ด้านหลังของเขาตามมาด้วยบุรุษอีกหลายคน บุรุษคนหนึ่งสวมอาภร์สีม่วง เป็นผ้าไหมชั้นดีศีรษะสวมกว๊านหยกสีขาวเนื้อดีแกะลวดลายกิเลน หยกห้อยเอวคือชิ้นที่นางขโมยมันไปจำนำเมื่อวันก่อน เขาคือเว่ยเซียวหยางคนสารเลวที่ทำลายร่างเดิม ซ่งจื่อเหยียนเดินไปหาเย่วหลีก่อนจะยกเท้าถีบไปที่ยอดอกเหวินเปียวทันที จนเขาเซไปหลายก้าว
เว่ยเซียวหยางตาลุกทันทีที่คนของตนถูกทำร้าย เขาเดินเข้ามาหานางจับคางบบีบอย่างแรง แต่ซ่งจื่อเหยียนไม่หวาดกลัวนางสบสายตาอย่างไม่ยอมแพ้ เว่ยเซียวหยางเอ่ยเสียงเข้ม
“กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของข้า ซ่งจื่อเหยียน”
”แล้วเจ้าเล่า เว่ยเซียวหยาง เลี้ยงสุนัขเช่นไรปล่อยกันคนไปทั่ว หรือว่าเจ้าเองก็ไม่ต่างจากสุนัขของตน”
“ซ่งจื่อเหยีน..กล้าเรียกชื่ออ๋องเช่นข้าตรงๆ ใครให้ความกล้าเจ้ากัน”
“ต้องมีใครให้ความกล้าข้าด้วยหรือ คนเช่นท่านมีอันใดให้น่าเคารพหรือ ก็แค่ตำแหน่งติดตัวมาตอนเกิด อยากฆ่าข้าก็ควรลงมือเลย ทางที่ดีอย่าให้ข้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน”
เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางไปข้างๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง เขามองเห็นตะกร้าใบใหญ่ มีมีดเล่มใหญ่ใส่เอาไว้ นางแต่ตัวผิดไปมิได้ใส่ชุดสวยงามเช่นคืนนั้นที่เขาเจอ นางแต่งกายเตรียมพร้อมที่จะไปไหนสักที่ เว่ยเซียวหยางเอ่ยปากกับคนตรงหน้า
“จวนของข้ากลายเป็นแปลงผักเป็นเล้าไก่เล้าหมูไปตั้งแต่เมื่อไหรกัน ทำจนเละเทะไปหมด”
“ข้าหรือทำจนเละเทะ นี่เว่ยเซียวหยางท่านเปิดตาสุนัขของท่านมองให้ดีๆ นะแปลงผักอยู่ด้านใน เล้าไก่เล้าหมูอยู่ด้านหลัง ตรงไหนที่ท่านบอกว่าสกปรกเละเทะ นั่นคืออาหารท่าน กินเศษหินดินทรายได้กลืนเลือดราษฎรได้ แต่ข้าไม่ใช่ เพราะข้าไม่ใช่ขุนนางจไปอมงบหลวงเช่นพวกท่านคงทำไม่ได้”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ กล้าดูถูกว่าข้ารังแกราษฎรกินเลือดเนื้อชาวบ้านอมงบประมาณหรือ”
“เฮ้อ..ช่างเถอะ ท่านมาวันนี้ต้องการอะไรถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าจะไปแล้ว พี่เย่วเล่อ เย่วหลีไปกันเถอะ”
ซ่งจื่อเหยียนต้องการให้เย่วหลีไปแจ้งแก่ทางบ้านป้าหูว่าวันนี้จะฝากฮุ่ยหมินนานหน่อยจนกว่าเว่ยเซียวหยางจะไป แต่นางยังไม่ทันเดินไปไหนก็ถูกเขารวบตัวมานั่งบนตัก เหล่าองครักษ์ต่างฃก้มหน้าไม่กล้ามองท่านอ๋องของพวกเขา เว่ยเซียวหยางเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนี้เหมือนกัน เขารู้สึกว่านางกำลังท้าทายและเขายอมไม่ได้ ซ่งจื่อเหยียนดิ้นออกจากตักเขาแต่เว่ยเซียวหยางกดนางไว้
