แชร์

บทที่ 0009

ผู้เขียน: หลินซินเหยียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-02 04:05:00

เพ่ยเพ่ยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวจากฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปเมื่อวาน นางยังคงนั่งหลับตาอยู่บนเตียงด้วยความง่วงเต็มเปี่ยม

เพ่ยเพ่ยตื่นได้สักพักแล้วเพราะชิงชิงเข้ามาปลุกก่อนหน้านี้ หากปล่อยให้นางตื่นเองอย่างไรก็คงไม่มีมีทางเป็นไปได้แน่

"คุณหนูรับน้ำชาสักหน่อยไหมเจ้าคะ จะได้สดชื่นขึ้นเจ้าค่ะ"

ชิงชิงยกกาน้ำชาเข้ามา ก่อนจะรินน้ำชาเตรียมไว้ให้ผู้เป็นนาย

"อืม ดีเหมือนกันชิงชิง"

ชิงชิงส่งจอกชาให้เพ่ยเพ่ยแล้วจึงหันกลับไปจัดการเตรียมข้าวของไว้สำหรับเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เพ่ยเพ่ย

เช้านี้เพ่ยเพ่ยนั่งเป็นหุ่นให้ชิงชิงจัดการทุกอย่างตามใจชอบ วันนี้ถือว่านางเป็นหุ่นที่ดีมากกว่าทุกวัน ชิงชิงเองก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

เพราะปกติแล้วเพ่ยเพ่ยจะคอยห้ามนู่นห้ามนี่ตลอดเวลาที่ชิงชิงโหมประโคมแต่งตัวและเครื่องประดับให้นาง เพ่ยเพ่ยมักจะบ่นเสมอว่านาง ‘หนักหัว’ หรือ ‘มันเยอะจนเกินไป ข้ามิใช่นางเอกงิ้ว’ แต่วันนี้นางไม่สามารถต่อสู้กับความง่วงได้ เพ่ยเพ่ยไร้ซึ่งแรงต่อต้านใดจริงๆ

"คุณหนูจะแต่งหน้าเองหรือไม่เจ้าคะ"

ชิงชิงเอ่ยถาม เพราะตั้งแต่แต่งเข้าตำหนักอ๋องมา เพ่ยเพ่ยมักจะขอแต่งหน้าเองเสมอ

"ไม่ล่ะชิงชิง วันนี้ข้าตามใจเจ้า แต่ข้าขอเบาๆ พอนะ เจ้ารู้จักหรือไม่ แต่งหน้าอย่างไรให้ดูเหมือนไม่แต่ง"

เพ่ยเพ่ยกล่าวแม้ว่าตาทั้งสองยังคงปิดสนิทอยู่

"ข้าคิดว่าพอจะเข้าใจเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามนะเจ้าคะ"

ชิงชิงพอจะรู้ว่าที่คุณหนูของนางพูดนั้นหมายถึงอะไร เพราะนางคอยดูเพ่ยเพ่ยแต่งหน้าเองมาตลอดเกือบสองเดือนมานี้ ชิงชิงแอบสังเกตและจดจำมาไม่น้อยว่าคุณหนูของนางนั้นชอบการแต่งหน้าแบบไหน

ชิงชิงยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจ ปกติคุณหนูไม่เคยแต่งหน้าเองและมักจะพอใจยามที่นางแต่งหน้าให้เสมอ แต่พักหลังมานี้เพ่ยเพ่ยมักจะบอกว่าใบหน้าของนางนั้นงดงามอยู่แล้ว ยิ่งแต่งเยอะก็ยิ่งบดบังความงามเสียหมด ยิ่งไปกว่านั้นบางวันคุณหนูก็ไม่แต่งหน้าเลย ผิดวิสัยคุณหนูนักที่ปกติจะชอบการแต่งหน้าแบบเข้มๆ

แม้จะแปลกใจกับความชอบที่เปลี่ยนไปของเจ้านายแต่ชิงชิงก็เห็นจริงดังที่เพ่ยเพ่ยพูดทุกคำ คุณหนูของนางนั้นสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องแต่งหน้านางก็ยังดูสวย

