"ได้ ห้าสิบล้านตำลึงก็ห้าสิบล้านตำลึง" ไทเฮาปากสั่นไปหมด เมื่อกวักมือเรียกก็มีข้ารับใช้ยกหีบตั๋วเงินและเพชรพลอยต่างๆเข้ามาวางตรงหน้ากู้ชูหน่วน"ตั๋วเงิน เครื่องประดับ ของโบราณ และเพชรพลอยพวกนี้ มูลค่าเทียบเท่าห้าสิบล้านตำลึง คุณหนูสามกู้จะตรวจสอบดูก่อนก็ย่อมได้"ทุกคนต่างรู้ดีไทเฮาไม่มีเงินแล้วถึงได้นำของเก่า เครื่องประดับเพชรพลอยออกมากู้ชูหน่วนเปิดหีบดู ภายในมีทั้งไข่มุก โกเมน แก้วตาแมว หรือแม้แต่ไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่เท่าไข่ไก่มากมายกู้ชูหน่วนเปิดทีละหีบ นับทีละชิ้น ทุกหีบมีมูลค่าแทบจะซื้อเมืองได้ทั้งเมือง"เฮือก..."ทุกคนมองจนตาแทบหลุดหัวใจขององค์หญิงตังตังและไทเฮาอาบเลือด แทบอยากจะฟันกู้ชูหน่วนเป็นชิ้นๆ เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจเอาเงินก็แล้วไป แต่ยังเปิดทีละหีบ นับทีละชิ้นต่อหน้าพวกนางอีก แบบนี้ต่างอะไรจากประหารพวกนางหรือองค์หญิงตังตังร้อนรนจนนิ่งเฉยไม่ไหว อยากให้เสด็จแม่ถอนคำพูด แต่ก็กลัวว่าไทเฮาจะตบหน้าเป็นรางวัลแล้วก็เป็นเซียวอวี่เชียนที่ทนดูต่อไปไม่ไหว เขาเดินเข้ามา เอ่ยเสียงกระซิบ "ยัยขี้เหร่ พอแค่นี้เถิด สีหน้าของไทเฮาไม่ค่อยสู้ดีนัก""เงินมาของไป หากข้านับ
กู้ชูหน่วนตาเบิกโพลง กะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ ก่อนจะผายมือยักไหล่เอ่ย "เมื่อคืนข้าถูกคนลอบสังหารไม่รู้กี่หน ระหว่างหนีเอาตัวรอด หยกจันทร์เสี้ยวตกลงมา หลักจากนั้น...มันก็แตก"ไทเฮาสมองพร่ามัว แทบจะเป็นลมล้มไป นางชี้กู้ชูหน่วน เดือดดาลจนพูดไม่ออกกู้ชูหน่วนยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจไม่มีเกรงกลัว "ไทเฮา คนของฮ่องเต้กล้าเข้ามาสังหารนักเรียนในสำนักบัณฑิตหลวง นี่เรียกว่าท้าทายฮ่องเต้ ท้าทายไทเฮา ท้าทายกฎหมายแคว้นเย่ ที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือเขายังทำหยกจันทร์เสี้ยวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้องค์หญิงตังตังเสียหายอีก ขอไทเฮาโปรดจับตัวคนร้าย แล้วตัดมือให้เข็ดหลาบด้วยเถิด""สามหาว กู้ชูหน่วน หยกจันทร์เสี้ยวเสียหายยามอยู่ในมือเจ้า เจ้ากลับเล่นลิ้น ใครก็ได้ จับตัวหญิงนางนี้ไปที"ไทเฮาเดือดดาล คนทั้งสำนักบัณฑิตหลวงตื่นตระหนก พากันคุกเข่าลงเป็นแถวเซียวอวี่เชียนเอ่ยอย่างร้อนใจ "ไทเฮา เมื่อคืนนี้มีมือสังหารมากมายหมายจะเอาชีวิตยัยขี้เหร่นี่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ หากไม่ใช่เพราะนางหนีได้ทัน ป่านนี้คงตายไปแล้ว หยกจันทร์เสี้ยวเสียหาย ก็มิควรโทษนางเพียงผู้เดียว""ข้าจะลงโทษผู้ใด เจ้ามีสิทธิห้ามตั้งแต่เมื่อไหร่"
เพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่กลับทำให้หวาดผวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาดทุกคนเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองออกไปไม่ไกล ภาพที่เห็นคือชิงเฟิงเข็นรถเข็นเข้ามา ด้านข้างมีเจี้ยงเสวี่ยยืนขนาบส่วนคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นนั้น จะเป็นผู้ใดนอกเสียจากเทพสงครามหานอ๋องทุกคนต่างตื่นตะลึงเทพสงคราม...เทพสงครามตัวจริง?เขาไม่ได้ป่วยใกล้ตาย หายใจติดขัด ออกจากจวนไม่ได้หรอกหรือ? วันนี้เหตุใดถึงได้มาถึงสำนักบัณฑิตหลวง?ดวงตาเหี้ยมโหดของเย่จิ่งหานแสนเย็นชาประหนึ่งกระบี่ในธารน้ำแข็ง กวาดมองทุกคนในที่นั้นนั่นเป็นสายตาที่ให้ความรู้สึกดุจดั่งเขานั้นเหนือกว่าผู้ใด ยื่นตระหง่านอยู่บนยอดผา กำลังก้มลงมองเหล่ามดตัวกระจ้อยสุดท้ายเขาหยุดสายตาลงบนร่างของกู้ชูหน่วนที่กำลังทำท่าเอื่อยเฉื่อย"ได้ยินมาว่ามีคนคิดจะแตะต้องอ๋องเฟยของข้า"เพียงประโยคหยั่งเชิง ไทเฮากลับหน้าซีดเผือดอ๋องเฟยของข้า?เทพสงครามคิดจะปกป้องนางหรือ?ทุกคนต่างตกตะลึงเทพสงครามยอมรับว่ากู้ชูหน่วนคือชายาของเขา นั่นมันหญิงอัปลักษณ์เลยนะไทเฮาฉีกยิ้มเหยเก ไม่มีแล้วท่าทีวางอำนาจเหมือนเมื่อครู่ "กู้ชูหน่วนทำหยกจันทร์เสี้ยวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้องค์หญิงตั
เย่จิ่งหานเลิกคิ้ว "ทำไม ข้าจะไปไหนต้องบอกเจ้าด้วยหรือ"นางผู้นี้ ช่วยเหลือนางแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณสักคำ ยังคิดจะไล่เขาไปอีก"ได้ที่ไหนกันเล่า เพียงแต่ท่านผู้มีอำนาจใหญ่โตมาอยู่ในสำนักบัณฑิตเช่นนี้ ดูสิ ทำพวกเขาตกใจกลัวกันหมด แล้วพวกเขาจะมีกะจิตกะใจเรียนได้อย่างไร ข้าช่วยท่านสร้างกุศลอยู่หรอกนะ"กู้ชูหน่วนชี้ไปยังเหล่านักเรียนที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่เต็มสำนักบัณฑิต สายตาแฝงไว้ด้วยความหยอกเย้าเซียวอวี่เชียนและคนอื่นๆ คิดว่าเทพสงครามไม่มีทางยอมกลับไปง่ายๆ แน่ คิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งหานเพียงแค่โบกมือ ชิงเฟิงก็เข้าใจในทันที พลันเข็นรถเข็นออกไปจากสำนักบัณฑิตหลวงทิ้งไว้เพียงแค่ประโยคเรียบๆ ประโยคเดียว "หากคืนนี้ไม่กลับจวนอีก เจ้าคอยดูแล้วกันว่าสี่เท้าของเจ้า จะยังเก็บรักษาไว้ได้อยู่หรือไม่"เอ๊ะ...เทพสงครามกลับไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือเขามาที่นี่แค่เพื่อช่วยยัยขี้เหร่จริงๆ หรือย้อนนึกถึงท่าทีที่เทพสงครามมีต่อกู้ชูหน่วนหลายๆ ครั้ง เซียวอวี่เชียนเหมือนจะพอเข้าใจแล้วว่า บางทีเทพสงครามอาจจะไม่ได้พูดยากอย่างที่คิดส่วนกู้ชูหน่วนกลับกระตุกมุมปากเบาๆสี่เท้า ?ว่านางเป็นสุนัขเช่นนั้น