“ปล่อยข้าเว่ยเซียวหยาง เอามือโสโครกของท่านออกไป”
“ดีนี่ข้าโสโครกหรือ ซ่งจื่อเหยียนเจ้าลืมไปหรือเปล่าว่าเราเป็นอะไรกัน มีเมียที่ไหนไม่ให้สามีแตะต้องตนเอง”
“อย่ามาปากพล่อยนะ ข้าไม่เคยนับว่าท่านเป็นสามีข้า หากไม่ใช่เพราะข้าถูกวางยาคนอย่างท่านไม่มีทางได้เข้าใกล้ข้าหรอก ปล่อยข้า ว้าย”
เว่ยเซียวหยางอุ้มตัวคนบนตักลอยขึ้นก่อนจะพาเดินไปด้านใน เขาคำนวณไม่ยากว่านางอยู่ห้องไหน ขายาวกำลังจะก้าวเข้าห้องแต่ซ่งจื่อเหยียนชะงัก ของบุตรชายยังไม่ได้เก็บหากเขาเข้าไปเจอคงปิดไม่อยู่ ซ่งจื่อเหยียนจึงใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ได้ยินมาว่าเขาเกลียดสตรี ยิ่งเป็นสตรีที่มีจริตมารยาเขายิ่งรังเกียจ ซ่งจื่อเหยียนจึงเอ่ยด้วยบน้ำเสียงอ่อนหวานชวนเลี่ยน
“ท่านอ๋องเพคะ ทรงปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะตอนนี้หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว จื่อเหยียนไม่กล้าแล้วเพคะ”
“เอ๋..สำนึกผิดไวเหลือเกินนะแม่ตัวดี แต่ดูเหมือนข้ากำลังอยากปลดปล่อยเสียแล้ว ห่างเมียมาตั้งปีกว่า”
“ตะ แต่ว่าหม่อมฉันน่ารังเกียจนะเพคะ คือว่าท่านอ๋องอย่าทรงฝืนองค์เองเลยเพคะ หม่อมฉันยอมรับผิดแล้ว”
เว่ยเซียวหยางมองคนในอ้อมกอดเขายิ้มมุมปากให้นาง หึ ดูท่านางจะเอาตัวรอดเก่งเหลือเกิน อีกอย่างเขามีงานต้องทำไม่ว่างมานั่งเล่นสนุกกับนางจึงวางซ่งจื่อเหยียนลงก่อนจะเอ่ยจริงจัง
“ข้าจะใช้ที่นี่ทำค่ายผู้ลี้ภัย ส่วนเจ้ากับสาวใช้จะมีรถม้ามารับไปส่งที่อี้โจวเพื่อเฝ้าสุสานบรรพบุรุษที่นั่น พรุ่งนี้ยามอู่พวกเจ้านายบ่าวออกเดินทางได้”
ซ่งจื่อเหยียนคำนวณในใจ นางอยากไปตั้งน่านแล้วติดที่ฮุ่ยหมิ่นยังเพิ่งจะแปดเดือนเท่านั้น แต่ในเมื่อเขาออกปากไล่นางก็ต้องไป ซ่งจื่อเหยียนพยักหน้ารับคำ
เว่ยเซียวหยางเดินออกมาด้านนอก องครักษ์ต่างก็งงปกติท่านอ๋องคงบีบคอนางตายไปแล้วกล้าด่าพระองค์ถึงเพียงนี้ เว่ยเซียวหยางสั่งคนไปจัดการห้องหับที่เหลือ โชคดีที่ซ่งจื่อเหยียนเลือกพักเรือนที่เล็กสุดในจวนเพราะจะได้ทำความสะอาดทั่วถึง เหล่าองครักษ์พากันไปที่เรือนใหญ่ไม่มีผู้ใดสนใจเรือนเล็กอีกเลย
ซ่งจื่อเหยียนกระซิบบางอย่างกับเย่วหลี สาวน้อยพยักหน้าก่อนจะออกไปจากจวน นางเจอกับเหวินชางที่เพิ่งมาตรงหน้าจวน เหวินชางมองอย่างแปลกใจที่เจอนางที่นี่ แต่ยังไม่ทันเอ่ยทักทายเด็กน้อยก้เจอกับสายตาที่มองเขาเหมือนศัตรู จากนั้นนางก็ตรงไปยังบ้านสองสามีภรรยาที่เขาเพิ่งไปมาเมื่อวาน
