บทที่ 3 ฝ่ามือหัตถ์เทวะ
หยางซีซียังคงมองฝ่ามือของตนเองด้วยความความดีใจ ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น นางค่อยๆ ยกมือขึ้นมาแนบแก้มเบาๆ เพื่อสัมผัสความรู้สึกนี้และให้แน่ใจว่าวิชาหัตถ์เทวะอันแสนวิเศษนั้นได้ตามนางมาสู่ยุคนี้ด้วยจริงๆ
ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงลมหนาวพัดกระหน่ำผ่านบ้านไม้หลังเก่า ผนังบ้านสั่นไหวและครางเบาๆ เมื่อรับแรงลม หยางซีซีเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังบ้านที่เก่าที่แทบจะบังแดดลมไม่ได้ สีหน้าของนางแสดงความเป็นห่วง ก่อนจะก้มหน้าลงมองเด็กน้อยทั้งสองอีกครั้ง
เด็กๆ กำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียงเตาและขยับเข้าหาร่างของเธอ แต่ทว่าความหนาวเย็นจากลมหนาวที่รุนแรงก็ทำให้พวกเขาเหมือนจะสู้ไม่ไหว ริมฝีปากของเด็กน้อยทั้งคู่เริ่มซีดและสั่นเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความหนาวเหน็บที่พวกเขาต้องทน หยางซีซีรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นภาพนั้น นางค่อยๆ ลูบใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน ราวกับกลัวว่าพวกเขาจะตื่นจากการหลับ
เมื่อเห็นว่าผิวหน้าของเด็กๆ เริ่มผ่อนคลายลง นางใช้ฝ่ามือที่ตอนนี้มีพลังของหัตถ์เทวะวิ่งวนอยู่ ลูบไปที่เสื้อผ้าของเด็กๆ อย่างเบามือ ทันใดนั้น เสื้อผ้าที่เคยเก่าและบางก็กลับกลายเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่หนาและอบอุ่นขึ้นนางไม่รอช้า ห่มผ้าผืนใหม่ที่อยู่ในมือทับให้เด็กๆ อีกชั้นหนึ่ง ผ้าห่มนั้นดูหนาและนุ่ม ราวกับสามารถกักเก็บความอบอุ่นจากไฟในเตาและจากพลังของหัตถ์เทวะได้อย่างสมบูรณ์ เด็กน้อยทั้งสองขยับตัวเล็กน้อย พยายามหาท่าที่สบายที่สุดก่อนจะหยุดนิ่งลงอีกครั้ง ราวกับว่าพวกเขารู้สึกอบอุ่นและสบายใจในท่าทางใหม่ที่ปรับแล้ว
หยางซีซีมองอาการของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อจัดการกับปัญหาเล็กๆ ตรงหน้าเสร็จ ตอนนี้หยางซีซีค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสำรวจห้องเล็กๆ รอบตัวอีกครั้ง ความรู้สึกหดหู่เข้าครอบงำจิตใจเมื่อเห็นข้าวของเครื่องใช้ที่เก่าและชำรุดทรุดโทรม นางรู้สึกถึงความยากลำบากของชีวิตครอบครัวนี้เป็นอย่างยิ่ง แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่างไม้เก่าลอดผ่านฝุ่นละอองที่ล่องลอยอยู่ในอากาศมากระทบใบหน้าของนาง ทำให้นางรู้สึกถึงความเหงาและโดดเดี่ยวห้องเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยนอกจากตู้เสื้อผ้าเก่าๆ และโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงเตา ที่ขาโยกเยก
หยางซีซีขมวดคิ้วเล็กน้อยความรู้สึกเจ็บปวดเกิดขึ้นใจนางอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่เคยคิดว่าชีวิตของตนจะต้องมาเผชิญกับความยากลำบากเช่นนี้ เมื่อก่อนนางคือฮองเฮาผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินมีทุกอย่างครบครัน พระราชวังที่งดงามอลังการ เครื่องประดับเพชรนิลจินดา เสื้อผ้าที่ปักด้วยดิ้นทองคำ อาหารการกินที่คัดสรรอย่างดีที่สุดมาให้นางทั้งนางกำนัล บ่าวทาสล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าตอนนี้...รอบตัวนางเต็มไปด้วยความทรุดโทรม บ้านหลังเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ และข้าวของเครื่องใช้ที่เก่าจนแทบจะใช้งานไม่ได้ นางรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในโลกที่แตกต่างออกไปราวกับนางกำลังฝันร้ายอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาในหัวของนางอย่างไม่ขาดสาย ภาพของพระราชวังที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส ใบหน้าของฮ่องเต้ที่เคยแสดงความรักใคร่ต่อนาง และเสียงดนตรีที่ไพเราะดังก้องไปทั่วพระราชวัง บรรดานางสนม นางกำนัล ญาติมิตรสหายมากมาย ทำให้หัวใจของนางเจ็บปวด นางจะปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่แบบนี้ได้อย่างไรกัน นางคิดเศร้าสร้อยอยู่พักหนึ่งก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เฮ้อ….