Share

Chapter 8. เจ้ามาทำอะไรที่นี่

last update Terakhir Diperbarui: 2024-11-04 23:41:16

            หลินอวี้เจินไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานนัก อาศัยว่าตนไม่รู้จักใครเป็นพิเศษจึงตั้งใจว่าส่งกล่องของขวัญแล้วจะกลับทันที  

            ชายผู้นั้นนั่งตำแหน่งประธาน เพียงหางตาเห็นนางเดินเข้าไปใบหน้าไร้รอยยิ้มแม้แต่ดวงตายังคมกริบ  เห็นได้ชัดว่าเขารังเกียจนาง  นางชนน้องชายของเขาและเด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เหตุใดแววตาของเขาที่จ้องมองราวกับฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ 

            “ข้าน้อยหลินอวี้เจินเป็นตัวแทนร้านค้าตระกูลหลินนำของขวัญมามอบให้ใต้เท้ากัว ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง” 

            แต่เดิมนางนั่งคิดคำอวยพรอยู่บนรถม้ามาตลอดทาง แต่พอเห็นสายตาของเขาแล้วนางจึงไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด  หากเขาโกรธเคืองนางเพียงแค่ชนน้องชายของเขาหกล้มละก็... เขาช่างใจแคบเกินไปแล้ว

            ‘น้องชาย’

            “ใต้เท้ากัว”  หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างนึกได้ “ของสิ่งนี้ข้าน้อยฝากมอบให้คุณชายกัวอี้เซียวเจ้าค่ะ”

            “ของอี้เซียว?”

            “เจ้าค่ะ”  นางยังสงบนิ่งแม้แววตาของเขาข่มขู่นางอยู่  “แทนคำขอโทษที่ข้าน้อยชนคุณชายกัวหกล้ม”

            เขาหรี่ตามองนางแล้วขยับปลายนิ้วเรียกคนรับใช้ที่สาวเท้าเข้ามารับคำสั่ง  หญิงสาวไม่ได้ยินว่าเขาสั่งอะไรกับคนรับใช้  คราแรกนางนึกว่าเขาจะสั่งให้คนนำของไปมอบให้คุณชายกัว ทว่าเขากลับพูดออกมาว่า

            “ของของอี้เซียว เชิญแม่นางหลินนำไปมอบให้เขาเองเถิด”

            แม้ใบหน้าของนางยังสงบนิ่ง แต่รู้สึกเหมือนเส้นชีพจรตรงขมับเต้นตุบตุบ  นางย่อกายคารวะเขาอีกครั้งแล้วหมุนตัวเดินตามคนรับใช้ออกมาเงียบๆ  ด้วยความโมโหและหงุดหงิดนางเดินตามคนรับใช้ออกมาโดยไม่รู้ว่าหวังหมิ่นถูกกันมิให้เดินตามมาด้วย จนกระทั้งถึงเก๋งจีนด้านหลังที่ห่างไกลผู้คนและเสียงเพลงขับร้อง ทำให้นางเพิ่งรู้ตัวว่านางเดินออกจากลุ่มคนมาไกลเกินไปแล้ว

            “ช้าก่อน”

 นางเรียกคนรับใช้ ทว่าสายตาของนางเห็นเด็กหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ที่โต๊ะ  หลินอวี้เจินไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อ นางเดินเข้าไปเงียบๆ โน้มตัวลงมองเด็กหนุ่มที่กำลังตวัดพู่กันไปมา แม้ลายเส้นเหล่านั้นยุ่งเหยิงจนไม่อาจบอกได้ว่าเป็นภาพอะไร  แต่นางกลับเห็นฝีแปรงที่มุ่งมั่น เด็ดเดียวและเฉียบขาดทำให้เผลอยิ้มออกมา

            กัวอี้เซียวโยนพู่กันอย่างไม่พอใจ แขนเสื้อของเขาเปื้อนเปรอะหมึกเป็นรอยด่างดวง ทว่าเมื่อเขารู้สึกตัวว่าด้านหลังมีคนอยู่จึงเอี้ยวตัวมอง  ดวงตาของเด็กหนุ่มที่เมื่อครู่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ กลายเป็นดวงตากระจ่างใสและมุมปากยกยิ้ม  เขาอ้าปากแต่เหมือนต้องเค้นเสียงออกมา ทำให้เขาต้องยกมือขึ้นกุมลำคอของตนเอง

            หลินอวี้เจินยกมือใช้ปลายนิ้วชี้ที่ปากแล้วค่อยๆ ขยับออกเสียง

            “ข้าอ่านปากได้ น้องชายค่อยๆ พูดเถิด”

            “พะ...พี่...พี่...สาว”

            “เก่งมาก”  นางกล่าวชม “พี่สาวขอนั่งด้วยได้หรือไม่”

            เด็กหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ หลินอวี้เจินจึงเดินอ้อมมานั่งที่เก้าอี้ว่าง

“เจ้าวาดเองหมดนี่หรือ เก่งจริง”

            กัวอี้เซียวไม่มีใครเอ่ยชมหรือสนใจ รู้สึกดีใจจนใบหน้าแดง เขายื่นมือมาหยิบภาพวาดของตนให้นางดู  หญิงสาวเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มเปื้อนน้ำหมึก จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเช็ดใบหน้าให้เขาอย่างใจเย็น  

            “เมื่อวานข้าชนเจ้าหกล้ม วันนี้ของสิ่งหนึ่งมามอบให้แทนคำขอโทษ”  นางเอ่ยแล้วส่งกล่องของขวัญส่งให้กัวอี้เซียว  เด็กหนุ่มเบิกตาโตแล้วรีบเปิดออกอย่างรวดเร็ว  ทีแรกเขาทำท่าจะหยิบของในกล่องออกมา แต่กลับชะงักแล้วถูกมือที่เลอะคราบหมึกกับเสื้อที่สวมอยู่ก่อนจะหยิบสมุดภาพในกล่องออกมา

            “แอบบอกเจ้า นี่ฝีมือข้าเอง ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่อยากเอามาอวดเจ้า”   นางชวนคุย น้ำเสียงของนางหวานใสทำให้คนฟังได้ยินราวกับนางกำลังขับร้องบทเพลง

            “ข้า...ชอบ...” 

