เมื่อพูดคุยกันไปก็ดื่มกันไปจนกระทั่งยามจื่อจึงพากันแยกย้าย เหวินชางแวะมาหาซ่งจื่อเหยียนก่อนเข้านอน เขาเคาะประตูก่อนจะเอ่ยเรียก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณหนูใหญ่ข้าน้อยเหวินชางขอรับ"
"ใต้เท้าเหวินมีเรื่องอันใดหรือ นี่ดึกมากแล้ว"
"ท่านอ๋องฝากของเอาไว้ให้ท่าน ข้าน้อยเกรงว่าพรุ่งนี้อาจจะยุ่งจนลืมน่ะขอรับ"
ซ่งจื่อเหยียนเปิดประตูออกมา เห็นองครักษ์ยืนหน้าแดงเพราะฤทธิ์สุรา เหวินชางส่งกล่องไม้ให้นางก่อนที่จะเอ่ยปาก
"นี่เป็นของที่ท่านอ๋องฝากไว้ให้ท่าน เสร็จธุระแล้วข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ"
เหวินชางส่งกล่องไม้เล็กๆ ให้กับซ่งจื่อเหยียน จากนั้นเขาก็เดินเซกลับไปยังเรือนพักตนเอง ซ่งจื่อเหยียนกลับเข้าห้องปิดประตู ก่อนจะเปิดออกดู เห็นจดหมายม้วนไว้นางจึงหยิบมาอ่าน มีตั๋วเงินม้วนอยู่หยิบออกมาคลี่ดูมากเพียงนี้เชียว ใจกว้างไม่เบานะตาเฒ่านี่ จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน แต่นอนไม่หลับเท่าไหร่ เคยนอนกอดบุตรชายทุกคืนวันนี้ต้องไปฝากคนอื่นไว้นางคิดถึงลูกจริงๆ
ส่วนเย่วหลีที่ไปนอนบ้านป้าหูเพื่อช่วยลูกสะใภ้ป้าหูคอยดูแลซ่งจื่อห่าว เย่วเล่อจัดของขึ้นรถม้าเสร็จเมื่อตอนเย็นแต่นางกลับลืมเอาของสำคัญไปด้วย พอนึกได้ก็ลุกไปหยิบห่อเมล็ดพันธุ์น้องรองหรือคุณหนูของนางเพิ่งได้มาเมื่อสองวันก่อนไปไว้ที่รถม้ากันลืม ทุกคนหลับหมดแล้วนางจึงไม่ต้องเห็นหน้าคนที่นางรังเกียจ
เย่วเล่อกำลังเดินกลับเรือนอยู่ๆ ก็ถูกรวบเอวบางเย่วเล่อปะทะกับอกแกร่งของบุรุษคนหนึ่ง นางคิดดว่าเป็นทหารที่มาวันนี้เมาแล้วจะทำมิดีมิร้าย ขึงพยามดิ้นให้หลุดพ้นกำลังร้องไห้คนช่วย แต่ไม่ทันได้อ้าปากนางก็ถูกคนผู้นั้นจูบร้อนแรง เย่วเล่อทั้งทุบทั้งผลักแต่ไร้ผล หลังจากจูบนางจนพอใจแล้วเขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะกระซิบข้างหู
"ไม่คิดว่าปากจัดจ้านอย่างเจ้าก็หวานได้"
เย่วเล่อรวบรวมแรงทั้งหมดผลักเขาออกก่อนจะเช็ดปากตัวเองแรงๆ และตวาดเขาทันที
"เหวินเปียวคนโสโครก เจ้ามันสารเลว ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องล้วนสารเลวทั้งนั้น"
เย่วเล่อมองหน้าเขาอย่างอาฆาตก่อนจะเดินกลับห้อง เหวินเปียวไม่สนใจเขาเดินตามนางเข้าห้อง เย่วเล่อดันประตูปิดแต่สู้แรงเขาไม่ได้ นางชี้หน้าตวาดเขาทันที
"ออกไปนะ เจ้ามันคนเลวๆ จริงๆ "
"ชู่..จู๊ๆๆๆ ..หากเจ้าเสียงดังคงปลุกคุณหนูกับน้องสาวเจ้า และอาจจะปลุกคนทั้งเรือนก็ได้นะจางเย่วเล่อ"
