ชั่วครู่ต่อมา...เมื่อเจ้านายทั้งสองหายลับเข้าไปในรถม้าส่วนพระองค์ สำหรับเดินทางเฉพาะภายในพระราชวังต้าหมิงอันกว้างใหญ่ ที่ไม่อาจใช้เพียงเกี้ยวคนแบกหามได้ไหว ขบวนทั้งหมดจึงได้เคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า ม้าตัวไม่เล็กไม่ใหญ่วิ่งเหยาะกำลังดี หาได้เร่งรีบแต่อย่างใดหยูเสวี่ยและหมิงจินในตำแหน่งคนสนิทของเจ้านายแต่ละฝ่าย จึงได้มีโอกาสเดินตามหลังรถม้าท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจ ได้พูดคุยกันบ้าง มองตากันบ้าง ไปจนตลอดทางในสายตาของหยูเสยี่ย นางเห็นแจ้งชัดเจน ว่ารัชทายาทช่างไร้ใจได้อย่างถึงที่สุด ปฏิบัติกับโม๋เอ๋อร์อย่างเย็นชายิ่งนักหากนางยังไม่คิดการณ์ช่วยเหลืออันใดเลย แล้วเมื่อไหร่นางจะวางใจปล่อยโม๋เอ๋อร์เอาไว้ แล้วจากไปเพื่อตามหารักแท้ ผู้เป็นสามีของตนเองในภายภาคหน้าได้บ้างกันเมื่อหญิงสาวคิดเช่นนั้น จึงช้อนสายตามองราชองครักษ์คนสนิทของรัชทายาททันที เพราะว่าเขาคือตัวช่วยคนสำคัญในภารกิจพิชิตใจนี้!ในขณะที่หยูเสวี่ยกำลังคิดการณ์ใหญ่ หมิงจินเองก็กำลังคิดการณ์มิได้ด้อยไปกว่า เขาคิดว่าหยูเสวี่ยน่าสนใจลักษณะท่าทางของนางที่เขามองเห็นจากสายตาอันแหลมคม ล้วนบ่งบอกเขาได้เป็นอย่างดีว่านางสามารถเป็นเจ้านายชั้นสู
ภายในรถม้าที่มีเพียงสองสามีภรรยานั่งบนตั่งคนละมุมประหนึ่งเป็นศัตรูกันโม๋เอ๋อร์ย่อมรู้กาลเทศะไม่คิดรบกวน หากอีกฝ่ายทำกิริยาห่างเหินเช่นนั้นนางจึงหันไปสนใจขนมน่ากินและน้ำชาร้อนกรุ่นมากกว่าสามีผู้หล่อเหลาหญิงสาวนั่งกินขนมและจิบชาอยู่เงียบๆ บางครายังแอบเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างรถม้าเพื่อมองดูทิวทัศน์ด้านนอกทันทีที่ภาพเบื้องหน้าเข้าสู่ครรลองสายตา โม๋เอ๋อร์พลันตื่นตะลึง พระราชวังต้าหมิงแห่งนี้นับได้ว่าใหญ่โตยิ่งนัก งดงามมากด้วย อลังการเหลือเกิน มีตำหนักมากมายปลูกสร้างเอาไว้อย่างประณีตและวิจิตรตระการตา ประหนึ่งดั่งกำลังเดินทางท่ามกลางสรวงสวรรค์ชั้นฟ้ากระนั้นโม๋เอ๋อร์กำลังรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักที่ได้ออกมาข้างนอก ได้เปิดหูเปิดตาให้กว้างขวาง ได้เห็นอะไรๆ งดงามละลานตาเนื่องจากตลอดเวลาที่อยู่จวนโหว นางต้องอยู่แต่ในเรือน ถูกซุกซ่อนเก็บตัวประหนึ่งไข่ในหิน ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้เห็นอะไรเช่นนี้สาวน้อยเบิกตากลมโตสดใส ทอประกายพร่างพราวราวดวงดาวระยิบระยับ นางสูดปากจิจ๊ะชอบใจส่งเสียงเสียวซ่านแปลกประหลาดเร้าใจคนฟังโดยไม่รู้ตัวเท่านั้นยังไม่พอ ร่างระหงนุ่มนิ่มยังยักย้ายบั้นท้ายไปมา เพื่อเอื้อมมือเปิ
