ซ่งจื่อเหยียนกับสาวใช้ทั้งสองคนใช้ชีวิตในจวนกันอย่างอัตคัดไม่น้อย ไม่เคยมีเงินทองมามอบให้ บ้านเดิมยิ่งแล้วใหญ่ มีครั้งหนึ่งที่ซ่งซยาอวิ๋นกับมารดาเลี้ยงของนางมาหาเพื่อเยาะเย้ยถึงที่ แต่ทั้งสามคนนายบ่าวก็ยังทำใจไม่ตอบโต้ พวกนางจะทำอันใดได้ในเมื่อเจ้าของจวนยังทอดทิ้งพวกนางไม่ไยดี
ป้าหูกับสามีเป็นครอบครัวเดียวที่อยู่บริเวณนี้ พวกเขาสงสารสามคนจึงมักมอบอาหารให้บ่อยๆ ซ่งจื่อเหยียนขายหยกได้มาก็มอบไว้ให้สองสามีภรรยาสิบตำลึงเพื่อเป็นค่าอาหารของพวกนาง หากวันใดพวกเขาเข้าเมืองก็จะมาถามว่าต้องการสิ่งใด ในที่สุดวันที่ถึงกำหนดคลอดก็มาถึงซ่งจื่อเหยียนเจ็บท้องมานานกว่าสามชั่วยามแล้ว
"อ๊าย..เจ็บจังเลย เมื่อไหร่จะคลอดสักที ฮือๆๆเด็กดีอย่าทรมานแม่นักเลย"
"คุณหนูเจ้าคะ ป้าหูกำลังมา อดทนหน่อยนะเจ้าคะ"
"ฮือๆๆ พี่เย่วเล่อ ข้าเจ็บอ๊ายย โอย เจ็บเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว"
เสียงร้องไห้อย่างทรมานของซ่งจื่อเหยียนทำเอาจางเย่วเล่อถึงกับปาดนน้ำตา นางเป็นสินเดิมของมารดาคุณหนู เลี้ยงและเล่นกันมาตั้งแต่คุณหนูอายุห้าขวบ บัดนี้นางสิบเจ็ดแล้ว แต่กับต้องมาเจอชะตากรรมเลวร้าย ซ่งจื่อเหยียนร้องไห้ไม่หยุด นางเจ็บมากเหลือเกิน ป้าหูมาถึงแล้วเย่วหลีกำลังไปต้มน้ำร้อน เสียงครวญครางด้านในยังคงดังออกมาอยู่เป็นระยะๆ
ซ่งจื่อเหยียนนึกถึงหน้ามารดาก่อนจะเรียกหานาง
"ฮือๆ ท่านแม่ช่วยเสี่ยวเหยียนด้วยเจ้าค่ะ เสี่ยวเหยียนไม่ไหวแล้ว ท่านแม่ได้โปรดมารับลูกที"
"อาซ้อซ่ง..ท่านเบ่งอีกทีนะ เบ่งอีกหน่อยเอ้า ฮึบบบบ"
"ฮึบบ อ๊ายยยยย" ซ่งจื่อเหยียนเบ่งจนสุดแรง ในที่สุดนางก็แน่นิ่งไป เย่วเล่อกับเย่วหลีทั้งสองคนเห็นคุณหนูตนเองสลบไปก็พยายามปลุก ซ่งจื่อเหยียนแน่นิ่งไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ร่างที่ถูกเขย่าไปมากลับลืมตาขึ้น ก่อนจะรู้สึกเจ็บที่กลางลำตัวตรงหว่างขา ให้ตายสิอะไรกันวะเนี่ย ฉันกำลังนั่งกินข้าวอยู่ดีๆแท้ๆ ใครจะรู้ว่าจะมีคนคลุ้มคลั่งไล่กวดยิงมาทางที่เจ๊นั่งอยู่ รู้สึกเจ็บๆมีอะไรอุ่นๆไหลออกมาตรงหน้าอก รู้ตัวอีกทีก็มาเจ็บตรงนั้นของผู้หญิงเนี่ยนะ มีเสียงคนร้องไห้อยู่ข้างๆอีกด้วย
"ฮือๆๆ คุณหนู ท่านฟื้นสิเจ้าคะ อย่าทิ้งบ่าวสองคนไปนะเจ้าคะ คุณหนู ฮือๆๆๆ"
หลี่จื่อเหยียนงง อะไรคือคุณหนู อะไรคือ โอ๊ยเจ็บท้อง นี่มันอาการคนจะคลอดลูกนี่หว่า โอ๊ยปวดหัว เดี๋ยวนะนี่อะไรอีกเนี่ย ทุกความทรงจำของซ่งจื่อเหยียนคนเก่าผ่านเข้ามาในหัวของหลี่จื่อเหยียนจนเธอปวดหัวจะระเบิด ข้างล่างก็กำลังปวดหน่วงข้างบนก็กำลังจะไม่ไหว จนเธอร้องออกมา ทำให้สามคนที่กำลังเขย่าตัวเธอต้องตกใจ
