มนตกานต์ยิ้มอย่างสมใจ เพราะคนที่ทำอะไรซ้ำๆ กันไปมาแบบนั้น จะให้คิดอะไรได้ นอกจาก... กำลัง ‘ฟุ้งซ่าน’ และใครเป็นต้นเหตุแห่งความ ‘ซ่าน’ จนฟุ้งนั้นล่ะ
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏขึ้นบนหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เธอมี มือคว้ากระเป๋าเป้ใบเก่ง ควานหาสิ่งที่ต้องการโดยด่วน!
กล่องส่องทางไกลขนาดจิ๋วถูกนำออกมา เพราะชอบท่องเที่ยวดูโน่นนี่ตลอด ดังนั้นกล้องขนาดจิ๋วนี้จึงมีติดตัวไม่ขาด แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะให้มากกว่าทุกประโยชน์ที่เคยได้รับ เช่นตอนนี้
กำลังขยาย 30 เท่า ทำให้มองเห็นสิ่งที่ต้องการได้ชัด เมื่อเจ้าของเรือนร่างแข็งแกร่งว่ายไปถึงขอบสระก่อนจะดันตัวขึ้นสู่ด้านบน
ภาพหลังเลนส์นั้นปรากฏชัดทุกสัดส่วน และพานให้เธอมองเห็นเสื้อผ้าที่พาดลวกๆ ไว้ที่เก้าอี้ขอบสระ นั่นคือเขายังไม่ได้ไปที่ห้องนอนใหญ่ แต่กลับเดินออกไปที่สระน้ำ ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ ก่อนจะพาความแข็งแกร่งนั้นลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อสงบอารมณ์
แค่คิด... มนตกานต์ก็ต้องทาบฝ่ามือเหนือตำแหน่งของหัวใจ เพราะก้อนเนื้อน้อยๆ เต้นรัวเร็ว เธอดีใจที่เห็นจิณณ์เป็นแบบนี้ และเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าจิณณ์ไปว่ายน้ำตอนนี้ทำไม
“อาจิ๋วคิดว่าน้ำเย็นๆ นั่นจะดับความร้อนได้หรือคะ ลูกเจี๊ยบว่ามันจะยิ่งฟุ้งซ่านมากกว่านะ”
ริมฝีปากแย้มยิ้มพึมพำกับตัวเอง ขณะยังมองภาพผ่านเลนส์ขยาย กล้ามเนื้อแน่นขนัดทุกสัดส่วน ยามที่โผล่พ้นน้ำ ไม่ว่าจะเป็นบ่าแกร่งน่าเอนศีรษะพักพิง แผ่นอกกว้างน่าซบใบหน้าลงเคล้าคลุก กล้ามเนื้อลอนหน้าท้องน่า... ต้นขาแข็งแรงก็น่า... ปลีน่องที่พาก้าวเดินอาดๆ นั้นก็น่า... และตรงส่วนนั้นก็น่า...
มนตกานต์รับรู้ได้ถึงความแห้งผากในลำคอ และเลือดลมที่สูบฉีดไปทั่วร่าง แต่ร่างกายกลับสะท้านสั่นไหว จนฝืนทนดูอยู่ไม่ไหว ก็ตรงนั้นของอาจิ๋วน่ะ ไม่ ‘จิ๋ว’ เลยสักนิด
ร่างงามทรุดลงนั่งข้างหน้าต่าง ได้แต่แอบมองจิณณ์ไกลๆ ไม่กล้าใช้กล้องส่องจนเห็นใกล้ขนาดนั้นอีก ทว่ากลับไม่อาจสลัดไล่ความ ‘ใหญ่’ ไม่สมชื่อ ‘จิ๋ว’ ของจิณณ์ได้เลย
“ลูกเจี๊ยบ... นี่แกหื่นขนาดนี้เชียวเหรอ อึ๊ยยยยย... ยัยบ้า! ถ้าฉันรู้ว่าแกจะหื่นขนาดนี้ ฉันคงไม่... อืม... ฉันก็คงทำเหมือนเดิมนั่นแหละ”
มนตกานต์บอกตัวเองก่อนจะค่อยๆ โผล่ศีรษะขึ้นเหนือกรอบหน้าต่างเพื่อลอบมองจิณณ์อีกครั้ง จิณณ์ยังคงว่ายวนอยู่ในสระไม่หยุด และเธอก็ยังคงแอบมอง ภาพความทรงจำของมนตกานต์ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน เหตุผลที่เธอชอบห้องนี้มากที่สุด
เธอพูดจริงที่ว่าใช้มุมนี้สำรวจบรรดาเพื่อนฝูงของพ่อแม่ เพื่อคำนวณเวลาว่าเธอควรจะออกไปร่วมงานสังสรรค์ในเวลาไหน แต่นั่นไม่ใช่ว่าเธออายในความขี้เหร่ของตัวเอง พ่อแม่สอนเธอเสมอว่า...