“หากเจ้าทำตัวดีๆ ย่อมเป็นคนของข้าโดยสมบูรณ์”เมื่อได้ยินดังนั้น เสียงแว่วหวานจึงดังมาอีกครา“สามีควรอนุญาตให้ภรรยามีครัวในเรือนของตนเองนะ ภรรยารู้สึกกลัวเหลือเกิน นี่คือการปกป้องได้ทางหนึ่ง”จบคำก็กะพริบตาเบาๆ เอียงหน้าน้อยๆ แลดูน่ารักน่าชัง แล้วกินขนมจิบชาต่อ ปราศจากวี่แววขลาดกลัวดั่งวาจาอีกคราที่หมิงเฉิงต้องหรี่ตามองพระชายา เขาไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อยว่านางเป็นคนขลาดเขลาอย่างที่กล่าวมา ตรงกันข้ามกลับฉลาดเฉียบคมไม่เบา ทั้งยังเจ้าเล่ห์อีกด้วยแต่กระนั้นเขากลับเอ่ยปากเสียงต่ำว่า “ตามใจเจ้า...” หลุดปากไปแล้วก็ให้นึกแปลกใจ ว่าเหตุใดเขาถึงไม่คิดขัดใจนางเมื่อได้ยินคำอนุญาต โม๋เอ๋อร์ให้รู้สึกดีใจยิ่งนัก นางจึงนั่งแย้มยิ้มงดงาม สดใสมีชีวิตชีวา ส่งสายตาพราวระยับให้สามีอีกคราที่หมิงเฉิงเลิกคิ้วขึ้นสูง สีหน้าบึ้งตึงดำมืด แต่กลับมองนางอย่างมิอาจวางตาโดยไม่รู้ตัวดวงเนตรงามดั่งดาราสะท้อนวารี งามสะอาดพิสุทธิ์สดใส จนผู้มองรู้สึกวาบหวามในใจ ใครได้ยลคงรู้สึกเช่นเดียวกันเนิ่นนานทีเดียวกว่าชายหนุ่มจะถอนสายตากลับคืนได้สำเร็จ แล้วผินใบหน้าหนีเพื่อหลับตาต่อ แต่กระนั้นกลับมีมือน้อยๆ เอื้อมมากระตุกแขนเสื
รูปโฉมโดดเด่น กอปรกับท่าทางน่ารักไร้เดียงสา ต่อให้หัวใจเย็นชาปานใด ก็ต้องละลายนี่คือคำจำกัดความอันเป็นเอกลักษณ์ของโม๋เอ๋อร์ โดยที่ตัวของนางเองก็หาได้รู้ตัวไม่ มีเพียงผู้อื่นเท่านั้นที่รู้สึกได้เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธว่าโม๋เอ๋อร์เป็นสตรีที่งดงามมาก วงหน้าสะคราญโฉมพิลาศล้ำอย่างแท้จริงทั้งนี้ยังมีนิสัยน่ารัก ปราศจากการเสแสร้งแกล้งทำ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม คิดสิ่งใดก็พูดออกมาตรงๆน้ำเสียงยังอ่อนโยนหวานใส ยามออดอ้อนยิ่งเย้ายวนใจดวงตากลมโตดั่งดวงดาราตกกระทบผิวธารายามตะวันแผดแสงจ้า ยิ่งรบกวนห้วงอารมณ์ สร้างความหงุดหงิดมากมายมหาศาลแก่ผู้จ้องมองนางในยามนี้เป็นอย่างมากหมิงเฉิงที่เผลอลืมตาขึ้นมองนางถึงกับต้องหรี่ตาลงทันใด รู้สึกแสบตาเล็กน้อยยามพินิจนางอย่างเผลอไผล ในหัวใจคล้ายมีมดไต่ไปมาให้รู้สึกคันยุบยิบบางเบาตัวของโม๋เอ๋อร์เองในยามนี้ก็พลั้งเผลอเช่นกัน นางกำลังลืมเสียสิ้นว่าต้องเก็บอาการใดๆ ที่เสียจริตมารยา ลืมกระทั่งว่าต้องทำตัวเจ้าเล่ห์ร่ายเสน่หามนต์มารให้มากเข้าไว้ เพื่อโปรยเสน่ห์ใส่ชายข้างกายผู้เป็นสามีหญิงสาวในยามนี้คิดถึงแต่บ่อน้ำพุร้อนในห้องนอนของชายหนุ่ม ความอุ่นร้อนของน้ำทั้งบ่อ
