ปี้เหยากับลี่จูมองหน้ากันทันที พวกนางเคยเห็นกันหลายครั้งเพราะลี่จูมักไปซื้อยาที่ร้านหมอประจำ ตอนที่นายท่านเขียนตัวยาให้ ปี้เหยาเองก็ติดตามคุณหนูว่านเสมอ แต่พวกนางไม่เคยได้พูดคุยกัน จางอวี้ถิงวาดแผนที่ตามที่ว่านชิงชิงบอกนาง จางอวี้ถิงยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ย
“ช่องโหว่ทางด้านติดกับช่องทางด้านท่านพอดี เอาอย่างนี้ท่านทุบฝั่งท่าน ส่วนข้าทุบฝั่งข้าไม่กี่วันก็ทะลุถึงกันแล้วอีกอย่างข้าทุบไว้บ้างแล้ว เมื่อมันทะลุกันเราสองคนสามารถไปไหนก็ได้ เวลาที่กลับมาท่านก็กลับเรือนตนเองได้เลยไม่ต้องผ่านเรือนข้า”
“ดีเลย งั้นข้าจะกลับไปทุบเดี๋ยวนี้ไว้พวกเราจะได้ไปเที่ยวให้ทั่งเมืองหลวงเลย ข้าได้เงินเดือนจากตาเฒ่านั่นสามสิบตำลึง”
“ข้าก็ได้เงินเดือนเหมือนกัน เอาเช่นนี้ไหมไหนๆ วันนี้ท่านก็มาแล้วพวกเรามาช่วยกันทุบดีกว่า เผื่อจะทะลุกันเร็วขึ้น ข้ามีเครื่องมือเกษตรที่ข้าขอไปทางตาเฒ่าหยางไว้”
“ได้สิ ปี้เหยาพวกเรามาช่วยกันเถอะ”
จากนั้นทั้งสี่คนก็ช่วยกันลากกระถางต้นโบตั๋นมาบังฝั่งที่จะทุบ ก่อนจะช่วยกันค่อยๆ ทุบทีละน้อย หากเสียงดังเกินไปอาจมีคนได้ยิน ปี้เหยากับลี่จูละมือไปทำอาหารเที่ยง ทั้งสองคนยังคงหมกมุ่นกับการทุบกำแพงอยู่ มือของว่านชิงชิงเริ่มมีตุ่มใสๆ จางอวี้ถิงจึงบอกให้นางพักก่อน ว่านชิงชิงไปนั่งพักมองดูจงอวี้ถิงทำงานก่อนจะเอ่ยถาม
“ถิงถิง ข้าได้ยินท่านปู่เคยบอกว่าเจ้าป่วยหนัก มิสามารถออกมาโดนลมโดนอากาศข้างนอกได้มิใช่หรือ”
“มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ เมื่อตอนห้าขวบข้าพลัดตกสระน้ำในจวน หลังจากที่ขึ้นมาข้าก็เจ็บออดแอดๆ มาตลอด แต่ว่ามันเป็นอาการไม่ร้ายแรง ข้ามีเสมหะที่อุดตันช่องอก ข้าตัดสินใจลองทุบตัวเองแรงๆ ดูหลายๆ ครั้ง ถ้าไม่หายก็แค่ตาย โชคดีที่ข้าหายเลยไม่ตายน่ะเจ้าค่ะ”
“อ้อ มิน่าท่านปูจางถึงรักษาไม่ได้ ที่แท้ปู่ของเจ้าคงไม่กล้าลงมือกับหลานสาวตนเอง แต่เจ้าใจกล้ามากนะ เป็นข้าไม่รู้เลยว่าจะกล้าเสี่ยงหรือไม่”
“คนเราเกิดมาชาติเดียวตายหนเดียว (ยกเว้นข้า) จะยอมทรมานไปทำไม่ หากไม่ลองดูจะรู้ผลลัพธ์หรือเจ้าคะ”
ทั้งคู่สนทนากันจนกระทั่งปี้เหยามาตามไปกินข้าวจึงได้ล้างมือ ทั้งสี่ไม่แยกนายบ่าวนั่งกินข้าวด้วยกัน จนกระทั่งอิ่มจึงนั่งพักอีกซักหน่อย จางอวี้ถิงอยากทุบให้เสร็จวันนี้ ว่านชิงชิงจะได้กลับออกไปโดยที่ไม่ต้องปีนต้นไม้ กระทั่งยามโหย่วก็ได้ช่องประมาณสามฉื่อ
พอให้คนตัวเล็กๆ อย่างพวกนางลอดได้ จากนั้นจางอวี้ถิงก็ลอดข้ามมาฝั่งจวนเซียว มีกระถางต้นไม่ระเกะระกะมาก สองคนนายบ่าวใช้ชีวิตแบบไม่มีอะไรเลยบ่าวไพร่ก็ไม่มีรับใช้ ทั้งสี่คนหากระถางมาบังรูสุนัขลอดของพวกนาง จนเสร็จเรียบร้อยก็ต่างร่ำลา ปี้เหยาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาช่วยทุบช่องที่อยู่ด้านในรั้วของฝั่งนางช่องที่อยู่ด้านหลังรั้วดอกไม้เพื่อจะใช้ช่องทางนั้นออกไปนอกจวน
ว่านชิงชิงเหนื่อยมากแต่ว่านางก็ดีใจที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนใหม่มาเพิ่ม หลังจากนี้พวกนางจะใช้ชีวิตให้สนุก เซียวอี้หลงจะทำอะไรก็ช่างนางคร้านจะใส่ใจ ปี้เหยาเทน้ำผสมให้คุณหนูของตนเรียบร้อยก็เตรียมอาภรณ์วางไว้ในห้องก่อนจะเตรียมไปซักผ้าที่เปื้อนดิน
“ปี้เหยาหยดน้ำมันหอมระเหยสักหน่อย วันนี้ข้าเหนื่อยมากเลย แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก”
“เจ้าค่ะคุณหนู แล้วอย่าแช่เพลินจนหลับคาอ่างอีกนะเจ้าคะ บ่าวจะไปซักชุดก่อนเปื้อนดินไปหมดเลย”