"โอ๊ยย แม่งอะไรนักหาวะ อื้อ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยอย่าให้แม่เจอนะจะเตะให้คว่ำเลย อ๊ายยย โอ๊ยเจ็บๆๆๆ ตาหนูยายหนูออกมาสักทีสิโว้ยย"
"คุณหนูท่านฟื้นแล้ว ฮือๆๆ"
"นี่ๆๆอาซ้อเจ้าเบ่งอีกหน่อย หัวเด็กโผล่มาแล้ว" คนที่ชื่อป้าหูเอ่ยกับนาง เย่วเล่อตัดพ้อรำพันถึงผู้ชายเฮงซวยที่ทำให้ร่างเดิมเป็นเช่นนี้ไม่หยุด
"คุณหนูเบ่งอีกนิดเจ้าค่ะ ฮือๆ ที่นี่อยู่ไกลนักไม่มีหมอตำแยสักคน"
"เอาน่าแม่นางเย่วเล่อ ข้าไม่เคยทำคลอดแต่ข้าก็เคยคลอดลูกแหละน่า นี่ๆ อาซ้อซ่งเจ้าเบ่งอีกหน่อย แล้วอย่าสลบไปแบบเมื่อกี้เล่า อดทนหน่อย"
"อ๊ายย โอ๊ยเจ็บโอ๊ยเวรกรรมฉิบหายยังไม่ทันมีผัว ไม่ทันได้รู้รสชาติการป๊าบๆ กับผู้ชายเลย ก็ต้องมาเบ่งลูก อื้อเจ็บ อ๊ะ อ๊ายยย"
"คุณหนู ท่านเบ่งอีกนิด น้ำร้อนเตรียมแล้ว เย่วหลีกำลังไปเอาเจ้าค่ะ เหตุใดท่านอ๋องพระทัยร้ายนักฮือๆๆ"
"พอแล้ว ไอ้อ๋องสุนัขนั่นสมควรไปตายซะ อ๊าย ข้าเจ็บๆจะตายเจ้าจะมารำพึงรำพันอะไรพี่เย่วเล่อ ออกแล้วข้าคลอดแล้ว อ๊ะ อ๊ายยย"
หลี่จื่อเหยียนคลอดบุตรชายของร่างเดิมออกมาหนึ่งคน จากนั้นนางก็เพลียจนหลับไป หลี่จื่อเหยียนตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว เจ้าตัวน้อยดูดปากจั๊บๆๆไม่หยุด คงหิวนมแต่กลับอดทนนักไม่ร้องออกมา ใบหน้าเหมือนไอ้บ้านั่นไม่ผิดเลย ร่างเดิมนี่จำใบหน้าไอ้คนเฮงซวยนั่นแม่นยำนัก
หลี่จื่อเหยียนยอมรับแล้วว่าเธอมาอยู่ในร่างของสตรีแซ่ซ่ง และตอนนี้วิญญาณของนางก็ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มเจ้าตัวน้อย แต่เธอมองไม่เห็น
"อยู่กับท่านแม่คนนี้เป็นเด็กดีนะลูกแม่ หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้อยู่ด้วยกัน แม่ไปก่อนนะเด็กดี"
วิญญาณของเธอค่อยๆสลายหายไป หลี่จื่อเหยียนอุ้มเจ้าก้อนแป้งขึ้นมาแนบออก ก่อนจะเอาเข้าเต้าเกิดมาไม่เคยมีลูกกับเขา อยู่ๆต้องมาเป็นแม่คน แถมยังคลอดลูกอีก แหม่ได้ประสบการณ์ชีวิตครบครันจริงๆ ขาดแต่ตอนทำลูกนี่แหละที่หายไป เฮ้อ
เย่วเล่อกับเย่วหลีผลัดกันมาดูคุณหนูของพวกนาง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ป้าหูก็จัดการหาสมุนไพรสำหรับสตรีคลอดบุตรมาให้ ซ่งจื่อเหยียนอยู่เดือนกว่านานสองเดือน และอีกไม่กี่วันก็จะออกเดือนแล้ว นางนึกถึงเรื่องที่ร่างเดิมโดนน้องสาววางแผนร้ายก็ให้โมโหแทน
