่เปลือกนอกดูน่าสงสาร แต่ความจริงแล้วเป็นคนชั่วจอมเจ้าเล่ห์"อาจารย์ ขอโปรดอนุญาตให้ศิษย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเถิด" เยี่ยเฟิงใบหน้าซีดเซียว ดูไม่สู้ดีนัก"ไปเถิด"กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นในทันใด "อาจารย์ เสื้อข้าก็โดนเกี่ยวขาดเช่นกัน ข้าก็อยากไปเปลี่ยนชุดบ้าง""ไม่อนุญาต"พับผ่าสิซ่างกวานฉู่นี่ลำเอีงเกินไปแล้วทุกคนในสำนักบัณฑิตหัวเราะคิกคัก"ดูท่าทีร้อนรนของคุณสามกู้สิ ดูท่าคงอยากแอบดูเยี่ยเฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกกระมัง เฮ้อ เสียดายที่ไม่กี่วันก่อนข้ายังนับถือนางอยู่เลย""นั่นน่ะสิ สำนวนนางดีก็จริง แต่เหตุใดถึงดูเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ""ข้ารู้สึกว่าข้าโดนหลอก ข้าสงสัยว่านางแต
"ได้ ห้าสิบล้านตำลึงก็ห้าสิบล้านตำลึง" ไทเฮาปากสั่นไปหมด เมื่อกวักมือเรียกก็มีข้ารับใช้ยกหีบตั๋วเงินและเพชรพลอยต่างๆเข้ามาวางตรงหน้ากู้ชูหน่วน"ตั๋วเงิน เครื่องประดับ ของโบราณ และเพชรพลอยพวกนี้ มูลค่าเทียบเท่าห้าสิบล้านตำลึง คุณหนูสามกู้จะตรวจสอบดูก่อนก็ย่อมได้"ทุกคนต่างรู้ดีไทเฮาไม่มีเงินแล้วถึงได้นำของเก่า เครื่องประดับเพชรพลอยออกมากู้ชูหน่วนเปิดหีบดู ภายในมีทั้งไข่มุก โกเมน แก้วตาแมว หรือแม้แต่ไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่เท่าไข่ไก่มากมายกู้ชูหน่วนเปิดทีละหีบ นับทีละชิ้น ทุกหีบมีมูลค่าแทบจะซื้อเมืองได้ทั้งเมือง"เฮือก..."ทุกคนมองจนตาแทบหลุดหัวใจขององค์หญิงตังตังและไทเฮาอาบเลือด แทบอยากจะฟันกู้ชูหน่วนเป็นชิ้นๆ เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจเอาเงินก็แล้วไป แต่ยังเปิดทีละหีบ นับทีละชิ้นต่อหน้าพวกนางอีก แบบนี้ต่างอะไรจากประหารพวกนางหรือองค์หญิงตังตังร้อนรนจนนิ่งเฉยไม่ไหว อยากให้เสด็จแม่ถอนคำพูด แต่ก็กลัวว่าไทเฮาจะตบหน้าเป็นรางวัลแล้วก็เป็นเซียวอวี่เชียนที่ทนดูต่อไปไม่ไหว เขาเดินเข้ามา เอ่ยเสียงกระซิบ "ยัยขี้เหร่ พอแค่นี้เถิด สีหน้าของไทเฮาไม่ค่อยสู้ดีนัก""เงินมาของไป หากข้านับ
กู้ชูหน่วนตาเบิกโพลง กะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ ก่อนจะผายมือยักไหล่เอ่ย "เมื่อคืนข้าถูกคนลอบสังหารไม่รู้กี่หน ระหว่างหนีเอาตัวรอด หยกจันทร์เสี้ยวตกลงมา หลักจากนั้น...มันก็แตก"ไทเฮาสมองพร่ามัว แทบจะเป็นลมล้มไป นางชี้กู้ชูหน่วน เดือดดาลจนพูดไม่ออกกู้ชูหน่วนยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจไม่มีเกรงกลัว "ไทเฮา คนของฮ่องเต้กล้าเข้ามาสังหารนักเรียนในสำนักบัณฑิตหลวง นี่เรียกว่าท้าทายฮ่องเต้ ท้าทายไทเฮา ท้าทายกฎหมายแคว้นเย่ ที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือเขายังทำหยกจันทร์เสี้ยวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้องค์หญิงตังตังเสียหายอีก