เมื่อคืนเซียวอวี่เชียนถูกฟันไปหลายแผล วันนี้จึงพันผ้ามาเสียหนาเตอะ มาเรียนพร้อมกับบาดแผล เขาเหมือนยังโกรธอยู่ไม่น้อย ใบหน้าจึงบึ้งตึงกู้ชูหน่วนสะกิดศอกเขา เอ่ยด้วยร้อยยิ้ม "เจ้าก็ทุ่มเทไปหน่อยกระมัง เจ็บหนักบานนี้ยังมาเรียนอีก"เซียวอวี่เชียนเชิดหน้าขึ้นมองฟ้า ไม่สนใจนาง"โธ่ ยังโกรธอยู่รึ พอได้แล้วน่า แปรงขนให้เจ้าเอาไหม เมื่อคืนเจ็บหนักละสิท่า ข้ากลัวว่าเจ้าจะตายคาที่ ถึงได้ให้ฝูกวงส่งเจ้ากลับไปไงเล่า"เมื่อเห็นว่าเซียวอวี่เชียนไม่สนใจนาง กู้ชูหน่วนขยับเข้ามาใกล้ ใช้สายตากวาดมองเยี่ยเฟิงที่กำลังตั้งใจเรียนอยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงกระซิบ "เสี่ยวเชียนเชียน เจ้าว่าเด็กหนุ่มคนมือคืนจะใช่เยี่ยเฟิงหรือไม่?"ใบหน้าแง่งอนของเซียวอวี่เชียนพลันฉายแววสงสัย เขาเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา "ข้าก็สงสัยเช่นกัน""เช่นนั้นเรามาพิสูจน์กันไหม?""พิสูจน์อย่างไรเล่า?""เมื่อวานเขาถูกฟันตั้งหลายแผลมิใช่หรือ? ข้าจำได้ว่าบนแขนเขามีหนึ่งแผล ที่เสื้อเขาขาดน่ะ""คนเยอะแยะ ถูกเห็นเข้าคงไม่ดีกระมัง?"กู้ชูหน่วนเขกหัวเขา "คิดอะไรเขาเจ้า ข้าบอกให้ถลกแขนเสื้อเขาขึ้นมาต่างหาก""เจ็บๆๆ เมื่อวานหัวข้ากระแทกกำแพงนะ ตอนนี้
"อาจารย์ ตอนนี้อาจารย์ซ่างกวานเป็นผู้สอนนะ" กู้ชูหน่วนเอ่ยเตือนอาจารย์ที่มาเข้าฟัง ยุ่มย่ามเกินขอบเขตไปแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ซ่างกวานจะค่อยๆ จะจัดชุดขาวของเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ไม่ตั้งใจฟังเวลาเรียน ทั้งยังรังแกเพื่อนร่วมห้อง พฤติกรรมนี้ขัดต่อธรรมเนียมอันดี ต้องลงโทษให้วิ่งสี่สิบรอบกระมัง"สี่...สี่สิบรอบ?อีกเท่าหนึ่งเลยนะ?กู้ชูหน่วนเกือบจะหุนหันเดินออกจากห้องนางเกือบลืมไปเสียสนิทว่าซ่างกวานฉู่เปลือกนอกดูน่าสงสาร แต่ความจริงแล้วเป็นคนชั่วจอมเจ้าเล่ห์"อาจารย์ ขอโปรดอนุญาตให้ศิษย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเถิด" เยี่ยเฟิงใบหน้าซีดเซียว ดูไม่สู้ดีนัก"ไปเถิด"กู้ชูหน่วนยกมือขึ้นในทันใด "อาจารย์ เสื้อข้าก็โดนเกี่ยวขาดเช่นกัน ข้าก็อยากไปเปลี่ยนชุดบ้าง""ไม่อนุญาต"พับผ่าสิซ่างกวานฉู่นี่ลำเอีงเกินไปแล้วทุกคนในสำนักบัณฑิตหัวเราะคิกคัก"ดูท่าทีร้อนรนของคุณสามกู้สิ ดูท่าคงอยากแอบดูเยี่ยเฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกกระมัง เฮ้อ เสียดายที่ไม่กี่วันก่อนข้ายังนับถือนางอยู่เลย""นั่นน่ะสิ สำนวนนางดีก็จริง แต่เหตุใดถึงดูเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ""ข้ารู้สึกว่าข้าโดนหลอก ข้าสงสัยว่านางแต