"เจ้าต้องการอะไร เมาก็ไปนอนอย่ามาก่อกวน"
เย่วเล่อยอมลดเสียงลงเพราะพรุ่งนี้คุณหนูต้องขับรถม้า ไม่อาจให้นางพักผ่อนไม่เพียงพอได้ เหวินเปียวฉวยจังหวะนางเผลอเดินมาอุ้มก่อนจะวางร่างบางมาวางบนเตียงแล้วนอนกอดนางเอาไว้ เย่วเล่อดิ้นรนแต่กลับทำได้แค่ดิ้นขลุกๆ ในอ้อมกอดของเขา
"ท่านทำบ้าอะไร ปล่อยข้านะ"
"ข้าง่วงแล้วกำลังจะนอนหรือว่าเจ้าไม่อยากนอน อยู่ใกล้ข้าแล้วหวั่นไหวหรือจางเย่วเล่อ"
"หน้าด้าน ใครหวั่นไหวกับคนอย่างท่านกัน ปล่อยข้านะเหวินเปียว อื้อ"
เหวินเปียวจูบนางอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาอ่อนโยนกว่าครั้งแรก เหวินเปียวจูบนางเรียกร้องให้นางตอบสนอง เย่วเล่อพยายามที่จะดิ้นหนีแต่สุดท้ายเหวินเปียวก็หลอกล่อนางจนเย่วเล่อจูบตอบเขา แขนเรียวคล้องท้ายทอยเขาเอาไว้
เหวินเปียวพอใจมากที่คนใต้ร่างตอบสนอง เขาถอนริมฝีปากออกมาสบตากับนางก่อนจะเอ่ย
"วางใจเถอะ ข้ามิใช่บุรุษที่ข่มเหงสตรี กลับกันหากเจ้าอยากข่มเหงข้าๆ ยินดีอย่างยิ่ง"
"ใครอยากข่มเหงท่านกัน ออกไปได้แล้วข้าจะนอน"
"ข้าบอกแล้วว่าข้าจะนอนกับเจ้าที่นี่คืนนี้"
จากนั้นก็พลิกกายลงข้างๆ รั้งนางมากอดเอาไว้ ใบหน้างามซุกอยู่กับอกของเขา เย่วเล่อยกแขนขึ้นมากั้น เหวินเปียวหัวเราะก่อนจะกระซิบข้างหูเล็กๆ ของนาง
"ยิ่งดิ้นยิ่งทำให้ข้าตื่นตัวนะ แน่ใจหรือว่าจะไม่นอนเด็กดื้อ"
"ท่านกอดแน่นเกินไปข้าหายใจไม่ออก"
ใบหน้าเห่อร้อนจนรู้สึกได้ เหวินเปียวมองใบหน้างามผ่านแสงตะเกียงก่อนจะไล้แก้มนางเบาๆ
"เอาแขนออกมา อย่าดันข้าเย่วเล่อ"
"ข้า"
"กอดเอวข้าไว้ ถ้าเจ้าไม่ทำข้าจะ"
"กอดแล้วๆ ข้ากอดท่านแล้ว อย่าทำรุ่มร่ามนะข้าง่วงพรุ่งนี้ข้าต้องไปแล้ว ท่านอยากให้ท่านอ๋องกลับมาเจอพวกข้ายังอยู่หรือไง"
เย่วเล่อกอดเอวหนาของเขาไว้ก่อนจะข่มใจข่มตาหลับไป เหวินเปียวกลับนอนไม่หลับ เดิมทีแค่อยากสั่งสอนนางแต่ตอนนี้เป็นตัวเองที่ทรมาน ไม่นานเขาก็หลับตามนางไป เย่วเล่อลืมว่ามีคนนอนข้างๆ นางดิ้นเพราะมีบางอย่างๆ หนักๆ มาทาบที่หน้าท้อง จึงลืมตาเหวินเปียวให้ตายสินางลืมไปเลยว่าเขานอนด้วย นี่น่าจะยามอิ๋นแล้ว เย่วเล่อพยายามเอาแขนของเขาออกไป แต่เหวินเปียวกลับกอดนางแน่นกว่าเดิม
"จะรีบตื่นไปไหน ยังเช้าปานนี้"
"ข้าต้องไปเตรียมมื้อเช้าและเสบียงเดินทางน่ะ"
