จางจื่อเหยียนนั่งกินมื้อเที่ยงกับบุตรชายและเผยจิน ทั้งสามคนหัวเราะกันสนุกสนาน เจ้าตัวน้อยนั่งตักมารดา มือน้อยๆพยายามจับตะเกียบเพื่อจะคีบอาหารในจานใส่ปากมารดา จางจื่อเหยียนจับมือบุตรชายให้คีบผัดผักในจานก่อนจะนำมาใส่ปากตนเองแล้วเอ่ยชม"จื่อห่าวของแม่เก่งที่สุดเลย ป้อนแม่ได้ด้วยน่ารักจัง""ท่านแม่อร่อยไหมขอรับ""อร่อยมากที่สุด คำไหนที่ลูกชายแม่ป้อนเป็นอาหารวิเศษจากเทพเซียนเชียวนะ""ท่านแม่ อ้ำๆ"เจ้าตัวน้อยเขินอายมารดาและพยายามจะถือตะเกียบเอง ในที่สุดก็ทำได้ เขาคีบหมูได้หนึ่งชิ้นส่งเข้าปากมารดา จางจื่อเหยียนอ้าปากกินหมูที่บุตรชายป้อนให้ เผยจินอมยิ้ม เป็นคู่แม่ลูกที่น่ารักเหลือเกิน หากนางรับไมตรีจากเขาก็คงจะดี แต่ไม่เป็นไรจางจื่อห่าวยังเด็ก รอเขาโตกว่านี้มารดาเขาอาจอยากให้บุตรชายมีพ่อเมื่อเข้าสอบย่อมต้องการคนหนุนหลัง เมื่อนั้นเขาจะเสนอตัวเอง"จื่อห่าวของลุงเผยเก่งที่สุด อีกหน่อยก็ปกป้องท่านแม่ได้แล้ว""ขอบคุณขอรับ"ทั้งสามคนหัวเราะต่อกระซิกกันที่ลานหน้าบ้าน ส่วนคนที่แอบดูกำลังอยากจะไปกระชากนางออกมาจากตรงนั้นหรือเกิน แม้จะให้เหตุผลกับตัวเองว่ามาตามบุตรชายแต่เว่ยเซียวหยางไม่รู้ตัวเลยว่าตอนน
องครักษ์ยังตกใจนางตบหน้าท่านอ๋องแรงเพียงนั้นจนขึ้นรอยห้านิ้วชัดเจน แต่ท่านอ๋องกับปล่อยนางไม่เอาเรื่องหากเป็นคนอื่นคงถูกจับเหวี่ยงจนตายไปแล้ว เว่ยเซียวหยางลูบแก้มข้างที่โดนนางตบ ก่อนจะยิ้มยกมุมปากเขาเหลือบไปเห็นขาป้อมๆเดินออกจากในบ้านมาหามารดา จางจื่อห่าวที่รู้สึกตัวไวนัก ไม่เห็นท่านแม่ก็ลืมตาแล้วออกมาหาข้างนอก เขาเห็นคนมากมายมีท่านลุงรูปงามกำลังคุยกับท่านแม่ คงเป็นคนมาซื้อถ่านหรือไม่ก็ผักดอง เว่ยเซียวหยางได้เห็นหน้าชัดๆสักที บุตรชายเหมือนเขายิ่งนัก ก่อนจะเอ่ยกับจางจื่อเหยียน"ท่านแม่..ท่านแม่มีแขกลูกยกน้ำชามาให้นะขอรับ"จางจื่อเหยียนหันขวับทันที นางรีบมาคว้าบุตรชายเอาไว้แต่ไม่ทัน เว่ยเซียวหยางเข้าแย่งนางอุ้มบุตรชายขึ้นมาก่อน นางชี้หน้าเขาสั่งให้ปล่อยบุตรชายนางทันที"ปล่อยลูกชายข้านะเว่ยเซียวหยาง""บุตรชายข้าเช่นกัน เรื่องแต่งงานใหม่เจ้าโกหกใครกัน ส่วนคุณชายเผยคนนั้นหากกล้าคิดกับเจ้าอีกสกุลเผยในอี้โจวไม่ควรมีอยู่เช่นกัน"เขาเอ่ยแกนางจางจื่อเหยียนโมโหหนักกว่าเดิมอีก แปลว่าเขาเฝ้ามองดูนางหรือ นานเท่าไหร่แล้ว คนเลวนี่ทำตัวลับๆล่อมานานเท่าไหร่แล้ว เว่ยเซียวหยางอดขำไม่ได้ มิน่าเสด็จพ่อถึงบอ