เมื่อเช้าได้ดอกเหมยกุ้ยมามากนัก ฝนตกทุกวันดอกไม้งดงามมาก ปี้เหยาผสมน้ำเรียบร้อยแล้วก็ไปซักผ้า ส่วนว่านชิงชิงนอนแช่น้ำอย่างสบายใจ มือเป็นตุ่มใส่ๆ หลายตุ่ม เดี๋ยวจะเจาะน้ำออกแล้วใส่ยาอีกที ปี้เหยามัวแต่ซักผ้าจนไม่รู้ว่ามีคนมาเยือน
เซียวอี้หลงรำคาญที่ท่านย่าของเขาเอาแต่ถามว่าเมื่อไหรจะมีหลานสักที ท่านย่าไม่รู้ว่าเขาไล่นางมาอยู่เรือนข้าง คนในจวนไม่กล้าบอกแก่ท่านย่าของเขา เดิมทีนางจะกลับมาในอีกห้าเดือน แต่เพราะมีสหายของนางเดินทางมาจากดินแดนตะวันตกนางจึงอยู่ถือศิลต่อที่วัดกลับพร้อมกับท่านย่าของหยางหมิง
หลังจากที่เซียวอี้หลงกลับเรือนหลักไปแล้วว่านชิงชิงกับปี้เหยาก็รอจนตะวันตกดิน สองคนนายบ่าวค่อยคืบคลานออกจากเรือนไปยังรูสุนัขที่พวกนางช่วยกันทำ จากนั้นก็อาศัยแสงจันทร์นำทางเพื่อไปหาจางอวี้ถิง เมื่อทั้งคู่มาถึงก็ใช้ก้อนหินเล็กๆปาไปที่หน้าประตู จางอวี้ถิงที่ได้ยินก็ลุกออกมาดู จางอวี้ถิงเห็นเงาตะคุ่มๆดูแล้วรูปร่างคล้ายสตรี เป็นสองนายบ่าวจากจวนข้างๆว่านชิงชิงกับปี้เหยา จางอวี้ถิงเดินไปหาพวกนางก่อนจะเอ่ยถาม
"พี่ชิงชิงท่านมาได้อย่างไรกัน ไม่กลัวตาแก่บ้านท่านจับได้หรือ"
"ไม่หรอก วันนี้ตาแก่นั่นจะมาพูดกับข้าเรื่องที่ท่านย่าเขาจะกลับอีกสิบเดือนข้างหน้า แต่เขากักขฬะจนถูกปี้เหยาเอากระดานซักผ้าฟาดไปสามที เมื่อตอนหัวค่ำจึงให้คนมาแจ้งว่าเขาจะเพิ่มเงินเดือนให้ แต่ว่าข้าต้องอยู่แต่ในเรือน หากอยากไปข้างนอกเขาจะให้คนพาออกไปแค่มาแจ้ง"
"แล้วท่านคิดอย่างไร"
"เหอะ..ไปแจ้งหรือเจ้าก็รู้ว่าหากข้าไปแจ้ง คนของเขาต้องตามประกบติดข้า จะเอาอิสระมาจากไหนกัน"
"แต่ว่าข้าว่าพรุ่งนี้ท่านให้คนไปแจ้งเขาสักหน่อยดีกว่า"
"หมายความว่าอย่างไรหรือถิงถิง"
"ข้าอยากกินขนม อยากทำขาหมูตุ๋นผักกาดดอง อยากได้เครื่องเทศ โรงครัวของที่นี่แม้ว่าข้าจะสามารถขอมาได้ แต่อย่างไรก็ไม่อาจขอได้มากนัก ท่านขออนุญาตตาแก่บ้านท่านออกไป หาซื้อของที่ข้าต้องการข้าจะเขียนรายการที่ต้องซื้อให้ท่าน ที่สำคัญพวกเราต้องการชุดบุรุษ"
"อ้อ..ข้าเข้าใจแล้ว งั้นเจ้าก็ร่างมาเถอะก่อนตาเฒ่านั่นจะเข้าวังข้าจะไปดักรอเขาก่อน"
"พี่..ท่านอย่าแข็งนะท่านอ่อนข้อสักหน่อย แต่อย่าอ่อนเกินไปจนเขาผิดสังเกต ท่านก็แค่บอกว่าท่านอยากไปหาซื้อผ้ามาตัดชุดกับซื้อของใช้สตรี ออกจากจวนได้ค่อยไปตามร้านที่ข้าจดรายการให้"
"อืม แล้วจะเอามาให้เจ้าหลังจากกลับมา"
"อย่าเอามา พี่ชิงชิงเขาจับผิดท่านอยู่ ท่านต้องเอาของไว้ที่เรือนท่านก่อน หากเขาสอดรู้สอดเห็นอยากมาดูว่านท่านซื้ออะไรมามากมายท่านต้องมีสิ่งของเหล่านั้นให้เขาเห็น ให้ปี้เหยาเอาของสดกับชุดบุรุษมาก็พอ นอกนั้นฝากไว้ก่อน รอจนเขาลืมไปแล้วค่อยเอามา พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มทุบทางออกไปนอกเรือน"
"ได้ เอาตามที่เจ้าว่า เช่นนั้นข้ากลับก่อนนะถิงถิงเจ้าก็อย่านอนดึกนักเล่า"
จางอวี้ถิงเห็นนางพันผ้าที่มือก็เรียกนางให้หยุดก่อน จากนั้นก็เข้าไปเอายาสมานแผลมาให้นาง ตาเฒ่าหยางหมิงแม้จะขี้เก๊กไปหน่อยแต่ก็ยังถือว่ามีน้ำใจ เขาให้คนนำยามาให้ตอนที่นางเคลื่อนย้ายต้นไม้และลงมือยกร่องแปลงผัก