เหวินเปียวลืมตาก่อนจะพลิกกายอยู่ด้านบนมองสบตากับนาง ให้ตายเถอะอยากรังแกนางจริงๆ แต่เขาเป็นบุรุษเรื่องเลวทรามเช่นนี้เขาไม่อาจทำได้ แต่นางยั่วยวนนัก เหวินเปียวข่มอารมณ์ตนเองก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วรั้งนางมานั่งตักตนเอง
"ขอบใจนะเย่วเล่อ"
"ห๊ะ..ขะ ขอบใจข้า ท่านป่วยหรือไม่เหวินเปียว"
"เจ้าทักทายยามเช้าข้าก่อนแล้วค่อยไปห้องครัว"
"ห๊า อะไรคือทักทายท่านกัน..อื้อ"
เหวินเปียวจูบนางอีกครั้งนานจนเย่วเล่อต้องทุบเขาแรงๆ นางหายใจไม่ทัน เหวินเปียวยอมปล่อยนางไป เย่วเล่อเข้าครัวไปแล้วแต่คนตัวโตกลับนอนบนเตียงสูดกลิ่นกายของคนที่เพิ่งจากไป
เขานอนไม่หลับมานานแล้ว เนื่องจากวรยุทธที่เขาฝึกฝนทำให้เขากลายเป็นคนนอนยาก บางวันสามคืนไม่หลับก็มี แต่เมื่อคืนเขาหลับสนิท เป็นเพราะนางหรือเพราะห้องนี้กันแน่ที่ทำให้เขานอนหลับได้สนิทในรอบหลายปี นางไม่อยู่เขาจะนอนห้องนี้บางทีสาเหตุการที่เขานอนหลับอาจมาจากห้องนี้ก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นเขาจะขอท่านอ๋องย้ายมาพักที่นี่ถาวรซ่งจื่อเหยียนตื่นมาทำมื้อเช้าช่วยกันกับเย่วเล่อ นางทำขนมหลายอย่างที่สามารถกินกับน้ำชาตอนเดินทางได้ บุตรชายยังเล็กการเข้าพักโรงเตี๊ยมบ่อยๆ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนางจึงจะหาเช่าบ้านนอนระหว่างเดินทางเมื่อทำอาหารเสร็จก็ปลายยามเฉิน สองคนนายบ่าวพากันขึ้นรถม้าเดินทางไปรับซ่งจื่อห่าว กับเย่วหลีที่บ้านป้าหูทันที เมื่อคืนพวกเขาเมากันหนักมาก อีกอย่างวันนี้ต้องรอคำสั่งท่านอ๋องก่อนจึงได้ตื่นสาย เหวินชางกับเหวินเปียวได้รับคำสั่งจึงออกเดินทางเข้าเมืองหลวงแต่เช้าแล้ว จึงไม่รู้ว่าซ่งจื่อเหยียนกับสาวใช้ส่วนตัวของนางออกเดินทางไปแล้วเมื่อมาถึงบ้านป้าหูก็รีบลงไปรับบุตรชายทันที ป้าหูไม่ได้ถามว่าพวกนางจะไปไหน เพราะปกติถ้าสินค้าขายดีก็จะไปกันทั้งบ้าน ลูกสะใภ้ป้าหูอุ้มซ่งจื่อห่าวมาส่ง ซ่งจื่อเหยียนรับบ
หลังจากที่ซ่งจื่อเหยียนไปแล้วเว่ยเซียวหยางก็กลับมาถึงจวนปลายยามอู่ เขาไม่เห็นนางกับสาวใช้จึงคิดว่าพ่อบ้านมารับนางไปแล้ว ส่วนเหวินเปียวได้แต่แอบคิดถึงร่างนุ่มนิ่มที่นอนกอดมาตลอดทั้งคืนหากเสร็จเรื่องเขาจะไปอี้โจว เว่ยเซียวหยางเรียกหาเหวินชางมาพูดคุยเพียงลำพัง"นางว่าอย่างไรบ้าง""มิได้เอ่ยอันใดพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเหตุใดไล่นางไปกระหม่อมอยากรู้เหตุผล ที่จริงนางอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เกะกะ ขอเพียงสั่งไม่ให้พวกนางมาเพ่นพ่านก็ไม่น่ามีปัญหา""ซ่งชุนท่านอาของนางติดต่อซื้อขายแร่เหล็กกับต่างแคว้น