‘ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง’ และ ‘คนจะสวย สวยที่ใจ ใช่ใบหน้า’
เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มจะเป็นสาว แม่ก็พร่ำสอนให้เธอมองความดีงามในจิตใจมากกว่าจะมองเพียงรูปร่างหน้าตา แม่ให้เธอดูภาพของแม่ในวัยเดียวไล่เลี่ยกันกับเธอ หน้าตาของแม่ในขณะนั้นก็ขี้เหร่ไม่ทิ้งเธอสักเท่าไร แต่แม่ในวัย 40 ต้นๆ กลับสวยงามจนเธอต้องชื่นชม
แม่บอกว่าตอนนี้เธออยู่ในวัยตั้งใจเรียน ธรรมชาติสร้างสิ่งที่เหมาะสมมาให้แล้ว เพราะหน้าตาธรรมดาจะได้ไม่มีอะไรมาทำให้ใจว่อกแว่กไปเรื่องอื่นได้ ให้เธอมุ่งเน้นแต่เรื่องเรียน ดังนั้นความอายในรูปลักษณ์จึงห่างไกลจาก ‘เด็กหญิงลูกเจี๊ยบ’ ในวัยเยาว์ไปมาก
แต่สิ่งหนึ่งที่เธออาย จนต้องอยู่แต่ในห้องก็เพื่อลอบแอบมองหนึ่งในเพื่อนของพ่อ คนที่ทำให้เธอรู้สึกวูบวาบบนใบหน้าทุกครั้งที่ได้เห็น ได้เข้าใกล้ จนสุดท้ายเธอก็ไม่กล้าใกล้เขา และเปลี่ยนเป็นคอยแอบมองอยู่อย่างนี้ และก็คือคนเดียวกันกับที่กำลังว่ายวนอยู่ในสระน้ำนั่นไง
‘อาจิ๋ว’ ในวัย 30 ต้นๆ ดูดีและใจดีกับเธอเป็นที่สุด ไม่ว่าอาจิ๋วจะไปดูงานที่ไหน ก็มักจะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากเธอเป็นประจำ เพราะอาจิ๋วเอ็นดูเธอ หรือสงสารในความขี้เหร่ของเธอก็ไม่รู้ได้ รู้เพียงแต่ว่าเด็กอ้วน ฟันจอบ ใส่แว่นตาหนาเตอะ ไว้ผมม้าเต่อนั้น ไม่เคยมองผู้ชายคนไหนแบบที่มองอาจิ๋วเลยสักครั้ง
อาการลอบมองอาจิ๋วในวันนั้น ก็คงไม่ต่างจากวันนี้ เพราะจากวันนี้ที่ทุกห้องของหัวใจเธอมีอาจิ๋วจับจอง วันนี้อาจิ๋วก็ยังอยู่แบบคับอกคับใจเธอ เพราะความรักที่เธอมีต่ออาจิ๋วมันท่วมท้นจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
จากวันที่รู้ตัวว่า ‘รัก’ อาจิ๋ว เข้าเต็มใจ เธอก็พยายามทุกทางที่จะเป็นผู้หญิงในอุดมคติของอาจิ๋วให้ได้ เมื่อเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย แม่บอกว่ายังคิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เธอก็ไม่ขัด
เธอวางแผนทุกขั้นตอน เริ่มจากการสืบเสาะว่าอาจิ๋วชอบผู้หญิงแบบไหน ถ้าพอจะหาข้อมูลได้ เธอก็จะเอามาวิเคราะห์ รวมทั้งคู่ควงที่อาจิ๋วเปลี่ยนหน้าไม่ซ้ำกันแต่ละเดือน ตามประสาหนุ่มหล่อ บ้านรวย ความสามารถเด่น เธอก็นำบุคลิกพวกนางมาศึกษา จนได้ยินแม่คุยกับพ่อเรื่องสาวๆ ในสต็อกของอาจิ๋ว แล้วพ่อบอกว่าอาจิ๋วน่ะชอบสาวสวย เปรี้ยว เฉี่ยว หวานๆ ซนๆ ลุยก็ได้ แต่เวลาสวยก็ต้องสะเด็ด
