บทที่93 ตาต่อตาฟันต่อฟัน บรรยากาศรอบตัวทั้งสองคนกลายเป็นตึงเครียด ผู้คนรอบข้างที่สังเกตเห็นสายตาที่ทั้งสองส่งให้กันต่างก็รู้สึกถึงความอึดอัดและพลังที่ปะทะกันอย่างเงียบๆ ราวกับว่าโลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงพวกเขาทั้งสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน ความเกลียดชังที่ไม่มีทางจบสิ้น ความโกรธเคียดแค้นที่ฝังรากลึก ไม่ว่าจะเป็นหยางซีซีหรือเฟิงอวี้ชิง ต่างก็รู้ดีว่าการพบกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงในอนาคตเฟิงอวี้ชิงก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังหยางซีซีอย่างไม่ละสายตา"คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้...หยางฮองเฮา" เสียงของเธอเต็มไปด้วยการยั่วยุและการท้าทาย ทันใดนั้นภาพอดีตที่เจียงกุ้ยเฟยเคยวางยาพิษทำร้ายหยางซีซีจนถึงแก่ความตายก็ผุดขึ้นมาในความคิดของทั้งสองฝ่ายหยางซีซีจำได้อย่างชัดเจนถึงวันที่เธอถูกไล่ล่าและเจ็บปวดจากความแค้นของเจียงกุ้ยเฟย ความโกรธที่เคยสงบลงกลับปะทุขึ้นมาในใจ ความรู้สึกเคียดแค้นที่เก็บซ่อนไว้เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มเย็นชาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น"เจ้าก็เหมือนกัน เจียงกุ้ยเฟย โลกกลมจริงๆ ข้าคิดว่าคงไม่ได้พบเจ้าที่นี่อ
บทที่ 94 จุดจบ (จบ ) หลังจากงานเลี้ยงผ่านไปหลายวัน และในที่สุดประกาศเรื่องการปลดรัฐมนตรีเผยเฉินฟงก็ออกมา ตอนนี้เฟิงอวี้ชิงนั้นรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่เมื่อคิดถึงก้าวต่อไปของเธอ ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้คงจะถึงเวลาที่เธอจะต้องกำจัดหมากที่หมดประโยชน์อย่างรัฐมนตรีเผยออกจากชีวิตแล้ว และเป้าหมายต่อไปของเธอก็คือ ท่านผู้นำประเทศ ดังนั้นเธอจึงได้คิดว่ารีบจัดการเคลียร์ปัญหาเล็กๆ อย่างรัฐมนตรีเผยยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะว่าในตอนนี้นั้นเธอได้ทราบแล้วว่า หยางฮองเฮานั้นคือภรรยาของรองรัฐมนตรีหยางเฟยหลง นั้นก็แปลได้ว่าพวกเขาย่อมมีอำนาจพอสมควร และหากว่าเธอต้องการที่จะอยู่เหนือพวกเขา เธอจำเป็นต้องได้ท่านผู้นำประเทศหนุนหลัง และการจะได้เขามานั้นก็ไม่ยากสำหรับเธอ เพราะว่าเรื่องเหล่านี้เธอทำมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยพลาดสักครั้งเลย เฟิงอวี้ชิงคิดอย่างมั่นใจในตัวเองเฟิงอวี้ชิงเดินเข้าไปในห้องของอดีตรัฐมนตรีเผยในยามดึก ห้องทั้งห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่ดังจากเตียง ร่างของรัฐมนตรีเผยนอนเหยียดยาวบนเตียง ดวงตาปิดสนิท แต่ใบหน้าแสดงถึงความเหนื่อยล้าและความแก่ชรา เฟิงอวี้ช
ตอนพิเศษ 1 หยางไป่หลง อัจฉริยะในรอบ 100 ปี หลังจากที่หยางไป่หลงได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน เขาได้สร้างชื่อเสียงในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ไม่เพียงแค่มีผลการเรียนที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถเฉพาะตัวที่หายาก นั่นก็คือความจำแบบภาพถ่าย ทุกสิ่งที่เขาได้เห็นผ่านตา ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนทางวิชาการหรือภาพที่ซับซ้อน เขาก็สามารถจดจำได้ทั้งหมด นี่ทำให้หยางไป่หลงมีความได้เปรียบในการศึกษาและการทำงานวิจัยอย่างมากความสามารถในการจดจำของหยางไป่หลงทำให้เขาได้รับความสนใจจากอาจารย์และนักวิจัยหลายคน