สวรรค์ในเมื่อพวกท่านส่งข้ามาแล้วไยถึงได้ให้มาในสถานที่ที่ลำบากยากแค้นเช่นนี้เล่า ข้าทำสิ่งใดผิดหนักหนาหรือ?? ที่ผ่านมาข้านั้นเป็นหมอที่ช่วยชีวิตผู้คนมามายมาย พอมาอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาข้าก็ช่วยฮ่องเต้ดูแลราษฎร รักพวกเขาดุจบุตรหลาน ยามที่แคว้นมีภัยพิบัติใดๆ ล้วนเป็นข้าที่เข้าช่วยเหลือ แล้วเหตุในพวกท่านถึงได้ส่งข้ามาให้ลำบากเช่นนี้เล่า…นางคิดต่อว่าต่อขานสวรรค์อยู่ในใจ แต่ทว่าหากมองในแง่ที่ดีนั้นคือ อย่างน้อยสวรรค์ก็ให้โอกาสให้นางมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใด ตอนนี้นางก็มีชีวิตยังไม่ได้ตายตกไป..เช่นนั้นก็พยายามปรับตัวอยู่ให้ได้ก็แล้วกัน หยางซีซีคิดและปลอบใจตัวเองไปด้วย
นางพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงไม้เก่าๆ ร่างกายของนางยังคงรู้สึกอ่อนล้า แต่นางก็ไม่ยอมแพ้ นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อดูแลตัวเองดูแลชีวิตที่สวรรค์ให้มาและครอบครัวใหม่แห่งนี้ให้ได้ หญิงสาวคิดราวกับกำลังเรียกพลังบวกในตัวเองออกมา หยางซีซีคิดว่าตอนนี้นางจะใช้พลังหัตถุ์เทวะที่ตามนางมาเพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเองให้หายขาดเสียทีก่อน เมื่อร่างกายแข็งแรงถึงจะมีกำลังต่อสู้กับปัญหานางคิดจากนั้นก็ลงมือทันที
หยางซีซีสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้นมาตรงหน้า ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความพอใจ เมื่อเห็นแสงสีขาวนวลเริ่มเปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของตนเอง จากนั้นก็วางฝ่ามือบนหน้าผากของตัวเองทันที ฉับพลันนางรู้สึกถึงพลังงานที่ไหลเวียนจากฝ่ามือค่อยไหลลงสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ แสงสีขาวค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของนาง มันวิ่งวนไปทุกที่เหมือนกับจะเป็นการซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย และส่วนที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หยางซีซีรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ความเจ็บป่วยที่เคยรุมเร้าค่อยๆ จางหายไป นางรู้สึกแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกขณะ ราวกับได้รับพลังงานใหม่เข้ามาในร่างกาย เมื่อแสงสีขาวค่อยๆ ดับลง นางรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่ามากกว่าที่เคย ตอนนี้หลังจากที่นางได้รับพลังการเยียวยาจะฝ่ามือหัตถ์เทวะแล้ว ราวกับว่าร่างกายของตัวเองคล้ายจะสามารถเปล่งแสงออกมาอย่างไรอย่างนั้น หยางซีซีรู้สึกดีมากทีเดียว ตอนนี้นางมีฝ่ามือหัตถ์เทวะนางจะกลัวอะไรกับความลำบากยากแค้นกันเล่า…
เอาหล่ะ!!! ทีนี้ก็มาดูกันว่าสวรรค์เตรียมอะไรให้นางบ้าง หลังจากที่ส่งนางมาอยู่ในยุคที่ยากลำบากเช่นนี้….
****สิ่งที่สวรรค์เตรียมให้นางนั้นคือ ครอบครัวขนาดใหญ่คนเยอะอาหารน้อยขาดแคลนทุกสิ่งแต่ข้อดีคือมีสามีหล่อนะ..****
*** ต่อไปจะใช้คำแทนตัวน้องซีซี ว่าเธอนะคะ***
บทที่ 4 ตระกูลหยางเมื่อแสงสีขาวค่อยๆ ดับลง นางรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่ามากกว่าที่เคย ตอนนี้หลังจากที่นางได้รับพลังการเยียวยาจะหัตถ์เทวะแล้ว ราวกับว่าร่างกายของตัวเองคล้ายจะสามารถเปล่งแสงออกมาได้อย่างไรอย่างนั้น หยางซีซีรู้สึกดีมากทีเดียว ตอนนี้นางมีฝ่ามือหัตถ์เทวะนางจะกลัวอะไรกับความลำบากยากแค้นกันเล่า…เอาหล่ะ!!! ทีนี้ก็มาดูกันว่าสวรรค์เตรียมอะไรให้นางบ้าง หลังจากที่ส่งนางมาอยู่ในยุคที่ยากลำบากเช่นนี้….หยางซีซีลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าต่างบานเก่า เธอค่อยๆ เปิดมันออกทันทีที่หน้าต่างเปิดเสียงลมหนาวพัดหวือหวาจนหน้าต่างไม้สั่นสะท้าน เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีเทา หิมะสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมไปทั่วทุ่งนาจนกลายเป็นสีขาวโพลนราวกับผืนผ้าใบขนาดใหญ่ เกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาเบาๆ เหมือนกับขนนกที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า ลมหนาวพัดกระหน่ำเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับเกล็ดหิมะเล็กๆ ที่ปลิวว่อนไปมา เธอเบือนหน้าหนีลมหนาว แล้วมองออกไปยังทุ่งนาที่อยู่ด้านนอก บ้านเรือนของชาวบ้านส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐดินเผาหลังคาปูกระเบื้องสีเทา ดูเก่าแก่และทรุดโทรม ผนังบ้านหลายหลังเริ่มแตกร้าวเพราะสภาพอากาศที่
บทที่ 5 ครอบครัวนี้ยากจนเกินไปหยางซีซีค่อยๆ เปิดประตูห้องและเดินออกไปตามเสียง เสียงกุกกักกระทบกันของหม้อไหดังมาจากห้องครัว เธอเห็นหยางชิงหลิงพี่สะใภ้ใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า ในกระทะขนาดใหญ่กำลังมีควันลอยฟุ้งออกมา กลิ่นหอมของโจ๊กเจือปนกับกลิ่นผักดองลอยมาในอากาศ ทำให้หยางซีซีรู้สึกหิวขึ้นมาทันที อาจจะเป็นเพราะไม่ได้กินอาหารมาทั้งคืนทำให้ตอนนี้แม้ได้กลิ่นอาหารเธอก็รู้สึกน้ำลายสอแล้ว เมื่อหยางชิงหลินเห็นว่าคนที่เดินมาคือสะใภ้สามเธอเอ่ยทักเบาๆว่า“น้องสะใภ้สามอาการดีขึ้นแล้วหรือ หากว่ายังไม่สบายอยู่ก็ยังไม่ต้องออกมาช่วยพี่หรอกนะ เดียวสะใภ้รองจะออกมาช่วยพี่เอง”น้ำเสียงของพี่สะใภ้ใหญ่ฟังดูอบอุ่น และแฝงเอาไว้ด้วยความห่วงใยอย่างจริงใจ หยางซีซีรีบเดินเข้ามายืนข้างและมองไปที่ของที่วางอยู่บนโต๊ะที่พี่สะใภ้ใหญ่เตรียมเพื่อจะทำอาหารเช้า ขณะเดียวกันหยางชิงหลิงมองสำรวจร่างกายที่ผอมแห้งของหยางซีซี เธอพบว่าวันนี้ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าในตอนที่น้องสะใภ้สามเดินเข้ามาเธอเหมือนจะเห็นประกายออร่าออกมาจากร่างของน้องสะใภ้สาม ไหนจะท่าเดินที่ดูเหมือนจะสง่างามราวกับจะลอยมาเหมือนพวกองค์หญิงองค์ชา
บทที่ 6 มันจะต้องเป็นความลับของครอบครัวเราตลอดไป“สะใภ้สามเธอทำได้อย่างไร!!!!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปนั้นสั่นเทาด้วยความตกใจและตื่นตะลึงวันนี้คุณแม่หยางเม่ยตื่นขึ้นมาแต่เช้า เมื่อเดินมาใกล้ห้องครัวเธอได้ยินเสียงของลูกสะใภ้คุยกันที่ห้องครัวเรื่องการทำอาหาร เลยคิดจะออกไปเก็บไข่มาเพิ่มให้พวกเขาเสียหน่อยเพราะจากที่ได้ยินแว่วๆ รายการอาหารนั้นไม่มีเนื้อสัตว์หรือไข่เลย ไหนๆ วันนี้เธอก็เห็นว่าลูกสะใภ้สามนั้นลุกจากเตียงมาได้แล้ว เธอก็อยากจะให้ลูกสะใภ้สามได้กินของดีเสียหน่อย เพราะหลายวันที่ผ่านมานั้นสะใภ้สามนอนป่วยมาตลอดกินได้น้อยด้วย ยิ่งเธอเป็นคนขี้โรคเอะอะอะไรนิดหน่อยก็ปวดหัว ก็เป็นไข้ หยางเม่ยจึงอยากจะให้เธอได้กินไข่บำรุงร่างกาย ความรู้สึกเอ็นดูลูกสะใภ้ของหยางเม่ยนั้นมีที่มาจากอดีตอันขมขื่นของเธอเอง เมื่อครั้งยังสาวเธอถูกครอบครัวขายให้กับตาเฒ่าหยางของเธอ ความรู้สึกถูกทอดทิ้งและความเจ็บปวดจากอดีตได้ฝังรากลึกอยู่ในใจของเธอถึงแม้ว่าเมื่อเธอมาอยู่ที่ตระกูลหยางพวกเขาจะดูแลเธออย่างดี แต่ความฝังใจมันก็ยากที่จะสลัดให้หลุดได้ง่ายๆ ดังนั้นเมื่อมีลูกสะใภ้แต่งเข้ามาเธอจึงดูแลเอาใจใส่พวกเธอทั้งสามมาก มา