"ได้ ห้าสิบล้านตำลึงก็ห้าสิบล้านตำลึง" ไทเฮาปากสั่นไปหมด เมื่อกวักมือเรียกก็มีข้ารับใช้ยกหีบตั๋วเงินและเพชรพลอยต่างๆเข้ามาวางตรงหน้ากู้ชูหน่วน"ตั๋วเงิน เครื่องประดับ ของโบราณ และเพชรพลอยพวกนี้ มูลค่าเทียบเท่าห้าสิบล้านตำลึง คุณหนูสามกู้จะตรวจสอบดูก่อนก็ย่อมได้"ทุกคนต่างรู้ดีไทเฮาไม่มีเงินแล้วถึงได้นำของเก่า เครื่องประดับเพชรพลอยออกมากู้ชูหน่วนเปิดหีบดู ภายในมีทั้งไข่มุก โกเมน แก้วตาแมว หรือแม้แต่ไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่เท่าไข่ไก่มากมายกู้ชูหน่วนเปิดทีละหีบ นับทีละชิ้น ทุกหีบมีมูลค่าแทบจะซื้อเมืองได้ทั้งเมือง"เฮือก..."ทุกคนมองจนตาแทบหลุดหัวใจขององค์หญิงตังตังและไทเฮาอาบเลือด แทบอยากจะฟันกู้ชูหน่วนเป็นชิ้นๆ เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจเอาเงินก็แล้วไป แต่ยังเปิดทีละหีบ นับทีละชิ้นต่อหน้าพวกนางอีก แบบนี้ต่างอะไรจากประหารพวกนางหรือองค์หญิงตังตังร้อนรนจนนิ่งเฉยไม่ไหว อยากให้เสด็จแม่ถอนคำพูด แต่ก็กลัวว่าไทเฮาจะตบหน้าเป็นรางวัลแล้วก็เป็นเซียวอวี่เชียนที่ทนดูต่อไปไม่ไหว เขาเดินเข้ามา เอ่ยเสียงกระซิบ "ยัยขี้เหร่ พอแค่นี้เถิด สีหน้าของไทเฮาไม่ค่อยสู้ดีนัก""เงินมาของไป หากข้านับ
กู้ชูหน่วนตาเบิกโพลง กะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ ก่อนจะผายมือยักไหล่เอ่ย "เมื่อคืนข้าถูกคนลอบสังหารไม่รู้กี่หน ระหว่างหนีเอาตัวรอด หยกจันทร์เสี้ยวตกลงมา หลักจากนั้น...มันก็แตก"ไทเฮาสมองพร่ามัว แทบจะเป็นลมล้มไป นางชี้กู้ชูหน่วน เดือดดาลจนพูดไม่ออกกู้ชูหน่วนยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจไม่มีเกรงกลัว "ไทเฮา คนของฮ่องเต้กล้าเข้ามาสังหารนักเรียนในสำนักบัณฑิตหลวง นี่เรียกว่าท้าทายฮ่องเต้ ท้าทายไทเฮา ท้าทายกฎหมายแคว้นเย่ ที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือเขายังทำหยกจันทร์เสี้ยวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้องค์หญิงตังตังเสียหายอีก ขอไทเฮาโปรดจับตัวคนร้าย แล้วตัดมือให้เข็ดหลาบด้วยเถิด""สามหาว กู้ชูหน่วน หยกจันทร์เสี้ยวเสียหายยามอยู่ในมือเจ้า เจ้ากลับเล่นลิ้น ใครก็ได้ จับตัวหญิงนางนี้ไปที"ไทเฮาเดือดดาล คนทั้งสำนักบัณฑิตหลวงตื่นตระหนก พากันคุกเข่าลงเป็นแถวเซียวอวี่เชียนเอ่ยอย่างร้อนใจ "ไทเฮา เมื่อคืนนี้มีมือสังหารมากมายหมายจะเอาชีวิตยัยขี้เหร่นี่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ หากไม่ใช่เพราะนางหนีได้ทัน ป่านนี้คงตายไปแล้ว หยกจันทร์เสี้ยวเสียหาย ก็มิควรโทษนางเพียงผู้เดียว""ข้าจะลงโทษผู้ใด เจ้ามีสิทธิห้ามตั้งแต่เมื่อไหร่"
เพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่กลับทำให้หวาดผวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาดทุกคนเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองออกไปไม่ไกล ภาพที่เห็นคือชิงเฟิงเข็นรถเข็นเข้ามา ด้านข้างมีเจี้ยงเสวี่ยยืนขนาบส่วนคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นนั้น จะเป็นผู้ใดนอกเสียจากเทพสงครามหานอ๋องทุกคนต่างตื่นตะลึงเทพสงคราม...เทพสงครามตัวจริง?เขาไม่ได้ป่วยใกล้ตาย หายใจติดขัด ออกจากจวนไม่ได้หรอกหรือ? วันนี้เหตุใดถึงได้มาถึงสำนักบัณฑิตหลวง?ดวงตาเหี้ยมโหดของเย่จิ่งหานแสนเย็นชาประหนึ่งกระบี่ในธารน้ำแข็ง กวาดมองทุกคนในที่นั้นนั่นเป็นสายตาที่ให้ความรู้สึกดุจดั่งเขานั้นเหนือกว่าผู้ใด ยื่นตระหง่านอยู่บนยอดผา กำลังก้มลงมองเหล่ามดตัวกระจ้อยสุดท้ายเขาหยุดสายตาลงบนร่างของกู้ชูหน่วนที่กำลังทำท่าเอื่อยเฉื่อย"ได้ยินมาว่ามีคนคิดจะแตะต้องอ๋องเฟยของข้า"เพียงประโยคหยั่งเชิง ไทเฮากลับหน้าซีดเผือดอ๋องเฟยของข้า?เทพสงครามคิดจะปกป้องนางหรือ?ทุกคนต่างตกตะลึงเทพสงครามยอมรับว่ากู้ชูหน่วนคือชายาของเขา นั่นมันหญิงอัปลักษณ์เลยนะไทเฮาฉีกยิ้มเหยเก ไม่มีแล้วท่าทีวางอำนาจเหมือนเมื่อครู่ "กู้ชูหน่วนทำหยกจันทร์เสี้ยวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบให้องค์หญิงตั
เย่จิ่งหานเลิกคิ้ว "ทำไม ข้าจะไปไหนต้องบอกเจ้าด้วยหรือ"นางผู้นี้ ช่วยเหลือนางแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณสักคำ ยังคิดจะไล่เขาไปอีก"ได้ที่ไหนกันเล่า เพียงแต่ท่านผู้มีอำนาจใหญ่โตมาอยู่ในสำนักบัณฑิตเช่นนี้ ดูสิ ทำพวกเขาตกใจกลัวกันหมด แล้วพวกเขาจะมีกะจิตกะใจเรียนได้อย่างไร ข้าช่วยท่านสร้างกุศลอยู่หรอกนะ"กู้ชูหน่วนชี้ไปยังเหล่านักเรียนที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่เต็มสำนักบัณฑิต สายตาแฝงไว้ด้วยความหยอกเย้าเซียวอวี่เชียนและคนอื่นๆ คิดว่าเทพสงครามไม่มีทางยอมกลับไปง่ายๆ แน่ คิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งหานเพียงแค่โบกมือ ชิงเฟิงก็เข้าใจในทันที พลันเข็นรถเข็นออกไปจากสำนักบัณฑิตหลวงทิ้งไว้เพียงแค่ประโยคเรียบๆ ประโยคเดียว "หากคืนนี้ไม่กลับจวนอีก เจ้าคอยดูแล้วกันว่าสี่เท้าของเจ้า จะยังเก็บรักษาไว้ได้อยู่หรือไม่"เอ๊ะ...เทพสงครามกลับไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือเขามาที่นี่แค่เพื่อช่วยยัยขี้เหร่จริงๆ หรือย้อนนึกถึงท่าทีที่เทพสงครามมีต่อกู้ชูหน่วนหลายๆ ครั้ง เซียวอวี่เชียนเหมือนจะพอเข้าใจแล้วว่า บางทีเทพสงครามอาจจะไม่ได้พูดยากอย่างที่คิดส่วนกู้ชูหน่วนกลับกระตุกมุมปากเบาๆสี่เท้า ?ว่านางเป็นสุนัขเช่นนั้น