พวกเขาต่างเห็นศักยภาพในตัวของหยางไป่หลงว่ามีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ และด้วยความสนใจเป็นพิเศษในด้านเทคโนโลยี เขามักจะใช้เวลาว่างทำการทดลองใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ เขาใช้เวลาหลายคืนในการคิดค้นโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในอนาคต***ระบบ AI เริ่มพัฒนาและนำมาใช้ในทศวรรษที่ 1950 โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านคอม
ตอนพิเศษ 2 ดร.หยางไป่หลงในวันที่อากาศสดใสวันหนึ่ง ดร.หยางไป่หลงกำลังยืนอยู่หน้าชั้นเรียน สอนนักศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เขามีท่าทีที่เป็นมิตรและเป็นกันเอง แต่ว่าขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความตั้งใจในการสอน หลังจบชั้นเรียน เขาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ เมื่อหันไปมองก็พบหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู เธอมีใบหน้าสวยงามคิ้วโค้งเรียว ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความมั่นใจ ตามประสาลูกสาวคนเล็กของคนรวยและมีอำนาจ เธอคือเซี่ยจื่อหานลูกสาวของนายพลเซี่ยและเป็นอาจารย์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งในมหาวิทยาลัยชิงหัวเช่นกัน“ดร. หยางใช่ไหมคะ? ฉันเซี่ยจื่อหานเพิ่งมาร่วมงานที่นี่ เห็นได้ยินมาว่าคุณกำลังพัฒนาโครงการทดลองด้านปัญญาประดิษฐ์ ฉันเองก็สนใจงานวิจัยนี้เหมือนกัน”เซี่ยจื่อหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอมองไปที่ชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่ความหล่อของเขานั้นเหมือนจะไม่ใช่ของจริงที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเธอ พลางถอนหายใจและคิดว่า …ไม่รู้ว่าจะหล่อไปทำไมหนักหนามาสอนเด็กสาวพวกนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันหยางไป่หลงหันมองเธอพร้อมกับยิ้มเล็กๆ“ใช่ครับ ผมก
บทสุดท้าย : ฝาแฝดหงส์มังกร / การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายวันเวลาผ่านไปหลายเดือนจนกระทั่งครรภ์ของหยางซีซีนั้นตั้งครรภ์ครบเก้าเดือน ครอบครัวหยางก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์สำคัญของตระกูล พวกเขาจองห้องพิเศษที่โรงพยาบาลเอาไว้และหยางซีซีก็เข้าพักทันทีในวันคลอด หยางซีซีต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างหนักในห้องคลอด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเธอทำให้หยางเฟยหลงที่ยืนรออยู่หน้าห้องคลอดเป็นกังวลจนเดินไปมาไม่หยุด เขามองไปยังประตูห้องคลอดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความกดดัน จนคุณพ่อหยางที่มีประสบการณ์มาหลายครั้งต้องตบบ่าเขาเบา ๆ และพูดขึ้นว่า"หยุดเดินไปมาได้แล้วเจ้าสาม พ่อเริ่มเวียนหัวเพราะตามดูเรานี่ล่ะ"หยางเฟยหลงถอนหายใจยาว พยายามสงบสติอารมณ์ แต่ความกังวลในใจยังคงไม่ลดลง เขาภาวนาให้ภรรยาและลูกน้อยปลอดภัย ในขณะที่เสียงร้องของหยางซีซีดังลอดออกมา เขายิ่งรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปช้าเหลือเกินและแล้วเมื่อเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง เสียงร้องของทารกดังขึ้นมาจากภายในห้องคลอด"อุแว้ อุแว้ อุแว้!!"เสียงดังลั่นห้องไปหมดเหมือนกับว่าพวกเขาไม่พอใจที่ถูกแม่เบ่งออกมาให้พบเจอกับโลกใหม่ หยางเฟยหลงรู้สึกเห
