ซ่งจื่อเหยียนที่นอนกอดบุตรชายอยู่แต่นางยังไม่หลับ อยากรู้จังว่าถ้าไอ้บ้านั่นรู้ว่าหยกหายไปจะทำเช่นไร นางไม่สนใจหรอกหลานชายเปิดบ่อน มีคนเอาหยกของท่านอามาจำนำที่อ เรื่องนี้คงบันเทิง
ซ่งจื่อเหยียนวางแผนจะออกจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่เดือน ตอนนี้บุตรชายได้หกเดือนแล้ว อีกสักสองเดือนค่อยหาทางไป
นางเคยแอบไปดูลาดเลาเอาไว้ ตอนที่นางไปที่กรมที่ดินก็ได้ดูแผนที่และแผนผังของเมืองต่างๆ ด้วย เมืองจ้านกั๋วเหมาะที่สุดสำหรังลงหลักปักฐาน อยู่ไกลจากเมืองหลวงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ เดินทางด้วยรถม้าไปจนถึงท่าเรือเมืองป๋าย นั่งเรือต่ออีกสิบวันก็ถึง
ที่สำคัญที่ดินยังไม่ค่อยมีคนจับจอง หากบอกว่ากันดารก็อาจจะจริง ไปถึงค่อยวางแผน เงินสองแสนตำลึงน่าจะพอให้ใช้จ่ายจนตาย แต่ว่านางยังอยากมีเงินมากกว่านี้อีก
ซ่งจื่อเหยียนนอนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เธออายุยี่สิบสามก็เข้าฝึกทางการทหาร ได้อยู่หน่อยข่าวกรองห้าปี อยู่น้องชายก้ได้ไปเป็นCEOต้องไปดูแลงานที่ต่างประเทศ หลี่จื่อเหมาไปอยู่อังกฤษกับภรรยา หลานๆ อายุเพิ่งจะสี่ขวบกับห้าขวบ ทำให้เธอต้องลาออกจากหน่วยงานแล้วมาเลี้ยงหลาน
หลี่จื่อเหยียนจึงได้สมัครเป็นครูพละที่โรงเรียนประถมที่หลานๆ เรียนอยู่ เพื่อดูแลพวกเขาใกล้ชิด การทำงานที่หน่วยข่างวกรองบางทีไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนๆ ไม่เหมาะกับการดูแลเด็กเธอจึงต้องลาออก
“เฮ้อ อาเหมามารับหลานๆ ไปเรียนที่อังกฤษ ฉันกำลังว่าจะไปเปิดฟิตเนส และรับเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวสักหน่อย ต้องมาตายเพราะคบบ้าคลุ้มคลั่งนี่นะ เวรกรรมจริงๆ เลย”
ตอนนั้นหลี่จื่อเหยียนที่ไปนั่งกินอาหารอยู่ดีๆ ก็มีเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ดีที่เป็นวันหยุดจึงไม่มีนักเรียน แต่คนร้ายก็ยังไม่หยุดคลุ้มคลั่ง กลับวิ่งออกมากราดยิงผู้คนที่สัญจร และหนึ่งในนั้นก้คือเธอที่กำลังนั่งกินหม้อไฟอยู่ดีๆ
ตอนนี้เธอคือซ่งจื่อเหยียน หญิงสาวอายุสิบแปดที่คลอดบุตรชายมาหนึ่งคนโดยไร้พ่อของลูก นอนสักตื่นเดี๋ยวค่อยลุกมาทำมื้อเย็น ซ่งจื่อเหยียนนอนกอดบุตรชายหลับไปแล้ว นางไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีคนกำลังหาตัวนางอยู่ถึงสองคน
