แชร์

บทที่ 0005

ผู้เขียน: หลินซินเหยียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-01 03:52:00

เวลาล่วงเลยมาเดือนกว่าแล้วที่เพ่ยเพ่ยได้เข้ามาอยู่ในร่างใหม่นี้ ยามนี้ร่างกายเธอกลับมาแข็งแรงดีแล้ว มีเพียงรอยแผลตรงข้อมือและข้อเท้าที่ยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ารอยแผลจะไม่ปรากฏหรือบางทีอาจจะมีรอยจางๆ ให้เห็นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

ตอนนี้เพ่ยเพ่ยเริ่มชินกับสภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวันที่นี่ รวมถึงนิสัยใจคอของชิงชิงบ้างแล้ว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอ๋องหมิงไม่เคยย่างกรายเข้ามาในตำหนักจันทราเลย ไม่แม้แต่กระทั่งจะมาเยี่ยมดูอาการป่วยของนางเลยสักนิด แต่นั่นคือสิ่งที่เพ่ยเพ่ยต้องการ นางไม่ได้อยากเจอเขาเสียหน่อย

วันนี้อากาศดีกว่าทุกวันเพ่ยเพ่ยจึงได้ชวนชิงชิงให้ออกมาเดินเล่นที่สวนข้างตำหนักของนาง

ไม่ไกลจากตำหนักมีบ่อน้ำขนาดกลาง ภายในบ่อน้ำมีปลามากมายแหวกว่ายไปมา ดูแล้วก็ทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง เพ่ยเพ่ยนั่งดูพวกมันแล้วปล่อยใจที่ว่างเปล่านึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายในอดีตจนไม่ได้สนใจรอบกาย

"คนอย่างเจ้ามีเรื่องต้องทุกข์ใจอันใด"

เพ่ยเพ่ยสะดุ้งตกใจเพราะเสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ แต่เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่จึงไม่ได้ฟังว่าเขาพูดว่าอะไร

"ท่านอ๋องมีอะไรกับหม่อมฉันหรือเพคะ"

"หึ ข้าถามว่าคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างเจ้า วันๆ จะมีเรื่องทุกข์ใจอันใด"

อะไรของเค้าวะ มาถึงก็แซะ

"อ้อ ก็ไม่มีหรอกเพคะ คุณหนูตระกูลใหญ่อย่างหม่อมฉันจะมีเรื่องทุกข์ใจอันใดได้ล่ะเพคะ ชีวิตสุขสบายออกปานนี้ หม่อมฉันเพียงแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้น แล้วคนอย่างท่านอ๋องล่ะเพคะ มีเรื่องทุกข์ใจอันใดกับเขาด้วยหรือ"

"เจ้า อย่ามายอกย้อนกับเปิ่นหวาง"

"อ้าว ก็เห็นหน้าท่านอ๋องบูดเบี้ยวเช่นนั้น หม่อมฉันก็นึกว่าท่านอ๋องเป็นอันใดไปเสียอีก ดูเหมือนท่านอ๋องจะไม่สบายนะเพคะ"

เพ่ยเพ่ยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงถึงความห่วงใย

"หน้าข้ามันเป็นเช่นไร"

"ก็หน้าเหมือนไม่ได้ถ่ายท้องมาหลายวัน อย่างไรให้หมอหลวงจัดยาให้ท่านอ๋องดูสิเพคะ เผื่อว่าสีหน้าของท่านอ๋องจะดีขึ้นบ้าง"

พูดเสร็จเพ่ยเพ่ยก็ย่อตัวลา พร้อมกับสะบัดหน้าเดินหนีออกไปจากศาลาริมน้ำทันทีโดยไม่ต้องรอให้เขาไล่

'หมับ'

อ๋องหมิงคว้าข้อมือกระชากแขนของเพ่ยเพ่ยเอาไว้ ก่อนที่จะดึงแขนนางอย่างแรงจนตัวนางหมุนเข้ามาประจันหน้ากับเขา

"อย่ามาสามหาวกับข้า"