บทที่ 1 ต่อให้เป็นหมอเทวดาก็ยากจะทำให้เจ้าฟื้นขึ้นมาได้!!“อ้ากกกก!!! เจ้า...เจ้า” ...หยางซีซีกระอักเลือดออกมาเป็นสาย นางพยายามที่จะชี้หน้าของเจียงกุ้ยเฟย ทว่าร่างกายที่เคยแข็งแรงกลับอ่อนล้าสิ้นเรียวแรงราวกับใบไม้เหี่ยวเฉาด้วยพิษร้ายแรงที่ร่างของนางได้รับ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองไปยังใบหน้าของเจียงกุ้ยเฟยที่เต็มไปด้วยความชิงชังเคียดแค้น ใบหน้าที่เคยเป็นเพื่อนรักของนางมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งทั้งคู่ได้แต่งเข้าวังหลวงด้วยกันเจียงกุ้ยเฟยเดินเข้ามาช้าๆ เสียงหัวเราะเย้ยหยันของนางดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ"เจ้าคิดว่าจะหนีข้าไปได้อย่างนั้นรึ หยางซีซี! ฮ่าๆๆ"จากนั้นนางก็หยิบมีดสั้นขึ้นมาช้าๆ มีดสั้นเล่มนั้น เล่มที่นางเห็นว่าฮ้องเต้เป็นคนมอบให้เจียงกุ่ยเฟย นางจำอัญมณีตรงด้ามมันได้ เพราะเจียงกุ้ยเฟยนั้นมักนำมาให้นางดูตลอดเพราะว่านางชอบมีดเล่มนี้มากนางเลื่อนมีดสั้นเล่มนั้นไปมาใกล้กับหัวใจของหยางซีซีอีกครั้ง หยางซีซีกัดริมฝีปากแน่นพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เสียงที่ออกมาได้เพียงเสียงครางแผ่วเบา"ข้า...ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าชนะง่ายๆ หรอก เจียงกุ้ยเฟย"เสียงของนางแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินจากนั้นนางก็กระอั
บทที่ 2 หยางซีซีเหตุใดนางถึงได้ทะลุมิติมาในยุคอนาคตตั้งไกลถึง 1000 กว่าปีเช่นนี้? ในเมื่อนางก็ถูกฆ่าตายแล้วเหตุใดนางถึงไม่ได้ลงนรกหรือไม่ก็ขึ้นสวรรค์เหมือนคนอื่น? มีคำถามเกิดขึ้นมากมายในหัวของหยางซีซีในตอนนี้ นางพยายามนึกถึงความทรงจำที่ร่างเดิมทิ้งเอาไว้ให้เกี่ยวกับร่างนี้และครอบครัวนี้รวมทั้งในยุคสมัยนี้ด้วย หยางซีซีค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งได้ในที่สุด จากความเจ็บปวดตามร่างกายทำให้นางนั้นทราบว่าร่างนี้นั้นป่วยหนัก ไข้ขึ้นสูงจนกระทั่งเสียชีวิตลงอย่างเงียบคนเดียว โดยที่คนในบ้านนั้นไม่ทราบเลย นางมองไปรอบๆ ห้องเล็กๆ เก่าโทรมนี้ทำให้นางทราบได้ทันทีว่าชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้นั้นยากจนมาก ไหนจะผ้าห่มเก่าบางที่มีเพียง 2 ผืนที่ห่มเด็กน้อย2คนนี้อยู่ที่แทบจะไม่สามารถป้องกันความหนาวเหน็บได้เลยก็ว่าได้ หยางซีซีหลับตานิ่งอีกครั้งจากนั้นก็นึกถึงความทรงจำต่างๆ เกี่ยวกับร่างนี้ทันที..เธอคนนี้คือหลิวซีซียุวชนหญิงผู้มีการศึกษาที่ถูกส่งมาทำงานจากปักกิ่ง เธอและน้องสาว (อายุ8 ขวบ) อาศัยอยู่กับลุงและป้าซึ่งครอบครัวที่ปักกิ่ง ซึ่งก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก และในสังคมที่ผู้หญิงไม่มีค่าเธอจึงถูกครอบครัวของป้าส
