หลี่เจิ้งของที่นี่แซ่หวังชื่อหวังคุน ซ่งจื่อเหยียนพูดคุยกับเขาไม่นานหวังคุนก็พามาดูบ้านอยู่ท้ายหมู่บ้านหนึ่งหลัง กลางหมู่บ้านหนึ่งหลัง ในหมูบ้านหนึ่งหลัง บ้านแต่ละหลังห่างกับสิบจั้งยี่สิบจั้ง ประชากรน้อยมากจริง ซ่งจือเหยียนเลือกบ้านเชิงเขาต้นไม้หนาแน่น อากาศหนาวหากเผาถ่านขายได้นับว่ามีแหล่งที่มาของเงิน ยามใช้จ่ายก็ไม่ต้องระวังมากนัก"ท่านปู่หวังข้าตกลงเลือกหลังนี้แหละเจ้าค่ะ ไกลหมู่บ้านหน่อยแต่กลับมีถึงแปดห้องราคาไม่แพงจนข้ารับไม่ได้ สิบห้าตำลึงนับว่าพอจ่ายไหว""อ้อ..อาซ้อท่านมีทั้งคนแก่และเด็กอย่างไรไปพักในหมู่บ้านก่อนก็ได้ ข้าจะให้คนมาซ่อมแซมบ้านท่านก่อนค่อยย้ายเข้ามาอยู่""ขอบคุณท่านปู่หวังมากเจ้าค่ะ ถ้าอย่างไรท่านคิดค่าเช่ามาเถอะ ไม่รู้ว่าต้องอยู่กี่วัน ในเมื่อท่านมีน้ำใจข้าก็ควรจริงใจ""ในเมื่ออาซ้อกล่าวเช่นนี้ถ้าเช่นนั้นข้าคิดท่านสามตำลึงแล้วกันรวมอาหารเช้าให้พวกท่านด้วย หากท่านซ่อมบ้านเสร็จไวอยู่ไม่ถึงเดือนข้าจะคืนที่เหลือให้""ขอบคุณท่านปู่หวังมากเจ้าค่ะ"เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อยทั้งหมดก็แยกย้าย ซ่งจื่อเหยียนพักบ้านของบุตรชายผู้ใหญ่บ้าน นอกรอบหมู่บ้านส่วนมากแซ่เว่ย มิน่าเว่ยเซีย
ซ่งจื่อเหยียนมาอยู่ใหม่ๆไม่ควรทำให้คนอิจฉา ผ้าฝ้ายนางซื้อไปคารวะท่านผู้นำหมู่บ้าน ส่วนผ้าไหมเย็บเป็นชั้นในจะได้ไม่ระคายเคืองเพราะนางจะใช้ผ้าธรรมดาใช้เป็นชุดนอก เมื่อซื้อผ้าเรียบร้อยก็ไปหาซื้อสมุนไพร ชาติที่แล้วเคยอยู่หน่วยข่าวกรองแม้ว่าตอนหลังจะลาออกแต่ตอนฝึกนางได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ให้นางขึ้นเขาหาเองคงไม่ไหวซื้อเอานี่แหละดีที่สุด ใช้เงินแก้ปัญหา เมื่อได้ทุกอย่างครบตามต้องการซ่งจื่อเหยียนจึงให้ร้านค้าต่างๆนำมาส่งที่รถม้าก่อนจะกลับยังหมู่บ้าน ควบม้าไปก็รู้สึกสบายใจเบิกบาน อิสระที่แท้จริงมันดีอย่างนี้นี่เองพริบตาซ่งจื่อเหยียนก็มาอยู่ที่อี้โจวได้สามปีแล้วไม่มีวี่แววดาวมรณะมาตามหา นางไม่ทำตัวโดดเด่นใช้สอยอย่างประหยัด จนกระทั่งวันนี้ถึงได้เกิดเรื่อง มีคนมาเก็บค่าที่นาแต่ประเด็นคือนางไม่มีนาให้ทำ เดิมก็จะทำเฉยหรอกถ้าไม่ใช่เพราะหนึ่งในนั้นอยากตาย"มาๆพวกเจ้าจ่ายค่าเช่าที่ดินมาเสียดีๆ ตระกูลเว่ยให้พวกเจ้าทำกินเปล่าๆได้หรือไง พวกเราต้องเลี้ยงคนเท่าไหร่เงินต้องใช้""ฮือๆๆ ท่านผู้ดูแลท่านก็รู้ว่าหมู่บ้านปิงเหอหนาวเย็นปลูกพืชผักไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เราจะจ่ายค่าเช่าเช่นๆร""ข้าไม่สน ไปหามา อ๊ะ เอ๋