"หม่อมฉันเปล่านะเพคะ ทุกอย่างล้วนเตือนท่านอ๋องด้วยความหวังดี หม่อมฉันพูดอันใดผิดหรือเพคะ"

"เจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขในตำหนักอ๋องนี่แล้วก็จงบอกมา ข้าจะได้สนองให้"

"หึ ใครจะไม่อยากอยู่อย่างเป็นสุขล่ะเพคะ ทุกวันนี้หม่อมฉันก็ต้องขอบพระทัยที่ท่านอ๋องเมตตาไม่มาปรากฏกายให้เห็น หากท่านอ๋องจะทรงเมตตามากกว่านี้ หม่อมฉันว่าท่านอ๋องอย่างทรงลดตัวลงมาเสวนากับหม่อมฉันเลยเพคะ เจอหน้ากันก็ต่างคนต่างอยู่เถอะเพคะ"

เพ่ยเพ่ยจ้องตาอ๋องหมิงอย่างไม่เกรงกลัว นางพูดความในใจออกไปจนหมด

"หึ อย่ามาเล่นไม้นี้กับเปิ่นหวาง คราก่อนยังวางยาปลุกกำหนัดกับข้าอยู่แท้ๆ ครานี้มาทำเป็นไม่อยากรู้จักกันเพื่อจะดึงความสนใจจากข้าอย่างนั้นรึ ลูกไม้ตื้นๆ เช่นนี้ใช้กับข้าไม่ได้หรอก"

"เหอะ หม่อมฉันพูดจริงๆ จากใจเลยเพคะ หากท่านอ๋องไม่ทรงเชื่อก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วเพคะว่าหม่อมฉันคิดจริงอย่างที่พูดออกไปหรือไม่"

เพ่ยเพ่ยหมุนข้อมือแล้วสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดออกจากมือแกร่งของอ๋องหมิง

"หม่อมฉันขอตัวเพคะ…เบื่อ!"

เพ่ยเพ่ยกล่าวเน้นคำว่าเบื่อออกมาอย่างจงใจแล้วเร่งเดินหนีออกไปในทันที

"หึ…มารยาสาไถย"

อ๋องหมิงมองตามร่างบางอย่างไม่คิดที่จะเดินตามนางไป แม้ในใจจะโมโหกับกิริยามารยาทที่นางแสดงออกมามากเพียงใดก็ตาม เห็นว่านางเพิ่งจะหายดีจากการป่วย ครั้งนี้เขาจะปล่อยนางไปก่อนก็แล้วกัน

-ตำหนักจันทรา-

เพ่ยเพ่ยเอาแต่จ้องมองดูใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกทองเหลือง แม้จะมองเห็นไม่ชัดนัก แต่เธอก็พอจะดูออกว่าใบหน้านี้เรียกได้ว่างดงามมาก ดวงตากลมโต แพขนตายาวงอน ปากบางเป็นกระจับ ใบหน้าเรียวรูปไข่ จมูกรั้นเชิดขึ้นนิดหน่อย

เพอร์เฟค!

เพ่ยเพ่ยยกยิ้มพออกพอใจในรูปโฉมของตน แม้ว่าในชาติที่แล้วนางก็ถือว่าหน้าตาดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้งดงามถึงเพียงนี้ อีกทั้งความอ่อนเยาว์เช่นสาวแรกรุ่นนั่นก็ยิ่งทำให้หยางเพ่ยเพ่ยดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

"เฮ้อ!" อยู่ๆ เพ่ยเพ่ยก็ถอนหายใจออกมา

"ทำไมคนงามเช่นเราต้องมาติดแหง็กอยู่ในตำหนักอ๋องนี่ด้วยเล่า"

"คุณหนูว่าอะไรนะเจ้าคะ ข้าฟังไม่ถนัดเจ้าค่ะ"

เสียงใสจากชิงชิง ที่เอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย

"ไม่มีอะไรหรอกชิงชิง ข้าเพียงบ่นไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ข้าก็แค่เบื่อน่ะ อยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาสูดอากาศข้างนอกบ้าง เราออกไปข้างนอกกันดีไหม"