กัวอี้เซียวพลิกดูอย่างตั้งใจ ราวกับจมดิ่งในสมุดภาพของนาง นางมักบันทึกเรื่องราวเป็นรูปวาดง่ายๆ  บิดามักส่ายหน้ากับรูปวาดของนาง แต่เมื่อนางนำไปใช้สอนเด็กๆ พวกเขามักชอบและหัวเราะกับฝีมือวาดภาพเหล่านี้   เห็นหมึกที่เปื้อนเปรอะตามเนื้อตัวของเด็กหนุ่มแล้ว นางกลั้นเสียงหัวเราะ  คงเพราะกัวอี้เซียวเป็นน้องชายใต้เท้ากัว  จึงมีเงินละเลงหมึกเล่นเช่นนี้เป็นแน่ 

หญิงสาวอยู่สนทนากับเด็กหนุ่มเพลินจนลืมเวลา เสียงหัวเราะหวานใสดังเป็นระยะๆ จนกระทั้งหวังหมิ่นเดินเข้ามาตามนางเพื่อกลับบ้าน

“พี่สาวขอตัวกลับก่อนนะ”

กัวอี้เซียวมีสีหน้าหม่นลงเล็กน้อยแต่พยักหน้ารับรู้

“โอกาสหน้าพี่สาวจะมาเล่นด้วยใหม่”  นางยังคงยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน เมื่อเดินออกมาพ้นแล้ว จึงเอ่ยถามหวังหมิ่น

“พี่หวังหมิ่นหายไปไหนมา”

“บ่าวขอโทษเจ้าค่ะ  คนของใต้เท้ากัวมิให้บ่าวติดตามมาจนกระทั่งเมื่อครู่มีคำสั่งให้บ่าวเชิญคุณหนูกลับเจ้าค่ะ”

“เชิญกลับ? ไล่กลับละไม่ว่า”  หลินอวี้เจินบ่นพึมพำ  นางเดินออกมานอกจวนใต้เท้ากัวแล้ว หวังหมิ่นไม่ต้องการให้คุณหนูต้องเดินไปถึงจุดจอดรถม้าจึงบอกให้นางยืนรอด้านนอกแล้วรีบเดินเร็วๆ ออกไป

แต่หลินอวี้เจินกลับเดินไปเงียบๆ นางไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นคุณหนู ใช้ชีวิตอยู่เหนือผู้อื่น แค่เดินไม่กี่ก้าวเหตุในนางจะเดินไปเองไม่ได้เล่า      ขณะที่ก้าวเท้าตามแผ่นหลังของหวังหมิ่น นางรู้สึกเหมือนถูกผลักไปด้านข้างเข้า มือใหญ่มารัดเอวลากนางเข้าไปในตรอกเล็กๆ

“ว้าย!”  

ดวงตากลมโตของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อร่างเล็กถูกผลักประชิดกำแพงตึก ก่อนที่นางจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือ มือใหญ่ของอีกฝ่ายก็ตะปบเข้าที่ปากของนางเสียก่อน

“บอกมา! เจ้ามาทำอะไรที่นี่!!!”    

บุรุษในชุดดำทมิฬขู่ตะคอก แม้จะมีผ้าสีดำปิดครึ่งหน้าและโพกศีรษะของเขาอยู่  แต่แววตาชิงชังที่จ้องมองทำให้หลินอวี้เจินหวาดกลัว นางส่ายหน้าไปมาทำให้อีกฝ่ายลดมือคงแต่เลื่อนมาที่ลำคอพร้อมจะบีบให้แหลกค่ามือในทันที

“เจ้า...เจ้าพูดเรื่องอะไร...ข้า...ข้าไม่รู้”

“อย่ามาตีหน้าซื่อ! สารภาพมาก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน!” เขาออกแรงเพียงนิดเดียวหญิงสาวก็ปวดร้าวไปทั่วลำคอ

“ข้าไม่รู้! เจ้าจำคนผิดแล้ว!”

“ทำไมข้าจะจำหน้าคนสกุลหลินไม่ได้”

“!”

หลินอวี้เจินพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาของความหวาดกลัวไหลออกมา

“ข้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก”

ชายในชุดดำหัวเราะในลำคอ “อย่าคิดว่าข้าจะเชื่อในสิ่งที่พูด”

“ปล่อยข้านะ!”

“คุณหนู! คุณหนูหลินเจ้าค่ะ!”     

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter9. ท่าทางคุกคาม

    เสียงหวังหมิ่นตะโกนเรียกทำให้บุรุษในชุดดำชะงักไป เขาปล่อยมือจากลกคอของนางแล้วกระโดดหายไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น นางหอบหายใจแรงจนต้องยกมือขึ้นกุมอก“คุณหนู!” หวังหมิ่นตะโกนแล้วรีบวิ่งเข้ามาหาเขาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน “คุณหนูมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ”“เมื่อครู่...” หลินอวี้เจินพูดตะกุกตะกักแต่พอเหลียวมองรอบข้างก็ไม่เห็นชายในชุดดำคนนั้นแล้ว“คุณหนูหลงทางหรือเจ้าคะ” หวังหมิ่นโอบหญิงสาวมากอดและปลอบโยนหลินอวี้เจิงพยายามจะอธิบายแต่นางรู้สึกหวาดกลัวหนักขึ้น “ตัวสั่นเชียว...คุณหนูคงเสียขวัญมากเลย รีบกลับบ้านเถิดเจ้าค่ะ” หวังหมิ่นประคองหญิงสามออกมาจากตรอกเล็กๆ นั่น แต่หลินอวี้เจินอดเหลียวมองไปอีกครั้งไม่ได้ แววตาเมื่อครู่เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เรื่องนี้ต้องไม่ใช่ความบังเอิญเป็นแน่ราวกับว่ามีความแค้นที่ยากจะให้อภัยแล้วมันเรื่องอะไรล่ะ? เรื่องอะไรกัน! ในที่สุดหลินเหิงอี้ก็ล้มป่วยจริงๆ หลินเหิงอี้เป็นคนแข็งแรงแทบไม่เคยล้มป่วยเลย แต่คราวนี้ถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ โชคดีที่พ่อบ้านหานตงกลับมาจากไปฝั่งศพมารดาและยังมีหลินอวี้เจินที่คอยด

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-04
  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter10. เหนื่อยล้า

    นางคือหลานที่หลินเหิงอี้เอ็นดูที่สุด ถึงขนาดว่าหากเมื่อใดที่นางแต่งงาน ท่านลุงใหญ่จะเป็นคนจัดเตรียมสินเดิมด้วยตนเอง อาจเพราะเหตุนี้ครอบครัวของท่านลุงรองไม่ค่อยพอใจนัก เผลอคิดไปถึงท่านลุงรอง นางจึงอดคิดถึงหลินซูซินญาติผู้น้องที่มีความสัมพันธ์กับคู่หมั้นของนางจนตั้งครรภ์ หลินซูซินเป็นหญิงสาวอ่อนหวาน กิริยาน่ารักน่าเอ็นดู ท่านลุงรองเลี้ยงดูบุตรชายหญิงอย่างดียิ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนเป็นของดี อาหารการกินเพียบพร้อมสมบูรณ์ แม้ท่านพ่อเปิดสำนักศึกษา แต่ไม่เคยส่งลูกจากภรรยาเอกมาร่ำเรียน เว้นแต่ลูกของอนุจึงได้มาเรียนที่สำนักศึกษาของท่านพ่อ แต่กลับเชิญอาจารย์มาสอนที่บ้าน ใครเลยจะรู้ว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้หลินอวี้เจินกำลังจะหมุนตัวเดินกลับ แต่นางกลับชนกับแจกันที่ตั้งมุมห้อง มือเรียวรีบยื่นมือไปจับไว้ไม่ให้หล่นลงมา ทว่ากลับทำให้กลไกในห้องเปิดออก มีบานประตูซ่อนอยู่ นางยืนนิ่งครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเข้าไปดู ด้านในเป็นเพียงห้องขนาดเล็ก มีชั้นวางของและเตียงเก่าๆ แต่บนชั้นนั้นมีเสื้อผ้าหญิงชาวบ้านพับไว้อย่างเรีบยร้อยสองหรือสามชุด สายตาของนางปะทะกับรูปวาดที่แขวนอยู่ผนังห้อง เป็นรูปหญิงงามสวมเสื้อคล

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-04
  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter11. เหนื่อยล้า

    เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างตามด้วยอ้าปากหาวคำใหญ่แล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไปในที่สุด กัวจื่อหรานรอจนน้องชายหลับสนิทแล้วจึงลุกขึ้นยืน เขามองสมุดภาพในที่โผล่พ้นขอบผ้าห่มของกัวอี้เซียว ใบหน้าอ่อนโยนหายไปสิ้น เหลือเพียงรอยยิ้มร้ายกาจและแววตาดุดันที่หมายมั่นจะเค้นเอาความจริงจากคนตระกูลหลินให้ได้ “พี่ไม่ได้ผิดคำพูดกับเจ้านะอี้เซียว พี่แค่ต้องเค้นความจริงเอาจากนางแค่นั้น”..... แม้จะนั่งกินข้าวอยู่ แต่นางก็เผลออ้าปากหาวด้วยความง่วงงุนออกมา ชายวัยกลางคนที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะเห็นแล้วก็ทั้งสงสารและเอ็นดู “เพราะลุงแท้ๆ ทำให้หลานต้องลำบากเช่นนี้”หลินเหิงอี้อาการดีขึ้นเจ็ดส่วนแล้วแต่หลานสาวบังคับให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ เขาเองก็ไม่ได้พักผ่อนมานานหลังจากคุยกับพ่อบ้านหานตงเห็นว่าหลินอวี้เจินสามารถจัดการงานต่างๆ ได้ดี เขาเองก็เบาใจและผ่อนคลายลงมาก “ท่านลุงใหญ่อย่าได้กล่าวเช่นนั้น” หลินอวี้เจินรีบปฏิเสธ แต่นางเพลียมากจริงๆ จึงได้เสียมารยาทอ้าปากหาวทั้งที่กินอาหารเป็นเพื่อนท่านลุงใหญ่ “หลานดีใจ ไม่คิดว่าท่านลุงใหญ่จะไว้ใจหลาน ให้หลานช

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-05
  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter12.ทั้งโกรธทั้งอาย