ชายชราจากไปแล้ว ซ่งจื่อเหยีนนหนักอึ้งในใจ เขาเป็นใครกันเหตุใดออร่ารัศมีของเขาน่ากลัวเสียกว่าเว่ยเซียวหยางเสียอีกจางจื่อเหยียนนอนกอดบุตรชายจนกระทั่งยามเหมานางจึงตื่นขึ้นแล้วไปปลุกให้หลี่ฉุนมานอนเป็นเพื่อนเจ้าตัวน้อย จางจื่อห่าวใกล้สี่ขวบแล้วเริ่มจะซุกซนพูดเก่งมาก คนในหมู่บ้านต่างรักใครเขา หมู่บ้านปิงเหอมีแค่ห้าสิบหลังคาเรือน มีประชากรเพียงแค่สี่ร้อยกว่าคน แต่บางบ้านลูกหลานก็ไปทำงานต่างถิ่น จางจื่อเหยียนเห็นเย่วเล่อกำลังต้มน้ำอยู่จึงเดินมานั่งข้างๆก่อนจะเอ่ย"นอนไม่หลับหรือพี่ใหญ่""พี่กังวลเรื่องกลุ่มคนที่มาเมื่อวานน่ะ น้องรองพี่ว่าพวกเราไปจากที่นี่ดีไหม""ไม่รู้ว่าต้องหนีอีกไปถึงเมื่อไหร่ ข้าอยากเปิดหน้าสู้ก่อนหน้าจื่อห่าวยังเด็กตอนนี้ลูกโตแล้ว หากต้องชนข้าก็ไม่หวั่นแล้ว""พี่ไปตลาดวันก่อนได้ข่าวในเมืองหลวงมาน่ะ""เรื่องอะไรหรือพี่ใหญ่""ตระกูลซ่งถูกถอดจากตำแหน่งขุนนางทั้งหมด ตนในตระกูลถูกเนรเทศได้ข่าวว่าเพราะไปก่อเรื่องร้ายแรงแต่พี่ไม่รู้รายละเอียดน่ะ เห็นว่ามีเพียงซ่งซยาอวิ๋นที่เป็นชายาองค์ชายห้าที่รอดคนเดียว""มิน่า...ตาโรคจิตนั่นถึงส่งพวกเรามาอี้โจวเขาคงระแคะระคายบางอย่างแต่ถึงอย่
ทั้งหมดนั่งกินอาหารเงียบๆ ไม่มีใครเอ่ยเรื่องใดอีกจนกระทั่งกลุ่มคนเหล่านั้นกลับไป ตกตอนบ่ายก็มีรถม้ากว่าห้าคันนำข้าวของมาส่ง เป็นแพรพรรณเสบียงและเครื่องประดับมากมาย ที่สำคัญรถม้าอีกสองคันล้วนมีแต่ของเด็กมากมาย ของเล่นแปลกๆ จางจื่อเหยียนส่งคืนหยกห้อยคอบุตรชายให้เขาเพราะดูแล้วคงมีราคามากนัก แต่ชายชราปฏิเสธเขาเอ่ยเพียงว่าเขาถูกชะตากับบุตรชายนางจึงอยากให้ของขวัญจางจื่อเหยียนรู้สึกเพียงว่าลวดลายเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเพียงแค่นางนึกไม่ออกเท่านั้น แต่หากนางนึกดีๆนางคงจำลวดลายกิเลนไฟได้ หยกลายนี้มีเพียงสามชิ้นเท่านั้น มีแค่อดีตฮ่องเต้และฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกับพระอนุชาคนเล็กเท่านั้นสี่วันต่อมาจางจื่อเหยียนก็ตุนเสบียง ภูเขาถัวหลัวห่างจากบ้านของนางถึงห้าร้อยลี้แต่ยังอยู่ในเมืองอี้โจว นางกอดหอมบุตรชายก่อนจะเอ่ยกำชับ"แม่ไปหลายวันต้องไปทำธุระ อย่าดื้อกับท่านป้าและท่านน้า รวมถึงท่านย่าด้วยรู้หรือไม่""คิดถึงท่านแม่""แม่รู้ๆ แม่ก็คิดถึงเจ้าจื่อห่าวเด็กดีท่านปู่คนนั้นให้ของเล่นมามากมายนัก ลูกเล่นไปก่อนเดี๋ยวกลับมาแม่จะทำกระดานลื่นให้ เสร็จแล้วพวกเราจะได้เล่นด้วยกันดีหรือไม่""ท่านแม่สัญญานะขอรับ"