"ดูเหมือนว่าไอ้อ๋องชั่วนี่จะมาจังหวะโบ๊บ๊ะพอดี คนที่เตรียมไว้ให้เป็นพ่อของลูกเจ้าของร่างเดิมคงไม่ใช่อ๋องปัญญาอ่อนนี่แน่ๆ ซ่งซยาอวิ๋นรอข้าก่อนเถอะนางตัวดี ซ๋งฮันเหลียงเจ้าอีกคนบิดาสารเลว พวกเจ้าล้างคอรอข้าได้เลย ข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องมาคุกเข่าให้ข้าแน่นอน"
หลี่จื่อเหยียนมาอยู่ที่นี่และใช้ชีวิตเป็นซ่งจื่อเหยียนมาแปดเดือนแล้ว ตั้งแต่ออกเดือนมาสิ่งแรกที่นางทำคือปรับปรุงจวนร้างให้น่าอยู่ นางปลูกผักขาย ฝากให้สามีป้าหูซื้อไก่มาเลี้ยง ขายไข่ไก่ทุกสัปดาห์นางสามารถขายไข่ไก่ได้สามร้อยฟอง ซ่งจื่อเหยียนซื้อรถม้าหนึ่งคันไม่ใหญ่มากนักเอาไว้ค้าขาย แต่นางไม่ได้ไปขายในเมืองหลวง ซ่งจื่อเหยียนขายผักที่ปลูกเอง ทุกๆสามวันนางจะออกจากจวนไปตลาดที่นอกเมืองหลวง นางเข้าเมืองหลวงเดือนละครั้งเพราะมีเรื่องต้องไปทำ ชุมชนนอกเขตเมืองแม้ตลาดไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ขายได้ วันนี้นางจะเข้าเมืองหลวงเพื่อการบางอย่าง
"พี่เย่วเล่อ..เย่วหลีเล่าวันนี้ข้าจะไปหาซื้อพันธุ์ผักมาเพิ่ม ที่ดินยังว่างอีกมากมาย ข้าจะปลูกเพิ่มอีกสักหลายๆอย่าง"
"คุณหนูเจ้าคะ วันนี้อาจจะฝนตกนะเจ้าคะ อย่าไปเลยท่านลุงหูจะเข้าเมืองหลวงฝากท่านลุงดีกว่าไหมเจ้าคะ"
"ข้ามีอย่างอื่นต้องหาซื้อด้วย ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่มีใครจับได้หรอกข้ามีวิธีหลีกเลี่ยงน่ะ พี่ดูอาห่าวให้ดีแล้วกันเดี๋ยวข้ามา"
ซ่งจื่อเหยียนขนผักกับไข่ใส่รถม้าเพื่อนำไปส่งร้านที่นางได้ตกลงทำการค้าเอาไว้ โชคดีว่าร้านที่นางต้องไปส่งห่างไกลจากเขตเมือง รถม้าเคลื่อนออกไปแล้ว ซ่งจื่อห่าวอิ่มแล้วก็นอนหลับ ซ่งจื่อเหยียนแต่งตัวเป็นนายพราน
ไม่นานรถม้าก็มาถึงประตูเมือง นางจ่ายค่าเข้าห้าอีแปะ คนขับรถม้าคุ้นเคยกับนางพอควรจึงไม่ตรวจมาก รถม้าผ่านไปด้านในกำลังจะถึงร้านที่ต้องส่งของ กลับถูกหยุดไว้กลางทาง มีทหารมาตรวจค้น
"เจ้ามาค้าขายในเมืองหลวงนานเท่าไหร่แล้ว"
"เอ่อ..ข้ามาทุกๆเจ็ดวันขอรับ ข้าเอาไข่และผักมาส่งอย่างเดียว ท่านเจ้าหน้าที่มีเรื่องอันใดหรือขอรับ"
"อ้อ..ข้าไม่มีเรื่องอันใดหรอก แค่ช่วงนี้มีคนของแคว้นอื่นอพยพมากนัก ข้าต้องคอยตรวจตราน่ะ ผ่านๆ จริงสิผักของเจ้าสดใหม่ดีขายอย่างไรกัน"
"เอ่อ..ต้องเรียนท่านตามตรง ผักนี่ต้องไปส่งที่เหลาอาหารขอรับ แม้ว่าอยากขายให้ท่านแต่ว่าอาจจะเสียคำพูดได้ เป็นพ่อค้าสัจจะสำคัญมากนัก"