ผ่านไปแสนนาน ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนตะโกนออกมาก่อนว่าเพลงดี ถึงได้เรียกสติทุกคนกลับมาได้ทุกคนมองเยี่ยเฟิงด้วยความตกตะลึงไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึง เขารอบรู้ปรีชาก็พอว่า แต่ยังเล่นฉินได้ไพเราะถึงเพียงนี้อีกทุกคนในสำนักบัณฑิตต่างพากันกระซิบกระซาบ"ฝีมือการบรรเลงฉินของเยี่ยเฟิง หากเทียบกับอาจารย์ซ่างกวาน เรียกได้ว่าสูสีกันเลยทีเดียว""ก็ใช่น่ะสิ ข้าไม่เคยได้ยินผู้ใดบรรเลงฉินได้จับใจเช่นนี้มาก่อน ทำเอาใจข้าแตกเป็นเสี่ยงแล้ว เหตุใดเสียงฉินของเขาถึงได้เศร้าสลดเพียงนั้น""ข้าคิดว่าฝีมือฉินของคุณหนูสองกู้ดีมากแล้วเสียอีก ยามนี้พอเทียบกับเยี่ยเฟิง ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย น่าเสียดายที่การประลองศิลปะไม่มีการแข่งประลองฉิน ไม่เช่นนั้นเยี่ยเฟิงจะต้องชนะแน่"สีหน้าของกู้ชูอวิ๋นมืดดำนางเสียสิทธิ์ในการร่วมประลองศิลปะไป เดิมตั้งใจจะมีชื่อเสียงกระฉ่อนเมืองหลวงด้วยสิ่งนี้ คิดไม่ถึงว่ากลับถูกเยี่ยเฟิงเอาชนะเสียได้เขาก็แค่บัณฑิตยากจนผู้หนึ่ง เหตุใดจึงได้เล่นฉินได้ดีถึงเพียงนี้ที่ผ่านมา ไม่ว่านางจะยืนอยู่ที่ใดก็ล้วนแต่เจิดจรัสดึงดูดสายตาที่สุดเสมอ ยามนี้นางกลับถูกด้อยค่าลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าขืนเ
กู้ชูหน่วนแบ่งยาเป็นสองส่วน กินไปครึ่งเม็ด อีกครึ่งเม็ดบดเป็นผงแล้วทาบนใบหน้านางส่องกระจก เห็นตุ่มหนองบนใบหน้าของตนในกระจกค่อยๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว มองดูไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้นแล้ว ผิวก็ดูฉ่ำวาวขึ้นกว่าเดิมเพียงแต่รอยแผลเป็นน่ากลัวที่สลับทับกันราวกับเนินเขายังคงอยู่หากไม่กำจัดรอยแผลเป็นเหล่านี้ ใบหน้าของนางก็ยังคงอัปลักษณ์สุดจะมองเหมือนเดิม"เห็นทีต้องรีบคิดวิธีหาหญ้าตี้อวี้ให้เจอแล้ว"กู้ชูหน่วนผลักประตูห้องออกมาด้วยความหงุดหงิด แล้วสูดอากาศที่บริสุทธิ์เดิมทียังพอมีความหวังว่า ขาดตัวยาไปตัวเดียวอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ นางคงจะฝันหวานเกินไป"ยัยขี้เหร่ ในที่สุดก็หาเจ้าเจอ เจ้ามาแอบอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุใด นี่ก็ใกล้จะยามจื่อแล้ว เจ้ายังไม่รีบกลับจวนหานอ๋องอีก หากเทพสงครามตัดขาเจ้าขึ้นมาจริงๆ จะทำเช่นไร"เขาจะกล้าตัดหรือเว้นเสียแต่ว่าเขาไม่ต้องการถอนพิษแล้วกู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจ ก่อนจะพูดนิ่งๆ "ดึกขนาดนี้แล้วหรือ เจ้าบาดเจ็บ ทำไมยังไม่กลับไปพักผ่อนอีก""ไม่ใช่เพราะห่วงเจ้าหรืออย่างไร เจ้านี่เป็นสตรีที่ทำสิ่งใดก็ไม่ได้ความเอาเสียเลย"กู้ชูหน่วนกอดคอเข
