เสียงเกือกม้ากระทบกันมาแต่ไกลๆ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมานาง ซ่งจื่อเหยียนบังคับม้าเข้าข้างทาง นางต้องหลบให้เขาไปก่อน ดูท่าทางทหารเหล่านั้นเกรงใจพวกที่มาใหม่มากนัก ซ่งจื่อเหยียนนั่งก้มหน้า นางไม่อยากให้ผิดสังเกต แต่กลับไม่พ้นสายตาดุจเหยี่ยวของคนบนหลังม้าไปได้ เขากระตุกบังเหียนมาทางนางก่อนจะเอ่ย
"เจ้าเป็นคนที่ไหน มาในเมืองแต่เช้าเช่นนี้"
ซ่งจื่อเหยียนเงยหน้าขึ้นก่อนจะนึกออก นี่มันไอ้อ๋องสุนัขเว่ยเซียวหยางนี่นา คนที่ทำให้ร่างเดิมตั้งครรภ์และคลอดลูกจนตาย หืมไอ้สารเลวนี่ อยากข่วนหน้านักเชียว ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
"ข้าน้อยมาส่งผักขอรับ ท่านพ่อป่วยจึงจะรีบมาส่งและรีบซื้อยากลับไป มิทราบว่าใต้เท้ามีเรื่องอันใดสงสัยในตัวข้าน้อยหรือไม่ขอรับ"
เว่ยเซียวหยางพยักหน้า คนของเขาไปตรวจดูรถม้าค้นจนข้าวของกระจาย แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ ซ่งจื่อเหยียนจึงเอ่ยถามเขาที่กำลังจะไป
"ใต้เท้าท่านนี้ คนของท่านรื้อข้าวของๆข้าน้อยจนเละเทะ นี่เป็นเงินที่จะไปซื้อยามาต่อลมหายใจบิดาข้าน้อย พวกท่านจะไม่รับผิดชอบหรือขอรับ แม้จะแค่สิบตำลึงแต่ก็เป็นชีวิตคนนะขอรับ"
เว่ยเซียวหยางหันกลับมาสบตากับบุรุษที่เมื่อสักครู่ยังเอาแต่ก้มหน้าอยู่เลย มาตอนนี้กล้าเงยหน้าสบตาเขาแล้วหรือ ก่อนจะกระตุกม้ามาใกล้ๆ
"เจ้าว่าของเหล่านี้ถึงสิบตำลึงเชียว ไม่แพงไปหน่อยหรือ"
"ใต้เท้าผักกาดนั่นท่านปลูกเองได้ไหมขอรับ ไข่ไก่นั่นท่านเบ่งออกมาเองได้ไหมขอรับ"
เหวินเปียวเห็นคนน่าตายบังอาจถามเจ้านายตนเองก็ชักกระบี่มาพาดที่คอของเขาทันที ซ่งจื่อเหยียนยังคงไม่หลบสายตาจากเว่ยเซียวหยาง เขาบอกให้เหวินเปียวเอากระบี่ลงก่อนจะเอ่ยกับนาง
"แน่นอนผักกาดข้าปลูกไม่ได้ ไข่ไก่ข้าก็เบ่งออกมาเองไม่ได้ แล้วอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องสิบตำลึงเช่นไร"
"ใต้เท้าหากท่านทำได้ย่อมไม่แพง แต่ว่าอะไรที่ตนเองทำไม่ได้ย่อมมีราคา วันนี้ข้าน้อยต้องการแค่ค่าเสียหายจากสินค้าสิบตำลึง และค่าปรับที่จะถูกทางร้านอาหารปรับเนื่องจากส่งสินค้าไม่ได้อีกสิบห้าตำลึง มิทราบว่าท่านจะชดใช้อย่างไรดี"
"บังอาจ..ใต้เท้าคือท่านผู้ตรวจการ ต้องมาชดใช้ให้เจ้าด้วยหรือ"
ซ่งจื่อเหยียนมองหน้าองครักษ์ของเขา ไอ้ปากดีนี่ด่าร่างเดิมกับสาวใช้ของนางไว้เยอะเชียว จดเข้าบัญชีหนังหมาอีกคนแล้วกัน จากนั้นก็เอ่ยต่อ
"ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับอาหาร ราษฎรอดอยากแต่คนของท่านผู้ตรวจการกลับเหยียบย่ำอาหารเหล่านี้ ฝ่าบาทรู้หรือไม่ว่าขุนนางพระองค์นั้นไม่เห็นทุกข์สุขของราษฎรในสายตา"
เว่ยเซียวหยางหยิบตั๋วเงินห้าสิบตำลึงออกมาส่งให้บุรุษตรงหน้า ซ่งจื่อเหยียนรับเอามาพร้อมกับหาเงินทอนแต่เขาไปไกลแล้ว นางจึงไม่สนใจ วันนี้ทำเขาสงสัยแล้วตอนกลับต้องระวังตัวสักหน่อย ไม่เช่นนั้นหากเขาให้คนตามไปอาจเปิดเผยตัวเองได้
เมื่อได้เงินก็เข้าร้านธัญพืชทันที นางต้องตกลงกับร้านอาหารทั้งในเมืองและนอกเมืองใหม่เสียแล้ว ลดราคาลงให้พวกเขาสักหน่อย แต่ให้ไปรับของเอง หากออกมาบ่อยๆจะเสี่ยงไม่น้อย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เข้าไปยังร้านผ้าที่นางเป็นพันธมิตรออกแบบลายผ้าให้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดบุรุษรูปงาม ถือพัดโบกไปมา
"เจ้าแต่งเช่นนี้แล้วรูปงามนักอาเหยียน"
"ขอบคุณพี่ฟ่านหลินเจ้าค่ะ ข้าต้องไปธุระฝากท่านให้คนขับรถม้ากลับบ้านข้าด้วย"
ฟ่านหลินพยักหน้า นางรู้จักเด็กคนนี้ได้สามเดือนกว่าแล้ว ลายผ้าที่นางออกแบบมาให้ล้วนงดงาม จนตอนนี้การค้าของสกุลซ่งกำลังเดือดร้อน พวกเขาหาตัวคนออกแบบของานนางอยู่แทบจะพลิกแผ่นดิน ไม่รู้ว่าสตรีคนนี้มีความแค้นอันใดกับตระกูลซ่ง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่นางต้องไปรู้ แค่ค้าขายปกติก็พอ
ซ่งจื่อเหยียนให้รถม้าไปที่บ้านป้าหู เพราะห่างจากตำหนักถึงสามลี้และมีเพียงหลังเดียว นางเดาถูกเว่ยเซียวหยางให้คนตามรถม้าไปจริงๆแต่ขากลับไปนั้นเหตุใดมีรถม้าสองคัน พวกเขาเจรจากันคนในบ้านไม่นานก็กลับออกมา เห็นบุรุษวัยกลางคนที่กำลังไออย่างหนัก แปลว่าป่วยจริงๆจึงกลับมารายงาน
ซ่งจื่อเหยียนนั่งรออยู่ที่หน้าบ่อน บ่อนนี้เป็นขององค์ชายห้าจอมเจ้าชู้ น้องสาวอยากเป็นชายาของเขาจึงได้คิดแผนการทำลายพี่สาวคนนี้ นี่คือไอ้สารตั้งต้นของเรื่องราวทั้งหมด วันนี้เบาๆสักหน่อยแล้วกัน ซ่งจื่อเหยียนขายหยกที่มารดาร่างเดิมมอบให้ครั้งก่อนที่เข้าเมืองนางได้มาสามพันตำลึง แต่กลับเอามาลงแค่หนึ่งพัน เล่นได้บ้างเสียบ้างเพื่อไม่ให้ใครสงสัย สุดท้ายจากสามพันนางก็มีถึงเจ็ดหมื่นตำลึง ลงทีละสามหมื่นจนกระทั่งวันนี้นางต้องการจัดการบ่อนองค์ชายพร้อมกับจัดการตระกูลซ่งอีกด้วย ให้พวกเขาตีกันเองดูสิงานแต่งยังจะมีไหม จากนั้นสาวเท้าเข้าบ่อนด้วยชาติก่อนเวลาไม่มีงานหลี่จื่อเหยียนคนก่อนก็มักเล่นฆ่าเวลากับเพื่อนๆในหน่วยเสมอ เมื่อนางเข้ามาคนดุแลบ่อนก็ทักทันที