ทางด้านองค์ชายห้าที่วันรุ่งขึ้นต้องไปรับซ่งซยาอวิ๋นมาเป็นชายารอง เพราะนางเป็นบุตรอนุมิใช่บุตรเมียเอกดังนั้นจึงไม่อาจยกย่องได้ เดิมทีเขาต้องการบุตรภรรยาเอกพี่สาวนางซ่งจื่อเหยียน แต่นางกลับตัดสินใจโง่ๆ ปีนเตียงเสด็จอาเสียก่อน นางงามล่มเมืองเชียวล่ะ หากครั้งนั้นเขาไม่ได้ไปตระกูลซ่งด้วยธุระบางอย่าง เขาคงไม่ได้เจอสตรีที่งามที่สุดในแคว้น ซ่งซบาอวิ๋นที่ทุกคนยกย่องยังงามไม่ได้ครึ่งพี่สาวเลย
เว่ยหยางหมิงมาตรวจดูความเรียบร้อยในบ่อนของตน เสด็จพ่อเข้มงวดนักห้ามบรรดาองค์ชายหรือเชื้อพระวงศ์มอมเมาชาวบ้านด้วยอบายมุขต่างๆ แต่เงินมันหอมหวานใครกันไม่เอา เสด็จอาเป็นผู้ตรวจการจะรู้หรือไม่ หากเขารู้คงไม่อยู่เฉยหรอก เพราะเขาเปิดบ่อนใต้จมูกเสด็จอาเลยนะ
ขณะกำลังจะไปถึงบ่อนของตนก็เจอกับคนของเขามาดักรอ เกาเหว่ยดีใจที่ได้หยกเนื้อดีมาหนึ่งชิ้น เขารีบมารอเจ้านายทันที เว่ยหยางหมิงเห็นเขาทำสีหน้าดีใจขนาดนั้นก็แปลว่าทางบ่อนวันนี้คงได้กำไรมากมาย
“องค์ชายๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“มีเรื่องดีๆ หรือเกาเหว่ย”
“กระหม่อมได้ของดีมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ของดีอันใดของเจ้ากัน”
“นี่พ่ะย่ะค่ะ เป็นหยกจักพรรดิ เนื้อนับว่าดีนัก แกะสลักลวดลายกิเลนไฟ ของหายากเลยพ่ะย่ะค่ะ เวลาร้อนพกไว้ร่างกายจะเย็น เวลาหนาวพกไว้ร่างกายจะอุ่น คนที่นำมาจำนำบอกว่าวันพรุ่งจะมาไถ่คืน หยกนี้กระหม่อมเอาไปตีราคาที่โรงประมูลท่านอ๋องมาราคาสูงถึงห้าแสนตำลึงนะพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยหยางหมิงที่รับเอาหยกชิ้นนั้นมาดูก็เหงื่อแตกพลั่กทันที นี่มันหยกที่เสด็จปูพระราชทานให้เสด็จพ่อและเสด็จอาคนละชิ้นเท่านั้น เกาเหว่ยไปเอามาจากไหนกัน หยกนี่พกติดเอวเสด็จอาตลอดเวลาเลยนะ
“เจ้าไปได้มาจากไหนกันเกาเหว่ย”
“กระหม่อมได้มาจากคุณชายซ่ง น้องชายชายารองของพระองค์ที่จะแต่งงานพรุ่งนี้ไงพ่ะย่ะค่ะ”
“น้องชายชายารองของข้า คุณชายซ่งน่ะหรือ เขามาที่บ่อนหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ คือว่าเขา อุ๊บ โอ๊ะ โอ๊ย”
เกาเหว่ยถูกลมหนึ่งสายพัดเอาร่างเขาไปกระแทกกับกำแพงบ้านหลังหนึ่งทันที เว่ยหยางหมิงเห็นหน้าคนลงมือก็ถึงกับกลืนน้ำลาย เขาคือเสด็จอาเซียวหยางชินอ๋องผู้เหี้ยมโหด
กำลังเริ่มเข้าฤดูเหมันต์แล้ว อากาศเริ่มเย็น มีเพียงหยกของเสด็จพ่อที่ปรับสภาพร่างกายตามฤดูกาลได้ เมื่อตอนที่รับรู้ถึงไอเย็นเขาจึงรู้ว่าหยกหายไปแล้ว เพิ่งจะเปลี่ยนพู่ห้อยวันก่อน ไม่ใช่พู่เปื่อยจนขาด แต่มีคนจงใจขโมยมันจากเขา