คนของเขามองแปลงผักก่อนจะถามเว่ยเซียวหยางว่าต้องถอนไหม แต่เว่ยเซียวหยางบอกเก็บไว้เอาเป็นเสบียงได้ มีแปลงผักกว่าสามสิบแปลง มีไก่กว่าสองร้อยตัวและมีหมูอีกแปดตัว ซ่งจื่อเหยียนได้ยินนางก็เอ่ยขึ้น
“ท่านอ๋อง หมูไก่เลี้ยงต้องใช้เงิน ผักเหล่านี้เมล็ดพันธ์ต้องซื้อหาหากทรงต้องการควรจ่ายตามราคาตลาดไหมเพคะ”
“หืม เจ้าอยู่บ้านข้าๆ ยังไม่คิดค่าเช่าเจ้ายังกล้าคิดเงินของเล็กๆ น้อยๆ เพียงนี้ ซ่งจื่อเหยียนเจ้ามิเกินไปหน่อยหรือ เหวินเปียวเจ้าไปจัดการหาคนมาดูและไก่และหมูเหล่านั้น เปิดค่ายเมื่อไหร่จะได้มีอาหารสำรอง”
เย่วเล่อมองหน้าบุราที่หาเรื่องนางเมื่อวาน ใบหน้ายังมีรอยแดงที่นางตบหึคนสารเลว เหวินเปียวรอจังหวะเท่านั้น เขาจะสั่งสอนให้หลาบจำจนลืมไม่ลงทีเดียว
แคว้นเป่ยฉีงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงหก ผู้คนมาร่วมงานกันมากมาย ทั้งขุนนางและคุณหนูรวมถึงฮูหยินจากหลายๆจวน ซ่งจื่อเหยียนที่เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนรองเจ้ากรมโยธา วันนี้นางถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวพามาด้วย เดิมทีซ่งจื่อเหยียนไม่ได้สาวเท้าออกจากเรือน เพราะฮูหยินรองหลิวซื่อเหมยและน้องสาวของนางซ่งซย่าอวิ๋นกดขี่นางเอาไว้ในเรือน มารดาจากไปแล้วบิดาก็ไร้ใจซ่งจื่อเหยียนที่ไม่มีคนรู้จักเท่าไหร่และไม่มีใครคุยด้วยได้แต่นั่งรออยู่ที่ศาลาริมน้ำ ซ่งซยาอวิ๋นเห็นพี่สาวต่างแม่นั่งอยู่ก็เดินมาหาก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวาน“พี่ใหญ่ ท่านมานั่งทำอันใดตรงนี้กันเจ้าคะ ท่านแม่บอกว่าให้ท่านไปรอที่ห้องรับรองด้านข้างก่อน ตอนนี้ท่านหญิงเสด็จมาแล้ว ท่านแม่เกรงว่าท่านที่ไม่เคยได้ออกงานจะทำเรื่องให้ตนเองขายหน้าได้”“น้องรอง..พี่อยากกลับจวนแล้ว งานนี้ความจริงไม่มีพี่ก็ได้ บอกแม่รองว่าพี่ขอกลับก่อนได้หรือไม่”“พี่รองกล่าวอันใดเช่นนั้นกัน มาด้วยกันจะกลับก่อนได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านไปพักเถอะ”ซ่งจื่อเหยียนไม่รู้ว่าน้องสาวกับแม่เลี้ยงวางแผนร้ายใส่ตนเองจึงเดินตามสาวใช้ไป ซ่งซยาอวิ๋นยิ้มร้ายตามแผ่นหลังที่เดินจากไป นางเตรียมคนขับรถ