"นี่ๆคุณชายเหยียนจื่อ เจ้าไม่มาเสียนานเลยนะ"
"ท่านพี่เกาวันนี้ข้าแอบท่านพ่อนำเงินมาได้นิดหน่อยน่ะ"
"ได้ข่าวว่าพี่สาวเจ้า ซ่งซยาอวิ๋นกำลังจะได้เป็นพระชายาแล้วหรือ"
ซ่งจื่อเหยียนยกน้ำชาขึ้นจิบก่อนจะพยักหน้าพลางๆ จากนั้นก็เริ่มเล่นพนัน นางเล่นได้เกือบแปดหมื่นตำลึงแล้ว แต่หากเลิกต้องถูกตามแน่ๆซ่งจื่อเหยียนจึงปล่อยให้เสียบ้าง จากสามหมื่นตำลึงเหลือเพียงห้าร้อยตำลึง
"เงินข้าหมดแล้ว พี่เกาขอรับ ข้าอยากยืมเงินสักหน่อย หากไม่มีคืนท่านพ่อเอาข้าตายแน่ๆ"
"ใต้เท้าซ่งคงไม่ทำอะไรเจ้าหรอกน่า ว่ามายืมเท่าไหร่ เจ้ามีหลักประกันอะไรมาค้ำ"
"นี่ท่านพี่เกา พรุ่งนี้พี่สาวข้าก็จะขึ้นเกี้ยวไปจวนองค์ชายห้าแล้ว ท่านให้ข้าสักสองแสนตำลึงได้หรือไม่ แต่ไม่ต้องห่วงข้ามีของมาวางประกันแน่นอน"
ซ่งจื่อเหยียนมือไวคว้าหยกจากเว่ยเซียวหยางมาได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว หากไปขายอาจถูกจับได้จึงเอามันวางประกันไว้ที่บ่อน แล้วกู้เงินมาสองแสนตำลึง จากนั้นก็ทำสัญญาว่าพรุ่งนี้จะกลับมาเล่นอีกเพื่อไถ่หยกคืน ซ่งจื่อเหยียนกลับไปที่ร้านผ้าเปลี่ยนชุดเป็นสตรีชาวบ้านก่อนจะจ้างรถม้ากลับจวนร้างนอกเมือง
"หึ..มาไถ่คืนหรือไม่มีทางหรอก เงินสองแสนตำลึงเจ๊จะใช้อย่างดีเลย ขอบใจนะองค์ชายห้าเรื่องทุกอย่างมาจากเจ้านั่นแหละไอ้ลูกหมา เมื่อรถม้ามาถึงซ่งจื่อเหยียนก็ว่าจ้างให้ไปส่งที่บ้านป้าหู จ่ายเงินเสร็จก็เดินกลับจวนตนเอง แม้จะไกลแต่ดีกว่าให้คนอื่นรู้ที่อยู่
เจ้าตัวน้อยนอนหลับมารดากลับมายังไม่ตื่น ลูกสะใภ้ป้าหูเพิ่งจะคลอดบุตร นางจึงเป็นแม่นมให้จื่อห่าวไปในตัวเวลาที่นางไม่อยู่ เมื่อมาถึงเปลี่ยเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เอาตั๋วเงินที่เว่ยเซียวหยางให้มาออกดู
"คุณหนูเจ้าคะ.บ่าวเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ"
"เข้ามาสิ"
"คุณหนูวันนี้ท่านไปนานนัก คงไม่ถูกใครพบเข้านะเจ้าคะ"
"ไม่มีหรอก จริงสิพี่เย่วเล่อข้าอยากพาพวกท่านไปอยู่ที่อื่น นี่ก็ปีครึ่งแล้วคนของตำหนักอ๋องคงไม่สนใจพวกเราอีกแล้วล่ะ พวกเราไปกันดีกว่าไหม"
"เราไม่มีเงินตำลึงนะเจ้าค่ะ หยกที่ฮูหยินทิ้งไว้ก็ขายไปแล้ว"
"อย่าห่วงเลย..ข้าหาเงินได้ ท่านไปนอนเถอะ" สาวใช้ไปแล้ว ซ่งฃจื่อเหยียนรวบรวมเงินที่หามาได้วันนี้รวมกับของเก่าทั้งหมดสองแสนแปดหมื่นตำลึง ต้องไปค้าขายที่อื่น เมืองหลวงไปไม่ได้อีกแล้ว