บทที่ 3 ฝ่ามือหัตถ์เทวะหยางซีซียังคงมองฝ่ามือของตนเองด้วยความความดีใจ ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น นางค่อยๆ ยกมือขึ้นมาแนบแก้มเบาๆ เพื่อสัมผัสความรู้สึกนี้และให้แน่ใจว่าวิชาหัตถ์เทวะอันแสนวิเศษนั้นได้ตามนางมาสู่ยุคนี้ด้วยจริงๆทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงลมหนาวพัดกระหน่ำผ่านบ้านไม้หลังเก่า ผนังบ้านสั่นไหวและครางเบาๆ เมื่อรับแรงลม หยางซีซีเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผนังบ้านที่เก่าที่แทบจะบังแดดลมไม่ได้ สีหน้าของนางแสดงความเป็นห่วง ก่อนจะก้มหน้าลงมองเด็กน้อยทั้งสองอีกครั้งเด็กๆ กำลังนอนขดตัวอยู่บนเตียงเตาและขยับเข้าหาร่างของเธอ แต่ทว่าความหนาวเย็นจากลมหนาวที่รุนแรงก็ทำให้พวกเขาเหมือนจะสู้ไม่ไหว ริมฝีปากของเด็กน้อยทั้งคู่เริ่มซีดและสั่นเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความหนาวเหน็บที่พวกเขาต้องทน หยางซีซีรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นภาพนั้น นางค่อยๆ ลูบใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสองเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน ราวกับกลัวว่าพวกเขาจะตื่นจากการหลับเมื่อเห็นว่าผิวหน้าของเด็กๆ เริ่มผ่อนคลายลง นางใช้ฝ่ามือที่ตอนนี้มีพลังของหัตถ์เทวะวิ่งวนอยู่ ลูบไปที่เสื้อผ้าของเด็กๆ อย่างเบามือ ทันใดนั้น เสื้อผ้าที่เคยเ
บทสุดท้าย : ฝาแฝดหงส์มังกร / การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายวันเวลาผ่านไปหลายเดือนจนกระทั่งครรภ์ของหยางซีซีนั้นตั้งครรภ์ครบเก้าเดือน ครอบครัวหยางก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์สำคัญของตระกูล พวกเขาจองห้องพิเศษที่โรงพยาบาลเอาไว้และหยางซีซีก็เข้าพักทันทีในวันคลอด หยางซีซีต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างหนักในห้องคลอด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเธอทำให้หยางเฟยหลงที่ยืนรออยู่หน้าห้องคลอดเป็นกังวลจนเดินไปมาไม่หยุด เขามองไปยังประตูห้องคลอดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความกดดัน จนคุณพ่อหยางที่มีประสบการณ์มาหลายครั้งต้องตบบ่าเขาเบา ๆ และพูดขึ้นว่า"หยุดเดินไปมาได้แล้วเจ้าสาม พ่อเริ่มเวียนหัวเพราะตามดูเรานี่ล่ะ"หยางเฟยหลงถอนหายใจยาว พยายามสงบสติอารมณ์ แต่ความกังวลในใจยังคงไม่ลดลง เขาภาวนาให้ภรรยาและลูกน้อยปลอดภัย ในขณะที่เสียงร้องของหยางซีซีดังลอดออกมา เขายิ่งรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปช้าเหลือเกินและแล้วเมื่อเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง เสียงร้องของทารกดังขึ้นมาจากภายในห้องคลอด"อุแว้ อุแว้ อุแว้!!"เสียงดังลั่นห้องไปหมดเหมือนกับว่าพวกเขาไม่พอใจที่ถูกแม่เบ่งออกมาให้พบเจอกับโลกใหม่ หยางเฟยหลงรู้สึกเห
ตอนพิเศษ 2 ดร.หยางไป่หลงในวันที่อากาศสดใสวันหนึ่ง ดร.หยางไป่หลงกำลังยืนอยู่หน้าชั้นเรียน สอนนักศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เขามีท่าทีที่เป็นมิตรและเป็นกันเอง แต่ว่าขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความตั้งใจในการสอน หลังจบชั้นเรียน เขาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ เมื่อหันไปมองก็พบหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู เธอมีใบหน้าสวยงามคิ้วโค้งเรียว ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความมั่นใจ ตามประสาลูกสาวคนเล็กของคนรวยและมีอำนาจ เธอคือเซี่ยจื่อหานลูกสาวของนายพลเซี่ยและเป็นอาจารย์ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งในมหาวิทยาลัยชิงหัวเช่นกัน“ดร. หยางใช่ไหมคะ? ฉันเซี่ยจื่อหานเพิ่งมาร่วมงานที่นี่ เห็นได้ยินมาว่าคุณกำลังพัฒนาโครงการทดลองด้านปัญญาประดิษฐ์ ฉันเองก็สนใจงานวิจัยนี้เหมือนกัน”เซี่ยจื่อหานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอมองไปที่ชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่ความหล่อของเขานั้นเหมือนจะไม่ใช่ของจริงที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเธอ พลางถอนหายใจและคิดว่า …ไม่รู้ว่าจะหล่อไปทำไมหนักหนามาสอนเด็กสาวพวกนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันหยางไป่หลงหันมองเธอพร้อมกับยิ้มเล็กๆ“ใช่ครับ ผมก