เหวินชางข้าไม่ได้แต่งงานกับนาง หากสกุลซ่งได้รับผลจากเรื่องนี้นางจะรอดหรือในเมื่อนางแซ่ ข้าแค่อยากชดเชยที่เคยล่วงเกินนางจึงปล่อยนางไป""แล้วน้องสาวนางคุณหนูรองคนนั้น""นางแต่เข้าตำหนักองค์ชายห้าแล้ว ที่สำคัญหยางหมิงเป็นคนเช่นไรมิใช่เจ้าไม่รู้ หลานชายข้าผู้นี้งามเพียงรูปลักษณ์เท่านั้น เขาเห็นแก่ตัวเพียงใดสะสมอนุไว้เต็มจวน ซ่งซยาอวิ๋นคนนั้นเกรงว่าทางที่เดินคงมีแต่น้ำตาเสียแล้ว"สามคนนายบ่าวนั่งทำงานกันไปจนเลยมื้อเที่ยงไปแล้ว เสียงเอะอะจากด้านนอกดังเข้ามาจนถึงข้างในจวน"นี่ๆ ท่านขุนนางข้ามาหาอาซ้อซ่งนางกลับมาจากค้
ทางด้านซ่งจื่อเหยียนที่หยุดพักค้างคืนที่ฮวากู่เพราะบุตรชายไม่สบายกำลังศึกษาแผนที่การเดินทางไปเมืองจ้านกั๋ว จากเมืองกู่ไปจ้านกั๋วน่าจะใช้เวลาเดือนครึ่งเกือบสองเดือนเพราะนางมีลูกอ่อน เย่วเล่อมาเคาะประตูเรียกนางจึงเก็บจดหมายและตั๋วเงินเอาไว้ ก่อนจะไปเปิดประตูให้“พี่ใหญ่ท่านยังไม่นอนหรือ”“คุณหนู เอ่อ น้องรองพี่อยากถามว่าพวกเราจะไปที่ใด เจ้ามีเป้าหมายหรือเปล่า แล้วจื่อห่าวดีขึ้นหรือยัง”“จื่อห่าวดีขึ้นมากแล้ว ข้าวางแผนจะไปเมืองจ้านกั๋วน่ะ ที่นั่นอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยข้าลองสืบค้นมาแล้ว”“อืม..ว่าแต่พวกเราจะไปทำมาหากินอันใด หยกก็ขายไปหมดแล้ว”“เรื่องนี้พี่อย่ากังลเลย ข้ามีทางออกแน่นอน พี่เย่วเล่อท่านไปพักผ่อนเถอะ รอจื่อห่าวหายป่วยเราจะเดินทางต่อ เข้าฤดูหนาวแล้ว หากหิมะลงจะเดินทางลำบาก”“อืม..เจ้าก็พักผ่อนเยอะๆ เล่า ที่จริงจวนร้างก็ไม่ได้แย่ เสียดายเพียงแค่ตอนนี้มีคนต้องการมันคืน”“พี่เย่วเล่อ....บางทีเมืองจ้านกั๋วอาจดีกว่าเมืองหลวงก็ได้ในความคิดของข้าคนชนบทผู้คนจริงใจกว่า พี่ดูอย่างครอบครัวป้าหูสิ พวกเขาอยู่นอกเขตเมืองหลวงคบค้ากับพวกเราจริงใจเพียงใด”เย่วเล่อพยักหน้า ซ่งจื่อเหยียนจะไปที่ตำบลต
เย่วเล่อเดินมาหาพร้อมกับพยักหน้าว่าเรื่องทุกอย่าที่ท่านย่าหลี่เอ่ยมานั้นจริง ตอนนี้พวกมันยังไม่ได้แค่ต้องการบ้าน ยังต้องการนางกับเย่วหลีไปเป็นอนุอีกด้วย แต่เย่วเล่อกับเย่วหลีไม่ยอม พวกมันกำลังกลับไปพาคนมา“ถ้าเช่นนั้นก็เก็บของขึ้นรถเถอะพี่ใหญ่ ส่วนท่านย่าท่านไปกับพวกข้าเถอะ หากไร้ที่อยู่จะทำเช่นไร ตัวท่านคนเดียวอาศัยอารามก็ยังพอทนแต่หลานชายท่านหลี่ฉุนเล่า”“พวกเจ้าไม่รังเกียจข้าสองคนย่าหลานหรอกหรือ”“ไม่เจ้าค่ะ ว่าแต่หลี่ฉุนเล่าข้าอยากไหว้วานอะไรสักหน่อย”ไม่นานเด็กชายเดินมาหา