ทางด้านเว่ยเซียวหยางที่ให้ตั๋วเงินบุรุษผู้นั้นไปรอฟังรายงานได้ยินว่า
"รถม้าไปหยุดที่บ้านหลังหนึ่ง มีชายวัยกลางคนออกมา อีกทั้งยังป่วยจริงๆ แต่กลับไม่เห็นบุรุษที่ต่อปากต่อคำกับท่านอ๋องหน้าประตูเมืองแต่อย่างใดพ่ะย่ะค่ะ"
เว่ยเซียวหยางจึงบอกคนของเขาให้ออกไป พรุ่งนี้ต้องเข้าเฝ้าเสด็จพี่เรื่องปัญหาน้ำท่วม เรื่องพวกนี้เอาไว้ค่อยหาความจริงทีหลังก็แล้วกัน
ซ่งจื่อเหยียนที่นอนกอดบุตรชายอยู่แต่นางยังไม่หลับ อยากรู้จังว่าถ้าไอ้บ้านั่นรู้ว่าหยกหายไปจะทำเช่นไร นางไม่สนใจหรอกหลานชายเปิดบ่อน มีคนเอาหยกของท่านอามาจำนำที่อ เรื่องนี้คงบันเทิงซ่งจื่อเหยียนวางแผนจะออกจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่เดือน ตอนนี้บุตรชายได้หกเดือนแล้ว อีกสักสองเดือนค่อยหาทางไปนางเคยแอบไปดูลาดเลาเอาไว้ ตอนที่นางไปที่กรมที่ดินก็ได้ดูแผนที่และแผนผังของเมืองต่างๆ ด้วย เมืองจ้านกั๋วเหมาะที่สุดสำหรังลงหลักปักฐาน อยู่ไกลจากเมืองหลวงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ เดินทางด้วยรถม้าไปจนถึงท่าเรือเมืองป๋าย นั่งเรือต่ออีกสิบวันก็ถึงที่สำคัญที่ดินยังไม่ค่อยมีคนจับจอง หากบอกว่ากันดารก็อาจจะจริง ไปถึงค่อยวางแผน เงินสองแสนตำลึงน่าจะพอให้ใช้จ่ายจนตาย แต่ว่านางยังอยากมีเงินมากกว่านี้อีกซ่งจื่อเหยียนนอนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เธออายุยี่สิบสามก็เข้าฝึกทางการทหาร ได้อยู่หน่อยข่าวกรองห้าปี อยู่น้องชายก้ได้ไปเป็นCEOต้องไปดูแลงานที่ต่างประเทศ หลี่จื่อเหมาไปอยู่อังกฤษกับภรรยา หลานๆ อายุเพิ่งจะสี่ขวบกับห้าขวบ ทำให้เธอต้องลาออกจากหน่วยงานแล้วมาเลี้ยงหลานหลี่จื่อเหยียนจึงได้สมัครเป็นครูพละที่โรงเรียนประถมที่หลานๆ เร
ทางด้านเว่ยเซียวหยางที่กำลังรอองครักษ์สองพี่น้องมารายงานเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังวางแผนงาน มีผู้อพยพหนีน้ำท่วมเดินทางเข้ามาเมืองหลวงมากขึ้น เขาหารือกับฮ่องเต้และบรรดาขุนนางแล้วว่าจะ จัดหาสถานที่ให้พวกเขาพำนักชั่วคราว อีกอย่างต้องสร้างที่พักให้กับบรรดาหมอและขุนนางที่ไปดูแลอีกด้วยเหวินเปียวและเหวินชางขี่ม้ามาถึงก็ให้คนดูแลรับเอาไป จากนั้นทั้งคู่ก็ไปเขาเฝ้าชินอ๋อง ใบหน้าของน้องชายบวมใช่น้อย แม่หนูเย่วเล่อนี่มือหนักจริงๆ เหวินเปียวก็เหลือเกิน ตัวเองอายุสามสิบแล้วยังไปหาเรื่องเด็กน้อยอีก นางอายุสิบแปดสิบเก้าเองกระมัง ให้เด็กสั่งสอนได้ข้าล่ะเชื่อเจ้าเลย