กู้ชูหน่วนดวงตาฉายประกายวับหนึ่ง ก่อนจะจ้องไปที่กระดิ่งภินวิญญาณไม่รู้เพราะเหตุใด นางมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่ากระดิ่งภินวิญญาณสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ชี้ให้นางเดินไปด้านหน้าด้านหน้ามีบัณฑิตของสำนักบัณฑิตหลวงรวมตัวอยู่จำนวนไม่น้อย พร้อมทั้งมีเสียงร้องตกใจที่หาของล้ำค่าเจอออกมาจากในนั้นอวี๋ฮุยพูดด้วยความร้อนรน "ลูกพี่ พวกเราก็ไปดูกันเถอะ ดูว่าจะเจออะไรบ้างหรือไม่""จะรีบร้อนไปใย ที่แห่งนี้มีมุมอับซ่อนเร้นอยู่ ฝั่งซ้ายมือไม่ไกลออกไปยังมีถ้ำอีกแห่ง พวกเราไปที่ถ้ำกันก่อน""ห้ะ...ไปที่ถ้ำทำไม"เซียวอวี่เชียนเขกกะโหลกพวกเขาคนละที "ยัยขี้เหร่สั่งให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าก็ไป เหตุใดถึงมากความเช่นนี้"ทั้งสี่คน ชายสามหญิงหนึ่งเดินย่องเข้าไปถึงถ้ำ ถ้ำไม่ใหญ่มาก จุได้เพียงแค่พวกเขาสี่คน รอบๆ ที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นผนังดิน หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยพลิกแผ่นดินหาอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่เจอของล้ำค่าใด ในใจเริ่มร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนหยิบขวดยาออกมาสิบกว่าขวด โยนลงตรงหน้าพวกเขา "แบ่งกันเองแล้วกันนะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งอยู่เสมอ มีแค่แข็งแกร่งพอ ถึงจะไม่โดนผู้อื่นรังแก"เซียวอวี่เช
มองออกไป เหล่าบัณฑิตของสำนักบัณฑิตหลวงกระจัดกระจายกันไปตามยอดเขาต่างๆไม่ไกลออกไปจากพวกเขา จู่ๆ ก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้น "คุณพระช่วย หลี่เหิงพบใบอู๋หย่าเซียนแล้ว โชคดีอะไรเช่นนี้ เพิ่งจะเข้ามาถึงเขาสวินหลงก็พบของล้ำค่าที่ดีเช่นนี้แล้ว น่าอิจฉายิ่งนัก""นั่นน่ะสิ ใบอู๋หย่าเซียนเป็นสุดยอดยาสมุนไพรที่นำไปกลั่นเป็นยาเม็ดได้ ตามที่ได้ยินมาขอเพียงแค่มีใบอู๋หย่าเซียน ก็จะสามารถกลั่นยาชั้นสูงได้อย่างง่ายดาย ผู้คนตั้งมากมายวอนขอเท่าใดก็ไม่อาจได้มา เขาโชคดีเสียจริง""ไปๆๆ พวกเราก็รีบไปตามหากันเถอะ ดูสิว่ายังมีสมบัติล้ำค่าดีๆ อะไรอีกบ้างหรือไม่"อวี๋ฮุยพูดด้วยความอิจฉา "หลี่เหิงทำบุญมาด้วยอะไร มาถึงก็เจอของดีขนาดนี้"หลิ่วเยว่อวี๋ฮุยอยากไปลองหาในที่ที่หลี่เหิงเพิ่งเจอของล้ำค่าเมื่อครู่นี้อย่างละเอียดอีกที ดูว่าจะเก็บสิ่งใดที่เล็ดลอดไปได้บ้างหรือไม่ ทว่ากู้ชูหน่วนกลับกระชากพวกเขาเอาไว้ด้วยมือเดียว แล้วดึงพวกเขาไปซ่อนที่ด้านล่างเนินเขาเพิ่งจะซ่อนเสร็จ พลันมีแรงฝ่ามือพุ่งมาจากไกลๆ กระแทกเข้ากลางหลังหลี่เหิงอย่างจัง"เฮือก......"เขากระอักเลือดออกมา พลางมองไปทางคนร้ายตงฟางเจ๋ออย่างไม่เชื่อสา