    การงานที่วุ่นวายยึดครองพื้นที่ความคิดของนางไปจนหมดสิ้น ทั้งที่นางเคยคิดว่าตนเองรัก ติงกว่างอาน มากจนไม่อาจทนเห็นเขากับหลินซูซิน-ญาติผู้น้องของนางได้ แต่เมื่อนางความคิดและแรงกายมาทุ่มเทดูแลกิจการแทนท่านลุงใหญ่ที่ล้มป่วย ทำให้นางเกิดสงสัยในตัวเองว่า แท้จริงแล้วนางรักติงกว่างอานจริงหรือไม่ หรือเพราะแค่ความผูกพัน เขาเป็นบุรุษที่อ่อนโยน ให้เกียรตินาง และยอมรับที่นางเป็น นางทำกับข้าวไม่เก่ง เย็บปักเสื้อผ้าได้แต่ไม่สวยงามนัก แต่เขาก็ยังสัญญาว่าจะมีนางเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวเวลาผ่านมาไม่ถึงสี่เดือน เหตุใดความรู้สึกที่มีต่อเขาเลือนรางนัก ที่นางเสียใจอาจเพราะนางคาดหวังว่าเขาจะรักษาคำพูดของตน นางผิดหวังและเสียใจกับสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เสียงถอนหายใจเบาๆ จากริมฝีปากแดงระเรื่อ ทำไมนางจะไม่รู้นิสัยของหลินซูซินบุตรสาวของท่านลุงรอง ภายใต้กิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน หลินซูซินต้องการอยู่เหนือนาง ยิ่งท่านลุงใหญ่มอบร้านผ้าให้นางดูแล ก็ได้ยินว่าคราวนั้นหลินซูซินขว้างปาแจกันแตกไปหลายใบ แต่นางไม่คิดว่าหลินซูซินจะยอมเอาร่างกายเป็นเดิมพัน ยอมมีความสัมพันธ์กับคู่หมั้นของนางจนตั้งครรภ์ทำลายงา

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-05
  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter13. หญิงบ้า

    กลิ่นหอมราวดอกกล้วยไม้ป่าทำให้กัวจื่อหรานไม่อยากถอยห่างจากร่างนุ่มนิ่ม เขาวางนางนอนแล้วแต่ตนเองยังนั่งข้างร่างที่ขยับไม่ได้ ทรวงอกของนางสะท้อนขึ้นลงเพราะการหายใจแรง ปทุมถันคู่งามดุนดันเสื้อคลุมที่เขามัดร่างนางไว้จนเห็นเป็นทรงกลมน่าสัมผัสพบกันสองครั้งนางแต่งกายเรียบง่ายไม่สะดุดตา เขาจึงไม่คิดว่าภายใต้เสื้อผ้าตัวหลวมที่นางสวมนั้นมีเรือนร่างงดงามราวเทพธิดา ร่างอรชนสั่นน้อยๆ อย่างห้ามไม่อยู่ แรงปรารถนาบังเกิดตามสัญชาตญาณ ความเป็นชายแข็งแกร่งรุ่มร้อน เดิมทีเขาเป็นคนควบคุมตนเองได้ดี แต่ไม่คิดว่าจะถูกภาพเย้ายวนล่อลวงจนแทบกลายเป็นโจรราคะไปเสียแล้ว เขาสูดลมหายใจหวังสะกดกลั้นอารมณ์ดิบเถื่อนของตน แต่กลับได้กลิ่นหญิงสาวเข้าเต็มปอด เขาจึงเงยตัวขึ้นแล้วฝืนพูดน้ำเสียงคล้ายหยอกล้อ แต่แววตาที่จ้องมองนางนั้น ราวกับเสือที่เห็นเหยื่อตัวน้อยอยู่เบื้องหน้า“เอาล่ะ เด็กดี เจ้าบอกมาซิว่า ไข่มุกน้ำตาจันทราอยู่ที่ใด”‘ไข่มุกน้ำตาจันทรา’เขาพูดเรื่องอะไร นางไม่รู้จักของพรรคนั้นเสียหน่อยท่าทางฮึกฮักของนางทำให้อีกฝ่ายเข้าใจไปว่า นางอยากพูดแต่พูดไม่ได้“ข้าจะคลายจุดให้ แต่เจ้าอย่าเสียงดัง ข้าไม่อยากรับผิดชอ

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-05
  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter14.ริมฝีปาก

    “กินผักด้วยอย่ากินแต่เนื้ออย่างเดียว” กัวจื่อหรานหยิบตะเกียบคีบผักใส่ถ้วยข้าวให้น้องชาย “เรามิได้ยากจนเสียหน่อย” เด็กหนุ่มบนพึมพำฝืนเคี้ยวผักเพราะเขากลัวพี่ชายจะดุเอา “ได้ หากเจ้าไม่กินผักก็กินยาบำรุงแทน” เด็กหนุ่มทำหน้ามุ่ยกล้ำกลืนกินผักที่กัวจื่อหรานคีบให้ “พี่ใหญ่ ท่านบาดเจ็บ?” กัวจื่อหรานเลิกคิ้วจ้องมองหน้าน้องชายวัยสิบสี่ที่จ้องใบหูของเขา แม้จะทายาไปแล้วแต่รอยแดงและฟันยังคงอยู่ แม้กระทั้งจางหยวนยังแอบหัวเราะรอยฟันนี่ เขาจึงต้องใช้เส้นผมมาบดบังรอยฟันนี่เสียแต่ไม่คิดว่ากัวอี้เซียวจะมองเห็น ไม่ซิ เขาลืมไปว่าน้องชายคนนี้ช่างสังเกตนัก ข้าวของเครื่องใช้ในห้องนอนของกัวอี้เซียวต้องอยู่ที่เดิม ขยับย้ายไปสักนิด กัวอี้เซียวจะโกรธเกรี้ยวโวยวายขึ้นมาทันที “เล็กน้อยเท่านั้น” เมื่ออีกฝ่ายยอมรับและไม่โกหก กัวอี้เซียวก็ไม่รบเร้าถามสิ่งใดอีก สายตาของกัวจื่อหรานเหลือบไปมองสมุดภาพที่วางอยู่ใกล้มือกัวอี้เซียว ตั้งแต่ได้สมุดภาพเล่มนี้ กัวอี้เซียวไม่ยอมให้อยู่ห่างมือเลย พลันเขาคิดถึงเจ้าของสมุดภาพ ริ