เมื่อทุกคนออกไปแล้วเว่ยเซียวหยางก็ลุกขึ้นก่อนจะคว้าลำคอระหงของซ่งจื่อเหยียนที่หลับอยู่เพราะความเพลียขึ้นมา นางตื่นทันทีหายใจไม่ออกก่อนจะดิ้นรน“ปะ ปล่อย แค่กๆๆข้า”“ใครใช้เจ้ามา บอกมาเผื่อข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หรือว่าเจ้าจะได้ตายไม่ทรมารมากนัก”“ไม่มี น้องสาวของข้านางๆให้คนพาข้ามาที่นี่ แค่กกๆๆๆๆๆ”ร่างบางดิ้นรนเริ่มตาเหลือกโพลง เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางลงไปกลางห้องก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าชื่ออะไร”ซ่งจื่อเหยียนที่ตอนนี้หวาดกลัวบุรุษตรงหน้ายิ่งนักนางเอ่ยตะกุกตะกัก“ข้าแซ่ซ่ง ซ่งจื่อเหยียนเจ้าค่ะ คะ คุณชายเรื่องเมื่อคืนข้าไม่ อุ๊บ!!!!”ร่างบางถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับเตียงอีกรอบ เว่ยเซียวหยางสะบัดฝ่ามือใส่นางก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ“อย่าเอ่ยถึงเรื่องอัปยศที่เจ้าเป็นคนก่ออีก แซ่ซ่งหรือ เจ้าเป็นอะไรกับซ่งฮั่นเหลียง”“เขาเป็นบิดาของข้าเจ้าค่ะ”“เจ้ารู้ไหมข้าเป็นใคร”“มะ ไม่ ไม่รู้เจ้าค่ะ”“ใส่เสื้อผ้าซะ ซ่งฮั่นเหลียงเจ้าเลี้ยงบุตรสาวได้ดีจริงๆ”เว่ยเซียวหยางออกไปแล้ว ซ่งจื่อเหยียนใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา นางถูกเขาย่ำยีถาโถมจนกลางกายสาวมีแต่ความปวดหนึบ ยามที่ก้าวเดินนางเจ็บตรงกลางจนน้ำตาร่วงดึกมากแล้ว
ซ่งจื่อเหยียนกับสาวใช้ทั้งสองคนใช้ชีวิตในจวนกันอย่างอัตคัดไม่น้อย ไม่เคยมีเงินทองมามอบให้ บ้านเดิมยิ่งแล้วใหญ่ มีครั้งหนึ่งที่ซ่งซยาอวิ๋นกับมารดาเลี้ยงของนางมาหาเพื่อเยาะเย้ยถึงที่ แต่ทั้งสามคนนายบ่าวก็ยังทำใจไม่ตอบโต้ พวกนางจะทำอันใดได้ในเมื่อเจ้าของจวนยังทอดทิ้งพวกนางไม่ไยดีป้าหูกับสามีเป็นครอบครัวเดียวที่อยู่บริเวณนี้ พวกเขาสงสารสามคนจึงมักมอบอาหารให้บ่อยๆ ซ่งจื่อเหยียนขายหยกได้มาก็มอบไว้ให้สองสามีภรรยาสิบตำลึงเพื่อเป็นค่าอาหารของพวกนาง หากวันใดพวกเขาเข้าเมืองก็จะมาถามว่าต้องการสิ่งใด ในที่สุดวันที่ถึงกำหนดคลอดก็มาถึงซ่งจื่อเหยียนเจ็บท้องมานานกว่าสามชั่วยามแล้ว"อ๊าย..เจ็บจังเลย เมื่อไหร่จะคลอดสักที ฮือๆๆเด็กดีอย่าทรมานแม่นักเลย""คุณหนูเจ้าคะ ป้าหูกำลังมา อดทนหน่อยนะเจ้าคะ""ฮือๆๆ พี่เย่วเล่อ ข้าเจ็บอ๊ายย โอย เจ็บเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว"เสียงร้องไห้อย่างทรมานของซ่งจื่อเหยียนทำเอาจางเย่วเล่อถึงกับปาดนน้ำตา นางเป็นสินเดิมของมารดาคุณหนู เลี้ยงและเล่นกันมาตั้งแต่คุณหนูอายุห้าขวบ บัดนี้นางสิบเจ็ดแล้ว แต่กับต้องมาเจอชะตากรรมเลวร้าย ซ่งจื่อเหยียนร้องไห้ไม่หยุด นางเจ็บมากเหลือเกิน ป้าหูมาถ