แต่ทว่าไหนเลยโม๋เอ๋อร์จักเข้าใจได้ เพราะนางมิได้กำลังร่ายมารยาใส่เขา นางกำลังขอความเห็นใจอย่างแท้จริง ถึงความต้องการอันลึกล้ำต่อการแช่บ่อน้ำพุร้อนในห้องเขาก็เท่านั้นเส้นเสียงหวานใสจึงออดอ้อนต่อไปโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าทุกกิริยาล้วนนำพาความรู้สึกคันยุบยิบ ทะลุทะลวงหัวใจคนฟังปานใด“สามีของภรรยานับเป็นบุรุษที่ดี นอกจากหล่อเหลา ท่าทางน่ากลัวแล้ว ยังมีจิตใจกว้างขวางดั่งธาราใต้แผ่นฟ้าไร้ขอบเขตให้หยั่งถึง”หญิงสาวเอ่ยปากชื่นชมเขาจากใจจริง คำว่าน่ากลัวก็เช่นกัน ล้วนชมเชยเขาจากความชอบทั้งนั้น ความน่ากลัวใดๆ ในใต้หล้า ล้วนแพ้พ่ายให้ชายตรงหน้าจนหมดสิ้น หญิงสาวยังไม่ลืมตบท้ายด้วยคำขออย่างงดงาม “แต่จะดียิ่งกว่านี้ หากยินยอมให้ภรรยาแช่น้ำในห้องท่าน”จบคำก็กะพริบตาสองที พาแพขนตางามงอนกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ คล้ายภมรหยอกเย้าเขย่าหัวใจหากแต่หมิงเฉิงยังคงเงียบงันปราศจากวาจาใดแม้ครึ่งคำ ทำเพียงนั่งนิ่งมองนางอย่างเคร่งขรึมสายตาคมดำอันลึกล้ำไร้ก้นบึ้งบางครายังพลั้งเผลอเหม่อมองริมฝีปากจิ้มลิ้มของนางความไม่พอใจยิ่งเพิ่มความขัดเคืองใจที่นางคิดจะล่วงล้ำอาณาเขตอันหวงแหน ทว่าสีแดงสดฉ่ำวาวท่าทางนุ่มชื้นที่กำลั
ความเงียบงันยิ่งเงียบงัน หมิงเฉิงได้รู้สึกถึงความเงียบสงัดกระทั่งเข็มตกยังได้ยินชัดก็ครานี้ทว่าโม๋เอ๋อร์ยังเฝ้าเอาใจหมิงเฉิงไม่ห่างไป หญิงสาวยังคงบีบนวดย้ำตรงโคนขาให้ชายหนุ่ม พร้อมหยอดหวานคืบคลานใกล้หัวใจเข้าไปทุกที“สามีเปรียบดั่งท้องฟ้าอันมืดมิด ภรรยาเปรียบดั่งดวงดารายามราตรีอับแสง เคียงข้างกันไปไม่มีเบื่อ”แม้ประโยคที่ถูกสอนสั่งจะผิดเพี้ยนไปบ้าง ว่าแท้จริงสามีเปรียบดั่งท้องฟ้าส่วนภรรยาเปรียบแค่เศษพสุธา แต่ก็ยังดีกว่าไม่นำมาใช้ให้ดูดีโม๋เอ๋อร์ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้เมื่อนางยิ่งนวด เขาก็ยิ่งแข็ง??? …ตรงกล้ามเนื้อขานางจึงขยับปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นกำปั้นน้อยๆ แล้วเลื่อนขึ้นทุบเบาๆ ที่แผงอกหนา คิดเพียงว่าเขาอาจเมื่อยตรงนี้ เพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นถี่ๆ ดีไม่ดี อาจทะลุออกมา“สามีอนุญาตภรรยาเถิด...”หญิงสาวช้อนตาหวานฉ่ำพราวระยับขึ้นมองเขา พร้อมกะพริบตาเบาๆ ก่อนคลี่รอยยิ้มละมุนละไมสะท้านหัวใจชายตรงหน้าทว่าหมิงเฉิงกลับเอ่ยเสียงเย็น มองอย่างเฉยชา“ออกไป!”ชายหนุ่มเอ่ยแบบลอดไรฟัน เส้นเสียงแหบพร่าเล็กน้อยโม๋เอ๋อร์คล้ายกับว่าไม่ได้ยิน นางเปลี่ยนจากการทุบแผงอกเป็นเอื้อมแขนขึ้นคล้องบ่