จางจื่อเหยียนที่นอนคิดถึงข้อเสนอของคนตัวโตก็ยอมรับสภาพในเมื่อหนีก็ไม่ได้ตัดใจจากบุตรชายก็ไม่ได้ ถ้างั้นแต่งงานแต่ไม่ต้องร่วมหอก็ได้นี่หว่า เมื่อปลงตกนางจึงใช้น้ำเย็นเข้าลูบพูดจาอ่อนหวานกับเขา เอาน่าชาติก่อนเป็นครูประถมหว่านล้อมเด็กกับผู้ใหญ่ก็ไม่ต่างกันหรอก ตอนทำงานข่าวกรองก็ต้องใช้ฝีปากเพื่อหลอกหาข็อมูลเหมือนกัน จางจื่อเหยียนพยายามลุกขึ้นเพื่อตกลงกับเขา"ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะ หม่อมฉันยอมตามพระองค์กลับเมืองหลวงไปแต่งงานก็ได้แต่ต้องมาตกลงกันก่อน"หึ..มาไม้อ่อนหรือแม่ตัวดี เว่ยเซียวหยางอยากรู้ว่าคนในอ้อมกอดจะมาไม้ไหนอีกจึงตามใจนางเขาลุกขึ้นนั่งแต่ไม่ได้ปล่อยให้นางรอดพ้น เว่ยเซียวหยางจับนางมานั่งบนตักตนเอง จางจื่อเหยียนแทบจะกรี๊ดใส่หน้าเขา ให้ตายเถอะไอ้บ้านนี่โรคจิตขั้นเทพเลย แต่ต้องข่มความไม่พอใจแล้วเอ่ยเสียงหวาน"ท่านอ๋องเพคะ..หม่อมฉันตัวหนักอีกทั้งทำงานทั้งวันมีแต่เหงื่อไคล อาจจะทำให้พระองค์ไม่สบายตัวได้ ทรงปล่อยหม่อมฉันเถอะนะเพคะ หม่อมฉันอยากเจรจากับพระองค์""หืม....ว่ามาสิข้าฟังอยู่....ซ่งจื่อเหยียนเหตุใดกลิ่นกายเจ้าหอมนักไหนบอกหน่อยสิ"เขาไม่เพียงพูดปากเปล่าแต่กลับสูดดมหอมซ
ทางด้านจางเย่วเล่อที่เหวินเปียวพามานางดิ้นรนไม่ได้เลยเขาเล่นอุ้มนางดีดมาตามยอดไม้นางต้องกอดเขาแน่นเพราะกลัวตก ในที่สุดก็มาถึงที่ๆเหวินเปียวมาพักเสมอ เขาซอกแซกทุกซอกทุกมุมของเมืองอี้โจว สกุลเหวินรับใช้สกุลเว่ยของฮ่องเต้มาตั้งแต่สมัยก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ๆ ผ่านมาเกือบสามร้อยปีที่แล้วสกุลเว่ยสถาปนาแคว้นเป่ยฉีและขึ้นเป็นเจ้าดินแดนปกครองเหวินเปียวอุ้มคนตัวเล็กเดินเข้าในถ้ำที่เคยมาพักบ่อยยามที่ต้องมาล่าหมาป่า เพราะตำบลปิงเหออากาศหนาวหมาป่ามักจะอาศัยรวมฝูงกันที่นี่ ทันทีที่เขาวางนางลงเย่วเล่อก็ตวัดฝ่ามือตบหน้าเขาทันทีเช่นกันก่อนจะต่อว่าเขาไม่ให้ได้ตั้งตัว"เหวินเปียวท่านมันคนสารเลวกักขฬะ ไปตายซะข้าเกลียดท่าน"จางเย่งเล่อหันหลังหนีเขาทันที นางเดินเพื่อจะออกจากถ้ำแต่อยู่ๆก็ได้ยินเสียงหมาป่าหอนดังมา นางจึงค่อยๆเดินถอยหลังก่อนที่แผ่นหลังของนางจะชนเข้ากับหน้าอกแกร่งของคนตัวโต เหวินเปียวใช้สองแขนโอบนางจากทางด้านหลัง เขากอดนางเอาไว้มือหนาประสานกันที่หน้าท้องแบนราบของนาง ลมหายใจอุ่นร้อนที่อยู่ข้างแก้มทำให้จางเย่วเล่อต้องกลืนน้ำลาย ข้างนอกก็สัตว์ร้าย ข้างในก็บุรุษใจร้าย นางจะเลือกทางไหนได้อีก เหวินเปียว