ตอนพิเศษ 1 หยางไป่หลง อัจฉริยะในรอบ 100 ปี หลังจากที่หยางไป่หลงได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน เขาได้สร้างชื่อเสียงในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ไม่เพียงแค่มีผลการเรียนที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถเฉพาะตัวที่หายาก นั่นก็คือความจำแบบภาพถ่าย ทุกสิ่งที่เขาได้เห็นผ่านตา ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนทางวิชาการหรือภาพที่ซับซ้อน เขาก็สามารถจดจำได้ทั้งหมด นี่ทำให้หยางไป่หลงมีความได้เปรียบในการศึกษาและการทำงานวิจัยอย่างมากความสามารถในการจดจำของหยางไป่หลงทำให้เขาได้รับความสนใจจากอาจารย์และนักวิจัยหลายคน พวกเขาต่างเห็นศักยภาพในตัวของหยางไป่หลงว่ามีความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ และด้วยความสนใจเป็นพิเศษในด้านเทคโนโลยี เขามักจะใช้เวลาว่างทำการทดลองใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือการศึกษาปัญญาประดิษฐ์ เขาใช้เวลาหลายคืนในการคิดค้นโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในอนาคต***ระบบ AI เริ่มพัฒนาและนำมาใช้ในทศวรรษที่ 1950 โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านคอม
บทที่ 94 จุดจบ (จบ ) หลังจากงานเลี้ยงผ่านไปหลายวัน และในที่สุดประกาศเรื่องการปลดรัฐมนตรีเผยเฉินฟงก็ออกมา ตอนนี้เฟิงอวี้ชิงนั้นรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่เมื่อคิดถึงก้าวต่อไปของเธอ ก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้คงจะถึงเวลาที่เธอจะต้องกำจัดหมากที่หมดประโยชน์อย่างรัฐมนตรีเผยออกจากชีวิตแล้ว และเป้าหมายต่อไปของเธอก็คือ ท่านผู้นำประเทศ ดังนั้นเธอจึงได้คิดว่ารีบจัดการเคลียร์ปัญหาเล็กๆ อย่างรัฐมนตรีเผยยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะว่าในตอนนี้นั้นเธอได้ทราบแล้วว่า หยางฮองเฮานั้นคือภรรยาของรองรัฐมนตรีหยางเฟยหลง นั้นก็แปลได้ว่าพวกเขาย่อมมีอำนาจพอสมควร และหากว่าเธอต้องการที่จะอยู่เหนือพวกเขา เธอจำเป็นต้องได้ท่านผู้นำประเทศหนุนหลัง และการจะได้เขามานั้นก็ไม่ยากสำหรับเธอ เพราะว่าเรื่องเหล่านี้เธอทำมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยพลาดสักครั้งเลย เฟิงอวี้ชิงคิดอย่างมั่นใจในตัวเองเฟิงอวี้ชิงเดินเข้าไปในห้องของอดีตรัฐมนตรีเผยในยามดึก ห้องทั้งห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่ดังจากเตียง ร่างของรัฐมนตรีเผยนอนเหยียดยาวบนเตียง ดวงตาปิดสนิท แต่ใบหน้าแสดงถึงความเหนื่อยล้าและความแก่ชรา เฟิงอวี้ช