“เว่ยหยางหมิง สุนัขของเจ้าใจกล้าขึ้นทุกวันเสียเหลือเกินนะ ข้าอุตส่าห์หลับตาปล่อยเจ้าให้เปิดบ่อนพนันจนร่ำรวย กับไม่รู้จักพอ เช่นนั้นวันนี้ก็ปิดบ่อนเถอะ เหวินเปียวไปจัดการ”
เว่ยหยางหมิงหน้าซีดทันที ปิดบ่อนเขาหรือนั่นไม่เท่าไหร่หรอก แต่หากเสด็จพ่อรู้ว่าเขาเปิดบ่อนโดนลงโทษแน่ๆ
“ท่านอ๋อง..กระหม่อมมิได้ขโมยนะพ่ะย่ะค่ะ หยกนี่มีคนเอามาจำนำจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าบอกว่ามีคนเอามาจำนำหรือ ใครกล้าหรือเกาเหว่ย”
“เอ่อ..เป็นคุณชายน้อยเหยียนจื่อพ่ะย่ะค่ะ เขามาเล่นที่บ่อนแล้วเสียไปแปดหมื่นตำลึง เกรงว่าใต้เท้าซ่งจะลงโทษ จึงขอกู้เงินจากบ่อนกลับบ้านไปสองแสน แล้วเอาหยกชิ้นนี้มาวางประกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”
เกาเหว่ยเอ่ยละล่ำละลัก ไอ้เด็กน่าตายคนนั้นอย่าให้เจอนะ น้องเมียองค์ชายนี่ช่างน่านัก เว่ยหยางหมิงถีบเขาซ้ำทันทีก่อนจะชี้นิ้วตวาด
“ไอ้ปัญญาทึบ ซ่งเหยียนจื่อจะมาเข้าบ่อนได้อย่างไรเล่า”
“หา ทะ ทะ ทำไมถึงไม่ได้เล่าพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
“เด็กคนนั้นอายุเพียงเจ็ดขวบ จะมาเล่นพนันได้หรืออย่างไร เจ้าบอกว่าคนจำนำชื่อซ่งเหยียนจื่อแล้วส่วนสูง หน้าตาล่ะ”
“เขาสูงไม่มาก รูปงามนัก มีไฝเล็กใต้ตา มุมปากก็มีไฝอีกเม็ดพ่ะย่ะค่ะ แต่งกายคล้ายคุณชายมีอันจะกิน หยกห้อยเอวก็ดูมีราคาเพียงแต่เขาเอาชิ้นนี้มาวางเท่านั้น”
เว่ยเซียวหยางไม่พูดต่อ เขาสั่งปิดบ่อนพนันหลานชายทันที เขาพอจะรู้ตัวคนที่ฉกของเขาไปแล้ว แต่ไอ้หมอนั่นแต่งตัวธรรมดา เหมือนบุตรชาวนานัก ส่วนคนที่เกาเหว่ยพูดลักษณะออกมาอาจเป็นคนที่สมรู้ร่วมคิด ทำงานด้วยกันป้นขบวนการ เพียงแค่เสี่ยวเวลาเดียวที่เขาหันไปรับตั๋วเงินจากเหวินชางส่งให้ไอ้เด้กนั่น หรือไม่เช่นนั้นไอ้ชาวนากับคุณชายหน้าอ่อนอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้
เว่ยหยางหมิงขาดทุนสองแสนตำลึง มิหนำซ้ำบ่อนพนันของเขายังถูกเสด็จอาสั่งปิดอีก เขาต้องหาให้เจอว่าคนๆ นั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้ต้องไปตระกูลซ่งเสียก่อน แอบอ้างใช้ชื่อคนตระกูลซ่งเห็นๆ ว่าบุคคลนี้เป็นศัตรูของตระกูลซ่ง แต่เขาที่มาซวยไปด้วย หึ งานแต่งงานหรือ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เขาต้องการสินสอดคืนด้วย เพราะซ่งเหยียนจื่อทำเขาเสียหายถึงสองแสนตำลึง