ซ่งจื่อเหยียนเอ่ยข้างหูเขาไม่กี่คำจากนั้นทุกคนก็เก็บของขึ้นรถม้าทันที ไม่ใช่ว่าซ่งจื่อเหยียนกลัวคนเหล่านั้น แต่นางเกรงว่าหากรั้งอยู่นานเกินไปคนที่น่ากลัวจริงๆ จะตามมาทันนางเกรงป้าหูจะปิดไม่อยู่เพราะนางไม่ได้บอกป้าหูว่านางจะไม่กลับมาแล้วจึงทิ้งเงินให้ครอบครัวนางไว้สองพันตำลึง หากเขารู้เรื่องบุตรชายและเขาไม่ต้องการบุตรคืนนับว่าโชคดีไป แต่หากเขาต้องการบุตรชายคืนนางต้องหนี อาศัยตอนที่เขายังไม่รู้รีบไปให้ไกลเสียก่อนแม้ว่าอี้โจวจะถูกปกครองโดยสกุลเว่ย แต่อี้โจวกว้างขวางกว่าเมืองหลวงถึงหนึ่งเท่า นางอาศัยอยู่ห่างจากเขตป
หลี่เจิ้งของที่นี่แซ่หวังชื่อหวังคุน ซ่งจื่อเหยียนพูดคุยกับเขาไม่นานหวังคุนก็พามาดูบ้านอยู่ท้ายหมู่บ้านหนึ่งหลัง กลางหมู่บ้านหนึ่งหลัง ในหมูบ้านหนึ่งหลัง บ้านแต่ละหลังห่างกับสิบจั้งยี่สิบจั้ง ประชากรน้อยมากจริง ซ่งจือเหยียนเลือกบ้านเชิงเขาต้นไม้หนาแน่น อากาศหนาวหากเผาถ่านขายได้นับว่ามีแหล่งที่มาของเงิน ยามใช้จ่ายก็ไม่ต้องระวังมากนัก"ท่านปู่หวังข้าตกลงเลือกหลังนี้แหละเจ้าค่ะ ไกลหมู่บ้านหน่อยแต่กลับมีถึงแปดห้องราคาไม่แพงจนข้ารับไม่ได้ สิบห้าตำลึงนับว่าพอจ่ายไหว""อ้อ..อาซ้อท่านมีทั้งคนแก่และเด็กอย่างไรไปพักในหมู่บ้านก่อนก็ได้ ข้าจะให้คนมาซ่อมแซมบ้านท่านก่อนค่อยย้ายเข้ามาอยู่""ขอบคุณท่านปู่หวังมากเจ้าค่ะ ถ้าอย่างไรท่านคิดค่าเช่ามาเถอะ ไม่รู้ว่าต้องอยู่กี่วัน ในเมื่อท่านมีน้ำใจข้าก็ควรจริงใจ""ในเมื่ออาซ้อกล่าวเช่นนี้ถ้าเช่นนั้นข้าคิดท่านสามตำลึงแล้วกันรวมอาหารเช้าให้พวกท่านด้วย หากท่านซ่อมบ้านเสร็จไวอยู่ไม่ถึงเดือนข้าจะคืนที่เหลือให้""ขอบคุณท่านปู่หวังมากเจ้าค่ะ"เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อยทั้งหมดก็แยกย้าย ซ่งจื่อเหยียนพักบ้านของบุตรชายผู้ใหญ่บ้าน นอกรอบหมู่บ้านส่วนมากแซ่เว่ย มิน่าเว่ยเซีย
ซ่งจื่อเหยียนมาอยู่ใหม่ๆไม่ควรทำให้คนอิจฉา ผ้าฝ้ายนางซื้อไปคารวะท่านผู้นำหมู่บ้าน ส่วนผ้าไหมเย็บเป็นชั้นในจะได้ไม่ระคายเคืองเพราะนางจะใช้ผ้าธรรมดาใช้เป็นชุดนอก เมื่อซื้อผ้าเรียบร้อยก็ไปหาซื้อสมุนไพร ชาติที่แล้วเคยอยู่หน่วยข่าวกรองแม้ว่าตอนหลังจะลาออกแต่ตอนฝึกนางได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ให้นางขึ้นเขาหาเองคงไม่ไหวซื้อเอานี่แหละดีที่สุด ใช้เงินแก้ปัญหา เมื่อได้ทุกอย่างครบตามต้องการซ่งจื่อเหยียนจึงให้ร้านค้าต่างๆนำมาส่งที่รถม้าก่อนจะกลับยังหมู่บ้าน