รุ่งเช้าจางอวี้ถิงเดินไปที่โรงครัวเพื่อพบกับหัวหน้าห้องครัวเพราะตอนนี้ผักในแปลงของนางสามารถตัดกินได้แล้ว ของปลูกต้องใช้แรงเมล็ดพันธุ์ก็ต้องซื้อหา จางอวี้ถิงมาพบกับป้าหงแม่ครัวใหญ่ของโรงครัวแห่งนี้ นางไม่แสดงทีท่าว่าเป็นฮูหยินเพราะตาแก่นั่นสั่งห้ามเรียกนางว่าฮูหยิน ไม่นานป้าหงก็เดินมาหานางก่อนจะเอ่ยทักทาย"คุณหนูจางวันนี้ออกจากจวนเล็กมาถึงโรงครัวด้วยตนเองไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไรหรือเจ้าคะ""ไม่ได้ต้องการสิ่งใด ท่านป้าหงข้าปลูกผักไว้หลายสิบแปลงกินอย่างไรก็ไม่ทัน วันนี้มีผักกาด หลัวโปว กวางตุ้งดอก ข้าขายถูกๆกำละยี่สิบอีกแปะ พวกท่านคนมากข้าขายถูกกว่าตลาดถึงห้าอีแปะสนใจจะรับหรือไม่เล่า"ป้าหงถึงกับอ้าปากค้าง คุณหนูจางท่านปลูกในที่ดินสกุลหยางยังกล้ามาขายให้สกุลหยางอีกเนี่ยนะ ป้าหงทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที อาจิ้งที่เดินมาเพื่อรับน้ำอุ่นจากโรงครัวเห็นว่าคุณหนูจางมาถึงจวนใหญ่เองก็แปลกใจจึงเดินไปหานางเพื่อสอบถามความต้องการ"คุณหนูจาง ไม่พบเสียนานท่านสบายดีนะขอรับ""อ้อ..องครักษ์หลี่ ข้าสบายดีเอ่อจริงสิ ข้าปลูกผักไว้หลายแปลงแต่มาขายโรงครัวดูแล้วท่านป้าหงคงไม่อาจรับซื้อ
เซียวอี้หลงอยากตบศีรษะคนตรงหน้าสักที ฟังก็รู้ว่าล้อเลียนเขา หึใครอยากได้เจ้าเป็นเมียกันว่านชิงชิง จากนั้นรถม้าของเขาก็เคลื่อนออกจากจวนหลัง พอดีกับรถม้าของว่านชิงชิงเคลื่อนออกจากทางจวนข้างพอดี รถของเขานำหน้าไปก่อนเขานัดหยางหมิงมาเจอกันที่ด้านหน้าหออี้ชุน เมื่อมาถึงก็ลงจากรถม้าไปนั่งรอที่ชั้นสอง หยางหมิงออกจากจวนมาก็ตรงมาหาเซียวอี้หลงที่ร้านอาหารอี้ชุนทันที ทั้งสองนั่งสนทนาถึงเรื่องข้อสอบ วันนี้ไม่มีประชุมจเช้าทั้งคู่จึงถกปัญหากันกับอาจารย์อีกสามท่านที่นัดมาวันนี้ ด้านล่างเซียวอี้หลงเหลือบสายตาไปมองเห็นสตรีอ้อนแอ้นหนึ่งคนกับบุรุษที่เหมือนจะสวมชุดสำนักศึกษาหลวง ป่านนี้ยังไม่ไปเรียนอีกหรือ ที่สำคัญสตรีคนนั้นคือคนที่ยั่วโมโหเขาเมื่อตอนสายนั่นเองด้านล่างว่านชิงชิงกำลังพูดคุยกับหลัวชิวหมิง เขาเป็นบุตรชายของใต้เท้าหลัวรองเจ้ากรมอาลักษณ์ ทั้งคู่สนิทสนมกันจนใครๆต่างก็คิดว่าทั้งคู่เหมาะสมกันหากได้แต่งงานคงเป็นคู่ที่เหมาะสมมากที่สุดในเมืองหลวง "ชิงชิง...เจ้าสบายดีหรือไม่เหตุใดไปหาที่จวนจึงมิเจอเจ้าสักครั้ง""พอดีข้าไปอยู่ที่อื่นน่ะ ท่านปู่เห็นว่าอยู่บ้านข้าเกเรไม่เอาถ่านเลยให
เซียวอี้หลงเลื่อนมือค่อยๆ ปลดสายรัดเอวนางออกใบหน้าหล่อเหลากำลังจะสัมผัสกับปลายถันที่เขาไม่เคยลืมนับจากคืนก่อน เซียวอี้หลงกำลังก้มลงจะชิมความหวานอยู่ๆ ประตูก็เปิดออกพร้อมเสียงใสๆ ของเด็กสาว"ท่านอาเข้ามาแล้ว...เอ๋พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ"เซียวอี้หลงต้องคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างบางเอาไว้แล้วหันไปหาตัวต้นเรื่อง"เสี่ยวหรูเจ้ามาได้อย่างไรแล้วบิดาเจ้าเล่า""ท่านพ่อได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าแล้วข้าก็ตามมาด้วยท่านพ่อบอกว่าฝ่าบาทจะให้ท่านพ่อไปเมืองซีโจว ดูแลเรื่องสร้างเขื่อนกั้นน้ำน่าจะใช้เวลานานท่านแม่ก็ไปด้วยท่านพ่อก็เลยเอาข้ามาทิ้งท่านเอ้ยไม่ใช่เอาข้ามาฝากท่านอาสักสองสามเดือนเจ้าค่ะ""แล้วพรวดพราดมาห้องคนอื่นเจ้าเป็นสตรีแบบใด""โอ่ว..ปกติข้าก็มาได้นี่เจ้าคะไอ้หยาอ้อหลานลืมไปท่านอาแต่งงานแล้ว ได้ยินท่านพ่อบอกท่านแม่ว่าท่านอาแต่งงานกับเด็กสาวอายุสิบหก ท่านอานางอายุเท่าข้าเลยนะเจ้าคะ ท่านพ่อยังบอกท่านแม่ว่าท่านอาแก่ปูนนี้แล้วจะไม่หมดแรงตายคาห้องหอหรือ เอแต่เท่าที่หลานเห็นท่านอาก็ยังสบายดีอยู่นี่เจ้าค่ะ""เซียวอี้หรู...""โอ่ว...งั้นข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้วเชิญทั้งสองคนต่อเลยเจ้าค่ะอาสะใภ