ทางด้านสกุลซ่งที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกว่าที่บุตรเขยยกเลิกงานแต่ง ผ้าแพรพรรณประดับประดา สินสอดที่อยู่ในเรือนมากกว่าแสนตำลึง สินเดิมของซ่งซยาอวิ๋นมากกว่าแปดหมื่นตำลึง ยังมีโฉนดร้านค้าของมารดานางโง่นั้นอีก รวมมูลค่ากว่าแสนตำลึง ท่านแม่มอบให้นางเพื่อเป็นสินเดิม ร้านค้าในเมืองหลวงอีกสามร้าน
ทางด้านเว่ยเซียวหยางที่กำลังรอองครักษ์สองพี่น้องมารายงานเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังวางแผนงาน มีผู้อพยพหนีน้ำท่วมเดินทางเข้ามาเมืองหลวงมากขึ้น เขาหารือกับฮ่องเต้และบรรดาขุนนางแล้วว่าจะ จัดหาสถานที่ให้พวกเขาพำนักชั่วคราว อีกอย่างต้องสร้างที่พักให้กับบรรดาหมอและขุนนางที่ไปดูแลอีกด้วยเหวินเปียวและเหวินชางขี่ม้ามาถึงก็ให้คนดูแลรับเอาไป จากนั้นทั้งคู่ก็ไปเขาเฝ้าชินอ๋อง ใบหน้าของน้องชายบวมใช่น้อย แม่หนูเย่วเล่อนี่มือหนักจริงๆ เหวินเปียวก็เหลือเกิน ตัวเองอายุสามสิบแล้วยังไปหาเรื่องเด็กน้อยอีก นางอายุสิบแปดสิบเก้าเองกระมัง ให้เด็กสั่งสอนได้ข้าล่ะเชื่อเจ้าเลย ทั้งคู่มาหยุดที่หน้าห้องหนังสือก่อนจะรายงาน“ท่านอ๋องกระหม่อมองครักษ์เหวินชางกับองครักษ์เหวินเปียวกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงตอบกลับจากผู้เป็นนายดังมาจากด้านใน องค์รักษ์สองพี่น้องจึงเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นท่านอ๋องของพวกเขากำลังดูแผนที่รอบเมืองหวงอยู่เหวินชาวคำนับก่อนจะเอ่ยรายงาน“ทูลท่านอ๋อง....พวกเรากลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งถามหาเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ปรากฏว่าท่านลุงแซ่หูคนนั้นบอกว่า เด็กหนุ่มมักจะมากับบิดาเพื่อมาซื้อยา สองพ่อ
จวนนอกเมืองซ่งจื่อเหยียนที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้นางเก็บผักกับไข่ส่งเหลาอาหารตามเดิม เย็นนี้จะมีรถม้าของทางเหลาต่างๆ มารับเอง นางไม่อยากเสี่ยวเข้าเมืองหลวงอีก จังหวะเจอไอ้อ๋องสุนัขนั้นอีกจะรอดยาก ดูท่าฉลาดไม่น้อย เย่วเล่อเดินมาหานางก็ยามซื่อแล้วเพื่อเรียกไปกินข้าว“คุณหนู..ไปทานมื้อเช้าได้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวกำลังจะพาคุณชายไปบ้านป้าหู คุณหนูบอกว่ะขึ้นเขามิใช่หรือเจ้าคะ”“อืม....