ควบม้าไปก็รู้สึกสบายใจเบิกบาน อิสระที่แท้จริงมันดีอย่างนี้นี่เองพริบตาซ่งจื่อเหยียนก็มาอยู่ที่อี้โจวได้สามปีแล้วไม่มีวี่แววดาวมรณะมาตามหา นางไม่ทำตัวโดดเด่นใช้สอยอย่างประหยัด จนกระทั่งวันนี้ถึงได้เกิดเรื่อง มีคนมาเก็บค่าที่นาแต่ประเด็นคือนางไม่มีนาให้ทำ เดิมก็จะทำเฉยหรอกถ้าไม่ใช่เพราะหนึ่งในนั้นอยากตาย"มาๆพวกเจ้าจ่ายค่าเช่าที่ดินมาเสียดีๆ ตระกูลเว่ยให้พวกเจ้าทำกินเปล่าๆได้หรือไง พวกเราต้องเลี้ยงคนเท่าไหร่เงินต้องใช้""ฮือๆๆ ท่านผู้ดูแลท่านก็รู้ว่าหมู่บ้านปิงเหอหนาวเย็นปลูกพืชผักไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เราจะจ่ายค่าเช่าเช่นๆร""ข้าไม่สน ไปหามา อ๊ะ เอ๋
ชายชราจากไปแล้ว ซ่งจื่อเหยีนนหนักอึ้งในใจ เขาเป็นใครกันเหตุใดออร่ารัศมีของเขาน่ากลัวเสียกว่าเว่ยเซียวหยางเสียอีกจางจื่อเหยียนนอนกอดบุตรชายจนกระทั่งยามเหมานางจึงตื่นขึ้นแล้วไปปลุกให้หลี่ฉุนมานอนเป็นเพื่อนเจ้าตัวน้อย จางจื่อห่าวใกล้สี่ขวบแล้วเริ่มจะซุกซนพูดเก่งมาก คนในหมู่บ้านต่างรักใครเขา หมู่บ้านปิงเหอมีแค่ห้าสิบหลังคาเรือน มีประชากรเพียงแค่สี่ร้อยกว่าคน แต่บางบ้านลูกหลานก็ไปทำงานต่างถิ่น จางจื่อเหยียนเห็นเย่วเล่อกำลังต้มน้ำอยู่จึงเดินมานั่งข้างๆก่อนจะเอ่ย"นอนไม่หลับหรือพี่ใหญ่""พี่กังวลเรื่องกลุ่มคนที่มาเมื่อวานน่ะ น้องรองพี่ว่าพวกเราไปจากที่นี่ดีไหม""ไม่รู้ว่าต้องหนีอีกไปถึงเมื่อไหร่ ข้าอยากเปิดหน้าสู้ก่อนหน้าจื่อห่าวยังเด็กตอนนี้ลูกโตแล้ว หากต้องชนข้าก็ไม่หวั่นแล้ว""พี่ไปตลาดวันก่อนได้ข่าวในเมืองหลวงมาน่ะ""เรื่องอะไรหรือพี่ใหญ่""ตระกูลซ่งถูกถอดจากตำแหน่งขุนนางทั้งหมด ตนในตระกูลถูกเนรเทศได้ข่าวว่าเพราะไปก่อเรื่องร้ายแรงแต่พี่ไม่รู้รายละเอียดน่ะ เห็นว่ามีเพียงซ่งซยาอวิ๋นที่เป็นชายาองค์ชายห้าที่รอดคนเดียว""มิน่า...ตาโรคจิตนั่นถึงส่งพวกเรามาอี้โจวเขาคงระแคะระคายบางอย่างแต่ถึงอย่
ทั้งหมดนั่งกินอาหารเงียบๆ ไม่มีใครเอ่ยเรื่องใดอีกจนกระทั่งกลุ่มคนเหล่านั้นกลับไป ตกตอนบ่ายก็มีรถม้ากว่าห้าคันนำข้าวของมาส่ง เป็นแพรพรรณเสบียงและเครื่องประดับมากมาย ที่สำคัญรถม้าอีกสองคันล้วนมีแต่ของเด็กมากมาย ของเล่นแปลกๆ จางจื่อเหยียนส่งคืนหยกห้อยคอบุตรชายให้เขาเพราะดูแล้วคงมีราคามากนัก แต่ชายชราปฏิเสธเขาเอ่ยเพียงว่าเขาถูกชะตากับบุตรชายนางจึงอยากให้ของขวัญจางจื่อเหยียนรู้สึกเพียงว่าลวดลายเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเพียงแค่นางนึกไม่ออกเท่านั้น