สายตาคมดำถึงกับสั่นไหว คิดในใจว่าบางทีเขาคงคิดถึงสตรีนางน้อยปริศนามากจนเกินไปความรู้สึกรุ่มร้อนสายหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม ในห้วงคำนึงคิดถึงเพียงดวงหน้าอันพร่าเลือนของนางในดวงใจ อารมณ์คุกรุ่นตามสัญชาตญาณคล้ายสัตว์ร้ายยามหิวกระหายของชายชาญจึงพลุ่งพล่านแผ่ซ่านออกมาด้วยหากว่าตรงนี้เป็นเตียงอุ่น เขาย่อมจับร่างนุ่มกดลงแล้วมอบความดิบเถื่อนให้อย่างไร้ปรานีความคิดที่จะเก็บคนงามให้น้องชายพลันตกไปชอบยั่วนัก เขาจะจัดให้หนำใจ จะได้หลาบจำ!แววตาคู่คมสาดประกายดุร้ายดุจหมาป่า เหี้ยมเกรียมและกระหายหิว มุมปากหยักโค้งแข็งกระด้าง เพิ่มความอำมหิต ลืมเสียสนิทว่าต้องเก็บคนงามให้น้องชายทว่าอีกฝ่ายกลับหาได้กลัวเกรงไม่ โม๋เอ๋อร์ที่ยังคงมอง หมิงเฉิงด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดรุ่มร้อนกระตุ้นเร้า ซึ่งนางยังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมา หัวใจเต้นตึกตักรุนแรง ที่ท้องน้อยรู้สึกเสียวแปลบแล่นลามไปทั่วจึงพลั้งปากเอ่ยตามสัตย์อย่างเผลอไผลว่า“การฆ่าคือการทำให้ตาย หากแต่มิใช่กับข้าที่ไม่อาจตาย มิสู้ทำให้อยู่รอดปลอดภัยถึงฝั่งฝัน ข้ายินดีปกป้องท่านตลอดไป”ประโยคนั้นทำหมิงเฉิงนึกฉงน รู้สึกอุ
บทนำมีความเชื่อหนึ่ง โดยเฉพาะราชวงศ์แห่งจักรพรรดิที่สามารถหลับนอนกับสตรีในช่วงที่ใกล้กับวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่พลังหยินอันเป็นพลังของอิสตรีแตะระดับสูงสุด และเข้าคู่กับพลังหยางขององค์จักรพรรดิ เพื่อผลิตองค์รัชทายาทที่ดีที่สุดหมายสืบทอดราชวงศ์ต่อไปทว่าใครไหนเลยจักล่วงรู้ ว่าความเชื่อนี้มีผลกับเทพปีศาจ เช่นโม๋กุ่ยเสินโดยตรง การที่นางจักยืนหยัดอยู่ได้ในภพมนุษย์ โดยไม่สลายหายไปคล้ายหมอกควัน ยามราตรีเดือนเพ็ญ มีเพียงต้องสมสู่คู่ยวนยางกับบุรุษที่มีพลังหยางเข้มข้นเท่านั้นและเขาคือผู้ถูกเลือก…หากหยินและหยางมารวมกันจะกลายเป็นจิตวิญญาณที่มีพลังเป็นหนึ่งเดียว***อารัมภบทหมิงเฉิงมองโม๋เอ๋อร์ไม่วางตา เผยความรักใคร่ชัดเจน มองอย่างลึกซึ้งคะนึงหา ไม่คิดเก็บข่มความหลงใหลอันใดทั้งนั้นดวงตาเรียวคมของเขาเข้มลึกสุดจะหยั่ง ทั้งยังคล้ายกับมีเปลวเพลิงแห่งปรารถนาไหวระริกไม่หยุดท่าทางของบุรุษผู้เคร่งขรึมเย็นชากลายเป็นอ่อนโยนมาก โดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว ทว่ากลับรู้หัวใจของตนเองเป็นอย่างดีนางคือสตรีหนึ่งเดียวที่เขาเฝ้าตามหาและรักสุดหัวใจโม๋กุ่ยเสิน...ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์อันลึกล้ำประดับบนใบ
ร่างสูงเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้ากระโจมชั่วครู่ ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ เปิดประตูที่ทำจากผ้าเนื้อหนา แล้วเดินเข้าไปช้าๆเมื่อเดินเข้ามาในกระโจมของพระชายา สายตาคมกวาดมองไปที่เตียงนอน เห็นนางกำนัลสองคนกำลังหลับใหลประหนึ่งตายจากอยู่บนฟูกที่พื้นหน้าเตียงเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นอยู่เป็นทุนเดิม ยิ่งขมวดพันกันแน่นคล้ายกลายเป็นปมเชือก