บทที่ 7 กินเนื้อ กินเนื้อ กินเนื้อ“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะคุณพ่อคุณแม่!!”หลังจากที่ทุกคนมากันครบและอาการตื่นเต้นจากการเห็นสวนผักเก่าๆ โทรมๆ ของพวกเขากลายเป็นเหมือนสวนสวรรค์ทุเลาลงบ้างแล้ว หยางซีซีก็เริ่มแต่งเรื่อง เออ...เริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับมือวิเศษของเธอให้กับครอบครัวได้รู้กัน“คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องสะใภ้สามที่ตายไปหลายปีแล้วมาเข้าฝันและให้พรวิเศษอย่างนั้นหรือ?”เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่ได้ฟังเรื่องราวที่หยางซีซีเล่าเอ่ยถามออกมา และคำถามของเธอก็แทนใจของทุกคนในบ้านเลยทีเดียวหยางซีซีพยายามเล่าเรื่องราวของตนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความศรัทธาและความอัศจรรย์ใจ อย่าลืมว่าเธอคือฮองเฮามาก่อนนะ การเล่าเรื่องให้คนเชื่อถือจะไปอยากอะไร..จริงไหม!!“พวกพี่ก็ทราบว่าฉันนอนป่วยอยู่หลายวัน ในตอนนั้นวิญญาณของฉันได้หลุดออกจากร่างไปแล้วค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆ แล้วก็เห็นแสงสีทองสว่างอยู่ข้างหน้า ฉันเลยเดินตามแสงนั้นไปเรื่อยๆ แสงสีทองนั้นสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์ มันดึงดูดให้ฉันเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนถูกมันดูดกลืนเข้าไป ทันใดนั้นเอง ฉันก็ได้ยินเสียงเรี
บทที่ 8 ต้องการหาเงินเข้าบ้านบรรยากาศอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วห้องกินข้าวของบ้านหลังเล็กของตระกูลหยาง เสียงเคี้ยวอาหารเบาๆ ผสมผสานกับเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขของเด็กๆ ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาผิดจากวันปกติ"เฮ้อ...ฉันไม่เคยได้กินเนื้ออิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย"หยางจิ้ง ผู้เป็นคนพูดน้อยที่สุดของบ้านเอ่ยขึ้นเบาๆ คำพูดสั้นๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี วันนี้เป็นวันที่พิเศษจริงๆ เพราะพวกเขาได้กินเนื้อไก่กันอย่างเต็มที่ ไก่ 2 ตัว ทำอาหารออกมาได้มากมายและคุณแม่ก็ให้พวกเขากินกันเต็มที่เลยจริงๆ หลังจากที่ต้องอดอยากมานาน ต้องทราบว่าในยุค 70 ที่อาหารการกินนั้นขาดแคลนมาก การได้กินเนื้อสัตว์สักมื้อถือเป็นเรื่องที่หรูหราสำหรับครอบครัวชาวนาอย่างพวกเขามากเมนูอาหารวันนี้จัดเต็มตั้งแต่โจ๊กไก่แบบเข้มข้นคนละสองชาม หรือหากใครไม่พอก็เติมได้อีก น้ำแกงไก่รสเข้มข้น ไก่ผัดขิงหอมกรุ่นกินเข้าไปแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่น ผัดผักกาดขาวที่รสชาติทั้งหวานทั้งกรอบ และอาหารจานพิเศษที่แม้จะปีใหม่ก็ยากที่จะได้กินนั้นคือ ไก่ทอดพริกเกลือกรอบนอกนุ่มใน ซึ่งเป็นเมนูพิเศษที่คุณแม่หยางเม่ยใจดีอนุญาตให้พ
บทที่9 สร้างมิติใส่ของ“..ฉันรู้รหัสค่ะ”สะใภ้รองผู้งดงามและเป็นคนเงียบ ๆ เอ่ยขึ้นมาเบาๆ“พี่ใหญ่ของฉันแอบส่งมาให้ฉันพร้อมกับของที่ส่งมาให้รอบล่าสุดค่ะ”เธอเฉลยให้ทุกคนได้ฟังว่าได้รหัสมาอย่างไร เพราะการที่จะได้รหัสที่จะเข้าไปในตลาดมืดนั้นไม่ง่ายนัก ต้องคนที่เคยเข้าไปเท่านั้นถึงจะได้มา เพราะตลาดมืดนั้นเป็นการสร้างขึ้นมาโดยผู้มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นทหารเก่าอะไรสักอย่างและหากว่าหยางฟู่เหยาจำไม่ผิดพี่ชายเธอเคยบอกว่าเจ้าของตลาดคือทหารเก่าที่ผันตัวมาเป็นเจ้าพ่อน่าจะชื่อฉีฮ้าว อะไรสักอย่างเธอก็จำไม่ค่อยได้เพราะว่าเส้นทางของภรรยาพวกชาวนาอย่างเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าพ่ออยู่แล้วก็เลยไม่อยากจะใส่ใจจำพูดถึงพี่ใหญ่ของหยางฟู่เหยาเขาคือจางอี้เฉิง พี่ใหญ่จางทำงานที่โรงงานเหล็กในตัวเมืองเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ทำให้หน้าที่การงานและการเงินถือว่าดีมาก เพราะว่าสมัยนั้นการได้ทำงานโรงงานนั้นถือว่ามีชามข้าวเหล็กอยู่ในมือ กินใช่อย่างไรก็ไม่หมด คนส่วนใหญ่จึงอยากจะให้ลูกหลานเข้าทำงานในโรงงานกันมาก วันที่เธอได้พบพี่ใหญ่นั้นหยางฟู่เหยาจำได้ดี วันนั้นเธอกับหยางจิ้งเดินทางเข้าเมืองเพื่อซื้อของ