แต่หากนางนึกดีๆนางคงจำลวดลายกิเลนไฟได้ หยกลายนี้มีเพียงสามชิ้นเท่านั้น มีแค่อดีตฮ่องเต้และฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกับพระอนุชาคนเล็กเท่านั้นสี่วันต่อมาจางจื่อเหยียนก็ตุนเสบียง ภูเขาถัวหลัวห่างจากบ้านของนางถึงห้าร้อยลี้แต่ยังอยู่ในเมืองอี้โจว นางกอดหอมบุตรชายก่อนจะเอ่ยกำชับ"แม่ไปหลายวันต้องไปทำธุระ อย่าดื้อกับท่านป้าและท่านน้า รวมถึงท่านย่าด้วยรู้หรือไม่""คิดถึงท่านแม่""แม่รู้ๆ แม่ก็คิดถึงเจ้าจื่อห่าวเด็กดีท่านปู่คนนั้นให้ของเล่นมามากมายนัก ลูกเล่นไปก่อนเดี๋ยวกลับมาแม่จะทำกระดานลื่นให้ เสร็จแล้วพวกเราจะได้เล่นด้วยกันดีหรือไม่""ท่านแม่สัญญานะขอรับ"
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก
ใบไม้ผลัดเปลี่ยนฤดูกาลหมุนเวียน บัดนี้รัชทายาทมีอายุยี่สิบเอ็ดชันษาแล้ว ฮ่องเต้มักให้พระองค์ทรงว่าราชการแทนในบางครั้งเพื่อฝึกปรือเขา เช่นเรื่องเกี่ยวกับการออกข้อสอบเพื่อหาขุนนางน้ำดีในอนาคต วันนี้รัชทายาทอยู่ที่จวนหลี่เพื่อหารือกับหลี่ผิงอันเว่ยจื่อห่าวเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาหลวง หูเกอเป็นรองผู้พิพากษาศาลปกครอง ทั้งสี่คนนับว่าเป็นสหายร่วมเรียนด้วยกันมา ท่านย่าหลี่ยังแข็งแรงดี หลี่ผิงอันจากรองผู้ตรวจการตอนนี้เขากลายเป็นผู้ตรวจการในวัยเพียงสามสิบห้าปีเท่านั้นด้วยความเถรตรงและเป็นขุนนางที่ซื่อตรงบรรดาขุนนางด้วยกันยังไม่กล้ามีเรื่องกับเขา ท่านย่าทำขนมเพื่อมาเลี้ยงบรรดาคนที่มาหารืองาน เว่ยเซียวหยางปล่อยให้บุตรชายได้เติบโตจัดการเรื่องราวต่างๆเอง"ท่านน้าขอรับ ได้ข่าวว่าพักนี้ลูกศิษย์สำนักศึกษามักจะพากันหนีเรียนอยู่เรื่อยๆ"จางจื่อห่าวเอ่ยแก่หลี่ผิงอัน เขาถอนหายใจเรื่องนี้ทางสำนักศึกษาแจ้งแก่หน่วยเขามาหลายครั้งแล้ว เว่ยจื่อห่าวแม้ว่าจะเข้มงวดแต่อีกสถานะหนึ่งเขาคือรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ จะมาสอนสัปดาห์ละสามวันเท่านั้น รอจนกว่าสำนักศึกษาจะได้อาจารย์มาเพิ่ม ซึ่งท่านมหาราชครูกำลังเฟ้นหาบัณฑิต