พี่เย่วเล่อเราสามคนไม่มีนายบ่าวหรอก ต่อไปใช้ชีวิตกันเช่นพี่น้องทั่วๆ ไปเถอะ ว่าแต่เย่วหลีล่ะ”“เมื่อวานได้รวงข้าวมาเยอะ นางก็เลยไปเก็บอีก นันไงมาแล้วแบกหลังแอ่นมาเชียว”“รถม้าคันเก่าข้าขายไปแล้ว อีพักหนึ่งรถม้าคันใหม่จะมาส่งน่ะ เห้นท่านลุงหุบอกว่าเมื่อวานมีคนมาถามหาข้า ดีที่บุตรชายของเขาเอารถม้าไปในเมือง มิฉะนั้นหากคนสองคนนั้นจำได้ถูกเปิดโปง”เย่วหลีเดินเข้ามา เหงื่อซึมใบหน้าน้อยๆ ซ่งจื่อเหยียนใช้แขนเสื้อตนเอเงซับเหงื่อให้นางอย่างเบามือ ก่อนจะใช้มือเรียวสวยจับปอยผมทัดหูให้เด็กน้อยตรงหน้า เย่วหลียิ้มให้นางทั้งสามคนนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันหลังจากที่อิ่มแล้ว ซ่งจื่อเหยียนก็ให้นมบุตรชายจนอิ่ม เมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ
ด้านหลังของเขาตามมาด้วยบุรุษอีกหลายคน บุรุษคนหนึ่งสวมอาภร์สีม่วง เป็นผ้าไหมชั้นดีศีรษะสวมกว๊านหยกสีขาวเนื้อดีแกะลวดลายกิเลน หยกห้อยเอวคือชิ้นที่นางขโมยมันไปจำนำเมื่อวันก่อน เขาคือเว่ยเซียวหยางคนสารเลวที่ทำลายร่างเดิม ซ่งจื่อเหยียนเดินไปหาเย่วหลีก่อนจะยกเท้าถีบไปที่ยอดอกเหวินเปียวทันที จนเขาเซไปหลายก้าวเว่ยเซียวหยางตาลุกทันทีที่คนของตนถูกทำร้าย เขาเดินเข้ามาหานางจับคางบบีบอย่างแรง แต่ซ่งจื่อเหยียนไม่หวาดกลัวนางสบสายตาอย่างไม่ยอมแพ้ เว่ยเซียวหยางเอ่ยเสียงเข้ม“กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของข้า ซ่งจื่อเหยียน” ”แล้วเจ้าเล่า เว่ยเซียวหยาง เลี้ยงสุนัขเช่นไรปล่อยกันคนไปทั่ว หรือว่าเจ้าเองก็ไม่ต่างจากสุนัขของตน”“ซ่งจื่อเหยีน..กล้าเรียกชื่ออ๋องเช่นข้าตรงๆ ใครให้ความกล้าเจ้ากัน”“ต้องมีใครให้ความกล้าข้าด้วยหรือ คนเช่นท่านมีอันใดให้น่าเคารพหรือ ก็แค่ตำแหน่งติดตัวมาตอนเกิด อยากฆ่าข้าก็ควรลงมือเลย ทางที่ดีอย่าให้ข้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน”เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางไปข้างๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง เขามองเห็นตะกร้าใบใหญ่ มีมีดเล่มใหญ่ใส่เอาไว้ นางแต่ตัวผิดไปมิได้ใส่ชุดสวยงามเช่นคืนนั้นที่เขาเจอ นางแต่งก
แคว้นเป่ยฉีงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงหก ผู้คนมาร่วมงานกันมากมาย ทั้งขุนนางและคุณหนูรวมถึงฮูหยินจากหลายๆจวน ซ่งจื่อเหยียนที่เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนรองเจ้ากรมโยธา วันนี้นางถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวพามาด้วย เดิมทีซ่งจื่อเหยียนไม่ได้สาวเท้าออกจากเรือน เพราะฮูหยินรองหลิวซื่อเหมยและน้องสาวของนางซ่งซย่าอวิ๋นกดขี่นางเอาไว้ในเรือน