"อ้อ..เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ เป็นบุรุษแต่กลับบอบบางเหลือเกิน หาเงินเยอะเล่าจะได้แต่งเมียกับเขาได้ ฮ๋าๆๆๆ"
ทหารที่มาตรวจรถม้าต่างก็หยอกล้อหัวเราะกับนาง ซ่งจื่อเหยียนเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
เสียงเกือกม้ากระทบกันมาแต่ไกลๆ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมานาง ซ่งจื่อเหยียนบังคับม้าเข้าข้างทาง นางต้องหลบให้เขาไปก่อน ดูท่าทางทหารเหล่านั้นเกรงใจพวกที่มาใหม่มากนัก ซ่งจื่อเหยียนนั่งก้มหน้า นางไม่อยากให้ผิดสังเกต แต่กลับไม่พ้นสายตาดุจเหยี่ยวของคนบนหลังม้าไปได้ เขากระตุกบังเหียนมาทางนางก่อนจะเอ่ย"เจ้าเป็นคนที่ไหน มาในเมืองแต่เช้าเช่นนี้"ซ่งจื่อเหยียนเงยหน้าขึ้นก่อนจะนึกออก นี่มันไอ้อ๋องสุนัขเว่ยเซียวหยางนี่นา คนที่ทำให้ร่างเดิมตั้งครรภ์และคลอดลูกจนตาย หืมไอ้สารเลวนี่ อยากข่วนหน้านักเชียว ก่อนจะเอ่ยเบาๆ"ข้าน้อยมาส่งผักขอรับ ท่านพ่อป่วยจึงจะรีบมาส่งและรีบซื้อยากลับไป มิทราบว่าใต้เท้ามีเรื่องอันใดสงสัยในตัวข้าน้อยหรือไม่ขอรับ"เว่ยเซียวหยางพยักหน้า คนของเขาไปตรวจดูรถม้าค้นจนข้าวของกระจาย แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ ซ่งจื่อเหยียนจึงเอ่ยถามเขาที่กำลังจะไป"ใต้เท้าท่านนี้ คนของท่านรื้อข้าวของๆข้าน้อยจนเละเทะ นี่เป็นเงินที่จะไปซื้อยามาต่อลมหายใจบิดาข้าน้อย พวกท่านจะไม่รับผิดชอบหรือขอรับ แม้จะแค่สิบตำลึงแต่ก็เป็นชีวิตคนนะขอรับ"เว่ยเซียวหยางหันกลับมาสบตากับบุรุษที่เมื่อสักครู่ยังเอาแต่ก้มหน้าอยู่เลย
ซ่งจื่อเหยียนที่นอนกอดบุตรชายอยู่แต่นางยังไม่หลับ อยากรู้จังว่าถ้าไอ้บ้านั่นรู้ว่าหยกหายไปจะทำเช่นไร นางไม่สนใจหรอกหลานชายเปิดบ่อน มีคนเอาหยกของท่านอามาจำนำที่อ เรื่องนี้คงบันเทิงซ่งจื่อเหยียนวางแผนจะออกจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่เดือน ตอนนี้บุตรชายได้หกเดือนแล้ว อีกสักสองเดือนค่อยหาทางไปนางเคยแอบไปดูลาดเลาเอาไว้ ตอนที่นางไปที่กรมที่ดินก็ได้ดูแผนที่และแผนผังของเมืองต่างๆ ด้วย เมืองจ้านกั๋วเหมาะที่สุดสำหรังลงหลักปักฐาน อยู่ไกลจากเมืองหลวงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ เดินทางด้วยรถม้าไปจนถึงท่าเรือเมืองป๋าย นั่งเรือต่ออีกสิบวันก็ถึงที่สำคัญที่ดินยังไม่ค่อยมีคนจับจอง หากบอกว่ากันดารก็อาจจะจริง ไปถึงค่อยวางแผน