บทที่93 ตาต่อตาฟันต่อฟัน บรรยากาศรอบตัวทั้งสองคนกลายเป็นตึงเครียด ผู้คนรอบข้างที่สังเกตเห็นสายตาที่ทั้งสองส่งให้กันต่างก็รู้สึกถึงความอึดอัดและพลังที่ปะทะกันอย่างเงียบๆ ราวกับว่าโลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงพวกเขาทั้งสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน ความเกลียดชังที่ไม่มีทางจบสิ้น ความโกรธเคียดแค้นที่ฝังรากลึก ไม่ว่าจะเป็นหยางซีซีหรือเฟิงอวี้ชิง ต่างก็รู้ดีว่าการพบกันครั้งนี้อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงในอนาคตเฟิงอวี้ชิงก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังหยางซีซีอย่างไม่ละสายตา"คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้...หยางฮองเฮา" เสียงของเธอเต็มไปด้วยการยั่วยุและการท้าทาย ทันใดนั้นภาพอดีตที่เจียงกุ้ยเฟยเคยวางยาพิษทำร้ายหยางซีซีจนถึงแก่ความตายก็ผุดขึ้นมาในความคิดของทั้งสองฝ่ายหยางซีซีจำได้อย่างชัดเจนถึงวันที่เธอถูกไล่ล่าและเจ็บปวดจากความแค้นของเจียงกุ้ยเฟย ความโกรธที่เคยสงบลงกลับปะทุขึ้นมาในใจ ความรู้สึกเคียดแค้นที่เก็บซ่อนไว้เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มเย็นชาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น"เจ้าก็เหมือนกัน เจียงกุ้ยเฟย โลกกลมจริงๆ ข้าคิดว่าคงไม่ได้พบเจ้าที่นี่อ
บทที่ 92 การเผชิญหน้าครั้งที่หนึ่งเรื่องราวของหานหรูอี้และหวังเทียนซานยังคงดำเนินต่อไป โดยที่หานหรูอี้ยังคงให้เขาง้องอนอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ซึ่งอาการนั้นคล้ายกับที่หยางซีซีเคยเป็นมาก่อน ทำให้เธอรู้ว่าหมดเวลาที่จะเล่นตัวแล้วในเย็นวันหนึ่งเมื่อหวังเทียนซานพูดถึงเรื่องการแต่งงานของพวกเขา หานหรูอี้จึงตอบตกลงทันทีคำตอบนั้นทำให้หวังเทียนซานถึงกับงุนงงเล็กน้อยเนื่องจากไม่คิดว่าเธอจะยอมง่ายๆ หลังจากที่เขานั้นเคยของเธอแต่งงานอยู่หลายครั้ง"หรูอี้... คุณตอบตกลงจริงหรือ?" หวังเทียนซานถามด้วยความแปลกใจในน้ำเสียง เขายังคงมองหน้าหานหรูอี้ด้วยความไม่เชื่อหานหรูอี้ยิ้มบาง ๆ ให้เขา "ฉันตกลงแล้ว คุณคงไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรอกนะ?""ไม่... ไม่แน่นอน! ผมแค่... ผมแค่ไม่คิดว่าคุณจะยอมง่าย ๆ แบบนี้" หวังเทียนซานพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ แต่ในแววตาของเขามีความสุขที่ไม่อาจซ่อนได้หานหรูอี้มองเขาอย่างอ่อนโยน "ฉันเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน คุณรู้ไหมว่าฉันไม่ได้ต้องการให้คุณทรมานหรอก เพียงแต่อยากให้คุณเข้าใจว่าฉันต้องการความจริงใจจากคุณ"หวังเทียนซานยื่นมือมากุมมือขอ
บทที่ 91 สืบหาความจริง / ลักพาตัว“ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือคะ” คนที่ถามเป็นหยางซีซีนั้นเอง เพราะว่าตอนนี้หานหรูอี้นั้นไม่กำลังถูกปฐมพยาบาลอยู่ โชคดีที่แขนไม่หักเพียงแค่ร้าวเท่านั้น ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจชายหนุ่มคนนั้นอีกต่อไปแล้ว“ใช่ผมพบเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นรู้สึกว่าเขานั่งอยู่ข้างถนนเนื้อตัวมอมแมมมาก ในตอนนั้นมีคนกำลังจะลอบทำร้ายผมด้วย และเขาเป็นคนที่เข้ามาช่วยและจัดการคนเหล่านั้น ผมเห็นว่าเขามีฝีมือดีจึงได้รับเอาไว้ และให้เขาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่นาน แต่เพราะว่าฝีมือของเขานั้นเก่งกาจมากจนผมเลื่อนให้เขามาเป็นคนสนิทนี่แหละ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีบาดแผลขาดใหญ่ที่ด้านหลังศีรษะนั้น