บทที่ 10 เตรียมของไปขาย ‘ที่แห่งนั้น’หลังจากที่หยางซีซีให้ทุกคนฝึกลองใช้ตะกร้ามิติ จนทุกคนเข้าใจและสามารถที่จะทำเองได้แล้ว จากนั้นคนในตระกูลหยางก็เดินเรียงกันกลับไปที่สวนและเล้าไก่อีกครั้ง เมื่อไก่สองตัวที่กำลังนอนพักอยู่เห็นคนบ้านนี้เดินกลับมาหาพวกมันอีกแล้วพวกมันก็หันมองหน้ากันอย่างสงสัยก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเหมือนจะเป็นการถามว่า พวกเขามาทำไมกันอีก...ไข่ก็ไข่ให้ไปแล้วอย่างไร...เมื่อพวกมันมองไปด้านหลังเห็นเจ้าหนุ่มคนเดิมหอบผักกาดขาวมาหอบใหญ่เข้ามา พวกมันมองหน้ากันอีกครั้งอย่างบอกนะว่า.….ตอนที่คนตระกูลหยางกลับออกไปพวกเขาได้ไข่ที่เจ้าไก่ทั้งสองตัวช่วยกันเบ่งจนจะเป็นลมไปอีก 20 ใบ...ตอนนี้พวกมันสองตัวต่างก็พยายามที่เงยคอขึ้นมามองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะความเหนื่อย หยางซีซีเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ ก่อนพูดกับพวกมันว่าช่วงนี้พวกมันอาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะ จากนั้นเธอก็เทน้ำที่ใช้มือหัตถ์เทวะจุ่มลงไปและใส่พลังลงไปมากหน่อยให้พวกมันดื่มกิน และทันทีที่พวกมันกินน้ำอาการเหนื่อยล้าจากการเบ่งไข่มากมายนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีตอนนี้หากสังเกตดูดีตัวของพวกมันเหมือนจะอ้วนขึ้นและมีขนสีทองแซมออกมาหลายเส้นที
บทที่ 11 เนื้อแลกทองคำ"นั่นมัน… ทองคำนี้!!! " หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างตกใจเธอมองไปที่กองทองคำและเครื่องประดับเหล่านั้นอีกครั้งด้วยความสงสัย ทำไมสองตาหลานถึงมีของมีค่าแบบนี้มาขายในตลาดมืดได้ และทำไมถึงไม่มีใครสนใจที่จะซื้อเลย หยางซีซีมองจ้องไปที่กองทองคำและเครื่องประดับอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาสองตาหลานทันที…ในฐานะฮองเฮา หยางซีซีเคยได้สัมผัสกับเครื่องประดับอันงดงามมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งเพชรพลอยและทองคำบริสุทธิ์ต่างถูกนำมาประดับประดาตัวเธอเพื่อแสดงถึงฐานะและอำนาจ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วของนอกกายเหล่านี้จะไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้ก็ตามถึงกระนั้นความเป็นหญิงก็ยังคงฝังอยู่ในตัว เธอหลงใหลในความสวยงามของเครื่องประดับเช่นเดียวกับผู้หญิงทั่วไป การได้เห็นทองคำและเครื่องประดับถูกกองรวมกันไว้เหมือนของไม่มีค่าแบบนี้ ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก หยางซีซีเดินเข้าไปใกล้แผงขายของที่ดูจะทรุดโทรม สองตาหลานนั่งตัวงออยู่เพราะความหนาว อยู่ข้างๆ กองของประดับที่ดูจะขัดกับบรรยากาศของตลาดมืดแห่งนี้สายตานางจับจ้องไปยังกองทองคำและเครื่องประดับที่วางเรียงรายอยู่บนผืนผ้าเก่
บทที่ 15 เตรียมตัวเดินทางไปปักกิ่ง "ถ้าอยากได้เงินก้อนโตเร็วๆ คงต้องพึ่งพาพลังของหัตถ์เทวะแล้วล่ะนะ"หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างมั่นใจ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นค่ำวันนั้นหยางซีซีได้บอกกับพ่อสามีว่าเธอต้องการที่จะเดินทางไปปักกิ่ง ให้คุณพ่อช่วยไปขอใบออกนอกพื้นที่ให้เธอด้วย โดยเธอจะออกเดินทางในอีก 3วันข้างหน้า คุณแม่หยางเมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้สามต้องการจะเดินทางกลับบ้านจึงได้ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อหยางซีซีจึงได้บอกกับคุณแม่หยางว่าเธอเคยสัญญากับน้องสาวเอาไว้ว่าหากตั้งตัวได้จะไปรับมาอยู่ด้วย ดังนั้นเธอคิดว่าตอนนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว และไม่ให้คุณแม่หยางเป็นห่วงหากว่าน้องเธอมาอยู่ด้วยเธอจะหาบ้านเช่าให้น้องเธออยู่เองเพราะว่าบ้านนี้ก็ทั้งเล็กและแคบ หากว่ามีเพิ่มมาอีกคนน่าจะอยู่กันลำบาก เมื่อคิดถึงตรงนี้หยางซีซีจึงได้เอ่ยกับคุณพ่อหยางว่า"คุณพ่อคะ หากว่าพวกเราต้องการจะสร้างบ้านใหม่จะทำได้หรือเปล่าคะ เพราะว่าบ้านเราก็เก่าและคับแคบมากแล้ว หากว่าขยับขยายออกไปหน่อยก็น่าจะดี”“ความจริงแม่ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ เอาอย่างนี้ตาเฒ่าตอนที่ไปทำหนังสือของออกนอกพื้นที่กับหัวหน้าก็ลองถามเรื่องการจั
บทที่ 14 อยากรู้อนาคตให้อ่านหนังสือ (พิมพ์)หยางซีซีเอนหลังพิงหัวเตียงไม้เก่าๆ ความคิดของเธอวนเวียนอยู่กับคำพูดของหยางซีซีคนนั้น...น้องสาวที่ถูกทิ้งให้อยู่ในเงาของการใช้แรงงานอย่างทารุณของบ้านป้าและลุง"น้องสาวถูกรังแกอยู่ที่ปักกิ่งอย่างนั้นหรือ..."หยางซีซีพึมพำเบาๆ ดวงตาของเธอหรี่ลงราวกับกำลังมองทะลุผ่านกาลเวลาและระยะทางไปยังอีกฟากหนึ่งของประเทศความทรงจำเกี่ยวกับน้องสาวของร่างนี้ผุดขึ้นมาในหัว เธอจำได้ว่าลุงป้าที่ส่งเธอมาทำงานใช้แรงงานแทนลูกลูกของตัวเองเป็นคนอย่างไร คนแบบนี้ย่อมไม่มีทางปฏิบัติต่อน้องสาวของร่างนี้ด้วยความเมตตาแน่ๆ และการที่วิญญาณของหยางซีซีคนนั้นต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของน้องสาวต้องเลวร้ายมาก"แต่จะทำยังไงดีล่ะ..."หยางซีซีครุ่นคิดหนัก ปักกิ่งอยู่ไกลจากที่นี่มากแค่ไหนกันแน่ เธอเองก็ไม่เคยไปมาก่อน ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะพาดหัวมีคำว่า"ปักกิ่ง" เธออ่านคำนี้ออกมาเบาๆ ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยทันใดนั้นเอง เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอสามารถที่จะเห็นอนาคตของคนและสิ่งของได้เพียงแค่สั
บทที่ 13 สร้างค่ายกลปลูกผักหลังจากที่แบ่งเงินทองกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็มีความสุขกับสิ่งที่พวกเขาได้รับมา ตอนนี้พวกเขาต่างก็ปรึกษากันว่าวันต่อไปใครจะเป็นคนไปขายของซึ่งก็ตกลงกันได้ว่าการขายของยังคงให้เป็น หยางจิ้ว สะใภ้รองและสะใภ้สาม เพราะถือว่าได้เข้าไปในตลาดมืดแล้ว ไม่ต้องให้คนอื่นๆ เข้าไปอีก ซึ่งหยางซีซีและครอบครัวได้ใช้เวลาพูดคุยพักใหญ่ จากนั้นบรรยากาศก็ค่อยๆ เงียบลงเมื่อคุณแม่หยางเม่ยหันไปมองกองทองคำและเครื่องประดับที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างสงสัย สายตาของเธอจับจ้องไปที่หยางซีซี ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ"ลูกอยากได้ของพวกนั้นไปทำไมหรือสะใภ้สาม มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะแม่ว่า อีกอย่างหากมีเก็บเอาไว้ก็อันตรายด้วยหากว่าถูกคนของทางการค้นเจอ ในยุคนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้คนคือเสื้อผ้า อาหาร ของยังชีพต่างหาก ทำไมลูกถึงได้อยากได้ของพวกนี้กันแม่สงสัยจริงๆ"คำถามของคุณแม่หยางเม่ยทำให้บรรยากาศในห้องเงียบลงไปชั่วขณะ เพราะพวกเขาทุกคนก็เห็นด้วยในสิ่งที่แม่หยางพูด หยางซีซีเงยหน้าขึ้นมองคุณแม่สามีและทุกคน เธอเข้าใจดีว่าในยุค 70 สิ่งของเหล่านี้ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับอาหารและความอ
บทที่ 12 แบ่งเงินพวกเขาทั้งสามช่วยกันขายเนื้ออยู่อีกเกือบ 1 ชั่วโมงเมื่อเห็นว่าเนื้อใกล้จะหมดแล้วจึงได้เก็บของและพวกกันออกมาจากตลาดมืดทันที…ระหว่างทางที่เดินออกมาหยางซีซีตาไวเธอเห็นว่ามีคนนำพวกทองและเครื่องประดับ ภาพวาด แจกันของเก่าโบราณออกมาวางขายกันอยู่หลายร้านทีเดียวเธอหันมองและดวงตาก็วาววับขึ้นมาทันที….คราวหน้าเจอกัน!!!!!ทั้งสามรีบเดินออกมาจากตลาดมืดแห่งนี้ทันที เพราะถึงจะค้าขายได้ดีขนาดไหนแต่ว่าที่นี่ก็ถือว่าเป็นที่แหล่งผิดกฏหมายและอันตรายมากอยู่ดี และการที่พวกเขามีเนื้อมากมายมาขายก็อาจจะทำให้ถูกเพ่งเล็งได้ เพราะว่าพวกเขาเข้ามาเพียงตะกร้าใบเดียวเหตุใดถึงได้ขายเนื้อไม่หมดสักทีนะสิ หากจะนับรวมๆ แล้วเนื้อที่ขายไปนั้นเกือบ 220 ชั่งได้เมื่อออกมาจากตลาดมืดแล้วทั้งสามก็ตรงไปที่สหกรณ์แวะซื้อพวกเครื่องปรุงนมผง น้ำตาล เกลือ ซีอิ้ว และเครื่องเทศอีกหลายอย่างและหยางฟู่เหยายังซื้อลูกอมตรากระต่ายไปให้หลานๆ ด้วยถุงใหญ่ หยางซีซีเห็นว่ามีแตงโมลูกไม่ใหญ่นักวางอยู่ รวมทั้งผลไม้หายากอย่างสตอเบอร์รี่และองุ่นที่ไม่รู้หลุดรอดมาได้อย่างไรอยู่ 2 กล่อง เธอจึงหยิบทันทีถึงแม้ว่าราคาของสตอเบอร์รี่จะแพงมากต
บทที่ 11 เนื้อแลกทองคำ"นั่นมัน… ทองคำนี้!!! " หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างตกใจเธอมองไปที่กองทองคำและเครื่องประดับเหล่านั้นอีกครั้งด้วยความสงสัย ทำไมสองตาหลานถึงมีของมีค่าแบบนี้มาขายในตลาดมืดได้ และทำไมถึงไม่มีใครสนใจที่จะซื้อเลย หยางซีซีมองจ้องไปที่กองทองคำและเครื่องประดับอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาสองตาหลานทันที…ในฐานะฮองเฮา หยางซีซีเคยได้สัมผัสกับเครื่องประดับอันงดงามมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งเพชรพลอยและทองคำบริสุทธิ์ต่างถูกนำมาประดับประดาตัวเธอเพื่อแสดงถึงฐานะและอำนาจ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วของนอกกายเหล่านี้จะไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้ก็ตามถึงกระนั้นความเป็นหญิงก็ยังคงฝังอยู่ในตัว เธอหลงใหลในความสวยงามของเครื่องประดับเช่นเดียวกับผู้หญิงทั่วไป การได้เห็นทองคำและเครื่องประดับถูกกองรวมกันไว้เหมือนของไม่มีค่าแบบนี้ ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก หยางซีซีเดินเข้าไปใกล้แผงขายของที่ดูจะทรุดโทรม สองตาหลานนั่งตัวงออยู่เพราะความหนาว อยู่ข้างๆ กองของประดับที่ดูจะขัดกับบรรยากาศของตลาดมืดแห่งนี้สายตานางจับจ้องไปยังกองทองคำและเครื่องประดับที่วางเรียงรายอยู่บนผืนผ้าเก่
บทที่ 10 เตรียมของไปขาย ‘ที่แห่งนั้น’หลังจากที่หยางซีซีให้ทุกคนฝึกลองใช้ตะกร้ามิติ จนทุกคนเข้าใจและสามารถที่จะทำเองได้แล้ว จากนั้นคนในตระกูลหยางก็เดินเรียงกันกลับไปที่สวนและเล้าไก่อีกครั้ง เมื่อไก่สองตัวที่กำลังนอนพักอยู่เห็นคนบ้านนี้เดินกลับมาหาพวกมันอีกแล้วพวกมันก็หันมองหน้ากันอย่างสงสัยก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเหมือนจะเป็นการถามว่า พวกเขามาทำไมกันอีก...ไข่ก็ไข่ให้ไปแล้วอย่างไร...เมื่อพวกมันมองไปด้านหลังเห็นเจ้าหนุ่มคนเดิมหอบผักกาดขาวมาหอบใหญ่เข้ามา พวกมันมองหน้ากันอีกครั้งอย่างบอกนะว่า.….ตอนที่คนตระกูลหยางกลับออกไปพวกเขาได้ไข่ที่เจ้าไก่ทั้งสองตัวช่วยกันเบ่งจนจะเป็นลมไปอีก 20 ใบ...ตอนนี้พวกมันสองตัวต่างก็พยายามที่เงยคอขึ้นมามองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะความเหนื่อย หยางซีซีเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ ก่อนพูดกับพวกมันว่าช่วงนี้พวกมันอาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะ จากนั้นเธอก็เทน้ำที่ใช้มือหัตถ์เทวะจุ่มลงไปและใส่พลังลงไปมากหน่อยให้พวกมันดื่มกิน และทันทีที่พวกมันกินน้ำอาการเหนื่อยล้าจากการเบ่งไข่มากมายนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีตอนนี้หากสังเกตดูดีตัวของพวกมันเหมือนจะอ้วนขึ้นและมีขนสีทองแซมออกมาหลายเส้นที