ขอไทเฮาโปรดจับตัวคนร้าย แล้วตัดมือให้เข็ดหลาบด้วยเถิด""สามหาว กู้ชูหน่วน หยกจันทร์เสี้ยวเสียหายยามอยู่ในมือเจ้า เจ้ากลับเล่นลิ้น ใครก็ได้ จับตัวหญิงนางนี้ไปที"ไทเฮาเดือดดาล คนทั้งสำนักบัณฑิตหลวงตื่นตระหนก พากันคุกเข่าลงเป็นแถวเซียวอวี่เชียนเอ่ยอย่างร้อนใจ "ไทเฮา เมื่อคืนนี้มีมือสังหารมากมายหมายจะเอาชีวิตยัยขี้เหร่นี่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ หากไม่ใช่เพราะนางหนีได้ทัน ป่านนี้คงตายไปแล้ว หยกจันทร์เสี้ยวเสียหาย ก็มิควรโทษนางเพียงผู้เดียว""ข้าจะลงโทษผู้ใด เจ้ามีสิทธิห้ามตั้งแต่เมื่อไหร่"
เพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่กลับทำให้หวาดผวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาดทุกคนเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองออกไปไม่ไกล ภาพที่เห็นคือชิงเฟิงเข็นรถเข็นเข้ามา ด้านข้างมีเจี้ยงเสวี่ยยืนขนาบส่วนคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นนั้น จะเป็นผู้ใดนอกเสียจากเทพสงครามหานอ๋องทุกคนต่างตื่นตะลึงเทพสงคราม...เทพสงครามตัวจริง?เขาไม่ได้ป่วยใกล้ตาย หายใจติดขัด ออกจากจวนไม่ได้หรอกหรือ? วันนี้เหตุใดถึงได้มาถึงสำนักบัณฑิตหลวง?ดวงตาเหี้ยมโหดของเย่จิ่งหานแสนเย็นชาประหนึ่งกระบี่ในธารน้ำแข็ง กวาดมองทุกคนในที่นั้นนั่นเป็นสายตาที่ให้ความรู้สึกดุจดั่งเขานั้นเหนือกว่าผู้ใด ยื่นตระหง่านอยู่บนยอดผา กำลังก้มลงมองเหล่ามดตัวกระจ้อยสุดท้ายเขาหยุดสายตาลงบนร่างของกู้ชูหน่วนที่กำลังทำท่าเอื่อยเฉื่อย"ได้ยินมาว่ามีคนคิดจะแตะต้องอ๋องเฟยของข้า"เพียงประโยคหยั่งเชิง ไทเฮากลับหน้าซีดเผือดอ๋องเฟยของข้า?เทพสงครามคิดจะปกป้องนางหรือ?ทุกคนต่างตกตะลึงเทพสงครามยอมรับว่ากู้ชูหน่วนคือชายาของเขา นั่นมันหญิงอัปลักษณ์เลยนะไทเฮาฉีกยิ้มเหยเก ไม่มีแล้วท่าทีวางอำนาจเหมือนเมื่อครู่ "กู้ชูหน่วนทำหยกจันทร์เสี้ยวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้องค์หญิงตั
เย่จิ่งหานเลิกคิ้ว "ทำไม ข้าจะไปไหนต้องบอกเจ้าด้วยหรือ"นางผู้นี้ ช่วยเหลือนางแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณสักคำ ยังคิดจะไล่เขาไปอีก"ได้ที่ไหนกันเล่า เพียงแต่ท่านผู้มีอำนาจใหญ่โตมาอยู่ในสำนักบัณฑิตเช่นนี้ ดูสิ ทำพวกเขาตกใจกลัวกันหมด แล้วพวกเขาจะมีกะจิตกะใจเรียนได้อย่างไร ข้าช่วยท่านสร้างกุศลอยู่หรอกนะ"กู้ชูหน่วนชี้ไปยังเหล่านักเรียนที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่เต็มสำนักบัณฑิต สายตาแฝงไว้ด้วยความหยอกเย้าเซียวอวี่เชียนและคนอื่นๆ คิดว่าเทพสงครามไม่มีทางยอมกลับไปง่ายๆ แน่ คิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งหานเพียงแค่โบกมือ ชิงเฟิงก็เข้าใจในทันที พลันเข็นรถเข็นออกไปจากสำนักบัณฑิตหลวงทิ้งไว้เพียงแค่ประโยคเรียบๆ ประโยคเดียว "หากคืนนี้ไม่กลับจวนอีก เจ้าคอยดูแล้วกันว่าสี่เท้าของเจ้า จะยังเก็บรักษาไว้ได้อยู่หรือไม่"เอ๊ะ...เทพสงครามกลับไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือเขามาที่นี่แค่เพื่อช่วยยัยขี้เหร่จริงๆ หรือย้อนนึกถึงท่าทีที่เทพสงครามมีต่อกู้ชูหน่วนหลายๆ ครั้ง เซียวอวี่เชียนเหมือนจะพอเข้าใจแล้วว่า บางทีเทพสงครามอาจจะไม่ได้พูดยากอย่างที่คิดส่วนกู้ชูหน่วนกลับกระตุกมุมปากเบาๆสี่เท้า ?ว่านางเป็นสุนัขเช่นนั้น
ผ่านไปแสนนาน ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนตะโกนออกมาก่อนว่าเพลงดี ถึงได้เรียกสติทุกคนกลับมาได้ทุกคนมองเยี่ยเฟิงด้วยความตกตะลึงไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึง เขารอบรู้ปรีชาก็พอว่า แต่ยังเล่นฉินได้ไพเราะถึงเพียงนี้อีกทุกคนในสำนักบัณฑิตต่างพากันกระซิบกระซาบ"ฝีมือการบรรเลงฉินของเยี่ยเฟิง หากเทียบกับอาจารย์ซ่างกวาน เรียกได้ว่าสูสีกันเลยทีเดียว""ก็ใช่น่ะสิ ข้าไม่เคยได้ยินผู้ใดบรรเลงฉินได้จับใจเช่นนี้มาก่อน ทำเอาใจข้าแตกเป็นเสี่ยงแล้ว เหตุใดเสียงฉินของเขาถึงได้เศร้าสลดเพียงนั้น""ข้าคิดว่าฝีมือฉินของคุณหนูสองกู้ดีมากแล้วเสียอีก ยามนี้พอเทียบกับเยี่ยเฟิง ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย น่าเสียดายที่การประลองศิลปะไม่มีการแข่งประลองฉิน ไม่เช่นนั้นเยี่ยเฟิงจะต้องชนะแน่"สีหน้าของกู้ชูอวิ๋นมืดดำนางเสียสิทธิ์ในการร่วมประลองศิลปะไป เดิมตั้งใจจะมีชื่อเสียงกระฉ่อนเมืองหลวงด้วยสิ่งนี้ คิดไม่ถึงว่ากลับถูกเยี่ยเฟิงเอาชนะเสียได้เขาก็แค่บัณฑิตยากจนผู้หนึ่ง เหตุใดจึงได้เล่นฉินได้ดีถึงเพียงนี้ที่ผ่านมา ไม่ว่านางจะยืนอยู่ที่ใดก็ล้วนแต่เจิดจรัสดึงดูดสายตาที่สุดเสมอ ยามนี้นางกลับถูกด้อยค่าลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าขืนเ
กู้ชูหน่วนแบ่งยาเป็นสองส่วน กินไปครึ่งเม็ด อีกครึ่งเม็ดบดเป็นผงแล้วทาบนใบหน้านางส่องกระจก เห็นตุ่มหนองบนใบหน้าของตนในกระจกค่อยๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว มองดูไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นแล้ว ผิวก็ดูฉ่ำวาวขึ้นกว่าเดิมเพียงแต่รอยแผลเป็นน่ากลัวที่สลับทับกันราวกับเนินเขายังคงอยู่หากไม่กำจัดรอยแผลเป็นเหล่านี้ ใบหน้าของนางก็ยังคงอัปลักษณ์สุดจะมองเหมือนเดิม"เห็นทีต้องรีบคิดวิธีหาหญ้าตี้อวี้ให้เจอแล้ว"กู้ชูหน่วนผลักประตูห้องออกมาด้วยความหงุดหงิด แล้วสูดอากาศที่บริสุทธิ์เดิมทียังพอมีความหวังว่า ขาดตัวยาไปตัวเดียวอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ นางคงจะฝันหวานเกินไป"ยัยขี้เหร่ ในที่สุดก็หาเจ้าเจอ เจ้ามาแอบอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุใด นี่ก็ใกล้จะยามจื่อแล้ว