เสียงเกือกม้ากระทบกันมาแต่ไกลๆ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมานาง ซ่งจื่อเหยียนบังคับม้าเข้าข้างทาง นางต้องหลบให้เขาไปก่อน ดูท่าทางทหารเหล่านั้นเกรงใจพวกที่มาใหม่มากนัก ซ่งจื่อเหยียนนั่งก้มหน้า นางไม่อยากให้ผิดสังเกต แต่กลับไม่พ้นสายตาดุจเหยี่ยวของคนบนหลังม้าไปได้ เขากระตุกบังเหียนมาทางนางก่อนจะเอ่ย"เจ้าเป็นคนที่ไหน มาในเมืองแต่เช้าเช่นนี้"ซ่งจื่อเหยียนเงยหน้าขึ้นก่อนจะนึกออก นี่มันไอ้อ๋องสุนัขเว่ยเซียวหยางนี่นา คนที่ทำให้ร่างเดิมตั้งครรภ์และคลอดลูกจนตาย หืมไอ้สารเลวนี่ อยากข่วนหน้านักเชียว ก่อนจะเอ่ยเบาๆ"ข้าน้อยมาส่งผักขอรับ ท่านพ่อป่วยจึงจะรีบมาส่งและรีบซื้อยากลับไป มิทราบว่าใต้เท้ามีเรื่องอันใดสงสัยในตัวข้าน้อยหรือไม่ขอรับ"เว่ยเซียวหยางพยักหน้า คนของเขาไปตรวจดูรถม้าค้นจนข้าวของกระจาย แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ ซ่งจื่อเหยียนจึงเอ่ยถามเขาที่กำลังจะไป"ใต้เท้าท่านนี้ คนของท่านรื้อข้าวของๆข้าน้อยจนเละเทะ นี่เป็นเงินที่จะไปซื้อยามาต่อลมหายใจบิดาข้าน้อย พวกท่านจะไม่รับผิดชอบหรือขอรับ แม้จะแค่สิบตำลึงแต่ก็เป็นชีวิตคนนะขอรับ"เว่ยเซียวหยางหันกลับมาสบตากับบุรุษที่เมื่อสักครู่ยังเอาแต่ก้มหน้าอยู่เลย
ซ่งจื่อเหยียนที่นอนกอดบุตรชายอยู่แต่นางยังไม่หลับ อยากรู้จังว่าถ้าไอ้บ้านั่นรู้ว่าหยกหายไปจะทำเช่นไร นางไม่สนใจหรอกหลานชายเปิดบ่อน มีคนเอาหยกของท่านอามาจำนำที่อ เรื่องนี้คงบันเทิงซ่งจื่อเหยียนวางแผนจะออกจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่เดือน ตอนนี้บุตรชายได้หกเดือนแล้ว อีกสักสองเดือนค่อยหาทางไปนางเคยแอบไปดูลาดเลาเอาไว้ ตอนที่นางไปที่กรมที่ดินก็ได้ดูแผนที่และแผนผังของเมืองต่างๆ ด้วย เมืองจ้านกั๋วเหมาะที่สุดสำหรังลงหลักปักฐาน อยู่ไกลจากเมืองหลวงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ เดินทางด้วยรถม้าไปจนถึงท่าเรือเมืองป๋าย นั่งเรือต่ออีกสิบวันก็ถึงที่สำคัญที่ดินยังไม่ค่อยมีคนจับจอง หากบอกว่ากันดารก็อาจจะจริง ไปถึงค่อยวางแผน เงินสองแสนตำลึงน่าจะพอให้ใช้จ่ายจนตาย แต่ว่านางยังอยากมีเงินมากกว่านี้อีกซ่งจื่อเหยียนนอนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เธออายุยี่สิบสามก็เข้าฝึกทางการทหาร ได้อยู่หน่อยข่าวกรองห้าปี อยู่น้องชายก้ได้ไปเป็นCEOต้องไปดูแลงานที่ต่างประเทศ หลี่จื่อเหมาไปอยู่อังกฤษกับภรรยา หลานๆ อายุเพิ่งจะสี่ขวบกับห้าขวบ ทำให้เธอต้องลาออกจากหน่วยงานแล้วมาเลี้ยงหลานหลี่จื่อเหยียนจึงได้สมัครเป็นครูพละที่โรงเรียนประถมที่หลานๆ เร