ทั้งคู่มาหยุดที่หน้าห้องหนังสือก่อนจะรายงาน“ท่านอ๋องกระหม่อมองครักษ์เหวินชางกับองครักษ์เหวินเปียวกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงตอบกลับจากผู้เป็นนายดังมาจากด้านใน องค์รักษ์สองพี่น้องจึงเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นท่านอ๋องของพวกเขากำลังดูแผนที่รอบเมืองหวงอยู่เหวินชาวคำนับก่อนจะเอ่ยรายงาน“ทูลท่านอ๋อง....พวกเรากลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งถามหาเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ปรากฏว่าท่านลุงแซ่หูคนนั้นบอกว่า เด็กหนุ่มมักจะมากับบิดาเพื่อมาซื้อยา สองพ่อ
จวนนอกเมืองซ่งจื่อเหยียนที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้นางเก็บผักกับไข่ส่งเหลาอาหารตามเดิม เย็นนี้จะมีรถม้าของทางเหลาต่างๆ มารับเอง นางไม่อยากเสี่ยวเข้าเมืองหลวงอีก จังหวะเจอไอ้อ๋องสุนัขนั้นอีกจะรอดยาก ดูท่าฉลาดไม่น้อย เย่วเล่อเดินมาหานางก็ยามซื่อแล้วเพื่อเรียกไปกินข้าว“คุณหนู..ไปทานมื้อเช้าได้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวกำลังจะพาคุณชายไปบ้านป้าหู คุณหนูบอกว่ะขึ้นเขามิใช่หรือเจ้าคะ”“อืม....พี่เย่วเล่อเราสามคนไม่มีนายบ่าวหรอก ต่อไปใช้ชีวิตกันเช่นพี่น้องทั่วๆ ไปเถอะ ว่าแต่เย่วหลีล่ะ”“เมื่อวานได้รวงข้าวมาเยอะ นางก็เลยไปเก็บอีก นันไงมาแล้วแบกหลังแอ่นมาเชียว”“รถม้าคันเก่าข้าขายไปแล้ว อีพักหนึ่งรถม้าคันใหม่จะมาส่งน่ะ เห้นท่านลุงหุบอกว่าเมื่อวานมีคนมาถามหาข้า ดีที่บุตรชายของเขาเอารถม้าไปในเมือง มิฉะนั้นหากคนสองคนนั้นจำได้ถูกเปิดโปง”เย่วหลีเดินเข้ามา เหงื่อซึมใบหน้าน้อยๆ ซ่งจื่อเหยียนใช้แขนเสื้อตนเอเงซับเหงื่อให้นางอย่างเบามือ ก่อนจะใช้มือเรียวสวยจับปอยผมทัดหูให้เด็กน้อยตรงหน้า เย่วหลียิ้มให้นางทั้งสามคนนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันหลังจากที่อิ่มแล้ว ซ่งจื่อเหยียนก็ให้นมบุตรชายจนอิ่ม เมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ
ด้านหลังของเขาตามมาด้วยบุรุษอีกหลายคน บุรุษคนหนึ่งสวมอาภร์สีม่วง เป็นผ้าไหมชั้นดีศีรษะสวมกว๊านหยกสีขาวเนื้อดีแกะลวดลายกิเลน หยกห้อยเอวคือชิ้นที่นางขโมยมันไปจำนำเมื่อวันก่อน เขาคือเว่ยเซียวหยางคนสารเลวที่ทำลายร่างเดิม ซ่งจื่อเหยียนเดินไปหาเย่วหลีก่อนจะยกเท้าถีบไปที่ยอดอกเหวินเปียวทันที จนเขาเซไปหลายก้าวเว่ยเซียวหยางตาลุกทันทีที่คนของตนถูกทำร้าย เขาเดินเข้ามาหานางจับคางบบีบอย่างแรง แต่ซ่งจื่อเหยียนไม่หวาดกลัวนางสบสายตาอย่างไม่ยอมแพ้ เว่ยเซียวหยางเอ่ยเสียงเข้ม“กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของข้า ซ่งจื่อเหยียน” ”แล้วเจ้าเล่า เว่ยเซียวหยาง เลี้ยงสุนัขเช่นไรปล่อยกันคนไปทั่ว หรือว่าเจ้าเองก็ไม่ต่างจากสุนัขของตน”“ซ่งจื่อเหยีน..