จางเย่วเล่อพยักหน้า จากนั้นเหวินเปียวก็พานางออกมาด้านนอกของถ้ำเท้าเตะพื้นพานางดีดเหินตัวกลับไปยังทางลงเขาเพื่อกลับบ้าน ไม่นานเหวินเปียวก็พาจางเย่วเล่อมาถึงบ้าน เขาวางนางลงจางเย่วเล่อรีบวิ่งหนีเขาทันที สวนกับจางจื่อเหยียนที่เดินออกมาจากห้องครัวมือถือกระบวยสำหรับทำครัวมาด้วย เห็นพี่สาวดวงตาแดงก่ำแปลว่านางร้องไห้มา เสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อย เหวินเปียวไอ้สุนัขรับใช้ตาแก่เว่ยกล้าทำร้ายคนของข้าหรือ จางจื่อเหยียนยืนเท้าเอวจ้องหน้าเหวินเปียวก่อนจะย้อนคำพูดของเขาเมื่อสี่ปีก่อนวันที่ไปรับร่างเดิมมาจากจวน"เหอะ...กลืนน้ำลายตัวเองทั้งนายทั้งบ่าว ข้าจำได้ตอนที่ไปรับเอาพวกข้ามาทิ้งจวนร้างนอกเมืองเจ้าบอกข้าว่าอย่าหวังสูงต่อเจ้านายของเจ้ามิใช่หรือ แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันองครักษ์เหวินผู้สูงส่ง เจ้ามาวอแวพี่สาวข้าทำไม มีใช่ว่าพวกข้ามันต่ำต้อยไม่อาจเทียบเทียมหงส์ฟ้าเช่นพวกเจ้าหรอกหรือ แล้วอย่างไรเล่านึกอย่างไรกันคุณชายเหวินผู้สูงส่งถึงใฝ่ต่ำลดตัวลงมาหาพวกข้าพี่น้องได้"เหวินเปียวกลืนน้ำลายทันที เขาเคยพูดเช่นนั้นจริงๆ ตอนนี้นางโกรธแล้วถึงจะเป็นนับถือพี่น้องไม่มีสถานะนายบ่าวแต่ไม่ว่าอย่างไรเดิมจางเย่วเล่อก
เหวินชางกล่าวจบก็เดินออกมาจากตรงนั้น พอดีเจอกับเย่วหลีที่ไปเอาหญ้าให้วัวเพราะพรุ่งนี้ต้องอาศัยพวกมันชักลากท่อนไม้ที่จะนำมาเผาถ่าน เหวินชางถอนหายใจก่อนจะทักทายนาง"อาเย่ว....เจอกันสักทีเจ้าสบายดีหรือไม่""อืม"สีหน้าไม่ยอนดียินร้ายแค่อย่างใด เหวินชางยิ้มหม่นหมองก่อนจะเอ่ยถาม"เจ้ารังเกียจข้าหรือ...อาเย่วคือว่าข้า...""ท่านลุง....ข้าชื่อเย่วหลี ....จางเย่วหลี...อีกอย่างข้าไม่ได้รังเกียจท่านข้าแค่รู้สึกว่าพวกท่านน่ารำคาญนิดหน่อย"เหวินชางสำลักน้ำลายทันที ท่านลุงเชียวหรือเขาแก่กว่าท่านอ๋องเพียงแค่สามปีเองนะ เด็กน้อยคนนี้ช่างน่าตีนัก"เจ้าเรียกข้าท่านอาหรือท่านน้าจะดีกว่าไหมเด็กน้อย เจ้าเรียกข้าท่านลุง ฟังดูแล้วเหมือนข้าเป็นตาแก่ผมขาว""ท่านอายุสี่สิบสองแล้ว หากบิดาข้ายังอยู่เขาก็อายุเท่าท่านอ๋องเป็นน้องท่านสามปี เรียกท่านว่าท่านลุงไม่มีสิ่งใดเกินไปหรอก ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะเดี๋ยวพี่รองเรียกหา ใกล้ได้เวลามื้อค่ำแล้ว"จางเย่วหลีเดินไปทางเรือนหลัก เหวินชางหงุดหงิดนัก ให้ตายสิมิใช่ว่าเขาไม่เคยถูกเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับนางเรียกว่าท่านลุงมาก่อน แต่เหตุใดพอออกจากปากนางเขารู้สึกเจ็บจี๊ดไม่น้อย