เจ้ายังไม่รีบกลับจวนหานอ๋องอีก หากเทพสงครามตัดขาเจ้าขึ้นมาจริงๆ จะทำเช่นไร"เขาจะกล้าตัดหรือเว้นเสียแต่ว่าเขาไม่ต้องการถอนพิษแล้วกู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจ ก่อนจะพูดนิ่งๆ "ดึกขนาดนี้แล้วหรือ เจ้าบาดเจ็บ ทำไมยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก""ไม่ใช่เพราะห่วงเจ้าหรืออย่างไร เจ้านี่เป็นสตรีที่ทำสิ่งใดก็ไม่ได้ความเอาเสียเลย"กู้ชูหน่วนกอดคอเข
เจ้าสำนักนอนจมกองเลือด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกกว้าง ราวกับค้นพบความลับสำคัญบางอย่าง ตายตาไม่หลับ ถูกใครบางคนปาดคอเงยขึ้นไปมองรอบๆ หอสมุดอีกครั้ง ไร้ซึ่งร่องรอยการต่อสู้โดยสิ้นเชิง หากทายไม่ผิด น่าจะถูกคนข้างกายที่ไว้ใจเป็นอย่างยิ่งหรือคนที่ไม่เคยระแวงสงสัยฆ่าอาจารย์หรงร้องคำราม "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ วันนี้ผู้ใดเฝ้ายามตอนดึกที่หอสมุด เจ้าสำนักวิทยายุทธล้ำเลิศถึงเพียงนั้น จะถูกคนปาดคอได้อย่างไร"บ่าวที่เฝ้ายามช่วงดึกขาอ่อน ตอบเสียงสั่น "เรียน...เรียนอาจารย์หรง หลังจากที่เจ้าสำนักมาถึงหอสมุด ก็บอกว่าตกดึกน้ำค้างลง ให้พวกเราไม่ต้องเฝ้ายาม กลับไปพักผ่อนได้เลย พวกเรา...พวกเราก็เลยกลับไป""เหลวไหล เจ้าสำนักให้พวกเจ้ากลับไป พวกเจ้าก็กลับเช่นนั้นหรือ พวกเจ้าไม่รู้จักเฝ้าจากไกลๆ หรืออย่างไร"เห็นอาจารย์หรงกำลังจะระเบิดอารมณ์ อาจารย์สวีจึงกล่าวเตือน "เจ้าสำนักใจดีมีเมตตา ที่ผ่านมาก็ให้บ่าวที่เฝ้ายามช่วงดึกกลับไปพักอยู่บ่อยๆ ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ท่านก็อย่าโทษพวกเขานักเลย"หลังจากที่อาจารย์ซ่างกวานตรวจสอบศพของเจ้าสำนักจนทั่วแล้วรอบหนึ่ง จึงเอ่ยถามเสียงขรึม"เมื่อครู่เกิดเหตุอั
กู้ชูหน่วนนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย มือทั้งสองข้างหยิบของกินเล่นเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ รอดูฉากเด็ดปากของชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ยและชิวเอ๋อร์ล้วนแต่กลมจนเป็นตัวOแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว นางก็ท้องลูกของนายท่านแล้วหรือ จะแข็งแรงเกินไปหรือเปล่าคุณหนูท้องก่อนแต่ง จบกัน จบเห่แล้ว ต่อไปจะทำเช่นไรดีเย่จิ่งหานถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา "แน่ใจแล้วหรือว่าท้อง ตรวจดูให้ละเอียดว่านางใช้ยาอะไรแสร้งทำเป็นท้องหรือไม่"วิชาการแพทย์ของสตรีผู้นี้ล้ำเลิศนัก ยากจะรับประกันได้ว่านางจะไม่แกล้งแสดงหมอหลวงเหงื่อเย็นไหลซึมพวกเขาก็หวังว่าจะเป็นการใช้ยาแกล้งทำเป็นท้อง หากเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องคงไม่ต้องฉุนเฉียวถึงขั้นนี้แต่ว่า..."ท่านอ๋อง คุณหนูสามกู้มีข่าวดีจริงๆ ชีพจรของนางไม่มีร่องรอยของการใช้ยาเลยแม้แต่น้อย""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกเจ้าคงรู้ผลที่ตามมาดี"“ขอรับๆๆ""ไปให้พ้น"“ขอรับๆๆ"หมอหลวงห้าคนแทบจะล้มลุกคลุกคลานกันออกไป ด้วยกลัวว่า เทพสงครามจะลงไม้ลงมือกับพวกเขาสีหน้าเย่จิ่งหานมีความประหลาดใจ แปลกใจ ดีใจ กังวล ไม่วางใจปะปนอยู่ด้วยกัน ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะไม่รู้ว่าตนเองคว