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-05
  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter15.ความลับ

    “เจ้าเป็นคนขี้น้อยใจตั้งแต่เมื่อใดกัน” หลินเหิงอี้หัวเราะออกมา ตบไหล่หลานสาวเบาๆ ให้เดินไปนั่งที่ศาลา “เล่ากันว่าไข่มุกน้ำตาจันทราเป็นล้ำค่าที่อดีตฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้ตระกูลกัวที่เคยร่วมทัพทำศึกด้วยกันมา จึงเสมือนเป็นตัวแทนของอดีตองค์ฮ่องเต้ไม่มีใครกล้าแตะต้องตระกูลกัวได้ และมอบให้บุตรชายคนโตของแต่ละรุ่น บุตรชายจะนำไข่มุกน้ำตาจันทรานี้มอบให้หญิงสาวที่แต่งงานด้วย เมื่อทั้งสองมีบุตรชาย มารดาจะเป็นผู้มอบไข่มุกน้ำตาจันทราให้บุตรชายคนโตเพื่อมอบให้ภรรยาเอกของตน เป็นเช่นนี้ทุกรุ่นสืบต่อมา” “ให้ก็เหมือนไม่ได้ให้ ยังไงก็เป็นของในตระกูลกัวอยู่ดี” นางบ่นพึมพำเบาๆ “ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย หรือเพราะที่ใต้เท้ากัวยังไม่แต่งภรรยาเพราะไข่มุกน้ำตาจันทราหายไป” “ไข่มุกน้ำตาจันทราหายรึ?” คราวนี้หลินเหิงอี้ขมวดคิ้ว “ลุงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน” “เอ่อ...หลานคาดเดาส่งเดช เพราะเห็นว่าใต้เท้ากัวยังไม่ได้แต่งภรรยา” “เหตุใดหลานสนใจเรื่องใต้เท้ากัว? หรือเพราะวันที่ไปมอบของขวัญแทนลุง ได้พบใต้เท้ากัวจึงหลงใหลในรูปโฉมหล่อเหลาของใต้เท้าเข้าแล้ว”

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-05
  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter16. เฉียนอิ๋นอิ๋น

    ‘ท่านพี่ อภัยให้ข้าด้วย’ ‘น้องหญิง....พี่ผิดเอง เป็นความผิดของพี่’ ‘ข้าผิดต่อท่าน’ ‘เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า ข้าไม่ดีเอง’ ‘ท่านพี่เป็นคนดี เป็นข้าที่ผิดเอง แม้ข้าไม่เต็มใจแต่งกับท่านพี่ ท่านเองก็รู้แต่ยังดูแลข้าอย่างดี ไม่มีอนุหรือภรรยารองมาข่มเหงข้า แต่ข้า...ข้าก็ยังทำผิดต่อท่านพี่’ ‘น้องหญิง อย่าพูดอีกเลย’ ‘ข้าผิดต่อท่าน ต่อสิ่งที่ทำผิดไป ข้า...ตั้งท้องลูกของผู้อื่น...’ ‘เจ้า!’‘ข้าผิดต่อท่านพี่.... ก่อนแต่งงานกับท่านพี่ ข้ามีชายที่รักชอบพอกันแต่บิดามารดาบังคับให้ข้าแต่งงานกับท่าน’ ‘ลูกในท้องเจ้า...เป็นลูกของคนผู้นั้น’ ‘ข้าละอายต่อท่านพี่นัก ชาตินี้ไม่หวังให้ท่านพี่ให้อภัย ได้แต่ขอให้ท่านอโหสิกรรมให้ข้าด้วย’ ‘เจ้า...ตั้งใจตกลงไปในน้ำ....’ เสียงนั้นเบาจนคล้ายเสียงละเมอ ‘ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยรักข้า แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำเช่นนี้’ ‘ข้าขอโทษ ข้าผิดต่อท่านแล้ว’ แม้นางสารภาพความจริงต่อเขา แม้รู้ว่าลูกในท้องไม่ใช่ลูกของตน แต่เขาก็ให้หมอรักษ

    Terakhir Diperbarui : 2024-11-07

Bab terbaru

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 54 จบ

    ค่ำคืนก่อนที่กัวจื่อหรานจะนำไข่มุกน้ำตาจันทรามาถอนพิษร้ายให้หลินอวี้เจิน เขาได้พูดสู่ขอหลินอวี้เจินเป็นภรรยาและสัญญาว่าจะมีนางเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา แน่นอนว่าบุรุษด้วยกันย่อมมองออกว่า กัวจื่อหรานจริงใจกับหลินอวี้เจินมากเพียงใด ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งโชคชะตา ทั้งสองยินยอมให้กัวจื่อหรานแต่งงานกับหลินอวี้เจิน กัวจื่อหรานจึงสวมชุดสีแดงเข้าไปพร้อมไข่มุกน้ำตาจันทรา แต่หลังจากที่กัวจื่อหรานปิดบานประตูลง ไม่นาน เสียงที่รอดผ่านบานประตูก็ทำเอาคนที่ยืนเฝ้าด้านนอกทำสีหน้าไม่ถูก เป็นจางหยวนที่ขับไล่บ่าวรับใช้ออกไปจนหมด และเชิญให้บุรุษสกุลหลินพักผ่อนในห้องรับรองก่อน ได้ยินเสียงแว่วครวญหวานจากในห้อง ผู้เป็นพ่อก็แอบร้อนใจ แม้รู้ว่าอีกฝ่ายทำเพื่อกำจัดพิษร้ายแรง แต่ก็เกรงว่าบุตรสาวที่รักปานแก้วตาดวงใจจะบอบช้ำไปเสียก่อน เป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อตาอย่างหลินยี่ห้านมีสีหน้ามึนตึงทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น หนึ่งเดือนให้หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ก็คืองานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองตันหยาง เล่าลือกันว่าเพราะนางสามารถรักษาอาการป่วยของกัวอี้เซียวได้ แม้การแ