"มันจะไม่งามนะเจ้าคะหรือถ้าคุณหนูอยากออกไปจริงๆ ลองไปทูลขออนุญาตจากท่านอ๋องก่อนดีไหมเจ้าคะ"

ชิงชิงแอบเป็นกังวลแทนเจ้านาย หากคุณหนูออกไปโดยไม่แจ้งท่านอ๋องก่อน อาจจะมีเรื่องไม่คาดฝันตามมาหากว่าท่านอ๋องจับได้

"ไม่เป็นไรหรอกน่าชิงชิง เจ้าอย่ากลัวไปเลย ท่านอ๋องคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเราออกไปจากตำหนัก เขาเคยมาสนใจพวกเราเสียที่ไหนกัน"

อย่าว่าแต่อ๋องหมิงเลย บ่าวไพร่คนอื่นก็ไม่เคยย่างกรายมาที่ตำหนักจันทราของเพ่ยเพ่ยเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าตำแหน่งพระชายาเอกของนางนั้นไร้ซึ่งความหมาย

"แต่ว่า..."

ชิงชิงยังพูดไม่ทันจบ เพ่ยเพ่ยก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

"ชิงชิง เจ้านี่กังวลเกินไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นมา ข้าจะรับผิดชอบเอง รีบไปเตรียมตัวซะ แล้วกลับมาเปลี่ยนชุดให้ข้าด้วย"

"อืม...ขอเป็นชุดบุรุษละกัน น่าจะปลอดภัยกว่า"

เพ่ยเพ่ยจ้องชิงชิง ส่งสายตาท่าทางจริงจังให้นาง

"เอ่อ…เจ้าค่ะ"

ข้าคงจะห้ามคุณหนูไม่ได้แล้วจริงๆ

ชิงชิงพยักหน้ารับคำอย่างจำใจ แล้วรีบไปเตรียมตัวทันที

-ห้องหนังสือ ตำหนักใหญ่-

"ศิษย์พี่ทานอีกหน่อยนะเจ้าคะ"

ฝูเหวินป้อนองุ่นให้อ๋องหมิง ที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับกองงานตรงหน้า

"อืม ขอบใจเจ้ามากเหวินเอ๋อ"

อ๋องหมิงรับองุ่นเข้าปาก แต่ก็ยังไม่ละสายตาออกมาจากกองกระดาษเหล่านั้น

"ศิษย์พี่พักผ่อนสักนิดดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านดูเคร่งเครียดเกินไปแล้ว"

"อืม ก็ดีเหมือนกัน"

อ๋องหมิงละสายตาจากกองเอกสารแล้วหันมายิ้มให้หญิงสาวข้างกาย

"ศิษย์พี่ เราออกไปนั่งจิบชากันที่ศาลาริมน้ำกันดีกว่านะเจ้าคะ วันนี้อากาศดี ข้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกเจ้าค่ะ"

ฝูเหวินเอ่ยแล้วช้อนสายตาออดอ้อนอย่างที่นางชอบทำและอ๋องหมิงเองก็เอ็นดูนางยิ่งนักยามที่นางออดอ้อนเขาเช่นนี้

"เจ้าหายดีแล้วหรือเหวินเอ๋อ หากออกไปตากลมยามนี้ศิษย์พี่เกรงว่าเจ้าจะไม่สบายไปอีก"

"ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะไม่เป็นอันใดแล้ว เราออกไปกันนะเจ้าคะ"

ฝูเหวินสบตาออดอ้อนและอ๋องหมิงก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ลูกอ้อนของนางทุกที

"ตามแต่ใจเจ้า ขอข้าอ่านรายงานฉบับนี้จบแล้วเราออกไปเดินเล่นกัน"

ฝูเหวินยิ้มให้อ๋องหมิง รู้สึกพอใจที่เขานั้นตามใจตนเสมอ

-ตำหนักจันทรา-

"คุณหนูแต่งเช่นนี้แล้วเหมือนบัณฑิตหนุ่มรูปงามเลยนะเจ้าคะ"