ทางด้านจางอวี้ถิงที่กำลังนวดแป้งเพื่อทำขนมโก๋อ่อนกับบัวหิมะ นางอยากกินไม่ได้กินนานแล้วจากนั้นก็เริ่มคั่วแป้ง สองนายบ่าวช่วยกันทำโดยไม่รู้เลยว่ามีคนมายืนดูสองคนนายบ่าวกำลงง่วนกับการทำขนมดูนางไม่ได้ป่วยสักนิด จางอวี้ถิงเจ้าปิดบังอะไรไว้อีกเท้าที่กำลังจะเดินไปหยุดชะงักเพราะได้ยินสาวใช้เอ่ยถึงตนเอง“คุณหนูจะทำไปให้ใต้เท้าด้วยไหมเจ้าคะ”“อย่าเลย เขารังเกียจข้าเพียงนั้นเอาไปเขาก็ทิ้งขว้างเปล่าๆ เสียดายของ”“อ้อ...แต่ว่าเราทำมากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”“ขายสิ...บ่าวในเรือนมีตั้งเกือบสองร้อยคนชิ้นละสิบอีแปะก็มีคนซื้อน่า มันเทศก็ปลูกเอง เผือกก็ปลูกเอง มีแค่ถั่วกับน้ำตาลและแป้งที่ซื้อมา”เขายืนหน้าหน้าดำเป็นก้นหม้อก่อนจะเดินหันหลังกลับจวนหลักตนเองทันที เด็กอะไรไม่รู้จักบุญคุณเขาอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กิน คุ้มครองไม่ต้องให้อยู่กันเองสองคนนายบ่าวที่จวนกลับไม่คิดถึงเขาสักนิด แล้งน้ำใจยิ่งนัก หึจางอี้ถิงไม่รับรู้ว่ามีคนกำลังงอนนางอยู่ ชาติก่อนมีฝีมือในการทำขนมและรังสรรค์มันออกมาได้อย่างสวยงาม นางแบ่งแป้งเป็นสีต่างๆ ก่อนจะจัดรูปทรงและปั้นแป้งใส่ไส้จากนั้นก็เริ่มใช้ไม้ไผ่ที่ทำเป็นแหนบเล็กๆ กรีดร่องทำลวดล
หยางหมิงหลงอดีตผู้ตรวจการแทนพระองค์ บัดนี้เขาอายุจะเจ็ดสิบแล้ว มักไปร่ำสุรากับสหายกันเป็นประจำ อย่างเช่นวันนี้ หยางหมิงหลงนัดกับสหายอีกสามคนไปนั่งท่องบทกวีชมจันทร์ ชมเวหาที่ป่าเหมยนอกเมืองเซียวจ้าน อดีตใต้เท้ากรมคลังจาวอวี้หมิ่น อดีตหมอหลวงว่านผิงอัน อดีตเจ้ากรมกลาโหมทั้งสี่คนร่ำสุรากันจนดึกดื่น เลยยามจื่อมาจนครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่เลิกร่ายบทกวี อดีตผู้ตรวจการเริ่มเมามากแล้ว เขาหันไปหาว่านผิงอันก่อนจะเอ่ยอ้อแอ้"เอิ่ม เอิ๊กกก นี่ๆๆๆตาแก่ว่าน หลานสาวเจ้าอายุเท่าไหร่กันเล่า"หยางหมิงหลงเอ่ยถามว่านผิงอัน ชายชราที่ถูกถามเอ่ยน้ำเสียงอ้อแอ้ไม่ต่างกัน ก่อนจะทำท่าครุ่นคิด แล้วหันไปถามอดีตหมอหลวงที่เมาแอ๋อยู่ข้างๆ"ชิงชิงหรือ...เอหลานสาวข้าอายุเท่าไหร่นะ ตาแก่จางเจ้าจำได้ไหม ว่าหลานสาวข้าอายุเท่าไหร่"ว่าวผิงอันลุกเซไปเซมา เดินไม่ตรงทาง หยางหมิงหลงจึงหันไปหาจางอวี้หมิ่นแล้วถามเขาแทน"เอิ่ม...ตาแก่จางดูเหมือนว่าอวี้ถิงหลานสาวเจ้าสิบห้าปักปิ่นไปไม่นานแล้วนี่นา หลานชายข้ารับตำแหน่งต่อจากข้าจนป่านนี้ยังไม่แต่งงาน ข้าหมั้นหลานสาวเจ้าให้หมิงเอ๋อร์เลยแล้วกัน นี่ๆหยกชิ้นนี้ค
จางอวี้ถิงเดินออกมาแล้ว หยางหมิงที่เห็นนางก็ถอนหายใจ เขายังไม่ต้องการแต่งงานสักหน่อย ท่านปู่ไปทำเรื่องขายหน้าอันใดอีกเล่า"ใต้เท้า..ขออภัยแทนท่านปู่ของข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ สร่างเมาแล้วคงลืมเองท่านอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลยนะเจ้าคะ""อืม อาจิ้งกลับเถอะ"หยางหมิงกลับขึ้นรถม้าทันที หยางหมิงหลงที่ลืมตาขึ้นมาก็เปิดหน้าต่างรถม้าเห็นจางอวี้ถิงยืนอยู่ก็เอ่ยเรียกเสียงดัง"หลานสะใภ้เจ้าเองหรือ พรุ่งนี้เจ้าก็จะเป็นหลานสะใภ้ของข้าแล้วฮ่าๆๆๆ ไปๆกลับบ้านๆ ข้าจะไปเตรียมของขวัญรับขวัญหลานสะใภ้ของข้า นี่ๆเรียกท่านปู่สิเร็วเข้า""อาจิ้งไป คุณหนูจางเจ้าเองก็อย่าถือสาเล่า ท่านปู่ของข้าก็เมาเช่นกัน"หยางหมิงสั่งคนของตนน้ำเสียงดุดันก่อนจะหันไปบอกกับจางอวี้ถิง น้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่พอใจที่เอ่ยออกมานั้น จางอวี้ถิงรู้ดีว่าเขากำลังไม่พอใจมากๆ หลี่จิ้งที่รู้ว่าจ้านายอารมณ์เริ่มไม่ดีแล้วจึงรีบควบม้ากลับจวนทันที เมื่อมาถึงจวนก็ให้บ่าวช่วยกันพยุงชายชราลงมาพาไปยังเรือนนอน หยางหมิงนึกถึงใบหน้าหวานที่ซีดเซียว อดีตหมอหลวงจางบอกว่าจะหายามารักษาหลานสาวหรือ นางป่วยร้ายแรงหรืออย่างไรกัน หยางหมิงถอนหา