มารดาจากไปแล้วบิดาก็ไร้ใจซ่งจื่อเหยียนที่ไม่มีคนรู้จักเท่าไหร่และไม่มีใครคุยด้วยได้แต่นั่งรออยู่ที่ศาลาริมน้ำ ซ่งซยาอวิ๋นเห็นพี่สาวต่างแม่นั่งอยู่ก็เดินมาหาก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวาน“พี่ใหญ่ ท่านมานั่งทำอันใดตรงนี้กันเจ้าคะ ท่านแม่บอกว่าให้ท่านไปรอที่ห้องรับรองด้านข้างก่อน ตอนนี้ท่านหญิงเสด็จมาแล้ว ท่านแม่เกรงว่าท่านที่ไม่เคยได้ออกงานจะทำเรื่องให้ตนเองขายหน้าได้”“น้องรอง..พี่อยากกลับจวนแล้ว งานนี้ความจริงไม่มีพี่ก็ได้ บอกแม่รองว่าพี่ขอกลับก่อนได้หรือไม่”“พี่รองกล่าวอันใดเช่นนั้นกัน มาด้วยกันจะกลับก่อนได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านไปพักเถอะ”ซ่งจื่อเหยียนไม่รู้ว่าน้องสาวกับแม่เลี้ยงวางแผนร้ายใส่ตนเองจึงเดินตามสาวใช้ไป ซ่งซยาอวิ๋นยิ้มร้ายตามแผ่นหลังที่เดินจากไป นางเตรียมคนขับรถ
เมื่อทุกคนออกไปแล้วเว่ยเซียวหยางก็ลุกขึ้นก่อนจะคว้าลำคอระหงของซ่งจื่อเหยียนที่หลับอยู่เพราะความเพลียขึ้นมา นางตื่นทันทีหายใจไม่ออกก่อนจะดิ้นรน“ปะ ปล่อย แค่กๆๆข้า”“ใครใช้เจ้ามา บอกมาเผื่อข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หรือว่าเจ้าจะได้ตายไม่ทรมารมากนัก”“ไม่มี น้องสาวของข้านางๆให้คนพาข้ามาที่นี่ แค่กกๆๆๆๆๆ”ร่างบางดิ้นรนเริ่มตาเหลือกโพลง เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางลงไปกลางห้องก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าชื่ออะไร”ซ่งจื่อเหยียนที่ตอนนี้หวาดกลัวบุรุษตรงหน้ายิ่งนักนางเอ่ยตะกุกตะกัก“ข้าแซ่ซ่ง ซ่งจื่อเหยียนเจ้าค่ะ คะ คุณชายเรื่องเมื่อคืนข้าไม่ อุ๊บ!!!!”ร่างบางถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับเตียงอีกรอบ เว่ยเซียวหยางสะบัดฝ่ามือใส่นางก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ“อย่าเอ่ยถึงเรื่องอัปยศที่เจ้าเป็นคนก่ออีก แซ่ซ่งหรือ เจ้าเป็นอะไรกับซ่งฮั่นเหลียง”“เขาเป็นบิดาของข้าเจ้าค่ะ”“เจ้ารู้ไหมข้าเป็นใคร”“มะ ไม่ ไม่รู้เจ้าค่ะ”“ใส่เสื้อผ้าซะ ซ่งฮั่นเหลียงเจ้าเลี้ยงบุตรสาวได้ดีจริงๆ”เว่ยเซียวหยางออกไปแล้ว ซ่งจื่อเหยียนใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา นางถูกเขาย่ำยีถาโถมจนกลางกายสาวมีแต่ความปวดหนึบ ยามที่ก้าวเดินนางเจ็บตรงกลางจนน้ำตาร่วงดึกมากแล้ว