ชิงชิงชื่นชมคุณหนูของนางที่บัดนี้แปลงโฉมใส่ชุดบุรุษเรียบร้อยแล้ว

"เจ้าก็หล่อเหลาไม่แพ้กันนะชิงชิง มานี่มา เจ้าต้องลบเครื่องประทินโฉมพวกนี้ออกเสียก่อน มันมากจนเกินไป เกินกว่าที่จะดูเป็นบุรุษ"

เพ่ยเพ่ยรวบพัดแล้วเคาะไปบนหัวชิงชิงเบาเบาอย่างคุณชายเจ้าสำราญ นางยกยิ้มหัวเราะ ตื่นเต้นดีใจสุดๆ ที่จะได้ออกไปเดินเยี่ยมชมตลาด

เมื่อทั้งสองนายบ่าวแปลงโฉมเรียบร้อยแล้วก็พากันย่องเดินไปยังประตูท้ายตำหนักที่มีไว้ให้พวกคนรับใช้เข้าออกและก็เป็นดังที่เพ่ยเพ่ยคิด ไม่มีใครสนใจพวกนางเลย

เพ่ยเพ่ยมองดูถนนสายหลักที่ทอดยาวในตลาดอย่างตื่นตาตื่นใจ เธอแวะเข้าออกร้านนู้นทีร้านนี้ที อันที่จริงแล้วเธอเดินเข้าแทบจะทุกร้าน เรียกได้ว่าเป็นการสำรวจตลาดแบบทุกซอกทุกมุมเลยก็ว่าได้

เพ่ยเพ่ยเดินเข้าออกหลายร้านก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ร้านขายมีดร้านหนึ่ง

"คุณชาย ท่านต้องการมีดแบบไหนรึขอรับ ร้านข้ามีมีดหลายแบบหลายขนาดเลย ท่านสนใจมีดแบบไหนเป็นพิเศษ ข้าช่วยแนะนำให้ท่านได้นะขอรับ"

"เถ้าแก่พอจะมีมีดสั้นที่เอาไว้ใช้สำหรับป้องกันตัวหรือไม่ข้าขอดูหน่อย"

เพ่ยเพ่ยถามด้วยความสนใจ

"มีขอรับคุณชาย"

ไม่นานเถ้าแก่ก็นำมีดสี่ห้าเล่มออกมาจากหลังร้านให้เพ่ยเพ่ยได้เลือกสรร

เพ่ยเพ่ยจับมีดพลิกไปพลิกมา เธอลองโยนมีดไปมาเพื่อหาเล่มที่นางใช้ถนัดมือมากที่สุด

"ข้าเอาเล่มนี้ก็แล้วกันเถ้าแก่"

"แล้วท่านพอจะมีมีดบินหรือไม่ ขอมีดเล็กสักสองสามเล่มที่พอจะซ่อนไว้ใช้เป็นอาวุธลับได้บ้างไหม"

เพ่ยเพ่ยลดเสียงขณะถามคำถามกับเถ้าแก่ร้านมีด

"มีขอรับคุณชาย ท่านต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือไม่ขอรับ"

เถ้าแก่ถามพลางส่งมีดบินให้เพ่ยเพ่ยดู

"เอาแค่เท่านี้ก่อนเถ้าแก่"

"ขอรับคุณชาย"

เพ่ยเพ่ยจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกจากร้านไป พร้อมกับชิงชิงที่ทำหน้าฉงน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคำถามมากมายว่าคุณหนูจะเอามีดพวกนี้ไปทำอะไรกัน

หึ…ช่างเป็นสตรีที่น่าสนใจนัก

บุรุษรูปงามในชุดสีน้ำเงินยกยิ้มในใจ เขาพอจะดูออกว่าพวกนางเป็นสตรีที่ปลอมเป็นชาย ขนาดปลอมเป็นชายยังดูรูปงามขนาดนี้ หากแต่งเป็นหญิงนางจะงดงามขนาดไหน