ทางด้านเว่ยเซียวหยางที่กำลังรอองครักษ์สองพี่น้องมารายงานเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังวางแผนงาน มีผู้อพยพหนีน้ำท่วมเดินทางเข้ามาเมืองหลวงมากขึ้น เขาหารือกับฮ่องเต้และบรรดาขุนนางแล้วว่าจะ จัดหาสถานที่ให้พวกเขาพำนักชั่วคราว อีกอย่างต้องสร้างที่พักให้กับบรรดาหมอและขุนนางที่ไปดูแลอีกด้วยเหวินเปียวและเหวินชางขี่ม้ามาถึงก็ให้คนดูแลรับเอาไป จากนั้นทั้งคู่ก็ไปเขาเฝ้าชินอ๋อง ใบหน้าของน้องชายบวมใช่น้อย แม่หนูเย่วเล่อนี่มือหนักจริงๆ เหวินเปียวก็เหลือเกิน ตัวเองอายุสามสิบแล้วยังไปหาเรื่องเด็กน้อยอีก นางอายุสิบแปดสิบเก้าเองกระมัง ให้เด็กสั่งสอนได้ข้าล่ะเชื่อเจ้าเลย ทั้งคู่มาหยุดที่หน้าห้องหนังสือก่อนจะรายงาน“ท่านอ๋องกระหม่อมองครักษ์เหวินชางกับองครักษ์เหวินเปียวกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงตอบกลับจากผู้เป็นนายดังมาจากด้านใน องค์รักษ์สองพี่น้องจึงเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นท่านอ๋องของพวกเขากำลังดูแผนที่รอบเมืองหวงอยู่เหวินชาวคำนับก่อนจะเอ่ยรายงาน“ทูลท่านอ๋อง....พวกเรากลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งถามหาเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ปรากฏว่าท่านลุงแซ่หูคนนั้นบอกว่า เด็กหนุ่มมักจะมากับบิดาเพื่อมาซื้อยา สองพ่อ
จวนนอกเมืองซ่งจื่อเหยียนที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้นางเก็บผักกับไข่ส่งเหลาอาหารตามเดิม เย็นนี้จะมีรถม้าของทางเหลาต่างๆ มารับเอง นางไม่อยากเสี่ยวเข้าเมืองหลวงอีก จังหวะเจอไอ้อ๋องสุนัขนั้นอีกจะรอดยาก ดูท่าฉลาดไม่น้อย เย่วเล่อเดินมาหานางก็ยามซื่อแล้วเพื่อเรียกไปกินข้าว“คุณหนู..ไปทานมื้อเช้าได้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวกำลังจะพาคุณชายไปบ้านป้าหู คุณหนูบอกว่ะขึ้นเขามิใช่หรือเจ้าคะ”“อืม....พี่เย่วเล่อเราสามคนไม่มีนายบ่าวหรอก ต่อไปใช้ชีวิตกันเช่นพี่น้องทั่วๆ ไปเถอะ ว่าแต่เย่วหลีล่ะ”“เมื่อวานได้รวงข้าวมาเยอะ นางก็เลยไปเก็บอีก นันไงมาแล้วแบกหลังแอ่นมาเชียว”“รถม้าคันเก่าข้าขายไปแล้ว อีพักหนึ่งรถม้าคันใหม่จะมาส่งน่ะ เห้นท่านลุงหุบอกว่าเมื่อวานมีคนมาถามหาข้า ดีที่บุตรชายของเขาเอารถม้าไปในเมือง มิฉะนั้นหากคนสองคนนั้นจำได้ถูกเปิดโปง”เย่วหลีเดินเข้ามา เหงื่อซึมใบหน้าน้อยๆ ซ่งจื่อเหยียนใช้แขนเสื้อตนเอเงซับเหงื่อให้นางอย่างเบามือ ก่อนจะใช้มือเรียวสวยจับปอยผมทัดหูให้เด็กน้อยตรงหน้า เย่วหลียิ้มให้นางทั้งสามคนนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันหลังจากที่อิ่มแล้ว ซ่งจื่อเหยียนก็ให้นมบุตรชายจนอิ่ม เมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