"รีบอะไร รอหลังแต่งงานก่อน ข้าจะไปช่วยนางเอง"งานแต่งคือวันพรุ่งนี้แต่เยี่ยเฟิงได้ออกเดินทางไปยังเขาหมายวิญญาณด้วยตัวคนเดียวแล้วหลังจากงานแต่ง จะไปช่วยใครได้อีก คงไปเก็บศพมากกว่า"เย่จิ่งหาน ยามนี้ท่านจะส่งทหารไปช่วยคนหรือไม่?" กู้ชูหน่วนเตือนเย่จิ่งหานไม่สนใจคำเตือนของนาง ยิ้มเยาะเอ่ยว่า "ไม่ส่ง""ได้ ท่านใจร้ายมาก"กู้ชูหน่วนจ้องเขาเขม็ง ก้าวเท้าออกจากห้องโถงทีละก้าวชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยรู้สึกแปลกๆจะไปแล้วรึ?ไม่เหมือนนิสัยของนางเลยไม่รอให้พวกเขาได้ทันตั้งตัว กู้ชูหน่วนก็แหกปากตะโกนเสียงดัง "เย่จิ่งหานเทพสงครามถูกผู้หญิงข่มขืนในพงหญ้า แม่ทัพเย่จิ่งหานถูกข่มขืน!"ฟืด......ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยใบหน้าซีดขาวทันใดนั้น แสงสีขาวก็พุ่งผ่านพวกเขาไป ทำให้ประติมากรรมหินข้างกายกู้ชูหน่วนแตกเป็นผุยผง ส่งเสียงระเบิดดังสนั่น"พระชายาติดโรค สติฟั่นเฟือน พูดจาไร้สาระ นำนางกลับห้อง ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็ห้ามปล่อยนางออกมา"กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองประติมากรรมหินที่แตกสลาย รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากกักบริเวณนางรึ?กู้ชูหน่วนถูกกักบริเวณง่ายดายขนาดนั้นเชียวรึ?กู้ชูหน่วนหยิ
เยี่ยเฟิงคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ โขกศีรษะสามครั้งอย่างหนักแน่น จากนั้นก็มองไปยังเสี่ยวเหอชุนที่ถูกเผาจนพังพินาศด้วยความอาลัยอยู่นาน ก่อนจะก้าวเดินขึ้นสู่เส้นทางของเขาหมายวิญญาณ ทิ้งไว้เพียงเงาอันโดดเดี่ยวและแน่วแน่ไม่มีใครรู้ว่า หลังจากที่เยี่ยเฟิงจากไปแล้ว เด็กสาวในชุดสีอ่อน สวมผ้าคลุมหน้าค่อยๆ เดินออกมาดวงตาสีดำของเด็กสาวจ้องมองไปยังแผ่นหลังและทิศทางที่เยี่ยเฟิงจากไปด้วยความแน่วแน่ ราวกับมองทะลุอะไรบางอย่างณ จวนหานอ๋องกู้ชูหน่วนวางขวดยาเม็ดหนึ่งลงบนโต๊ะให้เย่จิ่งหานที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ พร้อมกับพูดอย่างตรงไปตรงมา"มาทำข้อตกลงกันเถิด ท่านช่วยข้าช่วยแม่เฒ่าเยี่ยและฆ่านายท่านหลัน ข้าจะขับพิษเหมันต์และพิษมารทลโลหิตของท่านภายในครึ่งปี และแต่งงานกับท่าน"ฟิ้ว......เสียงสูดปากดังขึ้น ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ไม่คาดคิดว่านางจะพูดเช่นนี้ชิวเอ๋อร์ที่ตามมาติดๆ รีบดึงแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนด้วยความตกใจการแต่งงานครั้งนี้เดิมทีฮ่องเต้ได้มีพระราชโองการแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแต่งงานแล้ว คุณหนูจะกล้าไม่แต่งงานได้อย่างไร?อีกทั้ง......ยังไม่ทันได้แต่งงาน เพื่อชายอื่นกล