บทที่9 สร้างมิติใส่ของ“..ฉันรู้รหัสค่ะ”สะใภ้รองผู้งดงามและเป็นคนเงียบ ๆ เอ่ยขึ้นมาเบาๆ“พี่ใหญ่ของฉันแอบส่งมาให้ฉันพร้อมกับของที่ส่งมาให้รอบล่าสุดค่ะ”เธอเฉลยให้ทุกคนได้ฟังว่าได้รหัสมาอย่างไร เพราะการที่จะได้รหัสที่จะเข้าไปในตลาดมืดนั้นไม่ง่ายนัก ต้องคนที่เคยเข้าไปเท่านั้นถึงจะได้มา เพราะตลาดมืดนั้นเป็นการสร้างขึ้นมาโดยผู้มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นทหารเก่าอะไรสักอย่างและหากว่าหยางฟู่เหยาจำไม่ผิดพี่ชายเธอเคยบอกว่าเจ้าของตลาดคือทหารเก่าที่ผันตัวมาเป็นเจ้าพ่อน่าจะชื่อฉีฮ้าว อะไรสักอย่างเธอก็จำไม่ค่อยได้เพราะว่าเส้นทางของภรรยาพวกชาวนาอย่างเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าพ่ออยู่แล้วก็เลยไม่อยากจะใส่ใจจำพูดถึงพี่ใหญ่ของหยางฟู่เหยาเขาคือจางอี้เฉิง พี่ใหญ่จางทำงานที่โรงงานเหล็กในตัวเมืองเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ทำให้หน้าที่การงานและการเงินถือว่าดีมาก เพราะว่าสมัยนั้นการได้ทำงานโรงงานนั้นถือว่ามีชามข้าวเหล็กอยู่ในมือ กินใช่อย่างไรก็ไม่หมด คนส่วนใหญ่จึงอยากจะให้ลูกหลานเข้าทำงานในโรงงานกันมาก วันที่เธอได้พบพี่ใหญ่นั้นหยางฟู่เหยาจำได้ดี วันนั้นเธอกับหยางจิ้งเดินทางเข้าเมืองเพื่อซื้อของ
บทที่ 8 ต้องการหาเงินเข้าบ้านบรรยากาศอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วห้องกินข้าวของบ้านหลังเล็กของตระกูลหยาง เสียงเคี้ยวอาหารเบาๆ ผสมผสานกับเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขของเด็กๆ ทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาผิดจากวันปกติ"เฮ้อ...ฉันไม่เคยได้กินเนื้ออิ่มขนาดนี้มาก่อนเลย"หยางจิ้ง ผู้เป็นคนพูดน้อยที่สุดของบ้านเอ่ยขึ้นเบาๆ คำพูดสั้นๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี วันนี้เป็นวันที่พิเศษจริงๆ เพราะพวกเขาได้กินเนื้อไก่กันอย่างเต็มที่ ไก่ 2 ตัว ทำอาหารออกมาได้มากมายและคุณแม่ก็ให้พวกเขากินกันเต็มที่เลยจริงๆ หลังจากที่ต้องอดอยากมานาน ต้องทราบว่าในยุค 70 ที่อาหารการกินนั้นขาดแคลนมาก การได้กินเนื้อสัตว์สักมื้อถือเป็นเรื่องที่หรูหราสำหรับครอบครัวชาวนาอย่างพวกเขามากเมนูอาหารวันนี้จัดเต็มตั้งแต่โจ๊กไก่แบบเข้มข้นคนละสองชาม หรือหากใครไม่พอก็เติมได้อีก น้ำแกงไก่รสเข้มข้น ไก่ผัดขิงหอมกรุ่นกินเข้าไปแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่น ผัดผักกาดขาวที่รสชาติทั้งหวานทั้งกรอบ และอาหารจานพิเศษที่แม้จะปีใหม่ก็ยากที่จะได้กินนั้นคือ ไก่ทอดพริกเกลือกรอบนอกนุ่มใน ซึ่งเป็นเมนูพิเศษที่คุณแม่หยางเม่ยใจดีอนุญาตให้พ
บทที่ 7 กินเนื้อ กินเนื้อ กินเนื้อ“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะคุณพ่อคุณแม่!!”หลังจากที่ทุกคนมากันครบและอาการตื่นเต้นจากการเห็นสวนผักเก่าๆ โทรมๆ ของพวกเขากลายเป็นเหมือนสวนสวรรค์ทุเลาลงบ้างแล้ว หยางซีซีก็เริ่มแต่งเรื่อง เออ...เริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับมือวิเศษของเธอให้กับครอบครัวได้รู้กัน“คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องสะใภ้สามที่ตายไปหลายปีแล้วมาเข้าฝันและให้พรวิเศษอย่างนั้นหรือ?”เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่ได้ฟังเรื่องราวที่หยางซีซีเล่าเอ่ยถามออกมา และคำถามของเธอก็แทนใจของทุกคนในบ้านเลยทีเดียวหยางซีซีพยายามเล่าเรื่องราวของตนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความศรัทธาและความอัศจรรย์ใจ อย่าลืมว่าเธอคือฮองเฮามาก่อนนะ การเล่าเรื่องให้คนเชื่อถือจะไปอยากอะไร..จริงไหม!!“พวกพี่ก็ทราบว่าฉันนอนป่วยอยู่หลายวัน ในตอนนั้นวิญญาณของฉันได้หลุดออกจากร่างไปแล้วค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆ แล้วก็เห็นแสงสีทองสว่างอยู่ข้างหน้า ฉันเลยเดินตามแสงนั้นไปเรื่อยๆ แสงสีทองนั้นสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์ มันดึงดูดให้ฉันเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนถูกมันดูดกลืนเข้าไป ทันใดนั้นเอง ฉันก็ได้ยินเสียงเรี