ผ่านไปแสนนาน ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนตะโกนออกมาก่อนว่าเพลงดี ถึงได้เรียกสติทุกคนกลับมาได้ทุกคนมองเยี่ยเฟิงด้วยความตกตะลึงไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึง เขารอบรู้ปรีชาก็พอว่า แต่ยังเล่นฉินได้ไพเราะถึงเพียงนี้อีกทุกคนในสำนักบัณฑิตต่างพากันกระซิบกระซาบ"ฝีมือการบรรเลงฉินของเยี่ยเฟิง หากเทียบกับอาจารย์ซ่างกวาน เรียกได้ว่าสูสีกันเลยทีเดียว""ก็ใช่น่ะสิ ข้าไม่เคยได้ยินผู้ใดบรรเลงฉินได้จับใจเช่นนี้มาก่อน ทำเอาใจข้าแตกเป็นเสี่ยงแล้ว เหตุใดเสียงฉินของเขาถึงได้เศร้าสลดเพียงนั้น""ข้าคิดว่าฝีมือฉินของคุณหนูสองกู้ดีมากแล้วเสียอีก ยามนี้พอเทียบกับเยี่ยเฟิง ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย น่าเสียดายที่การประลองศิลปะไม่มีการแข่งประลองฉิน ไม่เช่นนั้นเยี่ยเฟิงจะต้องชนะแน่"สีหน้าของกู้ชูอวิ๋นมืดดำนางเสียสิทธิ์ในการร่วมประลองศิลปะไป เดิมตั้งใจจะมีชื่อเสียงกระฉ่อนเมืองหลวงด้วยสิ่งนี้ คิดไม่ถึงว่ากลับถูกเยี่ยเฟิงเอาชนะเสียได้เขาก็แค่บัณฑิตยากจนผู้หนึ่ง เหตุใดจึงได้เล่นฉินได้ดีถึงเพียงนี้ที่ผ่านมา ไม่ว่านางจะยืนอยู่ที่ใดก็ล้วนแต่เจิดจรัสดึงดูดสายตาที่สุดเสมอ ยามนี้นางกลับถูกด้อยค่าลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าขืนเ
กู้ชูหน่วนแบ่งยาเป็นสองส่วน กินไปครึ่งเม็ด อีกครึ่งเม็ดบดเป็นผงแล้วทาบนใบหน้านางส่องกระจก เห็นตุ่มหนองบนใบหน้าของตนในกระจกค่อยๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว มองดูไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นแล้ว ผิวก็ดูฉ่ำวาวขึ้นกว่าเดิมเพียงแต่รอยแผลเป็นน่ากลัวที่สลับทับกันราวกับเนินเขายังคงอยู่หากไม่กำจัดรอยแผลเป็นเหล่านี้ ใบหน้าของนางก็ยังคงอัปลักษณ์สุดจะมองเหมือนเดิม"เห็นทีต้องรีบคิดวิธีหาหญ้าตี้อวี้ให้เจอแล้ว"กู้ชูหน่วนผลักประตูห้องออกมาด้วยความหงุดหงิด แล้วสูดอากาศที่บริสุทธิ์เดิมทียังพอมีความหวังว่า ขาดตัวยาไปตัวเดียวอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ นางคงจะฝันหวานเกินไป"ยัยขี้เหร่ ในที่สุดก็หาเจ้าเจอ เจ้ามาแอบอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุใด นี่ก็ใกล้จะยามจื่อแล้ว เจ้ายังไม่รีบกลับจวนหานอ๋องอีก หากเทพสงครามตัดขาเจ้าขึ้นมาจริงๆ จะทำเช่นไร"เขาจะกล้าตัดหรือเว้นเสียแต่ว่าเขาไม่ต้องการถอนพิษแล้วกู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจ ก่อนจะพูดนิ่งๆ "ดึกขนาดนี้แล้วหรือ เจ้าบาดเจ็บ ทำไมยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก""ไม่ใช่เพราะห่วงเจ้าหรืออย่างไร เจ้านี่เป็นสตรีที่ทำสิ่งใดก็ไม่ได้ความเอาเสียเลย"กู้ชูหน่วนกอดคอเข