เมื่อมองไม่เห็นเงาร่างของใครบางคนนอนอยู่บนเตียงนั่นสายตาคมกล้าจึงกวาดมองไปทั่วกระโจม ทันใดนั้นพลันสะดุดกับสตรีนางหนึ่ง ซึ่งยืนอยู่ตรงมุมอับภายในกระโจมร่างหนานิ่งค้างในบัดดล จ้องมองสตรีนางนั้นนิ่งงันเพราะว่าดึกมากแล้ว แสงเทียนสีทองจึงเริ่มมอดดับ ความสว่างจึงสาดส่องไม่ทั่วสักเท่าไหร่ หมิงเฉิงจึงเห็นสตรีปริศนาแค่เพียงรำไรในครรลองสายตา นางแต่งกายด้วยชุดสีขาวบางเบา แหวกสาบเสื้อเปิดเปลือยเนินเนื้ออวบอิ่มนูนเด่นออกมามากกว่าครึ่งเต้า สร้างความรู้สึกวาบหวามไม่เบาแก่ผู้จ้องมองม่านตาดำพลันหดเล็กแคบ ตรึงมองนางไม่ไหวติงหมิงเฉิงชะงักงันไปชั่วขณะ มิใช่เพราะความเย้ายวนที่เรือนกาย ทว่าเป็นเพราะเมื่อสตรีงดงามนางนี้ค่อยๆ ผินหน้ามา เค้าโครงหน้าตาของนางหาใช่ชายาแห่งเขาไม่!ชายหนุ่มยิ่งขม
เมื่อสิ้นเสียงเหล่าสัตว์ร้าย สิ้นความโกลาหลวุ่นวาย ความสงบจึงกลับเข้ามาอีกครั้งความเคลือบแคลงสงสัยเกี่ยวกับสัตว์ป่าจำนวนมากที่เข้ามาทำร้ายองค์รัชทายาทถูกอาบไล้ไปทั่วบริเวณ แต่กระนั้นฮ่องเต้ต้าหมิง ก็ทรงทำได้เพียงเรียกรวมทุกคนเข้าร่วมหารือในกระโจมหลักเหล่าองค์ชาย แม่ทัพใหญ่และทหารกล้าอีกหลายนายเข้าร่วมประชุมเคร่งเครียด เร่งหาสาเหตุต้นตอและวิธีรับมือกับสัตว์ป่าในวันรุ่งในใจทุกคนเริ่มหวาดหวั่นว่าการที่พวกเขามาล่าสัตว์ในครานี้ ตัวพวกเขาเองอาจจะกลายเป็นฝ่ายถูกสัตว์ล่าเสียมากกว่าหมิงเฉิงที่กำลังยืนนิ่งขรึมอยู่กลางลาน สีหน้าเย็นเยียบ ประหนึ่งวิญญาณลอยไปไกลก่อนหน้า ยังถูกตามตัวมาร่วมหารือเช่นกัน ด้วยตัวเขานั้นคือหัวข้อใหญ่แห่งการประชุม พื้นที่โล่งภายในกระโจมหลัก มีขุนศึกทั้งบุ๋นบู๊กำลังยืนรวมตัวกันด้วยท่าทีเคร่งเครียด เบื้องหน้าของพวกเขาคือองค์จักรพรรดิต้าหมิงประทับนั่งเหนือสุด ด้านซ้ายและขวาของพระองค์คือองค์ชายทั้งสอง หมิงเหอ และหมิงเฉิงบุรุษชุดครามเปื้อนเลือดสัตว์ป่ายังคงนั่งนิ่งเงียบงัน ปราศจากวาจาแม้ครึ่งคำ ทั้งๆ ที่หัวข้อหารือของทุกคนในกระโจมคือเรื่องของเขา ใบหน้าหล่อเหลาของ
ความกลัววูบหนึ่งในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร พลันเกิดขึ้นกับสตรีเช่นโม๋เอ๋อร์ ในจังหวะเดียวกันที่เงาร่างอรชรพลันสาดแสงแวบหนึ่ง แล้ววาบหายไปเพียงเสี้ยวอึดใจ ผ้าม่านกระโจมพลันเปิดสะบัด ร่างแกร่งพลันพุ่งพรวดเข้ามาหมิงเฉิงวิ่งถลาเข้าหารวดเร็ว ทันได้เห็นแสงสีทองวูบไหวในอากาศ เพียงเสี้ยวเวลาเท่านั้น ร่างสูงยืนนิ่ง เรียวตาเบิกกว้าง ใบหน้าแข็งค้าง ริมฝีปากเปล่งเรียกคราหนึ่ง“หนวี่เอ๋อร์...”