ส่วนจางจื่อเหยียนแค่อาศัยความหน้าด้านและฐานะของตาเฒ่านี่เป็นไม้กันหมาให้นาง นางรู้ดีว่าจ้าวเฉิงคิดอย่างไรกับนาง บางครั้งเขาก็ล้ำเส้นเกินไป แต่ว่าเหลาสุราของเขาทำเงินให้นางไม่น้อยนางจึงไม่อยากแตกหัก ไว้วันไหนหมดประโยชน์ค่อยกระทืบสั่งสอนก็ยังไม่สาย จางจื่อเหยียนเอ่ยแนะนำคนข้างกับพี่น้องสกุลจ้าว"คุณชายใหญ่ คุณชายรองนี่คือบิดาของจื่อห่าวเจ้าค่ะ"ทั้งสองพี่น้องได้แต่อ้าปากค้าง บิดาของบุตรชายนาง งั้นเขาก็คือสามีของนางน่ะสิ เขาทั้งรูปงามดูดีมีราศี,ราสียิ่งนัก เพียงแค่อาภรณ์ที่เขาสวมใส่พับหนึ่งก็สองพันตำลึงแล้ว หยกพกชิ้นนั้นราคาเกือบสองล้านตำลึง แม้ว่าจ้าวเฉิงรู้สึกสู้ยากนิดๆ แต่เขาไม่ยอมแพ้แน่นอน สามปีที่รู้จักนางๆไม่เคยเอ่ยถึงสามีสักคำ อยู่ๆก็มีสามีโผล่มาแปลว่าสถานการณ์ของทั้งคู่ไม่ได้หวานชื่นนัก ดูแล้วเขายังมีหวัง จ้าวเฉิงจึงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ"เอ่อ...เถ้าแก่จางคนผู้นี้คือสามีท่านจริงๆหรือ ข้ารู้จักท่านมาสามปีแล้วเหตุใดมิเคยได้ยินท่านกล่าวถึงสักครั้ง"จางจื่อเหยียนเริ่มรำคาญจ้าวเฉิงแล้วกับความล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวของนางทุกครั้ง นางถอนหายใจกำลังจะเอ่ยแต่เว่ยเซียวหยางเอ่ยขึ้นเสียก่อน
จางจื่อเหยียนมองหน้าเว่ยเซียวหยางก่อนจะถอนหายใจ คนหน้ามึนนี่แสดงเก่งนัก ตาแก่เว่ยข้ายังมีเรื่องตกลงกับท่านอยู่นะ ทางด้านจ้าวเฉิงที่กำลังจะขึ้นรถม้าที่เพิ่งมาถึงก็ชะงักทันที ท่านอ๋องเช่นนั้นหรือ จ้าวเฉิงหยุดเท้าก่อนจะหันมาเอ่ยถามเว่ยเซียวหยางที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน"พี่ชายท่านนี้มิทราบว่าผู้แซ่จ้าวคนนี้ขอทราบนามท่านได้หรือไม่ เผื่อภายภาคหน้ามีโอกาสได้พบกันจะได้ทักทาย""อ่อๆๆ...ข้าแซ่เว่ยนามว่า เว่ย..เซียว..หยาง..