ท่าทางที่นางโยนมีดไปมานั้นดูชำนาญอย่างมาก เหมือนคนที่เคยใช้มีดในการต่อสู้มาก่อน อีกทั้งรูปโฉมของนางที่ดูสะดุดตา จึงทำให้เขานึกสนใจนางอยู่ไม่น้อยเลย

เขาลอบมองดูเพ่ยเพ่ยตั้งแต่ที่พวกนางเดินเข้ามาในร้านขายมีดแล้ว แต่ด้วยความตื่นเต้นเพ่ยเพ่ยจึงไม่ได้สังเกตเห็นเขา

"คารวะท่านรองแม่ทัพไป๋ มีดที่ท่านสั่งทำไว้ได้แล้วขอรับ ไม่คิดว่าท่านจะมารับด้วยตัวเอง ข้ากำลังจะให้ลูกน้องนำไปให้ที่จวนอยู่พอดีเลยขอรับ"

เถ้าแก่ร้านมีดกล่าวทักทายบุรุษชุดน้ำเงินผู้นั้น

"ไม่ลำบากท่านหรอกเถ้าแก่ ข้าผ่านมาแถวนี้พอดีจึงแวะเข้ามาดูว่าของที่สั่งไว้ทำเสร็จแล้วหรือยัง"

"ไม่ลำบากอะไรเลยขอรับ นี่ขอรับมีดที่ท่านรองแม่ทัพสั่งทำ เชิญท่านตรวจสอบได้เลยขอรับ"

เถ้าแก่ยื่นมีดให้เขาอย่างนอบน้อม

'ไป๋หลิงฟง' รับมีดเล่มนั้นมา เมื่อตรวจสอบจนพอใจแล้วจึงเดินออกมาจากร้านขายมีด เขากวาดสายตามองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของสตรีปลอมเป็นบุรุษสองนางนั้นแล้ว

"หากมีวาสนาคงได้เจอกันอีก"

ไป๋หลิงฟงกล่าวกับตัวเอง สายตาก็จับจ้องไปบนถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน

เพ่ยเพ่ยเดินเล่นในตลาดจนเริ่มเหนื่อยและเริ่มหิว เธอจึงชวนชิงชิงเข้าไปหาอะไรทานในโรงเตี๊ยมหรูหราที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาด

เพ่ยเพ่ยมองสถานที่ตรงหน้า 'โรงเตี๊ยมมู่เหอ'

ทำเลดีไม่น้อยเลย กิจการก็ใหญ่โต หากข้าสามารถมีกิจการแบบนี้ได้บ้างก็คงดี

"คุณหนูจะรับสำรับที่นี่หรือเจ้าคะ"

ชิงชิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"ใช่สิ ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ ข้าหิวมากแล้ว อีกอย่างเจ้าห้ามเรียกข้าว่าคุณหนู เจ้าต้องเรียกข้าว่าคุณชาย เข้าใจไหม"

"เอ่อ…ขอรับคุณชาย ข้าเพียงคิดว่าที่นี่เป็นร้านดัง ผู้คนพลุกพล่านมากเกินไป ข้ากลัวว่าคุณชายอาจจะพบปะคนรู้จักเข้าได้ขอรับ"

"จริงสิ ข้าก็ลืมไป แต่กินที่นี่แหล่ะ ไม่มีใครจำเราได้หรอกอย่าลืมสิว่าวันนี้เราปลอมตัวเป็นบุรุษ"

เพ่ยเพ่ยพูดจบก็ไม่รอให้ชิงชิงคัดค้าน เธอหมุนตัวแล้วรีบเดินเข้าไปในร้านทันที เธอหิวมากและไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยนร้านแล้ว

"คุณชายมากันสองท่านใช่ไหมขอรับ"

เสี่ยวเอ้อเอ่ยถามอย่างนอบน้อม

"ใช่แล้ว ช่วยหาที่นั่งเงียบๆ ให้ข้าที แล้วช่วยจัดชาชั้นดีกับอาหารขึ้นชื่อของที่นี่มาให้ข้าสักสองสามอย่างด้วย"