"คุณหนูดูกระจกก่อนนะเจ้าคะ ต้องการให้ข้าเพิ่มเติมตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ"

ชิงชิงถามผู้เป็นนาย ลุ้นยิ่งในคำตอบ นางคาดหวังว่าผู้เป็นนายจะพึงใจในฝีมือตนไม่มากก็น้อย

"อืม ไม่เลวเลยชิงชิง เจ้าเรียนรู้ได้รวดเร็วนัก"

เพ่ยเพ่ยพออกพอใจจนยิ้มกว้างออกมา

"รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะคุณหนู เดี๋ยวท่านอ๋องจะรอนะเจ้าคะ"

เพ่ยเพ่ยเกาะแขนชิงชิงแล้วจึงพากันเดินออกมาจากตำหนักจันทรา นางแทบอยากจะลอยออกไปเสียเลยด้วยซ้ำหากว่าสามารถทำได้

สุรายุคสมัยนี้ทำไมถึงได้แรงขนาดนี้เนี่ย ยังรู้สึกแฮงค์อยู่เลย เฮ้อ

เหลยคังเดินตามหลังอ๋องหมิงจนมาหยุดอยู่ที่รถม้าที่จอดรออยู่หน้าจวนอ๋องแล้ว แต่เขากลับไม่เห็นพระชายาและสาวรับใช้คนสนิทของนางเลย

แย่แล้ว พระชายาคงยังเสด็จมาไม่ถึง ท่านอ๋องต้องกริ้วแน่

ชั่วครู่หนึ่งเหลยคังก็เห็นชิงชิงเดินจ้ำอ้าว รีบก้าวออกมาจากประตูตำหนัก

"นายของเจ้าอยู่ที่ใด นี่มันยามใดแล้ว ทำไมถึงต้องให้เปิ่นหวางรอ เหลวไหลสิ้นดี!"

นี่เขาอุตส่าห์ไปแจ้งนางถึงตำหนัก ยังจะให้เขาเสียเวลามารอนางอีกงั้นรึ

ไร้มารยาทนัก

"ขออภัยเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันเพิ่งกลับมาจากโรงครัว ขออภัยที่ทำให้ท่านอ๋องต้องเสียเวลารอเพคะ หม่อมฉันกลัวว่าพระชายาจะหิวระหว่างทางไปวังหลวงจึงไปเตรียมของว่างไว้ให้พระชายาและท่านอ๋องเพคะ"

"แล้วนายของเจ้าอยู่ที่ใด"

"เอ่อ...พระชายารออยู่บนรถม้าแล้วเพคะ"

ชิงชิงตอบคำถามอ๋องหมิงตัวสั่น คุณหนูของนางง่วงนอนเกินกว่าที่จะยืนรอไหว นางเลยดึงดันจะเข้าไปนั่งรอท่านอ๋องข้างในรถม้า

อ๋องหมิงเลิกม่านบนรถม้าก็เห็นเพ่ยเพ่ยนั่งหลับสบายอยู่ในรถม้าเรียบร้อยแล้ว เขาก้าวขึ้นไปบนรถม้าก่อนจะสั่งการ

"ไปได้! เสียเวลามามากแล้ว"

"พะย่ะค่ะ"

น่าแปลก ท่านอ๋องไม่ยักจะบ่นอันใด

เหลยคังแปลกใจอย่างมาก โดยปกติแล้วท่านอ๋องของเขาค่อนข้างเคร่งครัดเรื่องมารยาท พระชายาที่เป็นผู้น้อยกว่ามิเพียงไม่ยืนรออยู่ด้านนอกตามธรรมเนียมแต่กลับไปนั่งหลับอยู่บนรถม้าเสียนี่ แต่ท่านอ๋องกลับปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น ช่างผิดวิสัยของท่านอ๋องนัก