หลังจากส่งท่านปู่เข้านอนหยางหมิงก็จัดการเขียนหัวข้อสอบที่จะส่งให้ฝ่าบาทพิจารณาในวันพรุ่งนี้ เขายังคงติดใจใบหน้าหวานๆของเด็กคนนั้นอยู่ นางเหมือนป่วยจริงๆ ก่อนจะถอนหายใจเอ่ยเบาๆ“อายุนางยังน้อยจริงๆ หวังว่าท่านปูไม่ได้ไปทำสิ่งใดแผลงๆมานะ เฮ้อ”หยางหมิงถอนหายใจกับพฤติกรรมของผู้อาวุโสคนเดียวของจวนยามที่เมานั้นช่างน่าให้ท่านย่าหวดยิ่งนัก หลังจากจัดเตรียมหัวข้อถวายรายงานพรุ่งนี้เสร็จก็เข้านอน จวนสกุลจางหลังจากที่ส่งท่านปู่เข้านอนแล้วจางอวี้ถิงก็กลับห้องนอนตนเอง นางกินยาแล้วเพลียหลับไป รู้ตัวอีกทีนางก็มานั่งอยู่สถานที่หนึ่ง มีแสงไฟมากมาย มีสิ่งประหลาดที่วิ่งผ่านไปมา กลางคืนกลับเหมือนกลางวัน แสงสีสว่างไสวเต็มไปหมด จางอวี้ถิงยืนอยู่ที่กลางทางคล้ายกับถนน พาหนะแปลกปะหลาดวิ่งผ่านร่างทะลุร่างของนางไป เหมือนได้ยินเสียมีคนเรียกชื่อนางเมื่อจางอวี้ถิงหันไปตามเสียง็พบชายชราคนหนึ่ง ท่านตาคนนั้นผมยาวสีขาว เครายาวในมือถือแซ่โบกไปมาเบาๆ สวมใส่อาภรณ์สีขาวมีแสงสว่างรอบๆตัวของเขา “แม่หนู..ได้เจอกันสักทีนะ”“ท่านตา..ท่านรู้จักข้าหรือเจ้าคะแล้วท่านมากจากที่ใดกัน แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่า
ยามเฉินเป็นเวลาที่หยางหมิงต้องเข้าวัง ท่านปู่ตื่นแล้วกำลังให้คนไปเตรียมรถม้าพร้อมเกี้ยวกับคนหามเกี้ยว หยางหมิงเดินมาหาปู่ของตนก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ท่านปู่ขอรับ นี่เพิ่งจะยามเฉิน ท่านตื่นแต่เช้ามาทำอันใดขอรับ”“อ้อ..หมิงเอ๋อร์อ่า ปู่จะไปรับภรรยาของเจ้าไง ไหนๆจะไปประชุมมิใช่หรือ รีบไปรีบกลับจะได้มาเข้าพิธีแต่งงาน”“ท่านปู..นี่มันเรื่องเหลวไหลอันใดกันขอรับ ข้ามิได้อยากแต่งงาน อีกอย่างท่านไปหาสตรีที่ใดมาแต่งให้ข้าอีกเล่า”“หลานสาวตาแก่จางไง ฮ่าๆๆนางถูกใจข้านัก หยกประจำตระกูลข้ามอบให้จางอวี้หมิ่นไปแล้ว ยามซวีพวกข้าจะออกเดินทางไปตะวันออกกับองไท่ซ่างน่ะ วันนี้จึงแต่งถิงถิงมาให้เจ้านางจะได้มีคนดูแล ไปๆๆรีบไปรีบมาวังหลวงแค่นี้อย่ากลับมาสายเล่า”หยางหมิงให้โมโหท่านปู่ของเขานักเขากำลังจะอ้าปากโวยวาย แต่ชายชรากลับมองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยเนื่อต่ำใจ“ข้ารู้ๆ หึ..เจ้าไม่อยากแต่งได้ๆไม่แต่งๆ ข้าจะไปเอาหยกคืน ข้าจะยอมตระบัดสัตย์ หึ คำพูดตาแก่อย่างข้านั้นไม่สำคัญหรอก คนทั้งจวนฟังแต่ท่านย่าของเจ้า ข้ามันตาแก่ไร้ค่า ที่นี่หาใช่จวนหยางไม่ ตอนนี้กลายเป็นจวนเว
ทางด้านจางอวี้ถิงที่กำลังนวดแป้งเพื่อทำขนมโก๋อ่อนกับบัวหิมะ นางอยากกินไม่ได้กินนานแล้วจากนั้นก็เริ่มคั่วแป้ง สองนายบ่าวช่วยกันทำโดยไม่รู้เลยว่ามีคนมายืนดูสองคนนายบ่าวกำลงง่วนกับการทำขนมดูนางไม่ได้ป่วยสักนิด จางอวี้ถิงเจ้าปิดบังอะไรไว้อีกเท้าที่กำลังจะเดินไปหยุดชะงักเพราะได้ยินสาวใช้เอ่ยถึงตนเอง“คุณหนูจะทำไปให้ใต้เท้าด้วยไหมเจ้าคะ”“อย่าเลย เขารังเกียจข้าเพียงนั้นเอาไปเขาก็ทิ้งขว้างเปล่าๆ เสียดายของ”“อ้อ...แต่ว่าเราทำมากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”“ขายสิ...บ่าวในเรือนมีตั้งเกือบสองร้อยคนชิ้นละสิบอีแปะก็มีคนซื้อน่า มันเทศก็ปลูกเอง เผือกก็ปลูกเอง มีแค่ถั่วกับน้ำตาลและแป้งที่ซื้อมา”เขายืนหน้าหน้าดำเป็นก้นหม้อก่อนจะเดินหันหลังกลับจวนหลักตนเองทันที เด็กอะไรไม่รู้จักบุญคุณเขาอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กิน คุ้มครองไม่ต้องให้อยู่กันเองสองคนนายบ่าวที่จวนกลับไม่คิดถึงเขาสักนิด แล้งน้ำใจยิ่งนัก หึจางอี้ถิงไม่รับรู้ว่ามีคนกำลังงอนนางอยู่ ชาติก่อนมีฝีมือในการทำขนมและรังสรรค์มันออกมาได้อย่างสวยงาม นางแบ่งแป้งเป็นสีต่างๆ ก่อนจะจัดรูปทรงและปั้นแป้งใส่ไส้จากนั้นก็เริ่มใช้ไม้ไผ่ที่ทำเป็นแหนบเล็กๆ กรีดร่องทำลวดล
เซียวอี้หลงเลื่อนมือค่อยๆ ปลดสายรัดเอวนางออกใบหน้าหล่อเหลากำลังจะสัมผัสกับปลายถันที่เขาไม่เคยลืมนับจากคืนก่อน เซียวอี้หลงกำลังก้มลงจะชิมความหวานอยู่ๆ ประตูก็เปิดออกพร้อมเสียงใสๆ ของเด็กสาว"ท่านอาเข้ามาแล้ว...เอ๋พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ"เซียวอี้หลงต้องคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างบางเอาไว้แล้วหันไปหาตัวต้นเรื่อง"เสี่ยวหรูเจ้ามาได้อย่างไรแล้วบิดาเจ้าเล่า""ท่านพ่อได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าแล้วข้าก็ตามมาด้วยท่านพ่อบอกว่าฝ่าบาทจะให้ท่านพ่อไปเมืองซีโจว ดูแลเรื่องสร้างเขื่อนกั้นน้ำน่าจะใช้เวลานานท่านแม่ก็ไปด้วยท่านพ่อก็เลยเอาข้ามาทิ้งท่านเอ้ยไม่ใช่เอาข้ามาฝากท่านอาสักสองสามเดือนเจ้าค่ะ""แล้วพรวดพราดมาห้องคนอื่นเจ้าเป็นสตรีแบบใด""โอ่ว..ปกติข้าก็มาได้นี่เจ้าคะไอ้หยาอ้อหลานลืมไปท่านอาแต่งงานแล้ว ได้ยินท่านพ่อบอกท่านแม่ว่าท่านอาแต่งงานกับเด็กสาวอายุสิบหก ท่านอานางอายุเท่าข้าเลยนะเจ้าคะ ท่านพ่อยังบอกท่านแม่ว่าท่านอาแก่ปูนนี้แล้วจะไม่หมดแรงตายคาห้องหอหรือ เอแต่เท่าที่หลานเห็นท่านอาก็ยังสบายดีอยู่นี่เจ้าค่ะ""เซียวอี้หรู...""โอ่ว...งั้นข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้วเชิญทั้งสองคนต่อเลยเจ้าค่ะอาสะใภ
เซียวอี้หลงอยากตบศีรษะคนตรงหน้าสักที ฟังก็รู้ว่าล้อเลียนเขา หึใครอยากได้เจ้าเป็นเมียกันว่านชิงชิง จากนั้นรถม้าของเขาก็เคลื่อนออกจากจวนหลัง พอดีกับรถม้าของว่านชิงชิงเคลื่อนออกจากทางจวนข้างพอดี รถของเขานำหน้าไปก่อนเขานัดหยางหมิงมาเจอกันที่ด้านหน้าหออี้ชุน เมื่อมาถึงก็ลงจากรถม้าไปนั่งรอที่ชั้นสอง หยางหมิงออกจากจวนมาก็ตรงมาหาเซียวอี้หลงที่ร้านอาหารอี้ชุนทันที ทั้งสองนั่งสนทนาถึงเรื่องข้อสอบ วันนี้ไม่มีประชุมจเช้าทั้งคู่จึงถกปัญหากันกับอาจารย์อีกสามท่านที่นัดมาวันนี้ ด้านล่างเซียวอี้หลงเหลือบสายตาไปมองเห็นสตรีอ้อนแอ้นหนึ่งคนกับบุรุษที่เหมือนจะสวมชุดสำนักศึกษาหลวง ป่านนี้ยังไม่ไปเรียนอีกหรือ ที่สำคัญสตรีคนนั้นคือคนที่ยั่วโมโหเขาเมื่อตอนสายนั่นเองด้านล่างว่านชิงชิงกำลังพูดคุยกับหลัวชิวหมิง เขาเป็นบุตรชายของใต้เท้าหลัวรองเจ้ากรมอาลักษณ์ ทั้งคู่สนิทสนมกันจนใครๆต่างก็คิดว่าทั้งคู่เหมาะสมกันหากได้แต่งงานคงเป็นคู่ที่เหมาะสมมากที่สุดในเมืองหลวง "ชิงชิง...เจ้าสบายดีหรือไม่เหตุใดไปหาที่จวนจึงมิเจอเจ้าสักครั้ง""พอดีข้าไปอยู่ที่อื่นน่ะ ท่านปู่เห็นว่าอยู่บ้านข้าเกเรไม่เอาถ่านเลยให
รุ่งเช้าจางอวี้ถิงเดินไปที่โรงครัวเพื่อพบกับหัวหน้าห้องครัวเพราะตอนนี้ผักในแปลงของนางสามารถตัดกินได้แล้ว ของปลูกต้องใช้แรงเมล็ดพันธุ์ก็ต้องซื้อหา จางอวี้ถิงมาพบกับป้าหงแม่ครัวใหญ่ของโรงครัวแห่งนี้ นางไม่แสดงทีท่าว่าเป็นฮูหยินเพราะตาแก่นั่นสั่งห้ามเรียกนางว่าฮูหยิน ไม่นานป้าหงก็เดินมาหานางก่อนจะเอ่ยทักทาย"คุณหนูจางวันนี้ออกจากจวนเล็กมาถึงโรงครัวด้วยตนเองไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไรหรือเจ้าคะ""ไม่ได้ต้องการสิ่งใด ท่านป้าหงข้าปลูกผักไว้หลายสิบแปลงกินอย่างไรก็ไม่ทัน วันนี้มีผักกาด หลัวโปว กวางตุ้งดอก ข้าขายถูกๆกำละยี่สิบอีกแปะ พวกท่านคนมากข้าขายถูกกว่าตลาดถึงห้าอีแปะสนใจจะรับหรือไม่เล่า"ป้าหงถึงกับอ้าปากค้าง คุณหนูจางท่านปลูกในที่ดินสกุลหยางยังกล้ามาขายให้สกุลหยางอีกเนี่ยนะ ป้าหงทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที อาจิ้งที่เดินมาเพื่อรับน้ำอุ่นจากโรงครัวเห็นว่าคุณหนูจางมาถึงจวนใหญ่เองก็แปลกใจจึงเดินไปหานางเพื่อสอบถามความต้องการ"คุณหนูจาง ไม่พบเสียนานท่านสบายดีนะขอรับ""อ้อ..องครักษ์หลี่ ข้าสบายดีเอ่อจริงสิ ข้าปลูกผักไว้หลายแปลงแต่มาขายโรงครัวดูแล้วท่านป้าหงคงไม่อาจรับซื้อ
ปี้เหยากับลี่จูมองหน้ากันทันที พวกนางเคยเห็นกันหลายครั้งเพราะลี่จูมักไปซื้อยาที่ร้านหมอประจำ ตอนที่นายท่านเขียนตัวยาให้ ปี้เหยาเองก็ติดตามคุณหนูว่านเสมอ แต่พวกนางไม่เคยได้พูดคุยกัน จางอวี้ถิงวาดแผนที่ตามที่ว่านชิงชิงบอกนาง จางอวี้ถิงยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ย“ช่องโหว่ทางด้านติดกับช่องทางด้านท่านพอดี เอาอย่างนี้ท่านทุบฝั่งท่าน ส่วนข้าทุบฝั่งข้าไม่กี่วันก็ทะลุถึงกันแล้วอีกอย่างข้าทุบไว้บ้างแล้ว เมื่อมันทะลุกันเราสองคนสามารถไปไหนก็ได้ เวลาที่กลับมาท่านก็กลับเรือนตนเองได้เลยไม่ต้องผ่านเรือนข้า” “ดีเลย งั้นข้าจะกลับไปทุบเดี๋ยวนี้ไว้พวกเราจะได้ไปเที่ยวให้ทั่งเมืองหลวงเลย ข้าได้เงินเดือนจากตาเฒ่านั่นสามสิบตำลึง”“ข้าก็ได้เงินเดือนเหมือนกัน เอาเช่นนี้ไหมไหนๆ วันนี้ท่านก็มาแล้วพวกเรามาช่วยกันทุบดีกว่า เผื่อจะทะลุกันเร็วขึ้น ข้ามีเครื่องมือเกษตรที่ข้าขอไปทางตาเฒ่าหยางไว้”“ได้สิ ปี้เหยาพวกเรามาช่วยกันเถอะ”จากนั้นทั้งสี่คนก็ช่วยกันลากกระถางต้นโบตั๋นมาบังฝั่งที่จะทุบ ก่อนจะช่วยกันค่อยๆ ทุบทีละน้อย หากเสียงดังเกินไปอาจมีคนได้ยิน ปี้เหยากับลี่จูละมือไปทำอาหารเที่ยง ทั้งสองคนยังคงหมกมุ่นกับการทุบกำแพงอ
หลังจากสั่งงานไปไม่เกินสามวันต้นไม้ที่นางสั่งก็มาถึง บ่าวช่วยกันปลูกเต็มแนวกำแพงจวนเล็กทอดยาวทั้งสี่ด้าน จางอวี้ถิงเริ่มลงมือเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ให้พ่อบ้านหาซื้อมาได้ หยางหมิงยังคงออกตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านเมืองหยางหมิงยังไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจวนเล็ก หลังจากที่เขาบังเอิญเดินผ่านในคืนนั้นก็เป็นเวลาสองเดือนแล้วจางอวี้ถิงยิ้มหวานให้กับรั้วไม้เลื้อยของนาง โชคดีที่เป็นหน้าฝนต้นไม้งามไวมาก ปฏิบัติการหนีเที่ยวจะเริ่มในไม่ช้าแล้วหลี่อวี้ถิงมาอยู่ในร่างนี้ใช้ชีวิตเป็นจางอวี้ก็ล่วงเลยมาสามเดือนแล้ว นางยังไม่เคยได้ออกไปไหนเลย นางไม่มีเพื่อนนอกจากลี่จูสาวใช้ของร่างเดิม เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆ เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นจากเดือนละยี่สิบตำลึงเป็นห้าสิบตำลึง ตาเฒ่าหยางหมิงนี่รวยนะ แต่กักนางไว้ในจวนจะไปใช้เงินได้อย่างไรวะลี่จูที่กำลังติดเตาต้มน้ำเพื่อให้คุณหนูของนางล้างหน้ายามเช้าหันมาเจอนางนั่งเท้าคางทำหน้าตาเหมือนกับเบื่อหน่ายก็เดินมาหา“คุณหนูเจ้าคะ...เป็นอะไรไปเจ้าคะเหตุใดทำสีหน้าอย่างนั้น ไม่เอาเจ้าค่ะทำหน้าอมทุกข์ไม่ดีเลย คุณหนูของบ่าวต้องยิ้มสิเจ้าคะ”“พี่ลี่จู....ข้าเบื่อน่ะอยากออกไป
ส่วนโรงครัวใครบ้างจะกล้าต่อกรหาเรื่องแกล้งพวกนางเชิ่นเมื่อก่อนกันเล่า สาวใช้ที่เคยไปรับใช้และมีเรื่องกับนางและไปฟ้องพ่อบ้านคนเก่า จนเขาเข้าข้างและถูกฮูหยินน้อยไล่กลับมาถูกโบยเมื่อคืนนี้ องครักษ์ไปจับตัวเอามาจากที่นอนเลย เสร็จแล้วก็ขายทิ้ง พ่อบ้านเองก็ถูกโบยจนลุกไม่ขึ้น ค้นห้องนอนของเขาพบว่าซุกซ่อนเงินทองไม่น้อย อีกทั้งกำลังหลับนอนกับสาวใช้รุ่นลูกอยู่ด้วยกันสามคนสีหน้าท่านผู้ตรวจการเมื่อคืนนี้ช่างดูน่ากลัว พวกนางเป็นสาวใช้ที่เคยรับใช้ฮูหยินน้อย แต่ว่าไม่เต็มใจรับใช้ อีกทั้งพ่อบ้านยังยักยอกเงินทองในส่วนที่ฮูหยินน้อยต้องได้ เช่นผ้าตัดชุดใหม่ เสบียงที่ต้องส่งให้จวนเล็ก เพราะภรรยาของเขาดูแลเรื่องการเบิกจ่ายเสบียงในจวน และอาศัยว่าไท่ฮูหยินไปไหว้พระรวมทั้งไว้ใจพวกเขา สองผัวเมียจึงเกิดความละโมบ ลี่จูไม่รู้เหตุการณ์ณ์ในจวนใหญ่ นางได้ของที่ต้องการก็รีบกลับจวนเล็กทันที หยางหมิงที่วันนี้มีเข้าเฝ้าแต่เช้าก็ทันได้เห็นสาวใช้ของเมียเด็กตนเองมาที่โรงครัว“บอกห้องเสบียงกับห้องครัว พวกนางอยากได้อะไรก็ให้ไป เพิ่มเงินเดือนให้นางเป็นเดือนละห้าสิบตำลึง ไปหาท่านหมอไปตรวจนางด้วย เม
ร่างบางระหงหลับอยู่บนเตียง ลมหายใจสม่ำเสมอ ดูไม่ป่วยหนักเหมือนตอนก่อนหน้าแล้วนี่ หลี่อวี้ถิงรู้สึกว่ามีคนมองก็ลืมตาขึ้น สายตาทั้งคู่ประสานกัน หลี่ว่านถิงรับรู้จากความทรงจำผ่านเด็กคนนี้ ผู้ชายรูปหล่อสันดานไม่ดีคนนี้คือสามีเจ้าของร่างเดิม อีกทั้งยังต้องเป็นสามีของเธอด้วย เพราะเธอดันมาอยู่ในร่างเมียไม่อยากแต่งของเขา หลี่อวี้ถิงถอนหายใจ ยายผีบ้านี่ไปเอาวิญญาณเธอมา แถมยังให้เธอตายศพไม่สวยอีกมันน่านักเชียว สามีเฒ่าของยายเด็กนี่มาดูอาการหรือมาเช็คความชัวร์กันแน่วะว่ายายนี่ตายหรือยังหยางหมิงเอ่ยถามเมียเด็กของเขาเสียงเข้ม“เจ้าเป็นอะไร เหตุใดร้องโวยวายนัก จวนข้างๆไม่รู้จะคิดได้ว่าข้าทำร้ายคน”“ขออภัยเจ้าค่ะใต้เท้า แค่กๆ ข้าปวดหัวเจ้าค่ะ แค่กๆๆ ต่อไป แค่กๆๆ ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะแค่กๆๆๆ”หลี่อวี้ถิงแกล้งไอออกมาแรงๆ หยางหมิงเข้ามาหาเห็นหน้านางซีดเซียวก็บอกว่าพรุ่งนี้จะให้หมอประจำจวนมาดูอาการนางอีกที จากนั้นเขาก็กลับไปหลี่อวี้ถิงทำใจแล้วว่าตนเองมาอยู่ในร่างนังหนูนี่ที่ชื่อจางอวี้ถิง ลี่จูเห็นคุณหนูของนางเงียบไปก็เดินมาหาก่อนจะเอ่นถาม“คุณหนูเจ้าคะ.... ท่านมิเป็นไรแล้วนะเจ้าคะ”
ทางด้านหลี่อวี้ถิงที่หนีไปอยู่ห้องเพื่อนแล้วแล้วบอกขายคอนโดเรียบร้อยก็ไปหาซื้อคอนโดใหม่อยู่ เกือบสามเดือนแล้วที่เจอผีผูหญิงในชุดโบราณ ตั้งแต่ย้ายสถานที่เธอก็ไม่เจออีกเลย แปลว่าที่เธอขายคอนโดนั้นตัดสินใจถูกแล้ว วันนี้เธอมีปาร์ตี้สละโสดของเพื่อนสาวในแก๊ง หลังจากดื่มกันจนเมาแล้วหลี่ว่านถิงก็ขอตัวกลับบ้านก่อน เธอเพิ่งจะซื้อคอนโดห้องใหม่ได้ไม่นาน"นี่ถิงถิง..เธอเลื่อนตำแหน่งใหม่แล้วเหรอ""อืม...บอสให้ไปคุมการค้าภูมิภาคน่ะ""อิจฉาแกก็ไม่ได้ด้วย ใครจะไปพูดได้8ภาษาเหมือนแกล่ะ ถิงถิงขับรถดีๆนะ"หลี่อวี้ถิงขับรถมาตามทาง เธอเป็นคนคออ่อนจึงดื่มแค่นิดหน่อย และเพราะต้องขับรถกลับบ้านเอง กำลังจะถึงไฟแดงอีกสามร้อยเมตรอยู่ๆก็รู้สึกเย็นๆในรถ เสียงเรียกเธอเบาๆจึงหันไปดู ตาเบิกกว้างทันทีมาอีกแล้วหรือ"พี่สาว เราเจอกันอีกแล้วนะเจ้าคะ""ห๊ะ..ทะ เธออีกแล้วหรือ ทำไมไม่ไปเกิดมาทำไมอีก""พี่สัญญามาก่อนว่าจะช่วยทำหน้าที่ทุกอย่างแทนข้าแล้วข้าจะไป""หน้าที่อะไร ได้ๆๆๆสัญญาเธอพอใจหรือยังแม่ผีน้อยจ๋า ไปเถอะๆฉันสัญญาจะทำทุกอย่างแทนเธอเอง ฮือๆๆ หรือที่จริงเธอมากับรถคันนี้ ได้ๆๆพรุ่งนี้ฉันจะขายรถทิ้