คุณชายจ้าวกลับดีๆไม่ส่งล่ะ เมียจ๋าเข้าบ้านกันได้เวลามื้อค่ำแล้ว""ว้าย" เว่ยเซียวหยาวช้อนอุ้มจางจื่อเหยียนโดยที่ไม่สนใจสายตาของพี่น้องสกุลจ้าวหรือท่าย่าหลี่ที่ยืนอ้าปากค้างแต่อย่างใด เขาพาเมียเข้าบ้านหน้าตาเฉย จ้าวเฉิงกำลังยืนคิด แต่น้องชายกลับเอ่ยออกมาก่อน"เว่ยเซียวหยางเช่นนั้นหรือ เขาคือท่านอ๋องปีศาจแห่งเป่ยฉี เป็นเขาจริงๆมิน่าหยกพกนั้นถึงได้ดูมีราคายิ่งนัก พี่ใหญ่ท่านอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเถ้าแก่จางอีกเลย ท่านอ๋องรับสั่งเมื่อสักครูหากใครวุ่นวายกับพระนางให้จับไปโยนทิ้งที่คุกร้างสกุลเว่ยให้หมด"จ้าวเฉิงหดคอทันที ว่ากันว่าชินอ๋องรังเกียจสตรีมิใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพระชายาอีกทั้ง
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก
ใบไม้ผลัดเปลี่ยนฤดูกาลหมุนเวียน บัดนี้รัชทายาทมีอายุยี่สิบเอ็ดชันษาแล้ว ฮ่องเต้มักให้พระองค์ทรงว่าราชการแทนในบางครั้งเพื่อฝึกปรือเขา เช่นเรื่องเกี่ยวกับการออกข้อสอบเพื่อหาขุนนางน้ำดีในอนาคต วันนี้รัชทายาทอยู่ที่จวนหลี่เพื่อหารือกับหลี่ผิงอันเว่ยจื่อห่าวเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาหลวง หูเกอเป็นรองผู้พิพากษาศาลปกครอง ทั้งสี่คนนับว่าเป็นสหายร่วมเรียนด้วยกันมา ท่านย่าหลี่ยังแข็งแรงดี หลี่ผิงอันจากรองผู้ตรวจการตอนนี้เขากลายเป็นผู้ตรวจการในวัยเพียงสามสิบห้าปีเท่านั้นด้วยความเถรตรงและเป็นขุนนางที่ซื่อตรงบรรดาขุนนางด้วยกันยังไม่กล้ามีเรื่องกับเขา ท่านย่าทำขนมเพื่อมาเลี้ยงบรรดาคนที่มาหารืองาน เว่ยเซียวหยางปล่อยให้บุตรชายได้เติบโตจัดการเรื่องราวต่างๆเอง"ท่านน้าขอรับ ได้ข่าวว่าพักนี้ลูกศิษย์สำนักศึกษามักจะพากันหนีเรียนอยู่เรื่อยๆ"จางจื่อห่าวเอ่ยแก่หลี่ผิงอัน เขาถอนหายใจเรื่องนี้ทางสำนักศึกษาแจ้งแก่หน่วยเขามาหลายครั้งแล้ว เว่ยจื่อห่าวแม้ว่าจะเข้มงวดแต่อีกสถานะหนึ่งเขาคือรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ จะมาสอนสัปดาห์ละสามวันเท่านั้น รอจนกว่าสำนักศึกษาจะได้อาจารย์มาเพิ่ม ซึ่งท่านมหาราชครูกำลังเฟ้นหาบัณฑิต
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนจางจื่อเหยียนให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้องออกมา นางขอร้องให้หมอหลวงฝังเข็มคุมกำเนิดให้นาง เพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้วลูกดกเกินไปแล้ว เว่ยเซียวหยางเดินเข้ามาในห้องอยู่เดือนก่อนจะนั่งลงข้างๆบนเตียง เห็นเมียนอนหลับอยู่ก็ห่มผ้าให้นางแล้วจุมพิตหน้าผากเปียกชื้นเบาๆ"เด็กดีของพี่ขอบคุณเจ้ามากที่ให้กำเนิดของขวัญล้ำค่าทั้งเจ็ดคนให้พี่""อืม.."