แชร์

Chapter13. หญิงบ้า

กลิ่นหอมราวดอกกล้วยไม้ป่าทำให้กัวจื่อหรานไม่อยากถอยห่างจากร่างนุ่มนิ่ม เขาวางนางนอนแล้วแต่ตนเองยังนั่งข้างร่างที่ขยับไม่ได้ ทรวงอกของนางสะท้อนขึ้นลงเพราะการหายใจแรง ปทุมถันคู่งามดุนดันเสื้อคลุมที่เขามัดร่างนางไว้จนเห็นเป็นทรงกลมน่าสัมผัส

พบกันสองครั้งนางแต่งกายเรียบง่ายไม่สะดุดตา เขาจึงไม่คิดว่าภายใต้เสื้อผ้าตัวหลวมที่นางสวมนั้นมีเรือนร่างงดงามราวเทพธิดา  ร่างอรชนสั่นน้อยๆ อย่างห้ามไม่อยู่ แรงปรารถนาบังเกิดตามสัญชาตญาณ   ความเป็นชายแข็งแกร่งรุ่มร้อน เดิมทีเขาเป็นคนควบคุมตนเองได้ดี  แต่ไม่คิดว่าจะถูกภาพเย้ายวนล่อลวงจนแทบกลายเป็นโจรราคะไปเสียแล้ว เขาสูดลมหายใจหวังสะกดกลั้นอารมณ์ดิบเถื่อนของตน แต่กลับได้กลิ่นหญิงสาวเข้าเต็มปอด เขาจึงเงยตัวขึ้นแล้วฝืนพูดน้ำเสียงคล้ายหยอกล้อ แต่แววตาที่จ้องมองนางนั้น  ราวกับเสือที่เห็นเหยื่อตัวน้อยอยู่เบื้องหน้า

“เอาล่ะ เด็กดี เจ้าบอกมาซิว่า ไข่มุกน้ำตาจันทราอยู่ที่ใด”

‘ไข่มุกน้ำตาจันทรา’

เขาพูดเรื่องอะไร นางไม่รู้จักของพรรคนั้นเสียหน่อย

ท่าทางฮึกฮักของนางทำให้อีกฝ่ายเข้าใจไปว่า นางอยากพูดแต่พูดไม่ได้

“ข้าจะคลายจุดให้ แต่เจ้าอย่าเสียงดัง ข้าไม่อยากรับผิดชอบเจ้าหรอกนะ”  เขาพูดพลางหัวเราะในลำคอ ขยับปลายนิ้วแตะที่ร่างกายของนางทำให้หญิงสาวสามารถขยับตัวได้ นางอ้าปากทำท่าจะส่งเสียงอีกฝ่ายยื่นมือมาปิดปากไว้แล้วโน้นหน้าลงไปใกล้

“พูดมา”

หลินอวี้เจินทั้งโกรธทั้งอับอาย ยามนี้อยากส่งเสียงให้คนช่วยก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าหากผู้อื่นรู้ว่านางแต่งกายไม่เหมาะสมอยู่กับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่สามี นางจะไม่เหลือเกียรติใดๆเลย  ดูเหมือนชายผู้นี้ไม่ต้องการทำร้ายนาง เขาเห็นนางเป็นเหยื่อราวกับแมวที่จับหนูมาเล่นสนุกโดยไม่สนใจว่าหนูตัวนั้นจะทรมานเพียงใด

นางหลับลงคล้ายยอมจำนน และลืมตาอีกครั้งด้วยดวงตาเว้าวอนหวาดกลัวจนน่าสงสาร

“พร้อมจะพูดแล้วหรือไม่”

 เขาถามเสียงแหบพร่าอย่างไม่น่าเชื่อว่านั้นจะเป็นเสียงของตน นางพยักหน้าช้าๆ  เขาจึงปล่อยมือจากริมฝีปากของนาง  เขาจ้องมองกลีบปากที่ขยับขึ้นลงแต่แทบไม่ได้ยินเสียงใด ทำให้เขาโน้มหน้าลงไปใกล้คิดว่านางคงกลัวจนพูดไม่ออก

ทว่า...

หลินอวี้เจินอาศัยจังหวะที่เขาโน้มหน้าลงมาเอียงใบหูใกล้ริมฝีปาก  นางอ้าปากกว้างแล้วกัดใบหูอีกฝ่ายอย่างแรง

“โอ๊ย!”

กัวจื่อหรานไม่คิดว่าตัวเองจะเสียท่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ เขาขยับตัวถอยห่าง แต่นางดันกัดใบหูไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังยื่นสองแขนมาโอบรัดเขาไว้อีก

“หญิงบ้า! เจ้าปล่อยนะ!”

หลินอวี้เจินกัดไม่ปล่อย นางเอาความโกรธและโมโหที่ถูกล่วงเกินไปลงที่ใบหูของชายชุดดำ สองมือยื่นไปกอดรัดอีกฝ่ายแน่นทำให้ร่างของนางลุกขึ้นมานั่งบนเตียง  ทว่านางไม่รู้ว่าเขาพลิกตัวได้อย่างไร มือหนึ่งบีบกรามทำให้นางอ้าปาก ใบหูของเขาจึงพ้นฟันของนาง   และร่างนางถูกเหวี่ยงลงนอนหงายตามด้วยร่างใหญ่คร่อมร่างนาง  ข้อมือถูกตรึงกดลงบนเตียง นางขยับเท้าดิ้นเปะปะแต่กลับทำให้อีกฝ่ายใช้ร่างกายกดทับไว้ทำให้นางขยับไม่ได้เพราะร่างกายถูกบดเบียดแนบชิด

“ร้ายจริงๆ”  เขาส่งเสียงผ่านผ้าที่ปิดครึ่งใบหน้า  แววตากลับฉายแววพึ่งพอใจ

“ข้าไม่รู้เจ้าพูดเรื่องอะไร”  แม้หวาดกลัวแต่ข่มกลั้นไม่แสดงออก “ข้าไม่รู้จักของที่เจ้าพูด!”