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 53.  รู้สึกเป็นหนึ่งเดียว

    เมื่อได้กอดเขาแล้ว นางกลับรู้สึกว่าตนเองได้ครอบครองช่วงเวลาอันแสนอัศจรรย์ นุ่มนวลและเร่าร้อนราวกับจะหลอมละลายคนสองคนให้เป็นหนึ่งเดียวนางรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเขารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับนาง “เจ็บหรือไม่” เขากระซิบถามให้ช่องทางคับแน่นและฉ่ำร้อนของนางปรับตัวรับกับแก่นกายที่แข็งแกร่งของเขา“ไม่...ไม่เจ็บแล้ว” นางตอบด้วยท่าทีเขินอาย ร่างกายเหมือนหิวกระหายในสิ่งที่นางไม่รู้จัก“ท่าน...ช่วย...ได้หรือไม่ ...”แต่เขาชื่นชอบความซื่อตรงของนาง นางไม่เคยปิดบังความรู้สึกตนเอง ตั้งแต่พบกันครั้งแรก นางเป็นอย่างนี้เสมอมา และเมื่ออยู่ร่วมเตียง นางไม่ปกปิดอารมณ์ของตน ซึ่งปลุกเร้าความปรารถนาให้แผดเผาเขาจนต้องทำตามความต้องการของนางและเป็นความต้องการเดียวของเขาเช่นนั้นนางอ้อนวอนอย่างไม่รู้ว่าสิ่งที่ร้องขอนั้นคือสิ่งใด นางต้องการเขา ต้องการมากกว่านี้ นางบดเบียดเรือนร่างเข้าหา เชื้อเชิญให้เขาดื่มกินนางอีกครั้ง เขาขยับสะโพกช้าๆ ทว่าลึกล้ำ ดอกไม้งามเย้ายวนจนเขาไม่อาจฝืนกลั้น ความเสียวซ่านระลอกแล้วระลอกเล่าทำให้เขาใช้สองมือจับเอวคอดกิ่วไว้มั่นแล้วเริ่มแรงควบทะยาน ความซ่านเสียวทำให้หญิงสาวไปแตะข

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 52 เจ้าไม่อยากได้ข้าเป็นสามีหรือไร

    นางงุนงง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมให้สมองของนางคิดเรื่องอื่นใด เขาขมเม้มริมฝีปากของนางอีกครั้ง เรียกร้องและเว้าวอนจนนางครางในลำคอ คราแรกนางผลักไสเขาแต่เพราะร่างกายของเขาใหญ่โตเกินไป มือนางนั้นก็ไร้เรี่ยวแรง หรือเพราะแผ่นอกกำยำนั้นเย้ายวนนาง ฝ่ามือของนางอ้อยอิ่งอยู่ที่สาบเสื้อของเขา ดวงตาของเขาที่จ้องมองนางนั้นแสนร้อนแรงจนนางต้องหลับตาลง และโดยไม่รู้ตัวนิ้วมือของเขาบีบกรามของนางเบาๆ เพื่อให้นางเปิดปากแล้ว ‘บางสิ่ง’ ก็เข้ามาในโพลงปากของนาง นางลืมตาขึ้นอย่างตกใจแต่เขาไม่ยอมให้นางดื้อดึง ปลายลิ้นอุกอาจดุนดัน ‘บางสิ่ง’ ให้อยู่บนลิ้นของนาง‘บางสิ่ง’ นั้นเป็นทรงกลม ให้ความรู้สึกอุ่นและเรียบลื่นหรือนี่จะเป็น‘ไข่มุกน้ำตาจันทรา’เมื่อรู้ว่านางกำลัง ‘อม’ ไข่มุกล้ำค่าของตระกูลกัวอยู่ นางขยับตัวขัดขืน นางไม่รู้ว่าเขาได้ ‘สิ่งนี้’ กลับคืนมาได้อย่างไร แต่เขาไม่ควรนำมาใช้กับนาง นางมิใช่สะใภ้เอกสกุลกัว นางไม่ได้เป็นภรรยาของเขาภรรยา…แววตาของนางที่จ้องมองเขานั้นทึมทือและสับสน ฝ่ามือของเขาเลื่อนผ่านเรือนร่างอรชรของหญิงสาว เขาไม่เคยเห็นนางสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสเลยสักครั้งครา นางเหมาะกับสีแดงเช่นนี้นัก

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 51 ลงอาญาใด

    “พี่ใหญ่ ท่านใช้สิ่งนี้รักษาแม่นางหลินเถิด ที่นางตั้งเงื่อนไขให้พี่ใหญ่แต่งนางเป็นภรรยาก็เพื่อนำไข่มุกจากข้าไปมอบให้ท่าน บีบบังคับทั้งข้าและพี่ใหญ่ สตรีร้ายกาจเช่นนี้ใครได้นางเป็นภรรยาชีวิตต้องพบกับคามหายนะเป็นแน่” “เจ้า! เจ้าเด็กปัญญาอ่อน!” “พูดได้ดี พูดได้ดี” ปี่จื้อหัวเราะออกมา “สตรีร้ายกาจเช่นนี้ใครได้ไปก็พบแต่หายนะ!” “ทำเป็นปากดี เจ้าคิดว่าตนเองจะรอดรึ!” เฉียนอิ๋นอิ๋นกรีดร้องเมื่อจางหยวนสั่งคนมาลากนางออกไป “ข้าไม่มีอะไรให้เป็นกังวลอีกแล้ว เชิญใต้เท้ากัวลงอาญาข้าได้” กัวจื่อหรานที่ตกตะลึงที่ได้ไข่มุกน้ำจันทรากลับคืนมาสู่มือเพิ่งได้สติ เขามองนายทหารหนุ่มแล้วแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ลงอาญาใดรึ นายกองจง” กัวจื่อหรานกำไข่มุกน้ำตาจันทราแน่นแล้วรีบหมุนตัวเดินออกไป ไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของปี่จื้อ หลันเอ๋อร์บีบไหล่ของกัวอี้เซียวแล้วหันไปส่งยิ้มเล็กน้อยให้ปี่จื่อ ประคองกัวอี้เซียวเดินออกมา ด้านนอกมีหลินเหิงอี้รอด้วยใจกระวนกระวาย เมื่อเห็นนางออกมาอย่างปลอดภัยก็ยิ้มโล่งอก นับจากนี