บนเวทีแสดงวิทยายุทธสำนักบัณฑิตหลวง เหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงยืนเรียงกันเป็นห้าแถว อาจารย์บุ๋นบู๊สิบกว่าคนยืนอยู่บนเวที ปากอ้าๆ หุบๆ แนะนำกฎของงานประชุมสวินหลง"บัณฑิตที่มายืนอยู่ ณ ที่นี้ได้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่สำนักบัณฑิตหลวงคัดสรรมาอย่างดี ปีที่ผ่านมามีเพียงบัณฑิตปีนั้นๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงได้ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อที่จะเฟ้นหาผู้มีความสามารถ จึงได้อนุญาตให้บัณฑิตยอดเยี่ยมของปีก่อนๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน""เขาสวินหลงเป็นหุบเขาแห่งมหาสมบัติของแคว้นเย่ ทุกคนต่างรู้ดี ในอดีตโบราณกาล ที่นั่นเคยเกิดสงครามใหญ่หลายครั้ง ถือเป็นร่องรอยของสนามรบที่หลงเหลือจากโบราณมา ข้างในไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ป่าดุร้าย ดอกไม้ประหลาดหรือหญ้าพิษ ยังมีสมบัติต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าขั้นสองขึ้นไป หากโชคดี อาจหาสมบัติล้ำค่าขั้นสี่เจอก็เป็นได้""ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบสมบัติล้ำค่าใดในเขาสวินหลง ล้วนแต่จะกลายเป็นของพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้าโชคไม่ดี ไม่พบสิ่งใดเลย เช่นนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย พวกเจ้ามีเวลาในเขาสวินหลงสามวัน หลังจากสามวัน งานประชุมสวินหลงครั้
กู้ชูอวิ๋นเยื้องย่างอ่อนโยน โน้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความเคารพด้วยท่าที่ตรงตามมาตรฐานหนึ่งที น้ำเสียงไพเราะกังวาน "ชูอวิ๋นคาราวะหานอ๋องเฟย และคุณชายเซียว"เซียวอวี่เชียนหันหน้าไปทางอื่น ส่งเสียงค่อนแคะในลำคอ ขี้เกียจแม้แต่จะชายตามองกู้ชูอวิ๋นสักครั้งท่าทางทั้งหมดนี้ของเซียวอวี่เชียนแสดงให้เห็นว่าเซียวอวี่เชียนรังเกียจกู้ชูอวิ๋น ไม่อยากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นตงฟางเจ๋อที่มีนิสัยค่อนข้างใจร้อน พลันเดือดดาลทันที "คุณหนูรองกู้ใจกว้างโอบอ้อม ทำความเคารพพวกเจ้าด้วยความสุภาพ ทว่าพวกเจ้ากลับจองหอง จงใจทำตัวอยู่เหนือกว่า พวกเจ้าคิดว่าฐานะของตนสูงส่งถึงได้ดูถูกทุกคนเช่นนั้นหรือ"ตงฟางเจ๋อไม่ได้พูดว่าเจ้า แต่เป็นพวกเจ้า เหมารวมกู้ชูหน่วนเข้ามาด้วยเซียวอวี่เชียนกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาไว้ นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองมือกอดอก ในปากคาบดอกหญ้าหนึ่งต้น ท่าทางอวดเบ่งและบ้าบิ่น“สหาย หากเจ้ามีฐานะเช่นพวกข้า เจ้าก็ทำตัวสูงส่ง ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นได้เหมือนกัน”ซี้ดดด...ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตะลึงตงฟางเจ๋อเป็นถึงยอดฝีมือขั้นหนึ่ง แม้ชาติตระกูลจะสู้
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