อ๋องหมิงนั่งลงตรงข้ามกับเพ่ยเพ่ย เขานั่งกอดอกจ้องมองดูใบหน้างามที่มองเห็นได้ชัดเจนเสียยิ่งกว่าเมื่อคืนมาก

หึ คงจะยังไม่สร่างเมาล่ะสินะ

นั่นไม่ใช่ปัญหาของเขาที่นางต้องแบกร่างไร้วิญญาณนี้ให้ลุกตื่นขึ้นมาแต่เช้า ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นางอยากไปร่ำสุรากันล่ะ

อ๋องหมิงมองพิจารณาไปบนใบหน้างามของร่างบางตรงหน้า แพขนตางอนสอดรับกับดวงตากลมโต จมูกเชิดรั้นที่ดูเข้ากับใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ของนางเป็นอย่างดี ผิวของนางขาวเนียนละเอียดดุจหิมะตัดกันกับสีปากแดงระเรื่อ แก้มขึ้นสีชมพูอ่อนๆ อย่างคนมีเลือดฝาด ยามนางหลับเช่นนี้ดูไร้พิษสงและน่ามองกว่ายามตื่นเป็นไหนๆ

เขาไม่เคยพิจารณาดูนางชัดเจนเช่นนี้มาก่อน เพราะทุกคราที่ได้พบเจอกับนางนั้นก็มีแต่เรื่องที่ทำให้เขาต้องหงุดหงิดใจตลอดเวลา อ๋องหมิงอดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้

นี่ข้าเป็นอันใดไป ทำไมถึงรู้สึกเพลิดเพลินกับการนั่งจ้องมองดูนางเช่นนี้

แม้จะรู้สึกสับสนในใจแต่อ๋องหมิงกลับยื่นมือออกไปข้างหน้าเสียอย่างนั้น เขาหมายจะเอากลุ่มผมที่หล่นลงมาปรกบนใบหน้าของนางออก มือของเขายังไม่ทันจะสัมผัสโดนผมของนาง ทันใดนั้นล้อรถม้าก็สะดุดกับหินก้อนใหญ่จึงทำให้รถม้าโยกโคลงเคลงอย่างแรง

คนตัวเล็กที่นอนเอาหัวพิงหน้าต่างรถม้าอยู่ถึงกับหัวโขกกับขอบหน้าต่าง อ๋องหมิงรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณราวกับว่ากำลังหลบซ่อนความผิด

"โอ้ย!"

เพ่ยเพ่ยส่งเสียงร้องเบาๆ ออกมา มือบางยกขึ้นถูหัวตรงตำแหน่งที่ถูกกระแทกก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาและรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนตัวของรถม้า

อ้าว นี่เราออกเดินทางแล้วหรอ

"เอ่อ…อรุณสวัสดิ์เพคะท่านอ๋อง"

นางเอ่ยทักทายเขาอย่างประหม่าทันทีที่หันหน้าไปสบตาเขา

ทำไมชิงชิงไม่ยอมปลุกข้ากันนะ น้ำลายหกยืดหรือเปล่าก็ไม่รู้ น่าอายสิ้นดี

"อืม"

อ๋องหมิงพยักหน้ารับเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดก่อนจะหันหน้าออกไปมองข้างนอกหน้าต่างแทน

วันนี้มาแปลกแฮะ ไม่ด่าข้าสักคำ เป็นไปได้ด้วยหรือเนี่ย

เพ่ยเพ่ยคิดในใจพร้อมกับหันหน้าออกไปเปิดม่านหน้าต่างฝั่งตนขึ้น แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว วันนี้นางขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาอยู่พอดี

เพ่ยเพ่ยมองดูบรรยากาศครึกครื้นสองข้างทาง ผู้คนมากมายบนท้องถนน เสียงพูดคุยดังจอแจของผู้คนตามทาง นางมองดูบรรยากาศภายนอกรถม้าอย่างตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ สายตาเป็นประกายขึ้นมาราวกับเด็กที่บิดามารดาพามาเที่ยวนอกบ้าน