เพ่ยเพ่ยกดเสียงเข้ม สั่งอาหารฉะฉานราวกับว่าเป็นคนในยุคสมัยนี้ แต่หารู้ไม่ นางนั้นพูดตามบทในนิยายจีนที่ตัวเองเคยอ่านมาเป๊ะๆ

เพ่ยเพ่ยและชิงชิงนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง

อืม…วิวดีมากจริงๆ

เพ่ยเพ่ยคิดแล้วก็มองออกไปชมวิวนอกร้านสอดส่ายสายตาดูวิถีชีวิตของชาวบ้านในตลาด

ที่มุมหนึ่งไม่ไกลจากโต๊ะที่พวกนางนั่งอยู่ บุรุษรูปงามสองคนก็กำลังนั่งสนทนากันอยู่ บุรุษในชุดสีน้ำเงินสอดส่ายสายตาไปมองเพ่ยเพ่ยทันทีที่นางเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง

หรือเราจะมีวาสนาต่อกันจริงๆ สาวน้อย

เขายกยิ้มมุมปากขึ้นจนบุรุษชุดขาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องหันไปมองตามสายตาของเขาด้วยความสงสัยใครรู้

หืมบุรุษงั้นรึ นึกว่าจะมองคุณหนูบ้านไหนเสียอีก

แล้วทำไมบุรุษร่างบางสองคนนั้นจึงดูคุ้นตานัก ชายชุดขาวมองบุรุษสองคนไปมาจนหัวคิ้วเริ่มย่นเข้าหากัน

หึ…คงจะไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดหรอกนะ!

เพ่ยเพ่ยรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอจึงได้หันหน้าไปมองอย่างไม่เกรงกลัว เธอสบสายตาเข้ากับบุรุษชุดขาว พลันความทรงจำของหยางเพ่ยเพ่ยก็ปรากฏชัดขึ้นมาในหัว

"ซวยแล้ว! ชิงชิงนั่นคงจะไม่ใช่พี่ชายของข้าหรอกใช่ไหม"

เพ่ยเพ่ยหน้าตาบูดเบี้ยวแทบจะดูไม่ได้ ชิงชิงหันไปมองตามเพ่ยเพ่ย ก่อนที่จะตกใจจนเกือบจะทำจอกน้ำชาหล่นลงพื้น

"คุณชายใหญ่!"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0006

    "เจ้ารู้จักพวกนางหรือ? " หยางเฟยเอ่ยถามไป๋หลิงฟง เพราะเห็นอยู่ว่าสหายของตนจ้องมองพวกนางไม่วางตา แถมยังยิ้มแปลกๆ ดูมีพิรุจนัก "เจ้าเรียกสองคนนั้นว่า 'พวกนาง' อย่างนั้นรึ" ไป๋หลิงฟงถามหยางเฟยเพื่อไขความกระจ่างให้กับการคาดคะเนของตน "ฮ่าๆ พวกนางเป็นสตรีจริงๆ สินะ ข้าก็ว่าข้ามองไม่ผิดแน่ ใบหน้าเร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-01
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0007

    "พ่อบ้านหม่า เดี๋ยวข้าจะเดินไปส่งพระชายาที่ตำหนักของนางก่อนแล้วจึงจะไปพบท่านอ๋อง เจ้าแจ้งท่านอ๋องด้วยแล้วกันว่าข้ากำลังจะไปหา หากท่านอ๋องไม่ถามก็ไม่ต้องพูดเรื่องของพระชายาจะดีกว่า" "ขอรับท่านรองแม่ทัพ" พ่อบ้านรับคำแล้วจึงเดินเบี่ยงออกไปอีกทางเพื่อแจ้งแก่ผู้เป็นนาย แม้ในใจจะรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-01
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0008