เงินสองแสนตำลึงน่าจะพอให้ใช้จ่ายจนตาย แต่ว่านางยังอยากมีเงินมากกว่านี้อีกซ่งจื่อเหยียนนอนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา เธออายุยี่สิบสามก็เข้าฝึกทางการทหาร ได้อยู่หน่อยข่าวกรองห้าปี อยู่น้องชายก้ได้ไปเป็นCEOต้องไปดูแลงานที่ต่างประเทศ หลี่จื่อเหมาไปอยู่อังกฤษกับภรรยา หลานๆ อายุเพิ่งจะสี่ขวบกับห้าขวบ ทำให้เธอต้องลาออกจากหน่วยงานแล้วมาเลี้ยงหลานหลี่จื่อเหยียนจึงได้สมัครเป็นครูพละที่โรงเรียนประถมที่หลานๆ เร
ทางด้านเว่ยเซียวหยางที่กำลังรอองครักษ์สองพี่น้องมารายงานเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังวางแผนงาน มีผู้อพยพหนีน้ำท่วมเดินทางเข้ามาเมืองหลวงมากขึ้น เขาหารือกับฮ่องเต้และบรรดาขุนนางแล้วว่าจะ จัดหาสถานที่ให้พวกเขาพำนักชั่วคราว อีกอย่างต้องสร้างที่พักให้กับบรรดาหมอและขุนนางที่ไปดูแลอีกด้วยเหวินเปียวและเหวินชางขี่ม้ามาถึงก็ให้คนดูแลรับเอาไป จากนั้นทั้งคู่ก็ไปเขาเฝ้าชินอ๋อง ใบหน้าของน้องชายบวมใช่น้อย แม่หนูเย่วเล่อนี่มือหนักจริงๆ เหวินเปียวก็เหลือเกิน ตัวเองอายุสามสิบแล้วยังไปหาเรื่องเด็กน้อยอีก นางอายุสิบแปดสิบเก้าเองกระมัง ให้เด็กสั่งสอนได้ข้าล่ะเชื่อเจ้าเลย ทั้งคู่มาหยุดที่หน้าห้องหนังสือก่อนจะรายงาน“ท่านอ๋องกระหม่อมองครักษ์เหวินชางกับองครักษ์เหวินเปียวกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงตอบกลับจากผู้เป็นนายดังมาจากด้านใน องค์รักษ์สองพี่น้องจึงเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นท่านอ๋องของพวกเขากำลังดูแผนที่รอบเมืองหวงอยู่เหวินชาวคำนับก่อนจะเอ่ยรายงาน“ทูลท่านอ๋อง....พวกเรากลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งถามหาเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ปรากฏว่าท่านลุงแซ่หูคนนั้นบอกว่า เด็กหนุ่มมักจะมากับบิดาเพื่อมาซื้อยา สองพ่อ
จวนนอกเมืองซ่งจื่อเหยียนที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว วันนี้นางเก็บผักกับไข่ส่งเหลาอาหารตามเดิม เย็นนี้จะมีรถม้าของทางเหลาต่างๆ มารับเอง นางไม่อยากเสี่ยวเข้าเมืองหลวงอีก จังหวะเจอไอ้อ๋องสุนัขนั้นอีกจะรอดยาก ดูท่าฉลาดไม่น้อย เย่วเล่อเดินมาหานางก็ยามซื่อแล้วเพื่อเรียกไปกินข้าว“คุณหนู..ไปทานมื้อเช้าได้แล้วเจ้าค่ะ บ่าวกำลังจะพาคุณชายไปบ้านป้าหู คุณหนูบอกว่ะขึ้นเขามิใช่หรือเจ้าคะ”“อืม....