เหอะ จะตื่นเต้นอะไรถึงเพียงนี้ ทำยังกับมิเคยออกมานอกจวนอย่างนั้นแหละ

อ๋องหมิงลอบมองดูเพ่ยเพ่ยไม่วางตา รถม้าเคลื่อนตัวผ่านถนนสายหลักที่ทอดยาวก่อนจะถึงหน้าประตูวังหลวง

เมื่อผ่านประตูวังหลวงอันสูงตระหง่าน รถม้าก็เคลื่อนตัวผ่านตำหนักแล้วตำหนักเล่า จนมาหยุดลงที่หน้าท้องพระโรง

"ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงประทับรอพระองค์อยู่ที่ตำหนักของไทเฮาพะยะค่ะ"

กงกงผู้เฒ่าเอ่ยทักทายขึ้น

"อืม เช่นนั้นก็ไปตำหนักเสด็จแม่"

รถม้าเคลื่อนตัวออกไปยังหน้าตำหนักขององค์ไทเฮาตามคำสั่งของเขา

อ๋องหมิงลงจากรถม้าแล้วยื่นมือส่งไปให้เพ่ยเพ่ยหมายจะรับตัวนางลงจากรถม้า เพ่ยเพ่ยจ้องมองมือหนาสลับกับมองหน้าอ๋องหมิง พร้อมกับทำหน้าตางุนงง

"จะลงมาหรือไม่ หรือจะรออยู่บนนี้" อ๋องหมิงทำเสียงดุใส่นาง

"หม่อมฉันลงเองได้เพคะ ไม่รบกวนท่านอ๋องจะดีกว่า"

ประสาท! ถ้าให้นั่งรออยู่บนรถม้านี่ได้แล้วจะต้องให้ข้าลากสังขารมาทำไมกันล่ะ เสียเวลานอนของข้าจริงๆ

"ดี!"

อ๋องหมิงชักมือกลับ สะบัดหน้าเดินตรงเข้าในประตูตำหนักทันทีโดยไม่อยู่รั้งรอหรือสนใจว่านางจะเดินตามเขาทันหรือไม่

อะไรเนี่ย แค่นี้ก็งอนหรอ มาแปลกขึ้นทุกวันละอีตาอ๋อง

เพ่ยเพ่ยได้แต่อึ้งไป นางกระโดดจากรถม้าลงมาอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง พลางเร่งฝีเท้าเพื่อตามไปให้ทันอ๋องหมิง

ภายในตำหนักองค์ไทเฮาและฮ่องเต้ประทับรอทั้งสองคนอยู่ภายใน เพ่ยเพ่ยพยายามเดินอย่างสำรวมที่สุดเท่าที่จะทำได้

นางเหลือบสายตามองพวกเขาเพื่อเรียกความทรงจำของหยางเพ่ยเพ่ยกลับคืนมา เพ่ยเพ่ยพบว่าในความทรงจำของแม่นางหยางนั้นนางเคยเห็นทั้งสองพระองค์มาก่อนแล้วเมื่อตอนที่นางติดตามบิดาเข้ามางานเลี้ยงที่จัดขึ้นภายในวังและองค์ไทเฮาเองก็เป็นญาติห่างๆ ของมารดาหยางเพ่ยเพ่ยอีกด้วย

"ถวายพระพรเสด็จพี่ ถวายพระพรเสด็จแม่พะย่ะค่ะ"

อ๋องหมิงเอ่ยนำก่อน เพ่ยเพ่ยรีบแสดงความเคารพบุคคลทั้งสองตามทันทีโดยไม่ต้องให้บอก

"หม่อมฉันหยางเพ่ยเพ่ย น้อมถวายพระพรฝ่าบาทและองค์ไทเฮาเพคะ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเพคะ"

"ไยจึงกล่าววาจาห่างเหินเช่นนั้นหมิงหวางเฟย เรียกเราว่าเสด็จแม่อย่างที่เหยาหมิงเรียกเถอะ"

ไทเฮากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและสีหน้าท่าทางที่ดูก็รู้ว่าพระนางต้องเป็นคนที่ใจดีมากผู้หนึ่ง