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 50. คงได้ยินหมดแล้ว

    “อี้เซียว อย่าไปฟังนางนะ” เฉียนอิ๋นอิ๋นได้สติรีบปรับน้ำเสียงพูดจาหว่านล้อมเด็กหนุ่มตรงหน้า “เจ้ามีข้าเป็นญาติเพียงคนเดียว ไม่มีผู้ใดรักเจ้าเท่าข้าอีกแล้ว” กัวอี้เซียวกลอกตาไปมา คนเหล่านี้แย่งกันพูดจนเขาฟังไม่รู้เรื่องแล้วยกมือขึ้นปิดหู ไม่ต้องการได้ยินเสียงใครอีก พลันเขานึกรอยยิ้มจริงใจของหลินอวี้เจิน นางใส่ใจเขา เล่นเป็นเพื่อนเขา ไม่เคยดูแคลนเขาในสภาพนี้ และไม่คิดเปิดโปงเรื่องของเขาใช่! เขารู้ความลับของตนเองดียิ่ง“พอแล้ว!”กัวอี้เซียวตวาดเสียงดัง น้ำเสียงแข็งกร้าวสั่นเล็กน้อย แต่มิใช่น้ำเสียงของเด็กหนุ่มอ่อนแอที่มีสติของเด็กเจ็ดขวบอีกแล้วท่าทางของเขาทำให้คนทั้งหมดตื่นตะลึงไร้ถ้อยคำ มีเพียงความเงียบงันในห้องคุมขังอันหนาวเหน็บ!“พอเสียที!” เด็กหนุ่มจ้องมองเฉียนอิ๋นอิ๋น “เลิกใช้ข้าเป็นเครื่องมือของเจ้าเสียที!”“อี้เซียว” หญิงสาวละลำละลัก เหตุใดเขาไม่เป็นเด็กปัญญาอ่อนแล้ว ยามนี้สายตาของเขาดุดันจนแทบจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ “ข้าทำเพื่อเจ้า เจ้าอย่าลืมซิ ว่าข้าคือญาติคนเดียวของเจ้า”“ญาติ! เจ้ายังกล้าใช้คำนี้อีกเรอะ!” กัวอี้เซียวตัวสั่นด้วยความโกรธ “สำหรับเจ้า ข้าก็คือเด็กปัญญาอ่อน

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 49.  แค่รู้สึกผิด

    “หากท่านแค่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น...ไม่จำเป็น หากท่านแค่ต้องการรับผิดชอบเรื่องที่ผ่านมา...ไม่จำเป็น หากท่านเพียงสงสารเห็นใจข้า...ไม่จำเป็น ท่านไม่จำเป็นต้องแต่งข้าเป็นภรรยาเพื่อชดเชยความผิดใด เรื่องที่ผ่านมาล้วนมีเหตุผลในตัวเอง ข้าและท่านลุงใหญ่มิได้ขโมยไข่มุกน้ำตาจันทราไป ขอเพียงท่านเชื่อใจเรื่องนี้ข้าก็ยินดีมากแล้ว” สิ้นถ้อยคำของนางแล้ว กลับกลายเป็นเขาที่พูดไม่ออก คล้ายมีบางสิ่งจุกอยู่ในอก เขาต้องพูดออกไป พูดความจริงใจต่อนาง แต่คนอย่างเขาผู้ถูกเลี้ยงดูให้เป็นประมุขสกุลกัว เขาคือกัวจื่อหรานที่ก้มหัวให้ใครไม่เป็น ไม่เคยแพ้พ่ายแต่ยามนี้....เขากลายเป็นคนโง่งมที่สุดในใต้หล้าแล้ว “หากท่านต้องการทำเพื่อข้า ข้าอยากขอร้องท่านเรื่องเดียว” “เรื่องใด” “ข้าขอให้ท่านดูแลกัวอี้เซียวเช่นนี้ตลอดไป” “เขาเป็นน้องชายข้า แม้เป็นน้องชายต่างบิดา เป็นลูกอนุ แต่เขาก็เป็นคนสกุลกัว” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้ว นางเผลอหัวเราะเบาๆ ยื่นมือออกจากผ้าห่มไปคลึงหัวคิ้วของเขาพลางเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอ

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 48  ท่านแกล้งข้า

    ความอ่อนล้ากดทับที่สองบ่า เขาโน้มหน้าลงต่ำจนหน้าผากของตนจรดหน้าผากของนาง ดวงตาของชายหนุ่มเห็นมุมปากของหญิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ แล้วดวงตาสุกใสของนางก็จ้องมองเขาอยู่ อยู่ใกล้จนสัมผัสลมหายใจอุ่นร้อน แต่นางกลับไร้ความเขินอาย ซ้ำยังหัวเราะออกมาเบาๆ หลิวอวี้เจินเห็นแววความหม่นล้าฉาบเต็มดวงตาและใบหน้าของเขา แม้ควรรักษาระยะห่างไม่ใกล้ชิดกันเกินไป แต่ในยามนี้ที่ความตายใกล้เข้ามาทุกขณะ นางกลับปล่อยวางเรื่องจารีตต่างๆ นั้นเสีย “เจ้าหัวเราะเรื่องใด” “ท่านเดินเข้ามาทางประตู” “หือ?”เขาเลิกคิ้วฉงนกับถ้อยคำของนาง ขยับตัวออกห่างเพื่อประคองนางขึ้นนั่ง หยิบหมอนรองแผ่นหลังให้นางได้เอนหลังพิงหัวเตียง “ปกติท่านมาพบข้ายามดึกเข้าทางหน้าต่างมิใช่หรือ?”นางย่นจมูกใส่แล้วยื่นมือไปเกี่ยวเส้นผมที่ลงมาปรกใบหน้าของเขาออก เขาคงวิ่งวุ่นทั้งวันจนแทบไม่มีเวลาดูสภาพตนเองเลยสินะ นางคุ้นชินกับภาพกัวจื่อหรานผู้หยิ่งยโส เอาแต่ใจ มิใช่บุรุษที่อมทุกข์เช่นนี้ นางไม่ต้องการเห็นทุกข์ใจจึงชวนเขาพูดคุยด้วยเรื่องอื่น “ที่นี่บ้านข

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter47  เป็นห่วงเป็นไย

    “ข้า...ข้าจะไปตามท่านหมอ” เมื่อมีผู้อื่นอยู่ เขากลับไปเป็นเด็กเจ็ดขวบอีกครั้ง“ไม่... ไม่ต้อง... อี้เซียว” นางส่งเสียงห้ามแต่ไม่ทันการ เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วหลินยี่ห้านใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของบุตรสาว เมื่อเห็นว่านางหยุดไอแน่แล้วจึงลุกขึ้นไปรินน้ำดื่มมาให้นางล้างคอ สายตามองหากระโถนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเตียงนัก เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบมาเพื่อให้ลูกสาวได้กลั้วปาก “ข้าทำให้ท่านพ่อต้องลำบากแล้ว” นางไม่อยากรบกวนบิดาเลย รู้สึกละอายแก่ใจแต่ยังไม่มีแรงพอจะหยิบจับทำอะไรได้เอง ทว่าบิดากลับหัวเราะเบาๆ ไม่สนใจว่าเวลานี้ตนต้องเป็นฝ่ายดูแลลูกสาว“เจ้าเป็นลูกของพ่อ พ่อไม่ดูแลเจ้าแล้วจะให้ผู้อื่นทำหรือไร” หลินยี่ห้านซับคราบน้ำที่ริมฝีปากของบุตรสาวอีกครั้ง “เมื่อยามที่เจ้ายังเล็ก ป่วยไข้ไม่สบาย พ่อยังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เจ้าเลย”“แต่ลูกโตแล้ว ควรเป็นลูกที่ปรนนิบัติดูแลท่านพ่อ” เห็นบิดายิ้มบางๆ แต่นางรู้ว่าหัวใจของบิดาทุกข์ระทมไม่น้อย “ท่านพ่อไม่อยากถามอะไรลูกหรือ?”หลินยี่ห้านได้แต่ยิ้ม ภรรยาของเขาเป็นสตรีอ่อนโยนไม่ค่อยพูดจา หลินอวี้เจินมีความอ่อนหวานที่ถอดแบบมารดามาทั้งหมด ย

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter46  เงื่อนไข

    “ท่านคงรู้แล้ว แม้ไม่มียาถอนพิษแต่หนทางรักษาแม่นางหลินนั้นยังพอมี” เฉียนออิ๋นอิ๋นยกมือลูบลำคอของตนเอง “ท่านยอมสละไข่มุกน้ำตาจันทราเพื่อนางหรือ?”“ข้าย่อมทำได้!” คำตอบที่เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วนั้น กลับกลายเป็นคมมีดกรีดหัวใจเฉียนอิ๋นอิ๋น แต่กระนั้นนางยังคงคลี่ยิ้มอ่อนหวาน เป็นรอยยิ้มที่นางฝึกฝนมานานเพียงเพื่อได้เคียงข้างบุรุษที่นางทุมเทใจให้ แต่กลับได้เพียงความว่างเปล่า เย็นชา“เช่นนั้นท่านจะรีดเค้นเอายาถอนพิษกับข้าทำไม? เหตุใดไม่นำไข่มุกน้ำตาจันทราไปรักษานางเสีย” ดวงตาของหญิงสาวจ้องมองอีกฝ่าย การเงียบงันคือคำตอบของเขาและทำให้นางหัวเราะเบาๆ ออกมา “นั้นเพราะท่านไม่มีไข่มุกน้ำตาจันทราใช่หรือไม่”“เจ้า!” กัวจื่อหรานกำมือแน่น สะกดโทสะของตนเองไว้จนร่างกายเกร็งไปหมดทุกส่วน เขาอยากบีบคอหญิงต่ำช้าผู้นี้นัก“ข้าอยู่ที่จวนสกุลกัวมานาน รับใช้พี่สาวมาหลายปี เรื่องแค่นี้เหตุใดข้าจะไม่รู้” นางยังคงเผยรอยยิ้มที่ดูแล้วชวนให้รู้สึกขยะแขยงออกมา “หากท่านยอมรับเงื่อนไขของข้า ข้ายินดีมอบไข่มุกน้ำตาจันทราให้”“เงื่อนไขใด” “แต่งข้าเป็นภรรยาเอกของท่าน” น้ำเสียงของนางราบเรียบและมั่นคง ยืนยันความคิดตั

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status