บุรุษยืนเคว้ง มองโดยรอบภายในกระโจม ลำตัวแข็งเกร็ง ชะงักนิ่งเงียบงันนามหนวี่เอ๋อร์นี้ ล้วนมาจากเซียนหนวี่และหนวี่เสินที่หมิงเฉิงมั่นใจเหลือเกิน ว่านางสูงส่งเทียมฟ้าหาใช่สตรีธรรมดา ในความรู้สึกหมิงเฉิงหมุนกายวิ่งออกนอกกระโจม สองตาคมปลาบกวาดมองไปทั่วบริเวณ ไม่สนใจเหล่าทหารที่กำลังโกลาหลวุ่นวายกับการกำจัดซากสัตว์ป่าที่ล้มตายก่อนหน้าสองเท้าก้าวฉับๆ ไปทิศทางหนึ่ง เมื่อเห็นนางกำนัลเดินผ่านก็เรียกมา แล้วถามหาพระชายาของตน“พระชายาตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ร่ำไห้เสียขวัญยิ่ง ยามนี้อยู่ในกระโจม บ่าวหลายคนไปอยู่เป็นเพื่อนแล้วเพคะ”นั่นคือคำตอบของนางกำนัลก่อนยอบกายแล้วล่าถอยไปหมิงเฉิงได้แต่ยืนอึ้ง เงียบงันอยู่เช่
ลานโล่งเยื้องด้านหน้ากระโจมขององค์รัชทายาทเหล่าสัตว์ป่าดุร้ายยังคงกระโจนขึ้นหน้าแบบไม่คิดชีวิต ทุกตัวไม่สนใจคมดาบของทหารคนใด เอาแต่ขู่คำรามกรรโชกรุนแรง แล้วพุ่งทะยานเข้าใส่ เพียงหมิงเฉิงผู้เดียวรัชทายาทหนุ่มแค่นเสียงสบถในลำคอ เงื้อดาบขึ้นหน้าฟาดฟันไม่มียั้งทว่าในเสี้ยวเวลานั้นเอง เหล่าสัตว์ร้ายหิวกระหายคล้ายกับได้สติฉับพลัน ดวงตาสีแดงเพลิงของพวกมันพลันเบิกกว้างถลึงมองค้างทั้งเสือร้ายและหมาป่าต่างพากันชะงักงันกลางอากาศ ก่อนจะทิ้งร่างกระแทกพื้น ทุกตัวดิ่งร่วงลงต่ำราวห่าฝนกะทันหันร่างของสัตว์ใหญ่ตกกระทบพื้นดินดังพลั่กพลั่กติดต่อกัน จากนั้นพวกมันก็ตะลึงลานก่อนร้องโหยหวนคล้ายเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส แล้วรีบปัดป่ายสี่ขาลนลานลุกขึ้นวิ่งหนีออกไปคนละทิศละทาง ประหนึ่งหนูเจอราชสีห์ หวาดกลัวสุดชีวิตเสียงสวบสาบครืนครืนเกิดขึ้นจากฝีเท้ามากมายของเหล่าสัตว์ร้ายที่คล้ายกับหนีตาย เพียงพริบตา เหล่าสัตว์ป่าล้วนหายไปในความมืดมิดของผืนป่า ประหนึ่งลมพัดโหมหอบใหญ่หมิงเฉิงตะลึงในใจ เรียวคิ้วคมกระตุกวูบ สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่คุ้นเคย จากทางด้านหลัง ที่กระโจมนั่นแน่งน้อย!ชายหนุ่มไม่รอช้า ไม่สนใจผู้ใด
เมื่อพวกมันกระโจนเข้าใกล้ในระยะประชิด หมิงเฉิงก็ยกดาบหนาหนักในมือขึ้นอย่างไม่ครั่นคร้าม ฟาดฟันสัตว์ป่าหิวกระหายจนกระเด็นไปไกล เลือดสีแดงฉานสาดกระจาย เหม็นคาวคละคลุ้ง ตลบอบอวลชวนสะอิดสะเอียนหนึ่งตัวปลิวไป สองตัวละลิ่วตาม สองแขนปัดป่ายซ้ายขวาด้วยท่วงท่าทรงพลัง ความอำมหิตเกิดขึ้นพริบตาหมิงเฉิงล้วนสังหารเจ้าเดรัจฉานได้หฤโหดยิ่งนักชั่วจังหวะที่เหล่าสัตว์ร้ายกำลังรุมขย้ำบุรุษสูงศักดิ์ บรรดาทหารก็พากันขึ้นหน้า โอบล้อมเข้าหา พร้อมอาวุธเข้าช่วยเหลือ ทุกคนกล้าหาญขึ้นมาก เมื่อเห็นองค์รัชทายาทน่ากลัวยิ่งกว่าพวกสัตว์ป่าทั้งหลายทว่า...เหมือนมันยังไม่หมดง่ายๆเหล่าสัตว์ร้ายจากมุมมืดในป่าใหญ่ คล้ายกับมีจำนวนมากมายมหาศาล ฆ่าให้ตายอย่างไรก็ไม่หมดเสียทีบัดนี้ พลันมีเสียงเคลื่อนตัวสวบสาบแหวกหญ้าพุ่งปราดจากทุกสารทิศ อึดใจก็รวมตัวกันแล้วเกิดเสียงครืนๆ จากในป่าลึก เสียงนั้นคือการเคลื่อนตัวของสัตว์ฝูงหนึ่ง สวบสาบแหวกหญ้าพุ่งปราดจากทุกสารทิศจนรวมตัวกัน แล้วเกิดเสียงครืนๆ จากในป่าลึกดังเข้ามาใกล้ทุกที ทั้งคำราม ขู่กรรโชก เห่าหอน ดังลั่นไปทั่วไม่นาน...แสงสีแดงน่ากลัวมากมายพลันเกิดขึ้นพรึบปานหิ่งห้อยฤดูร้อ