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนจางจื่อเหยียนให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้องออกมา นางขอร้องให้หมอหลวงฝังเข็มคุมกำเนิดให้นาง เพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้วลูกดกเกินไปแล้ว เว่ยเซียวหยางเดินเข้ามาในห้องอยู่เดือนก่อนจะนั่งลงข้างๆบนเตียง เห็นเมียนอนหลับอยู่ก็ห่มผ้าให้นางแล้วจุมพิตหน้าผากเปียกชื้นเบาๆ"เด็กดีของพี่ขอบคุณเจ้ามากที่ให้กำเนิดของขวัญล้ำค่าทั้งเจ็ดคนให้พี่""อืม.."จางจื่อเหยียนรู้สึกตัวจึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้สามี"ท่านอ๋อง...ทรงกลับมาจากเข้าเฝ้าแล้วหรือเพคะ เหนื่อยหรือไม่""ไม่หรอก วันนี้เป็นเช่นไรบ้างอีกเจ็ดวันก็ออกเดือนแล้วอยากไปเที่ยวไหนหรือไม่""ไม่เพคะ อีกสองเดือนต้องไปอี้โจวแล้วทรงเตรียมตัวหรือยังเพคะ""เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหยียนของพี่เจ้าไม่ได้ไปอี้โจวมาสามปีแล้ว อยากไปหมู่บ้านปิงเหอหรือไม่ พี่จะพาไป""เพคะ ลำบากพระองค์แล้ว""เว่ยเซียวหยางไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์เขาทอดกายลงข้างๆนางกอดนางแล้วลูบหลังให้ จางจื่อเหยียนหลับไปเพราะความเพลียกระทั่งถึงมื้อค่ำบ่าวจึงมาตามท่านอ๋องและนำโจ๊กมาให้พระชายา เว่ยเซียวหยางออกไปรับโจ๊กมาเอง ก่อนจะนั่งป้อนภรรยาตนเองจางจื่อเหยียนก็ยอมให้เขาป้อนแต่โดยดีเด็กๆดีใจที่จ
สิบสองปีผ่านไปเว่ยเซียวหยางในวัยห้าสิบเอ็ดปีจางจื่อเหยียนในวัยยี่สิบแปดปีที่นับวันยิ่งงามมากนักเว่ยซูหนีว์กับเว่ยซูถิงตอนนี้เจ็ดขวบแล้ว เว่ยลู่เสียนห้าขวบเว่ยซิงอีกับเว่ยซีฮวนสามขวบ และจางจื่อเหยียนกำลังท้องคนที่เจ็ดอยู่ ซึ่งก็ใกล้คลอดแล้วเช่นกัน เว่ยเซียวหยางไม่ผิดคำพูดเขารับขวัญลูกคนละสองล้านตำลึงทองเท่ากับสิบล้านตำเงินซึ่งมากกว่าที่เคยบอกไว้ ตอนนี้พระชายาถือว่าเป็นภรรยาขุนนางที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น ยังไม่รวมเงินทองที่นางทำการค้าอีกนับไม่ถ้วนจางเย่วหลีเองก็อายุยี่สิบห้าปีนางกับเหวินชางในวัยห้าสิบสามปีมีบุตรสาวสองคนบุตรชายสองคน นางเปิดเหลาสุราอย่างที่ตั้งใจ ทางด้านสกุลจ้าวมาทำการค้าที่เมืองหลวงเป็นคู่ค้ากับนาง เดือนหนึ่งจางเย่วหลีมีรายได้กว่าเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนตำลึง เหวินชางที่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้ากรมไม่อยากให้เมียทำงานมากนัก แต่นางหรือจะฟังยิ่งนานวันจากสตรีอ่อนหวานที่ขี้อายตั้งแต่คุมเหลาสุรานางก็แกร่งขึ้น ใครมาอาละวาดนางก็ตีกลับจนหมดส่วนจางเย่วเล่อนั้นไม่ต้องกังวลใดๆเดิมก็ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว นางแกกว่าจางจื่อเหยียนหนึ่งปีวัยยี่สิบเก้าสามีเหวินเปียวอายุปีนี้ก็ห้าสิบพอดี สามคนพี