"เพคะเสด็จแม่ ขอบพระทัยในพระกรุณาเพคะ"

เพ่ยเพ่ยพอเห็นว่าฮองเฮาใจดีกับนางเช่นนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายลงไปได้หลายส่วน

"ไม่สบายหายดีแล้วหรือ แม่รบเร้าให้เหยาหมิงพาเจ้ามาเข้าเฝ้าหลายครั้งแล้ว แต่เหยาหมิงก็เอาแต่บอกว่าเจ้าไม่สบาย ยังมิหายดี"

"หม่อนฉันหายดีแล้วเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยทั้งสองพระองค์ ลูกสะใภ้อกตัญญูยิ่งนัก ยังไม่ได้ยกน้ำชาให้เสด็จแม่และฝ่าบาทเลยเพคะ"

เพ่ยเพ่ยทำหน้าเศร้าสลดเรียกคะแนนเห็นใจจากพวกเขา

"น้องสะใภ้เรียกเจิ้นว่าเสด็จพี่เถอะ อย่าได้เป็นกังวลไป เสด็จแม่ไม่ถือสาหาความกับคนเจ็บไข้ได้ป่วยหรอก แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หมอหลวงบอกหรือไม่ว่าเจ้าเป็นอันใด" ฮ่องเต้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

เพ่ยเพ่ยส่งสายตาไปให้อ๋องหมิง เป็นเชิงถามคำถาม

จะให้ข้าบอกคนอื่นมั้ยล่ะว่าข้าเป็นอันใด ทำไมไม่เตี๊ยมมาก่อนล่ะเจ้าบ้านี่

อ๋องหมิงมองนางตาขวางราวกับว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของนางอย่างไรอย่างนั้น

"เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยในคืนส่งตัวเพคะ หม่อมฉันพลาดพลั้งไม่ทันระวังตัวเองเพคะ จึงเกิดอุบัติเหตุเชือกบาดมือเป็นแผลใหญ่เพคะ แผลเห็นได้ชัดนักหม่อมฉันจึงเกรงว่าจะพลอยทำให้เสด็จแม่รู้สึกไม่ดีไปกับหม่อมฉันด้วย จึงไม่ได้เข้าวังมายกน้ำชาให้พระองค์เพคะ"

เพ่ยเพ่ยเอ่ยตอบฝ่าบาทฉะฉาน ตากลมโตมองสลับไปมาระหว่างฮ่องเต้และอ๋องหมิง

"ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเชียว อุบัติเหตุอันใดไยจึงถูกเชือกบาดมือได้"

ฮ่องเต้ถามอย่างสงสัย มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เชือกจะบาดมือได้อย่างไร แล้วเหตุใดจึงไม่สบายไปเป็นเดือน เช่นนี้ มันมิแปลกเกินไปหน่อยหรือ ยิ่งเมื่อเขาเหลือบไปเห็นใบหน้ากระอักกระอ่วมของอนุชาตน เขาก็พอจะเดาออกว่าต้องไม่ใช่อุบัติเหตุทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะน้องชายตัวดีของเขานั้นไม่ได้เต็มอกเต็มใจที่จะแต่งงานกับนางเสียเท่าไหร่

"หม่อมฉันจำเหตุการณ์มิค่อยได้แล้วเพคะ หม่อมฉันสลบไปหลายวัน ฝ่าบาทคงต้องถามท่านอ๋องแล้วเพคะ"

เพ่ยเพ่ยเอ่ยเสียงใส ส่วนอ๋องหมิงยามนี้นั้นหน้าตาบูดเบี้ยวไม่น่ามองอย่างยิ่ง

"เอาล่ะ เอาล่ะ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แม่จะสั่งให้คนจัดยาและโสมบำรุงกำลังชั้นดีให้เจ้า หวางเฟยเจ้าเข้ามาใกล้ๆ แม่"

"เพคะ"