คำพูดของกู้ชูหน่วน พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจเซียวอวี่เชียนส่ายศีรษะ ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก "เทพสงครามหลอกไม่ง่าย วันแต่งงาน เจ้าทำเพื่อชายอื่น และหนีไปช่วยคนที่เผ่าหมอ จุๆ ๆ ข้ากลัวว่าเจ้าไม่ทันได้ช่วยคน ก็อาจเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้งเสียแล้ว"กู้ชูหน่วนกลอกตา "วางใจได้ ข้าไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงแน่ และข้าจะทำให้ เย่จิ่งหานยอมปล่อยข้าออกมาแต่โดยดี พวกเจ้าเลิกเป็นห่วงเรื่องที่ไม่จำเป็นได้แล้ว""พูดซะเสมือนจริง ไหนลองบอกมาซิ คืนส่งตัวเข้าห้องหอ เจ้าจะหนีออกมาอย่างไร""บอกไปก็ไม่ขลังน่ะสิ"เซียวอวี่เชียนคิดว่านางแค่พูดไปเช่นนั้น ไม่คิดว่านางจะคิดหนีงานแต่งจริงๆทว่า......ในใจของเขาหวังว่างานแต่งของนางกับเทพสงครามจะไม่สำเร็จมากกว่ากู้ชูหน่วนหยิบแผนที่ที่วาดไว้ล่วงหน้าออกมา เรียกฝูกวงมาปรึกษากันว่าจะใช้เย่จิ่งหาน บุกเข้าไปในเขาหมายวิญญาณเพื่อช่วยแม่เฒ่าเยี่ยได้อย่างไรเยี่ยเฟิงมองไปที่ท้องฟ้าสีคราม แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่คำเดียวพวกเขาเคยบุกเข้าไปในเขาหมายวิญญาณมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้อยากจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ไม่ง่ายเลยอีกอย่าง......ชีวิตของเขาไม่มีค่าอะไร พวกเขาจะเสี่ยงอันตรายตามเ
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธจิตใจดีอะไร? ที่แท้ก็แค่คอยเตือนให้เยี่ยเฟิงเชื่อฟังเขาแต่โดยดีเท่านั้น หากเขาอยากจะทำเมื่อไหร่ ก็สามารถทำให้เขาปางตายได้ทุกเมื่อน่าขยะแขยงน่าขยะแขยงเกินไปแล้วทำไมคนเลวแบบนั้นไม่ตายๆ ไปเสีย"รู้สึกว่าข้าต่ำต้อยและน่าดูถูกมากใช่หรือไม่""ไม่เลย""ข้าเป็นแค่ของเล่นที่คนเอาไว้เล่นสนุก เพื่อความอยู่รอด เพื่อที่จะได้ทรมานน้อยลง ข้าจึงยอมก้มหัว ยอมดูถูกตัวเอง ข้าเป็นคนแบบนี้ ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก ข้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองจนหมดสิ้น""ไม่ เจ้ากล้าหาญมาก มีความรับผิดชอบมาก หากเป็นคนอื่นคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว การมีชีวิตอยู่ยากกว่าการตายเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น......"ยิ่งไปกว่านั้นเขายึดมั่นในศักดิ์ศรีของตัวเองมากเขายึดคำว่าศักดิ์ศรีมากกว่าใครตั้งแต่เกิด เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่โหดร้ายตั้งแต่อายุห้าขวบ ปีกทั้งสองข้างของเขาก็ถูกคนหักจนขาดสะบั้นในโลกแคบๆ และทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสการที่เขายังคงรักษาเจตจำนงเดิมไว้ได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว"เรื่องพวกนั้นผ่านมาแล้ว ต่อไปเจ้าจะมีชีวิตที่ดี เรื่องแม่เฒ่าของเจ