พี่เย่วเล่อเราสามคนไม่มีนายบ่าวหรอก ต่อไปใช้ชีวิตกันเช่นพี่น้องทั่วๆ ไปเถอะ ว่าแต่เย่วหลีล่ะ”“เมื่อวานได้รวงข้าวมาเยอะ นางก็เลยไปเก็บอีก นันไงมาแล้วแบกหลังแอ่นมาเชียว”“รถม้าคันเก่าข้าขายไปแล้ว อีพักหนึ่งรถม้าคันใหม่จะมาส่งน่ะ เห้นท่านลุงหุบอกว่าเมื่อวานมีคนมาถามหาข้า ดีที่บุตรชายของเขาเอารถม้าไปในเมือง มิฉะนั้นหากคนสองคนนั้นจำได้ถูกเปิดโปง”เย่วหลีเดินเข้ามา เหงื่อซึมใบหน้าน้อยๆ ซ่งจื่อเหยียนใช้แขนเสื้อตนเอเงซับเหงื่อให้นางอย่างเบามือ ก่อนจะใช้มือเรียวสวยจับปอยผมทัดหูให้เด็กน้อยตรงหน้า เย่วหลียิ้มให้นางทั้งสามคนนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันหลังจากที่อิ่มแล้ว ซ่งจื่อเหยียนก็ให้นมบุตรชายจนอิ่ม เมื่อเจ้าตัวน้อยหลับ
ด้านหลังของเขาตามมาด้วยบุรุษอีกหลายคน บุรุษคนหนึ่งสวมอาภร์สีม่วง เป็นผ้าไหมชั้นดีศีรษะสวมกว๊านหยกสีขาวเนื้อดีแกะลวดลายกิเลน หยกห้อยเอวคือชิ้นที่นางขโมยมันไปจำนำเมื่อวันก่อน เขาคือเว่ยเซียวหยางคนสารเลวที่ทำลายร่างเดิม ซ่งจื่อเหยียนเดินไปหาเย่วหลีก่อนจะยกเท้าถีบไปที่ยอดอกเหวินเปียวทันที จนเขาเซไปหลายก้าวเว่ยเซียวหยางตาลุกทันทีที่คนของตนถูกทำร้าย เขาเดินเข้ามาหานางจับคางบบีบอย่างแรง แต่ซ่งจื่อเหยียนไม่หวาดกลัวนางสบสายตาอย่างไม่ยอมแพ้ เว่ยเซียวหยางเอ่ยเสียงเข้ม“กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของข้า ซ่งจื่อเหยียน” ”แล้วเจ้าเล่า เว่ยเซียวหยาง เลี้ยงสุนัขเช่นไรปล่อยกันคนไปทั่ว หรือว่าเจ้าเองก็ไม่ต่างจากสุนัขของตน”“ซ่งจื่อเหยีน..กล้าเรียกชื่ออ๋องเช่นข้าตรงๆ ใครให้ความกล้าเจ้ากัน”“ต้องมีใครให้ความกล้าข้าด้วยหรือ คนเช่นท่านมีอันใดให้น่าเคารพหรือ ก็แค่ตำแหน่งติดตัวมาตอนเกิด อยากฆ่าข้าก็ควรลงมือเลย ทางที่ดีอย่าให้ข้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน”เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางไปข้างๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้กลางห้อง เขามองเห็นตะกร้าใบใหญ่ มีมีดเล่มใหญ่ใส่เอาไว้ นางแต่ตัวผิดไปมิได้ใส่ชุดสวยงามเช่นคืนนั้นที่เขาเจอ นางแต่งก