“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปถามลุงของเจ้าแล้วข้าจะมาเอาคำตอบอีกครั้ง”

ข้อมือสองข้างถูกปล่อยออก หลินอวี้เจินคิดว่าทุกอย่างจบแล้ว ทว่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมาปิดดวงตาของนางไว้ คล้ายกดในศีรษะนางจมลงไปในหมอน  นางคิดว่าเขาจะฆ่านางจึงดิ้นรน ใช้สองมือทุบอีกฝ่ายแต่นั้นกลับทำให้ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบขึ้นไปเหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว นางอ้าปากจะส่งเสียงร้องแต่ถูกริมฝีปากประกบและบดขยี้จนรู้สึกเจ็บ

เขากัดริมฝีปากนาง!

เขาเอาคืน! 

เขากัดปากนางเพราะนางกัดใบหูของเขา!

ลมหายใจผ่าวร้อนรินรดใบหน้าหญิงสาว เขาฉวยโอกาสแทรกลิ้นอุ่นร้อนเข้ามาลิ้มรสความหวามในปากนาง เรียวลิ้นไล่ต้อนลิ้นน้อยๆที่ไม่ประสีประสา  ริมฝีปากถูกขบกัดจนรู้สึกเจ็บทำให้ได้สติอีกครั้ง  เมื่อความตกตะลึงจากหายนางเพิ่มแรงดิ้นรนทว่าร่างกายยิ่งบดเบียนแนบชิดมากยิ่งขึ้น  น้ำตาจวนเจียนจะหลั่งออกมา  เขาผละริมฝีปากของนางอย่างรวดเร็ว เพียงการขยับมือครั้งเดียวเทียนในห้องดับสนิท  ร่างสูงโปร่งกลืนหายไปกับความมืดทิ้งไว้เพียงร่างของหญิงสาวที่หอบหายใจแรงบบนเตียงนอน

หลินอวี้เจินยกมือที่สั่นระริกแตะริมฝีปาก  รสคาวของเลือดยังฝาดลิ้นอยู่

นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!

นางสบถเสียงเบา สมองสับสนมึนงงไปหมด เหตุใดคนผู้นั้นปักใจเชื่อว่านางรู้จักไข่มุกน้ำตาจันทรา

‘ไขมุกน้ำตาจันทรา เป็นสมบัติล้ำค่าประจำตระกูลกัว’

เสียงของหลินเหิงอี้ลอยมาจากความทรงจำของนาง

หลินอวี้เจินยันกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง  พลันดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง

ตระกูลกัว...ใต้เท้ากัว

หรือคนผู้นั้นจะเป็นกัวจื่อหราน!

นางพบเขาเพียงครั้งเดียว เหตุใดเขาปักใจว่านางเป็นคนร้ายขโทยไข่มุกประจำตระกูลของเขาไปกันเล่า  และเหตุใดเขาต้องทำตัวเยี่ยงโจรราคะเช่นนี้! 

หรือนี่ต่างหากเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของกัวจื่อหราน! เจ้าเมืองตันหยางคนปัจจุบัน!

            .......

            กัวอี้เซียวเพลิดเพลินกับการวาดรูป  แขนเสื้อของเขามักเปื้อนเปรอะคราบหมึกอยู่เสมอ  เด็กหนุ่มไม่สนใจอาหารกลางวันที่ตั้งไว้จนเย็นชืด กระทั้งร่างสูงโปร่งของกัวจื่อหรานเดินเข้ามาใกล้ๆ เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มกว้าง

            “พี่ใหญ่!”

            “เหตุใดเจ้ายังไม่กินข้าวอีก”   กัวจื่อหรานตวัดชายเสื้อก่อนนั่งลงข้างน้องชาย “หากเจ้าไม่กินข้าวให้ตรงเวลา พี่จะไม่ซื้อหมึกกับเจ้าอีก”

            คำขู่ของกัวจื่อหรานได้ผล  เด็กหนุ่มทำหน้าประท้วงแต่ลนลานปล่อยพู่กันแล้วหยิบตะเกือบขึ้นมาแทน 

            “อาหารเย็นไปหรือไม่ ให้คนไปอุ่นมาใหม่ดีไหม?”

            “ข้าไม่ชอบกินของร้อน”  เด็กหนุ่มเอ่ยแล้วพุยข้าวเข้าปาก เขี่ยผักแล้วเลือกกินแต่เนื้อสัตว์แทน  แต่เดิมกัวอี้เซียวมีแม่นมคอยดูแล แต่ตายจากไปด้วยโรคชราเมื่อปีที่แล้ว เวลานี้จึงไม่มีใครดูแลเข้าใจกัวอี้เซียวได้เท่าเขาอีกแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status