ทั้งสองคนพยักหน้า เจ้าอสรพิษที่ตัวใหญ่เท่ากับลูกแพะเกิดใหม่เลื้อยออกมาจากในถ้ำ สายตาที่มองมายังผู้บุกรุกนั้นอาฆาตอย่าเห็นได้ชัด มัันพยายามจะโจวตีแต่ติดที่จางจื่อเหยียถือสมุนไพรหญ้าเพียงพอนไว้ในมือ แม่จะต้นไม่ใหญ่แต่ก็ทำมันชะงักได้ช่วงหนึ่ง ชายทั้งสองคนรีบซัดฝ่ามือใส่มันจนเจ้าอสรพิษพยายามที่จะหนีเข้าถ้ำ แต่จางจื่อเหยียนโรยกำมะถันเอาไว้ทำให้กลับเข้าไปไม่ได้ทั้งสองคนกับอสรพิษหนึ่งตัวสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ปลายหางของมันพันกับต้นไม้ใหญ่เอาไว้ ลำตัวโฉบไปมาจางจื่อเหยียนอาศัยจังหวะมันเผลอและกำลังต่อสู้ก็เข้าไปถอนสมุนไพรทันที นางเก็บใส่กล่องจนหมดทั้งหมดมีสามสิบต้น กำลังจะกลับออกไปบังเอิญให้เห็นสิ่งแวววาวที่ส่องประกายออกมานี่มันหยกเหมันต์นี่แต่ละก้อนขนาดเท่าไข่ไก่เลย มีก้อนที่ใหญ่เท่ากับหัวเด็กอีกด้วย หยกนี่หายากกว่าหยกจักพรรดิอีก ของดีนี่นาเอาสิรออะไรล่ะ จากนั้นนางก็หยิบมาใส่ในห่อผ้าพันอย่างดีก่อนจะใส่ตะกร้าสะพายหลัง สองคนนั่นยังสู้กับเจ้างูตัวนั้นไม่เลิก พวกเขาบาดเจ็บเล็กน้อย จางจื่อเหยียนปล่อยเชือกโรยตัวลงไปเจ้างูได้กลิ่นสมุนไพรที่ตัวนางก็เลิกสนใจทั้งสองแล้วตามนางไปทันที มันปล่อยหางจากต้นไม่
ขบวนของเว่ยเซียวหนาหลับใหลเร่งความเร็วมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าเขตตำหนักทักษิณ หมอหลวงรออยู่แล้วหญ้าน้ำค้างมังกรต้องกินสดๆเท่านั้น แต่เนื่องจากมันเติบโตจากการที่อสรพิษคายน้ำลายที่มีพิษของมันหล่อเลี้ยง จึงจำเป็นต้องหาผลเมฆามาอีกอย่าง หากไม่มีผลเมฆาเท่ากับว่าหญ้าน้ำค้างมังกรก็คือยาพิษดีๆนี่เองหมอหลวงรีบมารับสมุนไพรทั้งหมดก่อนจะนำบัวหิมะไปฝนเพื่อคั้นน้ำมาทาตามพระวรกายของฮ่องเต้ เนื่องจากพิษของแมงป่องไฟมีพิษร้อน ทำให้เกิดตุ่มน้ำใสๆพองตามพระวรกาย หากภายในสามปียังหาสมุนไพรมารักษาไม่ได้อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นตามามา หวังกุ้ยเฟยที่อยากมาหาฮ่องเต้แต่ทางหมอหลวงกลับบอกว่าฮ่องเต้เป็นหวัดเพราะอากาศเย็นไม่ต้องการให้ผู้ใดรบกวน