เหล่าทหารกล้าพร้อมอาวุธกระชับแน่นในมือ รุมล้อมเหล่าสัตว์ร้ายอีกชั้นหนึ่ง ทุกคนเหงื่อซึมพร่างพราวที่ขมับซ้ายขวา ริมฝีปากแห้งผาก สองตาทุกคู่จ้องเขม็ง ไม่กล้ากะพริบ พยายามโอบโดยรอบบริเวณ เพื่อกระชับพื้นที่ ทว่าไม่อาจเข้าหาหมิงเฉิงได้แต่อย่างใดฮ่องเต้ เหล่าสนม องค์ชายรอง และพระชายาคนอื่นๆ ต่างได้รับการคุ้มกันห่างออกมา ทุกคนทำได้เพียงมองไปทางกระโจมของหมิงเฉิงอย่างหวาดหวั่นขวัญผวา แตกตื่นตกใจในแววตา เนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุดเห็นได้ชัดว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยสักครั้งทั้งหมดพากันยืนอย่างสงบ เงียบเชียบกันทุกคน ไม่กล้าพูดจา ไม่กล้าแม้แต่จะขยับปลายเท้าเบื้องหน้าของพวกเขา คือบุรุษชุดครามเพียงหนึ่งเดียว ยืนตระหง่านอย่างสงบ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา รอบกายแผ่กำจายความเย็นเยียบออกมา ทว่ากลับแผ่ซ่านความร้อนระอุ ใกล้ปะทุจุดเดือด หมิงเฉิงยังคงสงบนิ่งท่ามกลางเหล่าสัตว์ร้ายมากมายที่กำลังคลุ้มคลั่งหลายสิบตัว พวกมันพากันแยกเขี้ยว ดวงตาแดงก่ำพร้อมเดือดดาล ห้อมล้อมเพียงรัชทายาทแค่หนึ่งเดียว ในขณะที่รอบด้านคือทหารดำทะมึน ที่ห้อมล้อมหยั่งเชิงสัตว์ร้าย หมายมิให้กล้ำกราย ทว่ากลับมิกล้าเข้าใกล้ลมเหมันต
โม๋เอ๋อร์ออกคำสั่งเสียงนุ่มตามเห็นสมควร เพราะว่านางไม่อาจพุ่งตัวออกไปว่องไวให้ใครผิดสังเกตเอาได้เมื่อนางกำนัลทั้งสองคนพากันวิ่งออกไปตามคำสั่ง โม๋เอ๋อร์จึงรีบลุกจากเตียงแล้วสวมชุดคลุมสีชมพูสดใส ปล่อยผมยาวสยายเคลียไหล่ เพราะไม่มีเวลารวบมัด จากนั้นก็เดินตามนางกำนัลไปชั่วอึดใจ นางกำนัลทั้งสองก็วิ่งกลับมาหาโม๋เอ๋อร์ แล้วรีบเล่าความให้ฟังว่า“เรียนพระชายา มีสัตว์ร้ายกลุ่มหนึ่งกำลังรุมทำร้ายองค์รัชทายาทเพคะ ได้ยินทหารเล่าว่า เมื่อช่วงหัวค่ำ รัชทายาทเดินเข้าไปในป่า แล้วกลับออกมา จากนั้น...”โม๋เอ๋อร์ไม่เสียเวลารอฟังจนจบ นางรีบสาวเท้าขึ้นหน้า ทว่านางกำนัลยังคงตามติดเพื่อบอกเล่าต่อความว่า“พวกทหารพากันสงสัยว่าองค์รัชทายาทเข้าป่าไปทำไม แต่บัดนี้ ทุกคนล้วนกระจ่างแจ้งแล้ว”นางกำนัลอีกคนรีบเอ่ยเสริม “พระองค์อาจจะจงใจเข้าไปนำสิ่งของสำคัญในป่าลึกออกมาเป็นแน่ อาจเป็นหินปีศาจ วารีพิฆาต บุปผาสวรรค์ ผลไม้เทพ พวกสัตว์ร้ายจึงตามมาทวงคืน” โม๋เอ๋อร์ปราศจากวาจา นั่นมันคำสันนิษฐานอันใด?ด้วยแน่ใจว่าหมิงเฉิงมิใช่คนโลภ และยิ่งมั่นใจ ว่าเจ้าสิ่งของเหล่านั้น มิใช่ผู้ใดจักหยิบเอามาได้โดยง่ายบ้าไปแล้ว...กระโจม
