เพ่ยเพ่ยได้หนังสือแพทย์ที่น่าสนใจมาสี่ห้าเล่มและเข็มเงินอีกหนึ่งชุด นางเคยศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์แพทย์แผนจีนและการฝังเข็มมาบ้างในชาติที่แล้ว ชาตินี้นางคงต้องรื้อฟื้นความจำ ปัดฝุ่นความรู้เก่าและศึกษาเพิ่มเติมสักเล็กน้อย เพ่ยเพ่ยรีบพาชิงชิงแอบกลับเข้าตำหนักทางประตูด้านหลัง ครั้งนี้นางจะไม่ยอมให้ใครจับไ
อ๋องหมิงประกบปากจูบดูดดึงริมฝีปากบางของเพ่ยเพ่ยอย่างเร่าร้อนและรุนแรง มือแกร่งของเขารวบข้อมือเล็กสองข้างของนางแล้วยึดมันไปไว้เหนือศรีษะด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้ามาในสาบเสื้อของนางก่อนที่มือใหญ่จะขยำอกอวบเกินวัยของนางจนแทบแหลกคามือของเขา "อ๊ะ อย่านะ...อื้อ" เพ่ยเพ่ยอ้าปากร้อง แ
"..." เพ่ยเพ่ยเม้มปากแน่นไม่ได้เอ่ยคำใด มีเพียงใบหน้าสวยที่ขึ้นสีแดงระเรื่อชวนมองที่ทำให้เขานั้นแทบคลั่ง เพ่ยเพ่ยเคลิบเคลิ้มไปกับรสสวาทที่เขามอบให้ จนลืมสิ้นไปเสียทุกอย่างแล้ว นางยิ่งเป็นพวกจุดติดง่ายเสียด้วย นางเกลียดตัวเองนัก อ๋องหมิงจับมือนุ่มของนางให้ลูบลงต่ำอยู่ตรงหน้าท้องของเขา ก่อนที่จะ
ฝูเหวินตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า นางหลับไม่ค่อยสนิทในคืนที่ผ่านมา เพราะมัวแต่คอยจัดแจงให้อิงหลัวไปสืบดูว่าอ๋องหมิงกลับถึงตำหนักใหญ่แล้วหรือยังเมื่อวานนางรอให้อ๋องหมิงมารับสำรับเย็นด้วยกันจนมืดค่ำแต่เขาก็ยังไม่กลับมา นางรอข่าวจากอิงหลัวไม่ไหวจึงหลับไปเสียก่อนฝูเหวินค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงที่หัว
อ๋องหมิงยื่นมือไปสัมผัสกับแก้มขาวเนียนของเพ่ยเพ่ยอย่างไม่รู้ตัว ทำไมเพียงแค่ได้นอนดูนางหลับก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวได้ บางอย่างในตัวของนางช่างเย้ายวนใจนัก พอคิดเช่นนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกปวดแก่นกายขึ้นมา"อื้อ"ร่างบางส่งเสียงไม่พอใจที่ถูกรบกวนให้ตื่น เพ่ยเพ่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนที่นางจะสบสายตาเข้ากับสา
หลังจากที่เข้าหออย่างจับพลัดจับผลูในคืนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาสี่วันแล้วที่เพ่ยเพ่ยไม่เห็นแม้แต่เงาของอ๋องหมิงเลย แต่นางก็หาได้สนใจไม่นางเอาแต่ศึกษาตำราแพทย์ในสมัยนี้ เพื่อหาความเชื่อมโยงของการแพทย์สมัยก่อนและสมัยปัจจุบันเข้าด้วยกัน นางทบทวนวิชาการฝังเข็มบ้างและพบว่าความรู้ส่วนใหญ่ก็เหมือนกัน เพราะการฝ
-โรงหมอฝู้เหอ-เพ่ยเพ่ยหลังจากได้ตำราที่นางต้องการแล้วก็คะยั้นคะยอให้ชิงชิงพานางมาที่โรงหมอเพ่ยเพ่ยแอบส่องดูการจัดการภายในโรงหมอจากด้านนอกแต่ก็ไม่เห็นอะไรมากนัก นางสนใจและอยากจะเห็นการรักษาผู้ป่วยของที่นี่ แต่นางไม่รู้จะเข้าไปข้างในได้อย่างไรโดยที่ไม่ดูแปลกประหลาด นางจึงได้แต่ชะเง้อมอง พยายามสอดส่า
ชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน มือแกร่งกำแน่นจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดนูนเด่นที่ปรากฏขึ้นบนหลังมือของเขาได้อย่างชัดเจน คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากัน เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกเช่นนี้มันคือสิ่งใด รู้แต่เพียงว่า 'เขาไม่พอใจ' และเขาก็ไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้เอาเสียเลยเขาอยากจะกระชากจับชายหญิงทั้งสอง
-จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห
เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่
"เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั
"แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า
อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ
อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ
"เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่