เพ่ยเพ่ยยังคงสับสนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า รวมถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวสมองของเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามามากมายแต่กลับไม่มีความทรงจำที่บอกได้เลยว่าเจ้าของร่างนั้นตายไปได้อย่างไร รู้แค่ว่าวันนี้คือวันแต่งงานของอ๋องหมิงและหยางเพ่ยเพ่ย ความทรงจำสุดท
-เรือนรับรองตำหนักอ๋องหมิง- "ท่านหมอกู้ เหวินเอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมนางจึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก" อ๋องหมิงนั่งลงข้างเตียงของฝูเหวิน เขาคอยจับมือนางเอาไว้ไม่ห่าง เสียงที่ฟังดูเคร่งเครียดของอ๋องหมิงนั้นทำให้หมอหลวงกู้ถึงกับหน้าซีด "ร่างกายของนางไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่ก่อนแล้ว แล้วยังมาตกน้ำไปอีก คงต้
หลังจากที่พ่อบ้านพาหมอหลวงกู้เข้ามาตรวจดูอาการของเพ่ยเพ่ยแล้ว หมอหลวงกู้ก็ต้องประหลาดใจที่แผลของพระชายานั้นถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว แผลถูกพันไว้อย่างดีจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของคนทั่วไปที่ไม่ใช่หมอ หรือผู้ช่วยหมอ เขาจึงทำเพียงเขียนใบสั่งยาให้ชิงชิงและยังจัดยาทาแผลบางส่วนเอาไว้ให้นางด้วย เ
เวลาล่วงเลยมาเดือนกว่าแล้วที่เพ่ยเพ่ยได้เข้ามาอยู่ในร่างใหม่นี้ ยามนี้ร่างกายเธอกลับมาแข็งแรงดีแล้ว มีเพียงรอยแผลตรงข้อมือและข้อเท้าที่ยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ารอยแผลจะไม่ปรากฏหรือบางทีอาจจะมีรอยจางๆ ให้เห็นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ ตอนนี้เพ่ยเพ่ยเริ่มชินกับสภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวันที่นี่ รวมถึ
"เจ้ารู้จักพวกนางหรือ? " หยางเฟยเอ่ยถามไป๋หลิงฟง เพราะเห็นอยู่ว่าสหายของตนจ้องมองพวกนางไม่วางตา แถมยังยิ้มแปลกๆ ดูมีพิรุจนัก "เจ้าเรียกสองคนนั้นว่า 'พวกนาง' อย่างนั้นรึ" ไป๋หลิงฟงถามหยางเฟยเพื่อไขความกระจ่างให้กับการคาดคะเนของตน "ฮ่าๆ พวกนางเป็นสตรีจริงๆ สินะ ข้าก็ว่าข้ามองไม่ผิดแน่ ใบหน้าเร
"พ่อบ้านหม่า เดี๋ยวข้าจะเดินไปส่งพระชายาที่ตำหนักของนางก่อนแล้วจึงจะไปพบท่านอ๋อง เจ้าแจ้งท่านอ๋องด้วยแล้วกันว่าข้ากำลังจะไปหา หากท่านอ๋องไม่ถามก็ไม่ต้องพูดเรื่องของพระชายาจะดีกว่า" "ขอรับท่านรองแม่ทัพ" พ่อบ้านรับคำแล้วจึงเดินเบี่ยงออกไปอีกทางเพื่อแจ้งแก่ผู้เป็นนาย แม้ในใจจะรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย
ด้วยอารมณ์โกรธอ๋องหมิงเดินตรงดิ่งไปที่ห้องหนังสือและกระแทกปิดประตูเสียงดังลั่น พร้อมกับตะโกนสั่งองครักษ์คนสนิท "อย่าให้ผู้ใดมารบกวน!" เหลยคังที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงดังโครมคราม เสียงของกระแทกบ้าง เสียงของแตกบ้างดังมาจากข้างในห้องอยู่เป็นระยะ ท่านอ๋องคงจะระบายอารมณ์อยู่เป็นแน่ ไม่ได้เห็น
เพ่ยเพ่ยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวจากฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปเมื่อวาน นางยังคงนั่งหลับตาอยู่บนเตียงด้วยความง่วงเต็มเปี่ยม เพ่ยเพ่ยตื่นได้สักพักแล้วเพราะชิงชิงเข้ามาปลุกก่อนหน้านี้ หากปล่อยให้นางตื่นเองอย่างไรก็คงไม่มีมีทางเป็นไปได้แน่ "คุณหนูรับน้ำชาสักหน่อยไหมเจ้าคะ จะได้สดชื่นขึ้นเจ้าค่ะ" ชิงชิ
-จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห
เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่
"เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั
"แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า
อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ
อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ
"เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่