พลบค่ำ อากาศหนาวเย็นยิ่งกว่ายามกลางวัน บรรยากาศภายในหุบเขาวังเวงยิ่ง ทว่ารอบด้านกลับคึกคักครื้นเครง มีโคมไฟสาดส่องให้แสงสว่างไปทั่วกระโจมที่พักต่างๆ ล้วนแบ่งแยกชายหญิง ไม่เว้นแม้แต่สามีภรรยา องค์ชายกับชายา องค์จักรพรรดิกับพระสนมกฎระเบียบย่อมเป็นเช่นนี้ เพราะฮ่องเต้ทรงพาพระสนมคนโปรดมาถึงสามคน องค์ชายยังพาอนุชายามาด้วยมากกว่าหนึ่งคน หมิงเฉิงกับโม๋เอ๋อร์จึงต้องแยกกระโจมกันแต่โดยดี ไม่อาจทำตามแต่ใจเหมือนดั่งที่นั่งชมการประลองในยามกลางวันได้อีกแล้วยามนี้สี่ทิศโดยรอบ ทหารส่วนใหญ่ทำหน้าที่เวรยามอยู่ไกลๆ บ้างเดินสำรวจ บ้างยืนนิ่งเป็นหุ่นไม้ พวกที่เหลือพากันล้อมวง มีกองไฟอยู่ตรงกลาง บ้างร่ำสุรา บ้างหยอกล้อบ้าระห่ำยังมีบางกลุ่มที่สุมหัวแทบจะชนกัน หัวเราะฮ่าฮ่า ปากก็กล่าวว่า มาๆ วางเงินๆ สูงต่ำข้าแทง ถึงตาเจ้าแล้ว...นอกจากเหล่าทหาร ยังมีบรรดานางกำนัล ในตำแหน่งต่างๆ พากันเดินขวักไขว่เพื่อรับใช้เจ้านายราชนิกุลที่เป็นบุรุษ นั่งเสวนากันในกระโจมหลัก ร่วมโต๊ะอาหารและดื่มเหล้าด้วยกัน ส่วนราชนิกุลฝ่ายสตรี ต่างพากันพักผ่อนแยกย้าย ในกระโจมของแต่ละคน ล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวเมื่อเป็นเช่นนี้ โม๋เอ๋อร์จึงนั่
ชั่วจังหวะที่สายตาจับจ้องเพียงสามี แสงแดดก็ดี หิมะก็ดี ล้วนสะท้อนร่างแกร่งทรงพลังของเขาจนเกิดความแวววาวเปล่งประกายเจิดจ้า พาหัวใจเต้นตึกตักรุ่มร้อนหนักหนาทว่าพริบตานั้น โม๋เอ๋อร์เพียงสังเกตได้ ว่ามีสิ่งหนึ่งพุ่งปรี่ไปที่หมิงเฉิง สิ่งนั้นพุ่งปราด ราวกับเป็นเพียงสายลมโชยวูบเดียว ผ่านหน้าไป มองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้นหากแต่โม๋เอ๋อร์ย่อมมองเห็นสิ่งนั้นคือเข็มปริศนานับสิบเล่ม พุ่งทะลวงยังทิศทางหนึ่งและเป้าหมายคือหมิงเฉิง…ก่อนคิดการอื่นใด หญิงสาวเพียงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ เข็มทุกเล่มพลันอ่อนยวบแล้วสลายหายไปในพริบตานางมิรู้ว่าคืออันใด มาจากทิศใด แต่หากปล่อยเอาไว้ย่อมทิ่มแทงสามีนาง กระทั่งขัดขวางการต่อสู้ร่ายกระบวนท่าอันสง่างามทรงเสน่ห์มนต์มารของเขาได้ซึ่งนางไม่อาจยอม...คนกำลังเหม่อมองอยู่ มิรู้หรือไร?โม๋เอ๋อร์นับว่าเป็นสตรีที่เอาแต่ใจยิ่ง!โดยเฉพาะเรื่องของหมิงเฉิง...หลังจากปล่อยเข็มอาบยาพิษไปแล้วหมิงเยวี๋ยนเพียงรอผลลับ ทว่าผลกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง เข็มพิษเหล่านั้นล้วนอันตรธานหายไปได้อย่างไร?ชายหนุ่มนึกฉงนงงงวย ทว่าหาใช่พวกขลาดเขลาที่ยอมแพ้ง่ายดาย ยิ่งมิใช่เสียเวลาปล่อยโอกาสงามๆ ยามนี้