จางจื่อเหยียนรู้สึกตัวจึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้สามี"ท่านอ๋อง...ทรงกลับมาจากเข้าเฝ้าแล้วหรือเพคะ เหนื่อยหรือไม่""ไม่หรอก วันนี้เป็นเช่นไรบ้างอีกเจ็ดวันก็ออกเดือนแล้วอยากไปเที่ยวไหนหรือไม่""ไม่เพคะ อีกสองเดือนต้องไปอี้โจวแล้วทรงเตรียมตัวหรือยังเพคะ""เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหยียนของพี่เจ้าไม่ได้ไปอี้โจวมาสามปีแล้ว อยากไปหมู่บ้านปิงเหอหรือไม่ พี่จะพาไป""เพคะ ลำบากพระองค์แล้ว""เว่ยเซียวหยางไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์เขาทอดกายลงข้างๆนางกอดนางแล้วลูบหลังให้ จางจื่อเหยียนหลับไปเพราะความเพลียกระทั่งถึงมื้อค่ำบ่าวจึงมาตามท่านอ๋องและนำโจ๊กมาให้พระชายา เว่ยเซียวหยางออกไปรับโจ๊กมาเอง ก่อนจะนั่งป้อนภรรยาตนเองจางจื่อเหยียนก็ยอมให้เขาป้อนแต่โดยดีเด็กๆดีใจที่จ
สิบสองปีผ่านไปเว่ยเซียวหยางในวัยห้าสิบเอ็ดปีจางจื่อเหยียนในวัยยี่สิบแปดปีที่นับวันยิ่งงามมากนักเว่ยซูหนีว์กับเว่ยซูถิงตอนนี้เจ็ดขวบแล้ว เว่ยลู่เสียนห้าขวบเว่ยซิงอีกับเว่ยซีฮวนสามขวบ และจางจื่อเหยียนกำลังท้องคนที่เจ็ดอยู่ ซึ่งก็ใกล้คลอดแล้วเช่นกัน เว่ยเซียวหยางไม่ผิดคำพูดเขารับขวัญลูกคนละสองล้านตำลึงทองเท่ากับสิบล้านตำเงินซึ่งมากกว่าที่เคยบอกไว้ ตอนนี้พระชายาถือว่าเป็นภรรยาขุนนางที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น ยังไม่รวมเงินทองที่นางทำการค้าอีกนับไม่ถ้วนจางเย่วหลีเองก็อายุยี่สิบห้าปีนางกับเหวินชางในวัยห้าสิบสามปีมีบุตรสาวสองคนบุตรชายสองคน นางเปิดเหลาสุราอย่างที่ตั้งใจ ทางด้านสกุลจ้าวมาทำการค้าที่เมืองหลวงเป็นคู่ค้ากับนาง เดือนหนึ่งจางเย่วหลีมีรายได้กว่าเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนตำลึง เหวินชางที่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้ากรมไม่อยากให้เมียทำงานมากนัก แต่นางหรือจะฟังยิ่งนานวันจากสตรีอ่อนหวานที่ขี้อายตั้งแต่คุมเหลาสุรานางก็แกร่งขึ้น ใครมาอาละวาดนางก็ตีกลับจนหมดส่วนจางเย่วเล่อนั้นไม่ต้องกังวลใดๆเดิมก็ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว นางแกกว่าจางจื่อเหยียนหนึ่งปีวัยยี่สิบเก้าสามีเหวินเปียวอายุปีนี้ก็ห้าสิบพอดี สามคนพี