กล้าเรียกชื่ออ๋องเช่นข้าตรงๆ ใครให้ความกล้าเจ้ากัน”“ต้องมีใครให้ความกล้าข้าด้วยหรือ คนเช่นท่านมีอันใดให้น่าเคารพหรือ ก็แค่ตำแหน่งติดตัวมาตอนเกิด อยากฆ่าข้าก็ควรลงมือเลย ทางที่ดีอย่าให้ข้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน”เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางไปข้างๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง เขามองเห็นตะกร้าใบใหญ่ มีมีดเล่มใหญ่ใส่เอาไว้ นางแต่ตัวผิดไปมิได้ใส่ชุดสวยงามเช่นคืนนั้นที่เขาเจอ นางแต่งก
แคว้นเป่ยฉีงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงหก ผู้คนมาร่วมงานกันมากมาย ทั้งขุนนางและคุณหนูรวมถึงฮูหยินจากหลายๆจวน ซ่งจื่อเหยียนที่เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนรองเจ้ากรมโยธา วันนี้นางถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวพามาด้วย เดิมทีซ่งจื่อเหยียนไม่ได้สาวเท้าออกจากเรือน เพราะฮูหยินรองหลิวซื่อเหมยและน้องสาวของนางซ่งซย่าอวิ๋นกดขี่นางเอาไว้ในเรือน มารดาจากไปแล้วบิดาก็ไร้ใจซ่งจื่อเหยียนที่ไม่มีคนรู้จักเท่าไหร่และไม่มีใครคุยด้วยได้แต่นั่งรออยู่ที่ศาลาริมน้ำ ซ่งซยาอวิ๋นเห็นพี่สาวต่างแม่นั่งอยู่ก็เดินมาหาก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวาน“พี่ใหญ่ ท่านมานั่งทำอันใดตรงนี้กันเจ้าคะ ท่านแม่บอกว่าให้ท่านไปรอที่ห้องรับรองด้านข้างก่อน ตอนนี้ท่านหญิงเสด็จมาแล้ว ท่านแม่เกรงว่าท่านที่ไม่เคยได้ออกงานจะทำเรื่องให้ตนเองขายหน้าได้”“น้องรอง..พี่อยากกลับจวนแล้ว งานนี้ความจริงไม่มีพี่ก็ได้ บอกแม่รองว่าพี่ขอกลับก่อนได้หรือไม่”“พี่รองกล่าวอันใดเช่นนั้นกัน มาด้วยกันจะกลับก่อนได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านไปพักเถอะ”ซ่งจื่อเหยียนไม่รู้ว่าน้องสาวกับแม่เลี้ยงวางแผนร้ายใส่ตนเองจึงเดินตามสาวใช้ไป ซ่งซยาอวิ๋นยิ้มร้ายตามแผ่นหลังที่เดินจากไป นางเตรียมคนขับรถ