    ด้วยอารมณ์โกรธอ๋องหมิงเดินตรงดิ่งไปที่ห้องหนังสือและกระแทกปิดประตูเสียงดังลั่น พร้อมกับตะโกนสั่งองครักษ์คนสนิท "อย่าให้ผู้ใดมารบกวน!" เหลยคังที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงดังโครมคราม เสียงของกระแทกบ้าง เสียงของแตกบ้างดังมาจากข้างในห้องอยู่เป็นระยะ ท่านอ๋องคงจะระบายอารมณ์อยู่เป็นแน่ ไม่ได้เห็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0009

    เพ่ยเพ่ยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวจากฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปเมื่อวาน นางยังคงนั่งหลับตาอยู่บนเตียงด้วยความง่วงเต็มเปี่ยม เพ่ยเพ่ยตื่นได้สักพักแล้วเพราะชิงชิงเข้ามาปลุกก่อนหน้านี้ หากปล่อยให้นางตื่นเองอย่างไรก็คงไม่มีมีทางเป็นไปได้แน่ "คุณหนูรับน้ำชาสักหน่อยไหมเจ้าคะ จะได้สดชื่นขึ้นเจ้าค่ะ" ชิงชิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0010

    อ๋องหมิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฮ่องเต้ฟังอย่างไม่ปิดบังใดๆ ฮ่องเต้โมโหเป็นอย่างมากพาลไม่ชอบฝูเหวินมากขึ้นไปอีก "จะอย่างไรเจิ้นก็ไม่มีทางยอมให้ฝูเหวินขึ้นเป็นพระชายาเอกของเจ้าแน่นอน ถึงแม้จะไม่มีคุณหนูหยาง เจิ้นก็จะหาชายาใหม่มาแต่งให้เจ้า เจ้าอย่าได้คิดยกฝูเหวินขึ้นมาแทนที่นาง เจิ้นไม่เห็นความเหมาะสมใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0011

    เพ่ยเพ่ยได้หนังสือแพทย์ที่น่าสนใจมาสี่ห้าเล่มและเข็มเงินอีกหนึ่งชุด นางเคยศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์แพทย์แผนจีนและการฝังเข็มมาบ้างในชาติที่แล้ว ชาตินี้นางคงต้องรื้อฟื้นความจำ ปัดฝุ่นความรู้เก่าและศึกษาเพิ่มเติมสักเล็กน้อย เพ่ยเพ่ยรีบพาชิงชิงแอบกลับเข้าตำหนักทางประตูด้านหลัง ครั้งนี้นางจะไม่ยอมให้ใครจับไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0012

    อ๋องหมิงประกบปากจูบดูดดึงริมฝีปากบางของเพ่ยเพ่ยอย่างเร่าร้อนและรุนแรง มือแกร่งของเขารวบข้อมือเล็กสองข้างของนางแล้วยึดมันไปไว้เหนือศรีษะด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้ามาในสาบเสื้อของนางก่อนที่มือใหญ่จะขยำอกอวบเกินวัยของนางจนแทบแหลกคามือของเขา "อ๊ะ อย่านะ...อื้อ" เพ่ยเพ่ยอ้าปากร้อง แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0013

    "..." เพ่ยเพ่ยเม้มปากแน่นไม่ได้เอ่ยคำใด มีเพียงใบหน้าสวยที่ขึ้นสีแดงระเรื่อชวนมองที่ทำให้เขานั้นแทบคลั่ง เพ่ยเพ่ยเคลิบเคลิ้มไปกับรสสวาทที่เขามอบให้ จนลืมสิ้นไปเสียทุกอย่างแล้ว นางยิ่งเป็นพวกจุดติดง่ายเสียด้วย นางเกลียดตัวเองนัก อ๋องหมิงจับมือนุ่มของนางให้ลูบลงต่ำอยู่ตรงหน้าท้องของเขา ก่อนที่จะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02

บทล่าสุด

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0111

    -จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0110

    เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0109

    "ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0108

    "เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0107

    "แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0106

    "เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0105

    อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0104

    อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0103

    "เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่

DMCA.com Protection Status