"ต่อมา ข้าได้รับเลือกเป็นบ่าวรับใช้ และถูกส่งไปยังเรือนใหญ่ของนายท่านหลัน" เยี่ยเฟิงตัวสั่นเทา กอดตัวเองแน่นขึ้น และคำพูดที่เปล่งออกมาสั่นเครือจนฟันกระทบกัน"ตั้งแต่นั้นมา โลกของข้าก็มืดมิด เขาทารุณและโหดร้ายจนเกินจะบรรยาย""เรื่องพวกนั้นผ่านมาแล้ว อย่าคิดถึงอีกเลย" กู้ชูหน่วนอยากกอดเขา แต่นางก็กลัวกลัวว่าหากนางสัมผัสเขา เขาจะแตกสลาย"สิบสามปีที่ผ่านมา ข้าคิดฆ่าตัวตายทุกวัน ทุกวันทุกคืน ราวกับตายทั้งเป็น"เยี่ยเฟิงเงยหน้ามองกู้ชูหน่วน ในดวงตาเย็นชาของเขาน้ำตาคลอเบ้า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นชีวิตอย่างไร? อยู่ในถ้ำน้ำแข็งมืดมิด แม้แต่ความตายก็ยังเป็นความหรูหรา แม้แต่การหายใจก็ยังเจ็บปวด เจ็บปวดมาก......"กู้ชูหน่วนไม่ค่อยเข้าใจว่าเยี่ยเฟิงบอกเรื่องนี้กับนางทำไม?หรือว่าเขาคิดสั้น อยากฆ่าตัวตาย?"ข้ารู้ว่าข้าตายไม่ได้ หากข้าตาย คนสิบคนที่ผูกติดอยู่กับข้าก็จะตายด้วย คนในสนามทาสก็จะตาย พ่อแม่แท้ๆ ของข้าก็จะตายทั้งเป็น""สิบสามปี ข้าทนมาสิบสามปีเต็ม ข้าพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะหนีจากนายท่านหลัน ในเผ่าหมอมีการคัดเลือกผู้มีความสามารถ ตราบใดที่พิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีน เขียน
"กู้ชูหน่วนทิ้งร่มกระดาษน้ำมัน นั่งลงข้างกายเยี่ยเฟิงเป็นเพื่อนเขาอย่างเงียบๆ ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ กู้ชูหน่วนลังเลว่าจะปลอบโยนเขาอย่างไรไม่คาดคิดว่าเยี่ยเฟิงจะเอ่ยปากพูดก่อนเขาไม่ได้พูดมานาน เสียงแหบแห้งของเขาดังขึ้นอย่างช้าๆ"ข้าเป็นตัวซวย ใครก็ตามที่ใกล้ชิดข้าก็จะต้องโชคร้าย ในอดีต ท่านอาและอาสะใภ้ที่สนามทาส องครักษ์พี่ใหญ่ใจดีที่เขาหมายวิญญาณ ครอบครัวของแม่เฒ่าเยี่ยและชาวบ้านทุกคนในเสี่ยวเหอชุน ข้ากลัวว่า......"กลัวว่านางและเซียวอวี่เชียนจะถูกเขาทำให้เดือดร้อนไปด้วยกู้ชูหน่วนรู้ความคิดในใจของเขา จึงพูดแทรกเขาทันที "ใครบอกว่าเจ้าเป็นตัวซวย เจ้าจิตใจดี รักเพื่อนพ้อง ผู้คนจำนวนมากต่อแถวอยากเป็นเพื่อนเจ้า"เยี่ยเฟิงยิ้มขมขื่น นั่งอยู่ใต้แสงแดดอันร้อนระอุ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อย"ข้าอยู่ในสนามทาสตั้งแต่ข้าจำความได้ แม้ว่ายามนั้นชีวิตจะลำบากไปบ้าง แต่ข้าก็มีความสุขมาก เพราะที่นั่นมีท่านอาและอาสะใภ้จำนวนมากที่ปฏิบัติต่อข้าดีมาก""เจ้ารู้หรือไม่ว่าความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าในยามนั้นคืออะไร"กู้ชูหน่วนถามอย่างไม่แน่ใจ "ตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง กลับไปอยู