เพ่ยเพ่ยเดินเข้าไปหาไทเฮาตามที่พระองค์รับสั่ง

"เราออกไปเดินเล่นในอุทยานกัน ปล่อยให้พวกบุรุษเขาคุยราชกิจกันไปเถิด แม่มีเรื่องจะพูดคุยกับเจ้าเยอะเลยทีเดียว"

"เพคะ"

เพ่ยเพ่ยช่วยประคององค์ไทเฮาออกไปตามรับสั่ง

หลังจากที่ทั้งสองเดินหายลับตาไปแล้ว ฮ่องเต้ก็หันมาตรัสกับอ๋องหมิงให้คลายข้อสงสัย

"บอกเจิ้นมา เจ้าทำอันใดนาง มันมิใช่อุบัติเหตุทั่วไปใช่หรือไม่แล้วเสนาบดีหยางทราบเรื่องนี้แล้วหรือยัง" ฮ่องเต้เอ่ยถามอ๋องหมิงอย่างไม่สบอารมณ์

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0010

    อ๋องหมิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฮ่องเต้ฟังอย่างไม่ปิดบังใดๆ ฮ่องเต้โมโหเป็นอย่างมากพาลไม่ชอบฝูเหวินมากขึ้นไปอีก "จะอย่างไรเจิ้นก็ไม่มีทางยอมให้ฝูเหวินขึ้นเป็นพระชายาเอกของเจ้าแน่นอน ถึงแม้จะไม่มีคุณหนูหยาง เจิ้นก็จะหาชายาใหม่มาแต่งให้เจ้า เจ้าอย่าได้คิดยกฝูเหวินขึ้นมาแทนที่นาง เจิ้นไม่เห็นความเหมาะสมใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0011

    เพ่ยเพ่ยได้หนังสือแพทย์ที่น่าสนใจมาสี่ห้าเล่มและเข็มเงินอีกหนึ่งชุด นางเคยศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์แพทย์แผนจีนและการฝังเข็มมาบ้างในชาติที่แล้ว ชาตินี้นางคงต้องรื้อฟื้นความจำ ปัดฝุ่นความรู้เก่าและศึกษาเพิ่มเติมสักเล็กน้อย เพ่ยเพ่ยรีบพาชิงชิงแอบกลับเข้าตำหนักทางประตูด้านหลัง ครั้งนี้นางจะไม่ยอมให้ใครจับไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0012

    อ๋องหมิงประกบปากจูบดูดดึงริมฝีปากบางของเพ่ยเพ่ยอย่างเร่าร้อนและรุนแรง มือแกร่งของเขารวบข้อมือเล็กสองข้างของนางแล้วยึดมันไปไว้เหนือศรีษะด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้ามาในสาบเสื้อของนางก่อนที่มือใหญ่จะขยำอกอวบเกินวัยของนางจนแทบแหลกคามือของเขา "อ๊ะ อย่านะ...อื้อ" เพ่ยเพ่ยอ้าปากร้อง แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0013

    "..." เพ่ยเพ่ยเม้มปากแน่นไม่ได้เอ่ยคำใด มีเพียงใบหน้าสวยที่ขึ้นสีแดงระเรื่อชวนมองที่ทำให้เขานั้นแทบคลั่ง เพ่ยเพ่ยเคลิบเคลิ้มไปกับรสสวาทที่เขามอบให้ จนลืมสิ้นไปเสียทุกอย่างแล้ว นางยิ่งเป็นพวกจุดติดง่ายเสียด้วย นางเกลียดตัวเองนัก อ๋องหมิงจับมือนุ่มของนางให้ลูบลงต่ำอยู่ตรงหน้าท้องของเขา ก่อนที่จะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0014

    ฝูเหวินตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า นางหลับไม่ค่อยสนิทในคืนที่ผ่านมา เพราะมัวแต่คอยจัดแจงให้อิงหลัวไปสืบดูว่าอ๋องหมิงกลับถึงตำหนักใหญ่แล้วหรือยังเมื่อวานนางรอให้อ๋องหมิงมารับสำรับเย็นด้วยกันจนมืดค่ำแต่เขาก็ยังไม่กลับมา นางรอข่าวจากอิงหลัวไม่ไหวจึงหลับไปเสียก่อนฝูเหวินค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงที่หัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0015