เมื่อทุกคนออกไปแล้วเว่ยเซียวหยางก็ลุกขึ้นก่อนจะคว้าลำคอระหงของซ่งจื่อเหยียนที่หลับอยู่เพราะความเพลียขึ้นมา นางตื่นทันทีหายใจไม่ออกก่อนจะดิ้นรน“ปะ ปล่อย แค่กๆๆข้า”“ใครใช้เจ้ามา บอกมาเผื่อข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หรือว่าเจ้าจะได้ตายไม่ทรมารมากนัก”“ไม่มี น้องสาวของข้านางๆให้คนพาข้ามาที่นี่ แค่กกๆๆๆๆๆ”ร่างบางดิ้นรนเริ่มตาเหลือกโพลง เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางลงไปกลางห้องก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าชื่ออะไร”ซ่งจื่อเหยียนที่ตอนนี้หวาดกลัวบุรุษตรงหน้ายิ่งนักนางเอ่ยตะกุกตะกัก“ข้าแซ่ซ่ง ซ่งจื่อเหยียนเจ้าค่ะ คะ คุณชายเรื่องเมื่อคืนข้าไม่ อุ๊บ!!!!”ร่างบางถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับเตียงอีกรอบ เว่ยเซียวหยางสะบัดฝ่ามือใส่นางก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ“อย่าเอ่ยถึงเรื่องอัปยศที่เจ้าเป็นคนก่ออีก แซ่ซ่งหรือ เจ้าเป็นอะไรกับซ่งฮั่นเหลียง”“เขาเป็นบิดาของข้าเจ้าค่ะ”“เจ้ารู้ไหมข้าเป็นใคร”“มะ ไม่ ไม่รู้เจ้าค่ะ”“ใส่เสื้อผ้าซะ ซ่งฮั่นเหลียงเจ้าเลี้ยงบุตรสาวได้ดีจริงๆ”เว่ยเซียวหยางออกไปแล้ว ซ่งจื่อเหยียนใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา นางถูกเขาย่ำยีถาโถมจนกลางกายสาวมีแต่ความปวดหนึบ ยามที่ก้าวเดินนางเจ็บตรงกลางจนน้ำตาร่วงดึกมากแล้ว
ซ่งจื่อเหยียนกับสาวใช้ทั้งสองคนใช้ชีวิตในจวนกันอย่างอัตคัดไม่น้อย ไม่เคยมีเงินทองมามอบให้ บ้านเดิมยิ่งแล้วใหญ่ มีครั้งหนึ่งที่ซ่งซยาอวิ๋นกับมารดาเลี้ยงของนางมาหาเพื่อเยาะเย้ยถึงที่ แต่ทั้งสามคนนายบ่าวก็ยังทำใจไม่ตอบโต้ พวกนางจะทำอันใดได้ในเมื่อเจ้าของจวนยังทอดทิ้งพวกนางไม่ไยดีป้าหูกับสามีเป็นครอบครัวเดียวที่อยู่บริเวณนี้ พวกเขาสงสารสามคนจึงมักมอบอาหารให้บ่อยๆ ซ่งจื่อเหยียนขายหยกได้มาก็มอบไว้ให้สองสามีภรรยาสิบตำลึงเพื่อเป็นค่าอาหารของพวกนาง หากวันใดพวกเขาเข้าเมืองก็จะมาถามว่าต้องการสิ่งใด ในที่สุดวันที่ถึงกำหนดคลอดก็มาถึงซ่งจื่อเหยียนเจ็บท้องมานานกว่าสามชั่วยามแล้ว"อ๊าย..เจ็บจังเลย เมื่อไหร่จะคลอดสักที ฮือๆๆเด็กดีอย่าทรมานแม่นักเลย""คุณหนูเจ้าคะ ป้าหูกำลังมา อดทนหน่อยนะเจ้าคะ""ฮือๆๆ พี่เย่วเล่อ ข้าเจ็บอ๊ายย โอย เจ็บเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว"เสียงร้องไห้อย่างทรมานของซ่งจื่อเหยียนทำเอาจางเย่วเล่อถึงกับปาดนน้ำตา นางเป็นสินเดิมของมารดาคุณหนู เลี้ยงและเล่นกันมาตั้งแต่คุณหนูอายุห้าขวบ บัดนี้นางสิบเจ็ดแล้ว แต่กับต้องมาเจอชะตากรรมเลวร้าย ซ่งจื่อเหยียนร้องไห้ไม่หยุด นางเจ็บมากเหลือเกิน ป้าหูมาถ