ซ่งจื่อเหยียนกับสาวใช้ทั้งสองคนใช้ชีวิตในจวนกันอย่างอัตคัดไม่น้อย ไม่เคยมีเงินทองมามอบให้ บ้านเดิมยิ่งแล้วใหญ่ มีครั้งหนึ่งที่ซ่งซยาอวิ๋นกับมารดาเลี้ยงของนางมาหาเพื่อเยาะเย้ยถึงที่ แต่ทั้งสามคนนายบ่าวก็ยังทำใจไม่ตอบโต้ พวกนางจะทำอันใดได้ในเมื่อเจ้าของจวนยังทอดทิ้งพวกนางไม่ไยดีป้าหูกับสามีเป็นครอบครัวเดียวที่อยู่บริเวณนี้ พวกเขาสงสารสามคนจึงมักมอบอาหารให้บ่อยๆ ซ่งจื่อเหยียนขายหยกได้มาก็มอบไว้ให้สองสามีภรรยาสิบตำลึงเพื่อเป็นค่าอาหารของพวกนาง หากวันใดพวกเขาเข้าเมืองก็จะมาถามว่าต้องการสิ่งใด ในที่สุดวันที่ถึงกำหนดคลอดก็มาถึงซ่งจื่อเหยียนเจ็บท้องมานานกว่าสามชั่วยามแล้ว"อ๊าย..เจ็บจังเลย เมื่อไหร่จะคลอดสักที ฮือๆๆเด็กดีอย่าทรมานแม่นักเลย""คุณหนูเจ้าคะ ป้าหูกำลังมา อดทนหน่อยนะเจ้าคะ""ฮือๆๆ พี่เย่วเล่อ ข้าเจ็บอ๊ายย โอย เจ็บเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว"เสียงร้องไห้อย่างทรมานของซ่งจื่อเหยียนทำเอาจางเย่วเล่อถึงกับปาดนน้ำตา นางเป็นสินเดิมของมารดาคุณหนู เลี้ยงและเล่นกันมาตั้งแต่คุณหนูอายุห้าขวบ บัดนี้นางสิบเจ็ดแล้ว แต่กับต้องมาเจอชะตากรรมเลวร้าย ซ่งจื่อเหยียนร้องไห้ไม่หยุด นางเจ็บมากเหลือเกิน ป้าหูมาถ
เสียงเกือกม้ากระทบกันมาแต่ไกลๆ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมานาง ซ่งจื่อเหยียนบังคับม้าเข้าข้างทาง นางต้องหลบให้เขาไปก่อน ดูท่าทางทหารเหล่านั้นเกรงใจพวกที่มาใหม่มากนัก ซ่งจื่อเหยียนนั่งก้มหน้า นางไม่อยากให้ผิดสังเกต แต่กลับไม่พ้นสายตาดุจเหยี่ยวของคนบนหลังม้าไปได้ เขากระตุกบังเหียนมาทางนางก่อนจะเอ่ย"เจ้าเป็นคนที่ไหน มาในเมืองแต่เช้าเช่นนี้"ซ่งจื่อเหยียนเงยหน้าขึ้นก่อนจะนึกออก นี่มันไอ้อ๋องสุนัขเว่ยเซียวหยางนี่นา คนที่ทำให้ร่างเดิมตั้งครรภ์และคลอดลูกจนตาย หืมไอ้สารเลวนี่ อยากข่วนหน้านักเชียว ก่อนจะเอ่ยเบาๆ"ข้าน้อยมาส่งผักขอรับ ท่านพ่อป่วยจึงจะรีบมาส่งและรีบซื้อยากลับไป มิทราบว่าใต้เท้ามีเรื่องอันใดสงสัยในตัวข้าน้อยหรือไม่ขอรับ"เว่ยเซียวหยางพยักหน้า คนของเขาไปตรวจดูรถม้าค้นจนข้าวของกระจาย แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ ซ่งจื่อเหยียนจึงเอ่ยถามเขาที่กำลังจะไป"ใต้เท้าท่านนี้ คนของท่านรื้อข้าวของๆข้าน้อยจนเละเทะ นี่เป็นเงินที่จะไปซื้อยามาต่อลมหายใจบิดาข้าน้อย พวกท่านจะไม่รับผิดชอบหรือขอรับ แม้จะแค่สิบตำลึงแต่ก็เป็นชีวิตคนนะขอรับ"เว่ยเซียวหยางหันกลับมาสบตากับบุรุษที่เมื่อสักครู่ยังเอาแต่ก้มหน้าอยู่เลย