    อ๋องหมิงยื่นมือไปสัมผัสกับแก้มขาวเนียนของเพ่ยเพ่ยอย่างไม่รู้ตัว ทำไมเพียงแค่ได้นอนดูนางหลับก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวได้ บางอย่างในตัวของนางช่างเย้ายวนใจนัก พอคิดเช่นนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกปวดแก่นกายขึ้นมา"อื้อ"ร่างบางส่งเสียงไม่พอใจที่ถูกรบกวนให้ตื่น เพ่ยเพ่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนที่นางจะสบสายตาเข้ากับสา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0016

    หลังจากที่เข้าหออย่างจับพลัดจับผลูในคืนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาสี่วันแล้วที่เพ่ยเพ่ยไม่เห็นแม้แต่เงาของอ๋องหมิงเลย แต่นางก็หาได้สนใจไม่นางเอาแต่ศึกษาตำราแพทย์ในสมัยนี้ เพื่อหาความเชื่อมโยงของการแพทย์สมัยก่อนและสมัยปัจจุบันเข้าด้วยกัน นางทบทวนวิชาการฝังเข็มบ้างและพบว่าความรู้ส่วนใหญ่ก็เหมือนกัน เพราะการฝ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0017

    -โรงหมอฝู้เหอ-เพ่ยเพ่ยหลังจากได้ตำราที่นางต้องการแล้วก็คะยั้นคะยอให้ชิงชิงพานางมาที่โรงหมอเพ่ยเพ่ยแอบส่องดูการจัดการภายในโรงหมอจากด้านนอกแต่ก็ไม่เห็นอะไรมากนัก นางสนใจและอยากจะเห็นการรักษาผู้ป่วยของที่นี่ แต่นางไม่รู้จะเข้าไปข้างในได้อย่างไรโดยที่ไม่ดูแปลกประหลาด นางจึงได้แต่ชะเง้อมอง พยายามสอดส่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06

บทล่าสุด

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0111

    -จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0110

    เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0109

    "ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0108

    "เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0107

    "แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0106

    "เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0105

    อ๋องหมิงได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องหน้าเพ่ยเพ่ย แขนแกร่งทั้งสองข้างจับข้อมือเล็กของนางแน่น แล้วดึงมือนางที่จับกุมใบหน้าของตนออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธแต่กลับแอบแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ เขายังจำได้ เมื่อครั้งที่เห็นนางเมาในคราแรกแล้วเพ้อถึงแต่อ้ปป้านั่น แค่คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาเขาก็แ

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0104

    อันที่จริงเรือนเหมยฮวาก็ไม่ได้ไกลอะไร แต่เพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธนายหญิงหลิว เพราะหากไม่รับปากนาง นางก็จะคะยั้นคะยอไม่เลิก เพ่ยเพ่ยเองก็ชินกับนิสัยนายหญิงหลิวแล้ว นางชอบเวลาที่ลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อ๋องหมิงต้องยอมรับว่าเหล้าโซจูที่หลินเฟิงอี้นำมานั้นค่อนข้างแรง ดื่มไปเพียงนิดก็แสบไปทั้งลำคอ

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 0103

    "เฟิงอี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมที่เคยสัญญาเอาไว้เมื่อคราวก่อน" "ย่อมไม่ลืม" หลินเฟิงอี้กระดิกนิ้วเรียกให้บ่าวคนสนิทนำไหเหล้าเข้ามา "ตามที่ขอ ข้าหมักเองกับมือ นี่โซจูตามสูตรที่ได้มาจากโชซอนเลยนะ" "ว๊าว อ้ปป้า เยี่ยมสุดๆ ไปเลย ข้าขอคารวะ หากรู้มาก่อนว่าเจ้าจะมาวันนี้ ข้าคงทำกิมจิไว้รอแล้ว" เพ่ยเพ่

DMCA.com Protection Status