"กู้ชูหน่วนเอ่ยว่า "ฉะนั้น ตั้งแต่แรกเริ่ม นายท่านหลันก็ต้องการสังหารหมู่ชาวบ้านในเสี่ยวเหอชุน"เยี่ยเฟิงเนื้อตัวสั่นเทา เกือบยืนไม่ไหวเขารู้ดีว่าแม้เขาจะเอากระดิ่งภินวิญญาณกลับคืนมาได้ นายท่านหลันก็คงไม่ปล่อยเขาไปไม่ว่าวันนั้นเขาจะสามารถนำกระดิ่งภินวิญญาณกลับมาได้หรือไม่ นายท่านหลันก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะสังหารชาวบ้านทั้งเสี่ยวเหอชุนโทษเขาเอง......โทษเขาเอง เขาไม่ควรพาแม่เฒ่ามาที่เสี่ยวเหอชุนหากเขาไม่มาที่เสี่ยวเหอชุน เสี่ยวเหอชุนก็คงไม่เกิดเรื่องกู้ชูหน่วนมองเย่จิ่งหานที่ทำสีหน้ามืดมน และเอ่ยต่อว่า "ฉะนั้น ตั้งแต่นายท่านหลันปรากฏตัวที่วัดไป๋อวิ๋น เย่จิ่งหานก็ได้สั่งให้คนมาคุ้มครองเสี่ยวเหอชุนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าว"เซียวอวี่เชียนไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ จึงเอ่ยว่า "ลูกน้องของเทพสงครามมาถึงเมื่อวาน แต่น่าเสียดายที่สายไป"ตู้ม......ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำสนิท เสียงฟ้าร้องดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขา สวรรค์เริ่มร้องไห้ ฝนตกหนักกระหน่ำลงมา กระทบกับเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น และก้นบึ้งของหัวใจของพวกเยี่ยเฟิงฝนตกลงมาพร้อมกับเลือด รวมตัวกั
ร่างของมนุษย์นอนตายเกลื่อนพื้น กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เลือดสดไหลซึมออกจากร่างของพวกเขาอย่างช้าๆ รวมตัวกันเป็นสายน้ำไหลผ่านเท้าของพวกเขาหมู่บ้านถูกเผาทำลาย มองไปทางไหนก็ไม่พบกระท่อมที่สมบูรณ์สักหลัง อีกาหลายตัวเกาะอยู่บนกระเบื้อง ส่งเสียงร้องกากๆ ดังลั่นกู้ชูหน่วนเจ็บปวดมากศพเหล่านั้นมีเจ้าของร้านขายบะหมี่ มีผู้ใหญ่บ้าน และคนอื่นๆ ที่นางคุ้นเคยรวมอยู่ด้วย ทุกคนถูกฟันด้วยมีดนับสิบครั้ง เลือดไหลหมดตัวจนตาย แม้แต่คนชราอายุแปดสิบปีและทารกในอ้อมอกก็ไม่เว้นนี่เป็นโศกนาฏกรรมของมนุษย์มือของกู้ชูหน่วนกำแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกดังกร๊อบแกร๊บใบหน้าของเยี่ยเฟิงซีดขาวจนไม่มีเลือด เขาแทบไม่อยากมองร่างเหล่านั้น ทุกคนที่นี่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนญาติสนิทเขาวิ่งโซเซ กลับไปที่บ้านของตัวเอง พึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"แม่เฒ่า......แม่เฒ่า......"ฝ่ามือของกู้ชูหน่วนสั่นเทา ตะโกนเสียงดัง "เซียวอวี่เชียน เซียวอวี่เชียน อยู่ที่ไหน......หากยังไม่ตายก็ส่งเสียงออกมา"กู้ชูหน่วนมองหาร่างของเซียวอวี่เชียนในกองศพ พร้อมกับตะโกนเสียงดัง ขณะนี้ นางไม่เหลือความเย่อหยิ่งในอดีตแล้ว และมีแต่ความกลัว