เจ้าสำนักนอนจมกองเลือด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกกว้าง ราวกับค้นพบความลับสำคัญบางอย่าง ตายตาไม่หลับ ถูกใครบางคนปาดคอเงยขึ้นไปมองรอบๆ หอสมุดอีกครั้ง ไร้ซึ่งร่องรอยการต่อสู้โดยสิ้นเชิง หากทายไม่ผิด น่าจะถูกคนข้างกายที่ไว้ใจเป็นอย่างยิ่งหรือคนที่ไม่เคยระแวงสงสัยฆ่าอาจารย์หรงร้องคำราม "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ วันนี้ผู้ใดเฝ้ายามตอนดึกที่หอสมุด เจ้าสำนักวิทยายุทธล้ำเลิศถึงเพียงนั้น จะถูกคนปาดคอได้อย่างไร"บ่าวที่เฝ้ายามช่วงดึกขาอ่อน ตอบเสียงสั่น "เรียน...เรียนอาจารย์หรง หลังจากที่เจ้าสำนักมาถึงหอสมุด ก็บอกว่าตกดึกน้ำค้างลง ให้พวกเราไม่ต้องเฝ้ายาม กลับไปพักผ่อนได้เลย พวกเรา...พวกเราก็เลยกลับไป""เหลวไหล เจ้าสำนักให้พวกเจ้ากลับไป พวกเจ้าก็กลับเช่นนั้นหรือ พวกเจ้าไม่รู้จักเฝ้าจากไกลๆ หรืออย่างไร"เห็นอาจารย์หรงกำลังจะระเบิดอารมณ์ อาจารย์สวีจึงกล่าวเตือน "เจ้าสำนักใจดีมีเมตตา ที่ผ่านมาก็ให้บ่าวที่เฝ้ายามช่วงดึกกลับไปพักอยู่บ่อยๆ ใครจะคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ท่านก็อย่าโทษพวกเขานักเลย"หลังจากที่อาจารย์ซ่างกวานตรวจสอบศพของเจ้าสำนักจนทั่วแล้วรอบหนึ่ง จึงเอ่ยถามเสียงขรึม"เมื่อครู่เกิดเหตุอั
ณ ห้องควบคุมตัวเยี่ยเฟิงอยู่ในชุดเนื้อผ้าหยาบ หลังเหยียดตรง ยืนเงียบๆ อยู่ตรงกลางรอรับการพิจารณาคดีจากสำนักบัณฑิตหลวงใบหน้าของเขาซีดขาว ไม่รู้ว่าเพราะได้รับบาดเจ็บหรือเพราะป่วยอาจารย์หรงเอ่ยเสียงกร้าว "เยี่ยเฟิง เจ้าฆ่าเจ้าสำนักใช่หรือไม่"เยี่ยเฟิงดวงตาใสสว่าง ไม่จำเป็นต้องหยุดคิดก็ตอบออกมาทันที "ไม่ใช่""พยานก็อยู่ครบ เจ้ายังกล้าแก้ตัว" อาจารย์หรงโยนผ้าคาดผมเส้นหนึ่งลงตรงหน้าเยี่ยเฟิงเนื้อผ้าของผ้าคาดผมเส้นนั้นหยาบกระด้าง และเป็นเส้นที่เขาใช้บ่อยๆ ก่อนจะเข้ามาในสำนักบัณฑิตหลวงสำนักบัณฑิตหลวงที่กว้างใหญ่มีเพียงแค่เขาผู้เดียวที่ใช้ผ้าคาดผมอัตคัดเช่นนี้"วันนี้กู้ชูหน่วนดึงแขนเสื้อเจ้าขาด แล้วก็ดึงผ้าคาดผมของเจ้าขาดเป็นท่อน ตอนเจ้าไปเปลี่ยนชุด เจ้าก็เปลี่ยนผ้าคาดผมด้วย ตอนนั้นเจ้าใช้ผ้าคาดผมเส้นนี้พอดี"สายตาเฉยชาของเยี่ยเฟิงมองไปยังผ้าคาดผมที่คุ้นเคยบนพื้น ไม่ได้ปฏิเสธทุกคนต่างก็มองไปยังผ้าคาดผมบนศีรษะของเยี่ยเฟิง ผ้าคาดผมเส้นนั้นเรียบง่ายเหมือนกัน เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เส้นเดียวกับที่ใช้ตอนค่ำ"พูดมา เหตุใดเจ้าถึงได้ฆ่าเจ้าสำนัก" อาจารย์หรงเอ่ยถามอีกครั้งเยี่ยเ
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน