หลังจากสั่งงานไปไม่เกินสามวันต้นไม้ที่นางสั่งก็มาถึง บ่าวช่วยกันปลูกเต็มแนวกำแพงจวนเล็กทอดยาวทั้งสี่ด้าน จางอวี้ถิงเริ่มลงมือเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ให้พ่อบ้านหาซื้อมาได้ หยางหมิงยังคงออกตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านเมือง
หยางหมิงยังไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจวนเล็ก หลังจากที่เขาบังเอิญเดินผ่านในคืนนั้นก็เป็นเวลาสองเดือนแล้วจางอวี้ถิงยิ้มหวานให้กับรั้วไม้เลื้อยของนาง โชคดีที่เป็นหน้าฝนต้นไม้งามไวมาก ปฏิบัติการหนีเที่ยวจะเริ่มในไม่ช้าแล้ว
หลี่อวี้ถิงมาอยู่ในร่างนี้ใช้ชีวิตเป็นจางอวี้ก็ล่วงเลยมาสามเดือนแล้ว นางยังไม่เคยได้ออกไปไหนเลย นางไม่มีเพื่อนนอกจากลี่จูสาวใช้ของร่างเดิม เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆ เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นจากเดือนละยี่สิบตำลึงเป็นห้าสิบตำลึง ตาเฒ่าหยางหมิงนี่รวยนะ แต่กักนางไว้ในจวนจะไปใช้เงินได้อย่างไรวะ
ลี่จูที่กำลังติดเตาต้มน้ำเพื่อให้คุณหนูของนางล้างหน้ายามเช้าหันมาเจอนางนั่งเท้าคางทำหน้าตาเหมือนกับเบื่อหน่ายก็เดินมาหา
“คุณหนูเจ้าคะ...เป็นอะไรไปเจ้าคะเหตุใดทำสีหน้าอย่างนั้น ไม่เอาเจ้าค่ะทำหน้าอมทุกข์ไม่ดีเลย คุณหนูของบ่าวต้องยิ้มสิเจ้าคะ”
“พี่ลี่จู....ข้าเบื่อน่ะอยากออกไปเที่ยวบ้างพี่ช่วยข้าได้หรือไม่”
“ห๊ะ..ไปเที่ยวหรือเจ้าคะ คุณหนูแค่พวกเราเดินเลยไปหน่อยเดียวก็ถูกไล่กลับมาแล้วนะเจ้าคะ จะไปอย่างไรตั้งแต่คุณหนูหายป่วยร้องแต่จะไปเที่ยว”
“ข้ามีวิธี ลี่จูท่านช่วยข้าหน่อยเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันสองคน พวกเขาไม่จับได้หรอกน่า”
“คุณหนูแน่ใจหรือเจ้าคะ ให้บ่าวไปขออนุญาตใต้เท้าก่อนดีไหมเจ้าคะ เผื่อใต้เท้าจะเมตตา”
“อย่าเลยเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีภรรยา หากมีคนเห็นพวกเราเดินออกจากทางหน้าจวนและมีคนสงสัยอาจนำมาซึ่งความจริง หยางหมิงจะมาต่อว่าเราได้”
“อั๊ยย่ะ...จุ๊ๆๆ คุณหนูเอ่ยชื่อสามีโดยตรงเช่นนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ หากมีคนมาได้ยินเข้าแล้วพูดออกไปท่านจะเดือดร้อนนะเจ้าคะ”
จางอวี้ถิงเหนื่อยใจกับสาวใช้คนนี้จริงๆ นางกังวลแทนร่างเดิมไปทุกอย่าง เป็นห่วงเป็นใยในทุกๆเรื่อง จะว่าดีมันก็ดีแต่บางทีมันก็เยอะเกินไป ลี่จูต้มน้ำเสร็จแล้วก็ผสมให้นางล้างหน้า จางอวี้ถิงจัดการตนเองเสร็จก็นั่งกินข้าว ฝีมือทำอาหารของลี่จูพัฒนาไวมาก นางสอนแค่ไม่กี่ครั้งก็ทำออกมารสชาติดีเหลือเกิน
หลังจากทั้งคู่นั่งกินข้าวอยู่หน้าเรือนก็พลับได้ยินอะไรบางอย่างมาจากทางกำแพงด้านหลังจวน สองคนนายบ่าวเงี่ยหูฟังก็ได้ยินจริงๆ
“ปี้เหยาเจ้าจับดีๆ สิเดี๋ยวข้าตกลงไปนะ”
“คุณหนู..สูงเพียงนั้นอย่าปีนเลยเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะกลัวอะไร นั่งๆ นอนจนข้าคิดว่าตนเองพิการเสียแล้ว หึเซียวอี้หลงไอ้คนสารเลวนั่นแต่งงานกับข้ามาครึ่งปีเขาไม่อยากให้คนรู้ว่าตนเองมีภรรยาข้าก็ไม่ถือหรอก แต่ไม่ให้ข้าสาวเท้าออกจากจวนจะใจแคบไปแล้ว
“คุณหนูแต่หากเราหนีออกไปแล้วใต้เท้าเซียวรู้จะมิถูก”
“เชอะ..นี่ๆๆ ปี้เหยามิใช่ว่าตอนนี้ตาเฒ่านั่นไปนั่งพลอดรักกับใต้เท้าหยางเรียบร้อยแล้วหรือ หยางหมิงรูปงามออกเพียงนั้น จะว่าน่าเสียดายก็น่าเสียดายจริงๆ”
จางอวี้ถิงหูผึ่งทันที หยางหมิงกับเซียวอี้หลงหรือ เหมือนว่าเซียวอี้หลงจะเป็นหลานสาวเซียวจ้านสหายของท่านปู่ของร่างนี้นี่นา คนที่กำลังเอ่ยอยู่เป็นภรรยาที่เขาไม่ต้องการให้ออกหน้าเช่นกันหรือ หยางหมิงกับเซียวอี้หลงหรือว่าทั้งคู่เป็น อ๊ายยเขินอ่ะคู่รักหล่อเหลาสะท้านเมืองหลวง
ลี่จูเห็นคุณหนูตนเองนั่งบิดไปมาก็สงสัย ชาติก่อน จางอวี้ถิงชอบอ่านนิยายแนวมิตรภาพ พอนึกถึงใบหน้าของหยางหมิงกับเซียวอี้หลงที่กำลังจูบกันดูดดื่มนางก็เขินบิดไปบิดมา ลี่จูวางชามข้าวลงก่อนจะลุกมาสะกิดคุณหนูของนาง
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรเจ้าคะบ่าวเห็นท่านนั่งยิ้มบิดไปบิดมานานแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ..พี่ลี่จูตาเฒ่าหยางกับตาเฒ่าเซียวพวกเขาสองคน อ๊ายข้าเขินจริงๆ นะ เหมาะสมๆ ข้ายอมรับว่าหยางหมิงหน้าตาดีจริงๆ เซียวอี้หลงคนนั้นข้าเคยเห็นตอนที่เขามารับท่านปู่เซียวที่บ้าน หน้าตาเหล่าเหลาเหมาะสมกันจริงๆ อ๊าย ข้าเขิน”
ลี่จูยืนงง นางเอียงคอมองดูคุณหนูของนางที่นั่งกัดตะเกียบเขินบิดไปมา ก่อนที่จะได้ยินเสียงเหมือนของหล่น ตุ๊บๆ จางอวี้ถิงวางตะเกียบก่อนจะเดินไปตามเสียงก็เห็นสตรีสองคนอยู่ในรั้วบ้านของนาง คนหนึ่งแต่ตัวด้วยผ้าราคาแพง อีกคนแต่งกายชุดสาวใช้ จางอวี้ถิงเดินไปหาทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยทักทาย
“พี่สาวท่านมาจากไหนหรือ”
ฟรึ่บๆๆ แปะๆๆ ว่านชิงชิงปัดกระโปรงไปมาก่อนจะเงยหน้ามองตรงหน้าก็เห็นสตรีคนหนึ่ง นางงามมากนักงามเหลือเกิน ว่านชิงชิงไม่เคยเห็นสตรีใดงามเท่านางมาก่อนเลย จากนั้นนางก็เอ่ยออกไป
“แม่นาง....ข้าชื่อชิงชิงพอดีอยากไปเดินเล่นนอกจวนสักหน่อย เอ่อไม่คิดว่ากิ่งไม้ที่ยื่นออกมาจะยื่นอยู่ในจวนคนอื่น”
“ชิงชิงหรือ......ข้าแซ่จางชื่อจางอวี้ถิง”
“จางอวี้ถิงหรือ...เอ๋ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คือฮูหยินที่เขาไม่ต้องการของใต้เท้าผู้ตรวจการหยางหมิงใช่หรือไม่”
“อ้อท่านรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ ใช่เป็นข้านี่แหละว่าแต่ท่านเป็น...”
จางอวี้ถิงเว้นวรรคเพื่อให้ว่านชิงชิงเอ่ยตอบกลับ ส่วนว่านชิงชิงกอดอกและก็เดินวนรอบๆ ตัวของจางอวี้ถิงหลายๆรอบ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆนางเพื่อมองดูชัดๆ จากนั้นก็กลับมายืนกอดอกแล้วเอ่ยตอบกลับไป
“ข้าชื่อว่านชิงชิงเป็นเมียตาเฒ่าเซียวอี้หลง เมียที่เขาไม่ต้องการเหมือนกันน่ะ ก็เหมือนเจ้านั่นแหละ”
“อ้อๆๆ ข้าอายุสิบห้าท่านเล่าอายุเท่าไหร”
“ข้าหรืออีกไม่กี่วันก็อายุสิบหกแล้ว ข้าเป็นพี่เจ้า”
“อืม พี่ชิงชิงท่านบอกว่าจะไปเที่ยวหรือ เหตุใดต้องปีนขึ้นต้นไม้มาทางนี้กัน”
“ตาแก่นั่นจับข้าไปไว้เรือนข้าง ห้ามออกนอกจวนไม่ให้ใครรู้ว่าข้าเป็นเมียเข้าน่ะ แล้วเจ้าล่ะเหตุใดมาอยู่ที่นี่ หรือว่าใต้เท้าหยางไล่มาเหมือนกันหรือ”
“เจ้าค่ะพี่ชิงชิง...ท่านบอกว่าหนีเที่ยวท่านจะไปทางใดกัน ขนาดปีนออกมายังมาอยู่จวนคนอื่นเลย เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้ามีวิธีหนีเที่ยว ส่วนท่านรู้เส้นทางในเมืองหลวงดีเรามาร่วมมือกันดีไหมเจ้าคะ ข้าหาทางออกไปได้ แต่เพราะเมื่อก่อนข้าป่วยจึงไม่ได้ออกนอจวนเท่าไหร่นัก ไม่อาจรู้ว่าเส้นทางไหนไปที่ใดกัน”
“เจ้าพาออกไปได้โดยที่ไม่ถูกจับได้จริงๆ หรือถิงถิง”
“ท่านเชื่อข้าเถอะ ข้าพาท่านไปได้จริงๆ วันนี้เรามาทำความรู้จักกันก่อน แล้วมาศึกษาเส้นทางหนีเที่ยวของพวกเรากันเถอะ”
“ได้ๆๆ หึปล่อยคู่รักยวนยางเขาได้พลอดรักกันไปเถอะ พวกเราจะเป็นนกน้อยโผบินไปทั่วหล้าเจ้าว่าดีไหมถิงถิง”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ มาเถอะข้าจะบอกแผนการให้ ท่านปีนต้นไม้ทุกวันสูงพียงนี้อาจตกลงมาสักวัน อีกอย่างเวลาปีนอาจมีคนเห็นได้ มาเถอะข้ามีทางออก”
ปี้เหยากับลี่จูมองหน้ากันทันที พวกนางเคยเห็นกันหลายครั้งเพราะลี่จูมักไปซื้อยาที่ร้านหมอประจำ ตอนที่นายท่านเขียนตัวยาให้ ปี้เหยาเองก็ติดตามคุณหนูว่านเสมอ แต่พวกนางไม่เคยได้พูดคุยกัน จางอวี้ถิงวาดแผนที่ตามที่ว่านชิงชิงบอกนาง จางอวี้ถิงยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ย“ช่องโหว่ทางด้านติดกับช่องทางด้านท่านพอดี เอาอย่างนี้ท่านทุบฝั่งท่าน ส่วนข้าทุบฝั่งข้าไม่กี่วันก็ทะลุถึงกันแล้วอีกอย่างข้าทุบไว้บ้างแล้ว เมื่อมันทะลุกันเราสองคนสามารถไปไหนก็ได้ เวลาที่กลับมาท่านก็กลับเรือนตนเองได้เลยไม่ต้องผ่านเรือนข้า” “ดีเลย งั้นข้าจะกลับไปทุบเดี๋ยวนี้ไว้พวกเราจะได้ไปเที่ยวให้ทั่งเมืองหลวงเลย ข้าได้เงินเดือนจากตาเฒ่านั่นสามสิบตำลึง”“ข้าก็ได้เงินเดือนเหมือนกัน เอาเช่นนี้ไหมไหนๆ วันนี้ท่านก็มาแล้วพวกเรามาช่วยกันทุบดีกว่า เผื่อจะทะลุกันเร็วขึ้น ข้ามีเครื่องมือเกษตรที่ข้าขอไปทางตาเฒ่าหยางไว้”“ได้สิ ปี้เหยาพวกเรามาช่วยกันเถอะ”จากนั้นทั้งสี่คนก็ช่วยกันลากกระถางต้นโบตั๋นมาบังฝั่งที่จะทุบ ก่อนจะช่วยกันค่อยๆ ทุบทีละน้อย หากเสียงดังเกินไปอาจมีคนได้ยิน ปี้เหยากับลี่จูละมือไปทำอาหารเที่ยง ทั้งสองคนยังคงหมกมุ่นกับการทุบกำแพงอ
รุ่งเช้าจางอวี้ถิงเดินไปที่โรงครัวเพื่อพบกับหัวหน้าห้องครัวเพราะตอนนี้ผักในแปลงของนางสามารถตัดกินได้แล้ว ของปลูกต้องใช้แรงเมล็ดพันธุ์ก็ต้องซื้อหา จางอวี้ถิงมาพบกับป้าหงแม่ครัวใหญ่ของโรงครัวแห่งนี้ นางไม่แสดงทีท่าว่าเป็นฮูหยินเพราะตาแก่นั่นสั่งห้ามเรียกนางว่าฮูหยิน ไม่นานป้าหงก็เดินมาหานางก่อนจะเอ่ยทักทาย"คุณหนูจางวันนี้ออกจากจวนเล็กมาถึงโรงครัวด้วยตนเองไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไรหรือเจ้าคะ""ไม่ได้ต้องการสิ่งใด ท่านป้าหงข้าปลูกผักไว้หลายสิบแปลงกินอย่างไรก็ไม่ทัน วันนี้มีผักกาด หลัวโปว กวางตุ้งดอก ข้าขายถูกๆกำละยี่สิบอีกแปะ พวกท่านคนมากข้าขายถูกกว่าตลาดถึงห้าอีแปะสนใจจะรับหรือไม่เล่า"ป้าหงถึงกับอ้าปากค้าง คุณหนูจางท่านปลูกในที่ดินสกุลหยางยังกล้ามาขายให้สกุลหยางอีกเนี่ยนะ ป้าหงทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที อาจิ้งที่เดินมาเพื่อรับน้ำอุ่นจากโรงครัวเห็นว่าคุณหนูจางมาถึงจวนใหญ่เองก็แปลกใจจึงเดินไปหานางเพื่อสอบถามความต้องการ"คุณหนูจาง ไม่พบเสียนานท่านสบายดีนะขอรับ""อ้อ..องครักษ์หลี่ ข้าสบายดีเอ่อจริงสิ ข้าปลูกผักไว้หลายแปลงแต่มาขายโรงครัวดูแล้วท่านป้าหงคงไม่อาจรับซื้อ
เซียวอี้หลงอยากตบศีรษะคนตรงหน้าสักที ฟังก็รู้ว่าล้อเลียนเขา หึใครอยากได้เจ้าเป็นเมียกันว่านชิงชิง จากนั้นรถม้าของเขาก็เคลื่อนออกจากจวนหลัง พอดีกับรถม้าของว่านชิงชิงเคลื่อนออกจากทางจวนข้างพอดี รถของเขานำหน้าไปก่อนเขานัดหยางหมิงมาเจอกันที่ด้านหน้าหออี้ชุน เมื่อมาถึงก็ลงจากรถม้าไปนั่งรอที่ชั้นสอง หยางหมิงออกจากจวนมาก็ตรงมาหาเซียวอี้หลงที่ร้านอาหารอี้ชุนทันที ทั้งสองนั่งสนทนาถึงเรื่องข้อสอบ วันนี้ไม่มีประชุมจเช้าทั้งคู่จึงถกปัญหากันกับอาจารย์อีกสามท่านที่นัดมาวันนี้ ด้านล่างเซียวอี้หลงเหลือบสายตาไปมองเห็นสตรีอ้อนแอ้นหนึ่งคนกับบุรุษที่เหมือนจะสวมชุดสำนักศึกษาหลวง ป่านนี้ยังไม่ไปเรียนอีกหรือ ที่สำคัญสตรีคนนั้นคือคนที่ยั่วโมโหเขาเมื่อตอนสายนั่นเองด้านล่างว่านชิงชิงกำลังพูดคุยกับหลัวชิวหมิง เขาเป็นบุตรชายของใต้เท้าหลัวรองเจ้ากรมอาลักษณ์ ทั้งคู่สนิทสนมกันจนใครๆต่างก็คิดว่าทั้งคู่เหมาะสมกันหากได้แต่งงานคงเป็นคู่ที่เหมาะสมมากที่สุดในเมืองหลวง "ชิงชิง...เจ้าสบายดีหรือไม่เหตุใดไปหาที่จวนจึงมิเจอเจ้าสักครั้ง""พอดีข้าไปอยู่ที่อื่นน่ะ ท่านปู่เห็นว่าอยู่บ้านข้าเกเรไม่เอาถ่านเลยให
เซียวอี้หลงเลื่อนมือค่อยๆ ปลดสายรัดเอวนางออกใบหน้าหล่อเหลากำลังจะสัมผัสกับปลายถันที่เขาไม่เคยลืมนับจากคืนก่อน เซียวอี้หลงกำลังก้มลงจะชิมความหวานอยู่ๆ ประตูก็เปิดออกพร้อมเสียงใสๆ ของเด็กสาว"ท่านอาเข้ามาแล้ว...เอ๋พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ"เซียวอี้หลงต้องคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างบางเอาไว้แล้วหันไปหาตัวต้นเรื่อง"เสี่ยวหรูเจ้ามาได้อย่างไรแล้วบิดาเจ้าเล่า""ท่านพ่อได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าแล้วข้าก็ตามมาด้วยท่านพ่อบอกว่าฝ่าบาทจะให้ท่านพ่อไปเมืองซีโจว ดูแลเรื่องสร้างเขื่อนกั้นน้ำน่าจะใช้เวลานานท่านแม่ก็ไปด้วยท่านพ่อก็เลยเอาข้ามาทิ้งท่านเอ้ยไม่ใช่เอาข้ามาฝากท่านอาสักสองสามเดือนเจ้าค่ะ""แล้วพรวดพราดมาห้องคนอื่นเจ้าเป็นสตรีแบบใด""โอ่ว..ปกติข้าก็มาได้นี่เจ้าคะไอ้หยาอ้อหลานลืมไปท่านอาแต่งงานแล้ว ได้ยินท่านพ่อบอกท่านแม่ว่าท่านอาแต่งงานกับเด็กสาวอายุสิบหก ท่านอานางอายุเท่าข้าเลยนะเจ้าคะ ท่านพ่อยังบอกท่านแม่ว่าท่านอาแก่ปูนนี้แล้วจะไม่หมดแรงตายคาห้องหอหรือ เอแต่เท่าที่หลานเห็นท่านอาก็ยังสบายดีอยู่นี่เจ้าค่ะ""เซียวอี้หรู...""โอ่ว...งั้นข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้วเชิญทั้งสองคนต่อเลยเจ้าค่ะอาสะใภ
ทางด้านจางอวี้ถิงที่กำลังนวดแป้งเพื่อทำขนมโก๋อ่อนกับบัวหิมะ นางอยากกินไม่ได้กินนานแล้วจากนั้นก็เริ่มคั่วแป้ง สองนายบ่าวช่วยกันทำโดยไม่รู้เลยว่ามีคนมายืนดูสองคนนายบ่าวกำลงง่วนกับการทำขนมดูนางไม่ได้ป่วยสักนิด จางอวี้ถิงเจ้าปิดบังอะไรไว้อีกเท้าที่กำลังจะเดินไปหยุดชะงักเพราะได้ยินสาวใช้เอ่ยถึงตนเอง“คุณหนูจะทำไปให้ใต้เท้าด้วยไหมเจ้าคะ”“อย่าเลย เขารังเกียจข้าเพียงนั้นเอาไปเขาก็ทิ้งขว้างเปล่าๆ เสียดายของ”“อ้อ...แต่ว่าเราทำมากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”“ขายสิ...บ่าวในเรือนมีตั้งเกือบสองร้อยคนชิ้นละสิบอีแปะก็มีคนซื้อน่า มันเทศก็ปลูกเอง เผือกก็ปลูกเอง มีแค่ถั่วกับน้ำตาลและแป้งที่ซื้อมา”เขายืนหน้าหน้าดำเป็นก้นหม้อก่อนจะเดินหันหลังกลับจวนหลักตนเองทันที เด็กอะไรไม่รู้จักบุญคุณเขาอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กิน คุ้มครองไม่ต้องให้อยู่กันเองสองคนนายบ่าวที่จวนกลับไม่คิดถึงเขาสักนิด แล้งน้ำใจยิ่งนัก หึจางอี้ถิงไม่รับรู้ว่ามีคนกำลังงอนนางอยู่ ชาติก่อนมีฝีมือในการทำขนมและรังสรรค์มันออกมาได้อย่างสวยงาม นางแบ่งแป้งเป็นสีต่างๆ ก่อนจะจัดรูปทรงและปั้นแป้งใส่ไส้จากนั้นก็เริ่มใช้ไม้ไผ่ที่ทำเป็นแหนบเล็กๆ กรีดร่องทำลวดล
หยางหมิงหลงอดีตผู้ตรวจการแทนพระองค์ บัดนี้เขาอายุจะเจ็ดสิบแล้ว มักไปร่ำสุรากับสหายกันเป็นประจำ อย่างเช่นวันนี้ หยางหมิงหลงนัดกับสหายอีกสามคนไปนั่งท่องบทกวีชมจันทร์ ชมเวหาที่ป่าเหมยนอกเมืองเซียวจ้าน อดีตใต้เท้ากรมคลังจาวอวี้หมิ่น อดีตหมอหลวงว่านผิงอัน อดีตเจ้ากรมกลาโหมทั้งสี่คนร่ำสุรากันจนดึกดื่น เลยยามจื่อมาจนครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่เลิกร่ายบทกวี อดีตผู้ตรวจการเริ่มเมามากแล้ว เขาหันไปหาว่านผิงอันก่อนจะเอ่ยอ้อแอ้"เอิ่ม เอิ๊กกก นี่ๆๆๆตาแก่ว่าน หลานสาวเจ้าอายุเท่าไหร่กันเล่า"หยางหมิงหลงเอ่ยถามว่านผิงอัน ชายชราที่ถูกถามเอ่ยน้ำเสียงอ้อแอ้ไม่ต่างกัน ก่อนจะทำท่าครุ่นคิด แล้วหันไปถามอดีตหมอหลวงที่เมาแอ๋อยู่ข้างๆ"ชิงชิงหรือ...เอหลานสาวข้าอายุเท่าไหร่นะ ตาแก่จางเจ้าจำได้ไหม ว่าหลานสาวข้าอายุเท่าไหร่"ว่าวผิงอันลุกเซไปเซมา เดินไม่ตรงทาง หยางหมิงหลงจึงหันไปหาจางอวี้หมิ่นแล้วถามเขาแทน"เอิ่ม...ตาแก่จางดูเหมือนว่าอวี้ถิงหลานสาวเจ้าสิบห้าปักปิ่นไปไม่นานแล้วนี่นา หลานชายข้ารับตำแหน่งต่อจากข้าจนป่านนี้ยังไม่แต่งงาน ข้าหมั้นหลานสาวเจ้าให้หมิงเอ๋อร์เลยแล้วกัน นี่ๆหยกชิ้นนี้ค
จางอวี้ถิงเดินออกมาแล้ว หยางหมิงที่เห็นนางก็ถอนหายใจ เขายังไม่ต้องการแต่งงานสักหน่อย ท่านปู่ไปทำเรื่องขายหน้าอันใดอีกเล่า"ใต้เท้า..ขออภัยแทนท่านปู่ของข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ สร่างเมาแล้วคงลืมเองท่านอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลยนะเจ้าคะ""อืม อาจิ้งกลับเถอะ"หยางหมิงกลับขึ้นรถม้าทันที หยางหมิงหลงที่ลืมตาขึ้นมาก็เปิดหน้าต่างรถม้าเห็นจางอวี้ถิงยืนอยู่ก็เอ่ยเรียกเสียงดัง"หลานสะใภ้เจ้าเองหรือ พรุ่งนี้เจ้าก็จะเป็นหลานสะใภ้ของข้าแล้วฮ่าๆๆๆ ไปๆกลับบ้านๆ ข้าจะไปเตรียมของขวัญรับขวัญหลานสะใภ้ของข้า นี่ๆเรียกท่านปู่สิเร็วเข้า""อาจิ้งไป คุณหนูจางเจ้าเองก็อย่าถือสาเล่า ท่านปู่ของข้าก็เมาเช่นกัน"หยางหมิงสั่งคนของตนน้ำเสียงดุดันก่อนจะหันไปบอกกับจางอวี้ถิง น้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่พอใจที่เอ่ยออกมานั้น จางอวี้ถิงรู้ดีว่าเขากำลังไม่พอใจมากๆ หลี่จิ้งที่รู้ว่าจ้านายอารมณ์เริ่มไม่ดีแล้วจึงรีบควบม้ากลับจวนทันที เมื่อมาถึงจวนก็ให้บ่าวช่วยกันพยุงชายชราลงมาพาไปยังเรือนนอน หยางหมิงนึกถึงใบหน้าหวานที่ซีดเซียว อดีตหมอหลวงจางบอกว่าจะหายามารักษาหลานสาวหรือ นางป่วยร้ายแรงหรืออย่างไรกัน หยางหมิงถอนหา
หลังจากส่งท่านปู่เข้านอนหยางหมิงก็จัดการเขียนหัวข้อสอบที่จะส่งให้ฝ่าบาทพิจารณาในวันพรุ่งนี้ เขายังคงติดใจใบหน้าหวานๆของเด็กคนนั้นอยู่ นางเหมือนป่วยจริงๆ ก่อนจะถอนหายใจเอ่ยเบาๆ“อายุนางยังน้อยจริงๆ หวังว่าท่านปูไม่ได้ไปทำสิ่งใดแผลงๆมานะ เฮ้อ”หยางหมิงถอนหายใจกับพฤติกรรมของผู้อาวุโสคนเดียวของจวนยามที่เมานั้นช่างน่าให้ท่านย่าหวดยิ่งนัก หลังจากจัดเตรียมหัวข้อถวายรายงานพรุ่งนี้เสร็จก็เข้านอน จวนสกุลจางหลังจากที่ส่งท่านปู่เข้านอนแล้วจางอวี้ถิงก็กลับห้องนอนตนเอง นางกินยาแล้วเพลียหลับไป รู้ตัวอีกทีนางก็มานั่งอยู่สถานที่หนึ่ง มีแสงไฟมากมาย มีสิ่งประหลาดที่วิ่งผ่านไปมา กลางคืนกลับเหมือนกลางวัน แสงสีสว่างไสวเต็มไปหมด จางอวี้ถิงยืนอยู่ที่กลางทางคล้ายกับถนน พาหนะแปลกปะหลาดวิ่งผ่านร่างทะลุร่างของนางไป เหมือนได้ยินเสียมีคนเรียกชื่อนางเมื่อจางอวี้ถิงหันไปตามเสียง็พบชายชราคนหนึ่ง ท่านตาคนนั้นผมยาวสีขาว เครายาวในมือถือแซ่โบกไปมาเบาๆ สวมใส่อาภรณ์สีขาวมีแสงสว่างรอบๆตัวของเขา “แม่หนู..ได้เจอกันสักทีนะ”“ท่านตา..ท่านรู้จักข้าหรือเจ้าคะแล้วท่านมากจากที่ใดกัน แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่า
ทางด้านจางอวี้ถิงที่กำลังนวดแป้งเพื่อทำขนมโก๋อ่อนกับบัวหิมะ นางอยากกินไม่ได้กินนานแล้วจากนั้นก็เริ่มคั่วแป้ง สองนายบ่าวช่วยกันทำโดยไม่รู้เลยว่ามีคนมายืนดูสองคนนายบ่าวกำลงง่วนกับการทำขนมดูนางไม่ได้ป่วยสักนิด จางอวี้ถิงเจ้าปิดบังอะไรไว้อีกเท้าที่กำลังจะเดินไปหยุดชะงักเพราะได้ยินสาวใช้เอ่ยถึงตนเอง“คุณหนูจะทำไปให้ใต้เท้าด้วยไหมเจ้าคะ”“อย่าเลย เขารังเกียจข้าเพียงนั้นเอาไปเขาก็ทิ้งขว้างเปล่าๆ เสียดายของ”“อ้อ...แต่ว่าเราทำมากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”“ขายสิ...บ่าวในเรือนมีตั้งเกือบสองร้อยคนชิ้นละสิบอีแปะก็มีคนซื้อน่า มันเทศก็ปลูกเอง เผือกก็ปลูกเอง มีแค่ถั่วกับน้ำตาลและแป้งที่ซื้อมา”เขายืนหน้าหน้าดำเป็นก้นหม้อก่อนจะเดินหันหลังกลับจวนหลักตนเองทันที เด็กอะไรไม่รู้จักบุญคุณเขาอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กิน คุ้มครองไม่ต้องให้อยู่กันเองสองคนนายบ่าวที่จวนกลับไม่คิดถึงเขาสักนิด แล้งน้ำใจยิ่งนัก หึจางอี้ถิงไม่รับรู้ว่ามีคนกำลังงอนนางอยู่ ชาติก่อนมีฝีมือในการทำขนมและรังสรรค์มันออกมาได้อย่างสวยงาม นางแบ่งแป้งเป็นสีต่างๆ ก่อนจะจัดรูปทรงและปั้นแป้งใส่ไส้จากนั้นก็เริ่มใช้ไม้ไผ่ที่ทำเป็นแหนบเล็กๆ กรีดร่องทำลวดล
เซียวอี้หลงเลื่อนมือค่อยๆ ปลดสายรัดเอวนางออกใบหน้าหล่อเหลากำลังจะสัมผัสกับปลายถันที่เขาไม่เคยลืมนับจากคืนก่อน เซียวอี้หลงกำลังก้มลงจะชิมความหวานอยู่ๆ ประตูก็เปิดออกพร้อมเสียงใสๆ ของเด็กสาว"ท่านอาเข้ามาแล้ว...เอ๋พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ"เซียวอี้หลงต้องคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างบางเอาไว้แล้วหันไปหาตัวต้นเรื่อง"เสี่ยวหรูเจ้ามาได้อย่างไรแล้วบิดาเจ้าเล่า""ท่านพ่อได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าแล้วข้าก็ตามมาด้วยท่านพ่อบอกว่าฝ่าบาทจะให้ท่านพ่อไปเมืองซีโจว ดูแลเรื่องสร้างเขื่อนกั้นน้ำน่าจะใช้เวลานานท่านแม่ก็ไปด้วยท่านพ่อก็เลยเอาข้ามาทิ้งท่านเอ้ยไม่ใช่เอาข้ามาฝากท่านอาสักสองสามเดือนเจ้าค่ะ""แล้วพรวดพราดมาห้องคนอื่นเจ้าเป็นสตรีแบบใด""โอ่ว..ปกติข้าก็มาได้นี่เจ้าคะไอ้หยาอ้อหลานลืมไปท่านอาแต่งงานแล้ว ได้ยินท่านพ่อบอกท่านแม่ว่าท่านอาแต่งงานกับเด็กสาวอายุสิบหก ท่านอานางอายุเท่าข้าเลยนะเจ้าคะ ท่านพ่อยังบอกท่านแม่ว่าท่านอาแก่ปูนนี้แล้วจะไม่หมดแรงตายคาห้องหอหรือ เอแต่เท่าที่หลานเห็นท่านอาก็ยังสบายดีอยู่นี่เจ้าค่ะ""เซียวอี้หรู...""โอ่ว...งั้นข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้วเชิญทั้งสองคนต่อเลยเจ้าค่ะอาสะใภ
เซียวอี้หลงอยากตบศีรษะคนตรงหน้าสักที ฟังก็รู้ว่าล้อเลียนเขา หึใครอยากได้เจ้าเป็นเมียกันว่านชิงชิง จากนั้นรถม้าของเขาก็เคลื่อนออกจากจวนหลัง พอดีกับรถม้าของว่านชิงชิงเคลื่อนออกจากทางจวนข้างพอดี รถของเขานำหน้าไปก่อนเขานัดหยางหมิงมาเจอกันที่ด้านหน้าหออี้ชุน เมื่อมาถึงก็ลงจากรถม้าไปนั่งรอที่ชั้นสอง หยางหมิงออกจากจวนมาก็ตรงมาหาเซียวอี้หลงที่ร้านอาหารอี้ชุนทันที ทั้งสองนั่งสนทนาถึงเรื่องข้อสอบ วันนี้ไม่มีประชุมจเช้าทั้งคู่จึงถกปัญหากันกับอาจารย์อีกสามท่านที่นัดมาวันนี้ ด้านล่างเซียวอี้หลงเหลือบสายตาไปมองเห็นสตรีอ้อนแอ้นหนึ่งคนกับบุรุษที่เหมือนจะสวมชุดสำนักศึกษาหลวง ป่านนี้ยังไม่ไปเรียนอีกหรือ ที่สำคัญสตรีคนนั้นคือคนที่ยั่วโมโหเขาเมื่อตอนสายนั่นเองด้านล่างว่านชิงชิงกำลังพูดคุยกับหลัวชิวหมิง เขาเป็นบุตรชายของใต้เท้าหลัวรองเจ้ากรมอาลักษณ์ ทั้งคู่สนิทสนมกันจนใครๆต่างก็คิดว่าทั้งคู่เหมาะสมกันหากได้แต่งงานคงเป็นคู่ที่เหมาะสมมากที่สุดในเมืองหลวง "ชิงชิง...เจ้าสบายดีหรือไม่เหตุใดไปหาที่จวนจึงมิเจอเจ้าสักครั้ง""พอดีข้าไปอยู่ที่อื่นน่ะ ท่านปู่เห็นว่าอยู่บ้านข้าเกเรไม่เอาถ่านเลยให
รุ่งเช้าจางอวี้ถิงเดินไปที่โรงครัวเพื่อพบกับหัวหน้าห้องครัวเพราะตอนนี้ผักในแปลงของนางสามารถตัดกินได้แล้ว ของปลูกต้องใช้แรงเมล็ดพันธุ์ก็ต้องซื้อหา จางอวี้ถิงมาพบกับป้าหงแม่ครัวใหญ่ของโรงครัวแห่งนี้ นางไม่แสดงทีท่าว่าเป็นฮูหยินเพราะตาแก่นั่นสั่งห้ามเรียกนางว่าฮูหยิน ไม่นานป้าหงก็เดินมาหานางก่อนจะเอ่ยทักทาย"คุณหนูจางวันนี้ออกจากจวนเล็กมาถึงโรงครัวด้วยตนเองไม่ทราบว่าท่านต้องการอะไรหรือเจ้าคะ""ไม่ได้ต้องการสิ่งใด ท่านป้าหงข้าปลูกผักไว้หลายสิบแปลงกินอย่างไรก็ไม่ทัน วันนี้มีผักกาด หลัวโปว กวางตุ้งดอก ข้าขายถูกๆกำละยี่สิบอีกแปะ พวกท่านคนมากข้าขายถูกกว่าตลาดถึงห้าอีแปะสนใจจะรับหรือไม่เล่า"ป้าหงถึงกับอ้าปากค้าง คุณหนูจางท่านปลูกในที่ดินสกุลหยางยังกล้ามาขายให้สกุลหยางอีกเนี่ยนะ ป้าหงทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที อาจิ้งที่เดินมาเพื่อรับน้ำอุ่นจากโรงครัวเห็นว่าคุณหนูจางมาถึงจวนใหญ่เองก็แปลกใจจึงเดินไปหานางเพื่อสอบถามความต้องการ"คุณหนูจาง ไม่พบเสียนานท่านสบายดีนะขอรับ""อ้อ..องครักษ์หลี่ ข้าสบายดีเอ่อจริงสิ ข้าปลูกผักไว้หลายแปลงแต่มาขายโรงครัวดูแล้วท่านป้าหงคงไม่อาจรับซื้อ
ปี้เหยากับลี่จูมองหน้ากันทันที พวกนางเคยเห็นกันหลายครั้งเพราะลี่จูมักไปซื้อยาที่ร้านหมอประจำ ตอนที่นายท่านเขียนตัวยาให้ ปี้เหยาเองก็ติดตามคุณหนูว่านเสมอ แต่พวกนางไม่เคยได้พูดคุยกัน จางอวี้ถิงวาดแผนที่ตามที่ว่านชิงชิงบอกนาง จางอวี้ถิงยิ้มให้นางก่อนจะเอ่ย“ช่องโหว่ทางด้านติดกับช่องทางด้านท่านพอดี เอาอย่างนี้ท่านทุบฝั่งท่าน ส่วนข้าทุบฝั่งข้าไม่กี่วันก็ทะลุถึงกันแล้วอีกอย่างข้าทุบไว้บ้างแล้ว เมื่อมันทะลุกันเราสองคนสามารถไปไหนก็ได้ เวลาที่กลับมาท่านก็กลับเรือนตนเองได้เลยไม่ต้องผ่านเรือนข้า” “ดีเลย งั้นข้าจะกลับไปทุบเดี๋ยวนี้ไว้พวกเราจะได้ไปเที่ยวให้ทั่งเมืองหลวงเลย ข้าได้เงินเดือนจากตาเฒ่านั่นสามสิบตำลึง”“ข้าก็ได้เงินเดือนเหมือนกัน เอาเช่นนี้ไหมไหนๆ วันนี้ท่านก็มาแล้วพวกเรามาช่วยกันทุบดีกว่า เผื่อจะทะลุกันเร็วขึ้น ข้ามีเครื่องมือเกษตรที่ข้าขอไปทางตาเฒ่าหยางไว้”“ได้สิ ปี้เหยาพวกเรามาช่วยกันเถอะ”จากนั้นทั้งสี่คนก็ช่วยกันลากกระถางต้นโบตั๋นมาบังฝั่งที่จะทุบ ก่อนจะช่วยกันค่อยๆ ทุบทีละน้อย หากเสียงดังเกินไปอาจมีคนได้ยิน ปี้เหยากับลี่จูละมือไปทำอาหารเที่ยง ทั้งสองคนยังคงหมกมุ่นกับการทุบกำแพงอ
หลังจากสั่งงานไปไม่เกินสามวันต้นไม้ที่นางสั่งก็มาถึง บ่าวช่วยกันปลูกเต็มแนวกำแพงจวนเล็กทอดยาวทั้งสี่ด้าน จางอวี้ถิงเริ่มลงมือเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ให้พ่อบ้านหาซื้อมาได้ หยางหมิงยังคงออกตรวจตราความเรียบร้อยของบ้านเมืองหยางหมิงยังไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจวนเล็ก หลังจากที่เขาบังเอิญเดินผ่านในคืนนั้นก็เป็นเวลาสองเดือนแล้วจางอวี้ถิงยิ้มหวานให้กับรั้วไม้เลื้อยของนาง โชคดีที่เป็นหน้าฝนต้นไม้งามไวมาก ปฏิบัติการหนีเที่ยวจะเริ่มในไม่ช้าแล้วหลี่อวี้ถิงมาอยู่ในร่างนี้ใช้ชีวิตเป็นจางอวี้ก็ล่วงเลยมาสามเดือนแล้ว นางยังไม่เคยได้ออกไปไหนเลย นางไม่มีเพื่อนนอกจากลี่จูสาวใช้ของร่างเดิม เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆ เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นจากเดือนละยี่สิบตำลึงเป็นห้าสิบตำลึง ตาเฒ่าหยางหมิงนี่รวยนะ แต่กักนางไว้ในจวนจะไปใช้เงินได้อย่างไรวะลี่จูที่กำลังติดเตาต้มน้ำเพื่อให้คุณหนูของนางล้างหน้ายามเช้าหันมาเจอนางนั่งเท้าคางทำหน้าตาเหมือนกับเบื่อหน่ายก็เดินมาหา“คุณหนูเจ้าคะ...เป็นอะไรไปเจ้าคะเหตุใดทำสีหน้าอย่างนั้น ไม่เอาเจ้าค่ะทำหน้าอมทุกข์ไม่ดีเลย คุณหนูของบ่าวต้องยิ้มสิเจ้าคะ”“พี่ลี่จู....ข้าเบื่อน่ะอยากออกไป
ส่วนโรงครัวใครบ้างจะกล้าต่อกรหาเรื่องแกล้งพวกนางเชิ่นเมื่อก่อนกันเล่า สาวใช้ที่เคยไปรับใช้และมีเรื่องกับนางและไปฟ้องพ่อบ้านคนเก่า จนเขาเข้าข้างและถูกฮูหยินน้อยไล่กลับมาถูกโบยเมื่อคืนนี้ องครักษ์ไปจับตัวเอามาจากที่นอนเลย เสร็จแล้วก็ขายทิ้ง พ่อบ้านเองก็ถูกโบยจนลุกไม่ขึ้น ค้นห้องนอนของเขาพบว่าซุกซ่อนเงินทองไม่น้อย อีกทั้งกำลังหลับนอนกับสาวใช้รุ่นลูกอยู่ด้วยกันสามคนสีหน้าท่านผู้ตรวจการเมื่อคืนนี้ช่างดูน่ากลัว พวกนางเป็นสาวใช้ที่เคยรับใช้ฮูหยินน้อย แต่ว่าไม่เต็มใจรับใช้ อีกทั้งพ่อบ้านยังยักยอกเงินทองในส่วนที่ฮูหยินน้อยต้องได้ เช่นผ้าตัดชุดใหม่ เสบียงที่ต้องส่งให้จวนเล็ก เพราะภรรยาของเขาดูแลเรื่องการเบิกจ่ายเสบียงในจวน และอาศัยว่าไท่ฮูหยินไปไหว้พระรวมทั้งไว้ใจพวกเขา สองผัวเมียจึงเกิดความละโมบ ลี่จูไม่รู้เหตุการณ์ณ์ในจวนใหญ่ นางได้ของที่ต้องการก็รีบกลับจวนเล็กทันที หยางหมิงที่วันนี้มีเข้าเฝ้าแต่เช้าก็ทันได้เห็นสาวใช้ของเมียเด็กตนเองมาที่โรงครัว“บอกห้องเสบียงกับห้องครัว พวกนางอยากได้อะไรก็ให้ไป เพิ่มเงินเดือนให้นางเป็นเดือนละห้าสิบตำลึง ไปหาท่านหมอไปตรวจนางด้วย เม
ร่างบางระหงหลับอยู่บนเตียง ลมหายใจสม่ำเสมอ ดูไม่ป่วยหนักเหมือนตอนก่อนหน้าแล้วนี่ หลี่อวี้ถิงรู้สึกว่ามีคนมองก็ลืมตาขึ้น สายตาทั้งคู่ประสานกัน หลี่ว่านถิงรับรู้จากความทรงจำผ่านเด็กคนนี้ ผู้ชายรูปหล่อสันดานไม่ดีคนนี้คือสามีเจ้าของร่างเดิม อีกทั้งยังต้องเป็นสามีของเธอด้วย เพราะเธอดันมาอยู่ในร่างเมียไม่อยากแต่งของเขา หลี่อวี้ถิงถอนหายใจ ยายผีบ้านี่ไปเอาวิญญาณเธอมา แถมยังให้เธอตายศพไม่สวยอีกมันน่านักเชียว สามีเฒ่าของยายเด็กนี่มาดูอาการหรือมาเช็คความชัวร์กันแน่วะว่ายายนี่ตายหรือยังหยางหมิงเอ่ยถามเมียเด็กของเขาเสียงเข้ม“เจ้าเป็นอะไร เหตุใดร้องโวยวายนัก จวนข้างๆไม่รู้จะคิดได้ว่าข้าทำร้ายคน”“ขออภัยเจ้าค่ะใต้เท้า แค่กๆ ข้าปวดหัวเจ้าค่ะ แค่กๆๆ ต่อไป แค่กๆๆ ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะแค่กๆๆๆ”หลี่อวี้ถิงแกล้งไอออกมาแรงๆ หยางหมิงเข้ามาหาเห็นหน้านางซีดเซียวก็บอกว่าพรุ่งนี้จะให้หมอประจำจวนมาดูอาการนางอีกที จากนั้นเขาก็กลับไปหลี่อวี้ถิงทำใจแล้วว่าตนเองมาอยู่ในร่างนังหนูนี่ที่ชื่อจางอวี้ถิง ลี่จูเห็นคุณหนูของนางเงียบไปก็เดินมาหาก่อนจะเอ่นถาม“คุณหนูเจ้าคะ.... ท่านมิเป็นไรแล้วนะเจ้าคะ”
ทางด้านหลี่อวี้ถิงที่หนีไปอยู่ห้องเพื่อนแล้วแล้วบอกขายคอนโดเรียบร้อยก็ไปหาซื้อคอนโดใหม่อยู่ เกือบสามเดือนแล้วที่เจอผีผูหญิงในชุดโบราณ ตั้งแต่ย้ายสถานที่เธอก็ไม่เจออีกเลย แปลว่าที่เธอขายคอนโดนั้นตัดสินใจถูกแล้ว วันนี้เธอมีปาร์ตี้สละโสดของเพื่อนสาวในแก๊ง หลังจากดื่มกันจนเมาแล้วหลี่ว่านถิงก็ขอตัวกลับบ้านก่อน เธอเพิ่งจะซื้อคอนโดห้องใหม่ได้ไม่นาน"นี่ถิงถิง..เธอเลื่อนตำแหน่งใหม่แล้วเหรอ""อืม...บอสให้ไปคุมการค้าภูมิภาคน่ะ""อิจฉาแกก็ไม่ได้ด้วย ใครจะไปพูดได้8ภาษาเหมือนแกล่ะ ถิงถิงขับรถดีๆนะ"หลี่อวี้ถิงขับรถมาตามทาง เธอเป็นคนคออ่อนจึงดื่มแค่นิดหน่อย และเพราะต้องขับรถกลับบ้านเอง กำลังจะถึงไฟแดงอีกสามร้อยเมตรอยู่ๆก็รู้สึกเย็นๆในรถ เสียงเรียกเธอเบาๆจึงหันไปดู ตาเบิกกว้างทันทีมาอีกแล้วหรือ"พี่สาว เราเจอกันอีกแล้วนะเจ้าคะ""ห๊ะ..ทะ เธออีกแล้วหรือ ทำไมไม่ไปเกิดมาทำไมอีก""พี่สัญญามาก่อนว่าจะช่วยทำหน้าที่ทุกอย่างแทนข้าแล้วข้าจะไป""หน้าที่อะไร ได้ๆๆๆสัญญาเธอพอใจหรือยังแม่ผีน้อยจ๋า ไปเถอะๆฉันสัญญาจะทำทุกอย่างแทนเธอเอง ฮือๆๆ หรือที่จริงเธอมากับรถคันนี้ ได้ๆๆพรุ่งนี้ฉันจะขายรถทิ้