แคว้นเป่ยฉีงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงหก ผู้คนมาร่วมงานกันมากมาย ทั้งขุนนางและคุณหนูรวมถึงฮูหยินจากหลายๆจวน ซ่งจื่อเหยียนที่เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนรองเจ้ากรมโยธา วันนี้นางถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวพามาด้วย เดิมทีซ่งจื่อเหยียนไม่ได้สาวเท้าออกจากเรือน เพราะฮูหยินรองหลิวซื่อเหมยและน้องสาวของนางซ่งซย่าอวิ๋นกดขี่นางเอาไว้ในเรือน มารดาจากไปแล้วบิดาก็ไร้ใจซ่งจื่อเหยียนที่ไม่มีคนรู้จักเท่าไหร่และไม่มีใครคุยด้วยได้แต่นั่งรออยู่ที่ศาลาริมน้ำ ซ่งซยาอวิ๋นเห็นพี่สาวต่างแม่นั่งอยู่ก็เดินมาหาก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวาน“พี่ใหญ่ ท่านมานั่งทำอันใดตรงนี้กันเจ้าคะ ท่านแม่บอกว่าให้ท่านไปรอที่ห้องรับรองด้านข้างก่อน ตอนนี้ท่านหญิงเสด็จมาแล้ว ท่านแม่เกรงว่าท่านที่ไม่เคยได้ออกงานจะทำเรื่องให้ตนเองขายหน้าได้”“น้องรอง..พี่อยากกลับจวนแล้ว งานนี้ความจริงไม่มีพี่ก็ได้ บอกแม่รองว่าพี่ขอกลับก่อนได้หรือไม่”“พี่รองกล่าวอันใดเช่นนั้นกัน มาด้วยกันจะกลับก่อนได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านไปพักเถอะ”ซ่งจื่อเหยียนไม่รู้ว่าน้องสาวกับแม่เลี้ยงวางแผนร้ายใส่ตนเองจึงเดินตามสาวใช้ไป ซ่งซยาอวิ๋นยิ้มร้ายตามแผ่นหลังที่เดินจากไป นางเตรียมคนขับรถ
เมื่อทุกคนออกไปแล้วเว่ยเซียวหยางก็ลุกขึ้นก่อนจะคว้าลำคอระหงของซ่งจื่อเหยียนที่หลับอยู่เพราะความเพลียขึ้นมา นางตื่นทันทีหายใจไม่ออกก่อนจะดิ้นรน“ปะ ปล่อย แค่กๆๆข้า”“ใครใช้เจ้ามา บอกมาเผื่อข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หรือว่าเจ้าจะได้ตายไม่ทรมารมากนัก”“ไม่มี น้องสาวของข้านางๆให้คนพาข้ามาที่นี่ แค่กกๆๆๆๆๆ”ร่างบางดิ้นรนเริ่มตาเหลือกโพลง เว่ยเซียวหยางเหวี่ยงนางลงไปกลางห้องก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าชื่ออะไร”ซ่งจื่อเหยียนที่ตอนนี้หวาดกลัวบุรุษตรงหน้ายิ่งนักนางเอ่ยตะกุกตะกัก“ข้าแซ่ซ่ง ซ่งจื่อเหยียนเจ้าค่ะ คะ คุณชายเรื่องเมื่อคืนข้าไม่ อุ๊บ!!!!”ร่างบางถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับเตียงอีกรอบ เว่ยเซียวหยางสะบัดฝ่ามือใส่นางก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ“อย่าเอ่ยถึงเรื่องอัปยศที่เจ้าเป็นคนก่ออีก แซ่ซ่งหรือ เจ้าเป็นอะไรกับซ่งฮั่นเหลียง”“เขาเป็นบิดาของข้าเจ้าค่ะ”“เจ้ารู้ไหมข้าเป็นใคร”“มะ ไม่ ไม่รู้เจ้าค่ะ”“ใส่เสื้อผ้าซะ ซ่งฮั่นเหลียงเจ้าเลี้ยงบุตรสาวได้ดีจริงๆ”เว่ยเซียวหยางออกไปแล้ว ซ่งจื่อเหยียนใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา นางถูกเขาย่ำยีถาโถมจนกลางกายสาวมีแต่ความปวดหนึบ ยามที่ก้าวเดินนางเจ็บตรงกลางจนน้ำตาร่วงดึกมากแล้ว