ทางด้านวังหลวงมหาราชครูเซี่ยบิดาของฮองเฮาและเป็นท่านตาขององค์รัชทายาทคอยช่วยดูแล เพราะฮ่องเต้แต่ตั้งรัชทายาทเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เมื่อถึงเวลาหมอหลวงก็ทูลเชิญฮองเฮามาเป็นคนหยิบหญ้าน้ำค้างมังกรออกมา ฮ่องเต้เสวยผลเมฆาไปแล้วถึงสามผล จากนั้นฮองเฮาก็ค่อยๆป้อนหญ้าน้ำค้างมังกรให้ฮ่องเต้ทีละน้อย ฮ่องเต้ที่เริ่มสะลึมสะลือเต็มทีหากว่ายังไม่ได้สมุนไพรมาอีกคงอยู่ไม่พ้นเจ็ดวัน เนื่อง
เว่ยหยางหมิงรู้ทันทีว่าสกุลหวังถูกปลดด้วยเรื่องอันใด ยังมีสกุลจูของท่านแม่ยายที่ตอนนี้ถูกเนรเทศไปชายแดนกับซ่งฮั่นเหลียงพ่อตาของเขาแล้ว เว่ยหยางหมิงเห็นพระพักตร์ฮ่องเต้ก็ไม่กล้าถามต่อ ที่สำคัญคนที่เดินเข้ามาเป็นเสด็จปู่อีกด้วย มารดาถูกส่งเข้าตำหนักเย็นแล้ว ท่านตาและขุนนางหลายคนต้องโทษประหาร เดิมทีจะถูกประหารทั้งตระกูลแต่เสด็จอาขอไว้ไม่อยากฆ่าอีกหลายชีวิตที่ไม่รู้เรื่อง จึงนำไปปล่อยที่เกาะซีไห่ทางใต้ของแคว้น เป็นเกาะร้างที่ไร้ผู้คนอาศัย ไร้ที่หลบแดดหลบฝน กว่าแปดร้อยชีวิตต้องลงเรือพรุ่งนี้ทั้งหมดเมื่อกลับถึงตำหนักเขาก็เรียกซ่งซยาอวิ๋นมาหาก่อนจะเอ่ยกับนาง"บ้านท่านตาเจ้าต้องลงเรือพรุ่งนี้แล้วสินะ""ไปไหนเพคะ องค์ชายเหตุใดถึงต้องเดินทางกัน""หึ..ข้ารู้มาเรื่องหนึ่ง คืนวันเกิดเจ้าหกคุณหนูใหญ่พี่สาวเจ้าถูกสาวใช้ของเจ้าพาไปที่ห้องพักเสด็จอา ซ่งซยาอวิ๋นเจ้าก็รู้ว่าข้าพึงใจต่องนาง แต่เจ้ากลับทำเรื่องราวจนนางต้องกลายเป็นอาสะใภ้ของข้า หลิวหมัวมัวชายารองต้องการสงบใจที่ครอบครัวต้องโทษนางต้องการไปถือศิลที่อารามชีสามปีเพื่อสวดมนต์ให้บิดามารดา"ซ่งซยาอวิ๋นกรีดร้องทันทีที่ทหารในจวนมาจับตัวนางไป เว่ยหย
จางจื่อเหยียนนั่งกินมื้อเที่ยงกับบุตรชายและเผยจิน ทั้งสามคนหัวเราะกันสนุกสนาน เจ้าตัวน้อยนั่งตักมารดา มือน้อยๆพยายามจับตะเกียบเพื่อจะคีบอาหารในจานใส่ปากมารดา จางจื่อเหยียนจับมือบุตรชายให้คีบผัดผักในจานก่อนจะนำมาใส่ปากตนเองแล้วเอ่ยชม"จื่อห่าวของแม่เก่งที่สุดเลย ป้อนแม่ได้ด้วยน่ารักจัง""ท่านแม่อร่อยไหมขอรับ""อร่อยมากที่สุด คำไหนที่ลูกชายแม่ป้อนเป็นอาหารวิเศษจากเทพเซียนเชียวนะ""ท่านแม่ อ้ำๆ"เจ้าตัวน้อยเขินอายมารดาและพยายามจะถือตะเกียบเอง ในที่สุดก็ทำได้ เขาคีบหมูได้หนึ่งชิ้นส่งเข้าปากมารดา จางจื่อเหยียนอ้าปากกินหมูที่บุตรชายป้อนให้ เผยจินอมยิ้ม เป็นคู่แม่ลูกที่น่ารักเหลือเกิน หากนางรับไมตรีจากเขาก็คงจะดี แต่ไม่เป็นไรจางจื่อห่าวยังเด็ก รอเขาโตกว่านี้มารดาเขาอาจอยากให้บุตรชายมีพ่อเมื่อเข้าสอบย่อมต้องการคนหนุนหลัง เมื่อนั้นเขาจะเสนอตัวเอง"จื่อห่าวของลุงเผยเก่งที่สุด อีกหน่อยก็ปกป้องท่านแม่ได้แล้ว""ขอบคุณขอรับ"ทั้งสามคนหัวเราะต่อกระซิกกันที่ลานหน้าบ้าน ส่วนคนที่แอบดูกำลังอยากจะไปกระชากนางออกมาจากตรงนั้นหรือเกิน แม้จะให้เหตุผลกับตัวเองว่ามาตามบุตรชายแต่เว่ยเซียวหยางไม่รู้ตัวเลยว่าตอนน
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก
ใบไม้ผลัดเปลี่ยนฤดูกาลหมุนเวียน บัดนี้รัชทายาทมีอายุยี่สิบเอ็ดชันษาแล้ว ฮ่องเต้มักให้พระองค์ทรงว่าราชการแทนในบางครั้งเพื่อฝึกปรือเขา เช่นเรื่องเกี่ยวกับการออกข้อสอบเพื่อหาขุนนางน้ำดีในอนาคต วันนี้รัชทายาทอยู่ที่จวนหลี่เพื่อหารือกับหลี่ผิงอันเว่ยจื่อห่าวเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาหลวง หูเกอเป็นรองผู้พิพากษาศาลปกครอง ทั้งสี่คนนับว่าเป็นสหายร่วมเรียนด้วยกันมา ท่านย่าหลี่ยังแข็งแรงดี หลี่ผิงอันจากรองผู้ตรวจการตอนนี้เขากลายเป็นผู้ตรวจการในวัยเพียงสามสิบห้าปีเท่านั้นด้วยความเถรตรงและเป็นขุนนางที่ซื่อตรงบรรดาขุนนางด้วยกันยังไม่กล้ามีเรื่องกับเขา ท่านย่าทำขนมเพื่อมาเลี้ยงบรรดาคนที่มาหารืองาน เว่ยเซียวหยางปล่อยให้บุตรชายได้เติบโตจัดการเรื่องราวต่างๆเอง"ท่านน้าขอรับ ได้ข่าวว่าพักนี้ลูกศิษย์สำนักศึกษามักจะพากันหนีเรียนอยู่เรื่อยๆ"จางจื่อห่าวเอ่ยแก่หลี่ผิงอัน เขาถอนหายใจเรื่องนี้ทางสำนักศึกษาแจ้งแก่หน่วยเขามาหลายครั้งแล้ว เว่ยจื่อห่าวแม้ว่าจะเข้มงวดแต่อีกสถานะหนึ่งเขาคือรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ จะมาสอนสัปดาห์ละสามวันเท่านั้น รอจนกว่าสำนักศึกษาจะได้อาจารย์มาเพิ่ม ซึ่งท่านมหาราชครูกำลังเฟ้นหาบัณฑิต
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนจางจื่อเหยียนให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้องออกมา นางขอร้องให้หมอหลวงฝังเข็มคุมกำเนิดให้นาง เพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้วลูกดกเกินไปแล้ว เว่ยเซียวหยางเดินเข้ามาในห้องอยู่เดือนก่อนจะนั่งลงข้างๆบนเตียง เห็นเมียนอนหลับอยู่ก็ห่มผ้าให้นางแล้วจุมพิตหน้าผากเปียกชื้นเบาๆ"เด็กดีของพี่ขอบคุณเจ้ามากที่ให้กำเนิดของขวัญล้ำค่าทั้งเจ็ดคนให้พี่""อืม.."