นั้นอาจจะทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร” ท่านผู้นำนั้นเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของคนสนิทของเขา ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องผัวเมียแต่หากว่าคนสนิทเขาทำคนท้องแล้วไม่ยอมรับเขาก็จะจัดการมันให้เอง“ท่านไม่ต้องสืบหาแล้วหล่ะค่ะ ฉันกับเขาหย่าขาดกันแล้วและฉันก็ออกจากบ้านเขามาแล้วด้วยค่ะ” หานหรูอี้ที่ฟังอยู่เอ่ยขึ้นมา“หย่า…หย่าตอนไหนผมยังไม่ได้เซ้นต์เอกสารอะไรเลยนะ” หวังเทียนซานที่มองดูหญิงสาวด้วยความไม่ชอ
บทที่ 90 ตั้งครรภ์ / ฉันเป็นเมียแกไงล่ะ..ไอ้บ้า!!!ครอบครัวหยางย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่งได้หลายเดือนแล้ว ตอนนี้ทุกคนในบ้านต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง พี่รองและสะใภ้รองหยางจิ้งและหยางฟู่เหยาไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทั้งสองมักจะลงไปที่เซินเจิ้นหรือจงไห่เพื่อดูที่ดินที่พวกเขาได้กว้านซื้อเอาไว้ โดยมีคนของนายพลเซี่ยจงติดตามไปด้วยและจัดการเรื่องการซื้อขายที่ดิน ซึ่งเมื่อนายพลเซี่ยลงมือแล้ว อะไรที่คิดว่าเป็นอุปสรรคต่างก็แหวกทางออกให้พวกเขาอย่างไม่ยากเย็นนักหยางเฟยหลงมีอาการแปลก ๆ ตั้งแต่เวียนหัว คลื่นไส้ อยากทานของเปรี้ยว ไปจนถึงการรู้สึกอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ทุกเช้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วถามหาน้ำมะนาวหรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้มเขียวหวาน หยางซีซีมองสามีด้วยสายตาขำขันในขณะที่เขานั่งทานมะม่วงดิบด้วยท่าทางพยายามกลบเกลื่อนอาการแพ้ท้องนั้นวันหนึ่งหยางเฟยหลงตื่นขึ้นแต่เช้าพร้อมกับอาการคลื่นไส้อย่างหนัก เขารีบลุกจากเตียงและวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่ออาเจียน เสียงอาเจียนดังออกมาจากห้องน้ำทำให้ทุกคนในบ้านต่างตกอกตกใจ หยางซีซีรีบเดินไปดูพร้อมกับความเป็นห่วง เมื่อเธอเปิดประตูห้องน้ำ เห็นหยางเฟยหลงนั่งทรุดอยู่กับพ
บทที่ 89 รับจางอี้เฉิงเข้าทำงาน / เงาในความทรงจำวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดครอบครัวตระกูลหยางก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง โดยมีเพียงพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ที่ยังอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพราะต้องดูแลโรงงานผลิตสบู่ร่วมกับจางอี้เฉิงที่มาเป็นผู้จัดการโรงงานให้ซึ่งเรื่องการได้จางอี้เฉิงพี่ใหญ่ของหยางฟู่เหยามาทำงานด้วยนั้น จำเป็นต้องเล่าย้อนหลังไปหลายเดือนก่อน วันนั้นหยางจิ้งขับรถผ่านไปและเห็นจางอี้เฉิงกำลังเดินเตะฝุ่นเพื่อหางานทำอยู่ เขาจึงได้จอดรถรับและพาไปร้านอาหารและหาที่คุยกันจางอี้เฉิงที่เคยเป็นหนุ่มหล่อและดูสง่างาม ตอนนี้กลับดูหมดสง่าราศีเพราะความลำบาก สภาพของเขาดูโทรมจนแทบจำไม่ได้ ผิวที่เคยขาวตอนนี้กลับคล้ำหมองและแห้งกร้าน ราวกับไม่ได้สัมผัสน้ำมาหลายวัน เสื้อผ้าที่เขาสวมนั้นเก่าและไม่สะอาดนัก มีกลิ่นอับและรอยขาดหลายแห่ง ใบหน้าที่เคยสดใสนนั้นเริ่มปรากฎรอยยับย่นขึ้นมา อาจเพราะความเครียดในชีวิตและการอดนอนอย่างต่อเนื่อง แววตาที่เคยมีประกายกลับดูหม่นหมองและอ่อนล้า สะท้อนถึงคืนวันที่ยากเข็ญและความกดดันที่แบกอยู่บนบ่า แววตาที่บ่งบอกถึงการผ่านความผิดหวังและความเหนื่อยล้ามาก ราวกับคนที่ต้องเผช