จางจื่อเหยียนรู้สึกตัวจึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้สามี"ท่านอ๋อง...ทรงกลับมาจากเข้าเฝ้าแล้วหรือเพคะ เหนื่อยหรือไม่""ไม่หรอก วันนี้เป็นเช่นไรบ้างอีกเจ็ดวันก็ออกเดือนแล้วอยากไปเที่ยวไหนหรือไม่""ไม่เพคะ อีกสองเดือนต้องไปอี้โจวแล้วทรงเตรียมตัวหรือยังเพคะ""เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหยียนของพี่เจ้าไม่ได้ไปอี้โจวมาสามปีแล้ว อยากไปหมู่บ้านปิงเหอหรือไม่ พี่จะพาไป""เพคะ ลำบากพระองค์แล้ว""เว่ยเซียวหยางไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์เขาทอดกายลงข้างๆนางกอดนางแล้วลูบหลังให้ จางจื่อเหยียนหลับไปเพราะความเพลียกระทั่งถึงมื้อค่ำบ่าวจึงมาตามท่านอ๋องและนำโจ๊กมาให้พระชายา เว่ยเซียวหยางออกไปรับโจ๊กมาเอง ก่อนจะนั่งป้อนภรรยาตนเองจางจื่อเหยียนก็ยอมให้เขาป้อนแต่โดยดีเด็กๆดีใจที่จ
สิบสองปีผ่านไปเว่ยเซียวหยางในวัยห้าสิบเอ็ดปีจางจื่อเหยียนในวัยยี่สิบแปดปีที่นับวันยิ่งงามมากนักเว่ยซูหนีว์กับเว่ยซูถิงตอนนี้เจ็ดขวบแล้ว เว่ยลู่เสียนห้าขวบเว่ยซิงอีกับเว่ยซีฮวนสามขวบ และจางจื่อเหยียนกำลังท้องคนที่เจ็ดอยู่ ซึ่งก็ใกล้คลอดแล้วเช่นกัน เว่ยเซียวหยางไม่ผิดคำพูดเขารับขวัญลูกคนละสองล้านตำลึงทองเท่ากับสิบล้านตำเงินซึ่งมากกว่าที่เคยบอกไว้ ตอนนี้พระชายาถือว่าเป็นภรรยาขุนนางที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น ยังไม่รวมเงินทองที่นางทำการค้าอีกนับไม่ถ้วนจางเย่วหลีเองก็อายุยี่สิบห้าปีนางกับเหวินชางในวัยห้าสิบสามปีมีบุตรสาวสองคนบุตรชายสองคน นางเปิดเหลาสุราอย่างที่ตั้งใจ ทางด้านสกุลจ้าวมาทำการค้าที่เมืองหลวงเป็นคู่ค้ากับนาง เดือนหนึ่งจางเย่วหลีมีรายได้กว่าเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนตำลึง เหวินชางที่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้ากรมไม่อยากให้เมียทำงานมากนัก แต่นางหรือจะฟังยิ่งนานวันจากสตรีอ่อนหวานที่ขี้อายตั้งแต่คุมเหลาสุรานางก็แกร่งขึ้น ใครมาอาละวาดนางก็ตีกลับจนหมดส่วนจางเย่วเล่อนั้นไม่ต้องกังวลใดๆเดิมก็ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว นางแกกว่าจางจื่อเหยียนหนึ่งปีวัยยี่สิบเก้าสามีเหวินเปียวอายุปีนี้ก็ห้าสิบพอดี สามคนพี