โดยพ่อยกตัวอย่างดาราสาวสวยแห่งฮอลีวูดที่อาจิ๋วชอบเป็นพิเศษ นั่นล่ะรูปแบบที่เธอต้องศึกษา ดังนั้นหลังจากสอบเข้าคณะที่ตั้งใจได้ เธอก็เริ่มแปลงโฉมเด็กอ้วนขี้เหร่คนนั้น จนกลายเป็นสาวสวยคนนี้
แน่นอนว่าสวยเพอร์เฟคเด็ดสะระตี่อย่างเธอ หนุ่มๆ ทั้งมหาลัยฯ แทบจะมาขายขนมจีบ แต่อย่าหวังว่าเธอจะมองใคร เพราะเธอมีอาจิ๋วติดหัวใจไปด้วยทุกที่
มนตกานต์หยิบสมุดบันทึกเล่มเน่าออกจากกระเป๋าสะพาย ด้านในนั้นมีทุกความรู้สึกที่เธอมีต่อจิณณ์ ทั้งรูปของเขาในหลากหลายอิริยาบถ รูปถ่ายที่เธอแอบจิ๊กมาจากห้องพ่อ รูปภาพจากนิตยสารแต่งบ้าน หรือแม้แต่รูปที่เธอแคปมาจากในเฟสบุ๊คส์แล้วปริ้นต์มาเก็บไว้ แต่รูปที่เธอรักมากที่สุดก็คือ รูปภาพเด็กตัวอ้วน ใส่แว่นหนาเตอะ ที่อาจิ๋วโอบกอดอยู่ด้านหลัง นับจากนี้ไป อาจิ๋วจะกอดใครไม่ได้อีก เธอกลับมาทวงคืนแล้ว “อาจิ๋ว... ลูกเจี๊ยบให้เวลาอาจิ๋วหาเศษหาเลยมาหลายปีแล้วนะคะ ถึงเวลาที่อาจิ๋วต้องเป็นของลูกเจี๊ยบแล้วล่ะค่ะ นับจากวันนี้ไป อาจิ๋วจะกอดใครไม่ได้อีก ในอ้อมกอดของอาจิ๋วต้องเป็นลูกเจี๊ยบเท่านั้น หรือถ้าอาจิ๋วอยากจะกำ ลูกเจี๊ยบก็จะยอมให้อาจิ๋วกำค่ะ แม้จะขัดใจแม่ไปสักหน่อย ลูกเจี๊ยบก็ยอม แต่นั่นจะเกิดหลังจากลูกเจี๊ยบมั่นใจว่าอาจิ๋วอยากปีนขึ้นมาหาลูกเจี๊ยบนะคะ” มนตกานต์นึกถึงคำเตือนแกมตำหนิของแม่ เธอรู้ว่าแม่หวังดีกับเธอเสมอ และคงไม่มีใครในโลกใบนี้ที่จะรักเธอได้เท่าแม่อีกแล้ว เพราะแม่เข้าใจเธอทุกอย่าง แม่ดูแลเธอเป็นอย่างดี จนสังเกตเห็นความผิดปกติในหัวใจดวงนี้แต่แม่ก็ไม่พูดใ
เสียงกระเส่าเชิญชวนทำให้เขาหมดทุกความยับยั้ง ลำคอแห้งผากอยากน้ำสุดๆ ฝ่ามือกอบกำสาบเสื้อเชิ้ตทั้งสองด้าน ก่อนจะกระชากออกจากกัน “อาจิ๋ว!! อาจิ๋ว!!” ปัง! ปัง! ปัง! เฮือก! จิณณ์สะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นทันที ก่อนที่ประสาทสัมผัสทุกส่วนจะรับรู้กับสิ่งรอบตัว เสียงเคาะประตูรัวจากด้านนอก เสียงหวานๆ ที่ตะโกนเรียก ‘อาจิ๋วๆ’ ไม่หยุด รวมทั้งแสงแดดที่รอดผ่านเข้ามาตามแนวผ้าม่าน นั่นทำให้ดวงตาคมเข้มขยายกว้าง คำนวณเรื่องราวก่อนหน้านี้กับเรื่องปัจจุบันทันด่วนที่เขาต้องจัดการโดยเร็ว และสายตาที่มองลงต่ำก็เห็น... “ตายโหงล่ะไอ้จิ๋ว” จิณณ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ เพราะไอ้ตัวไม่จิ๋วสมชื่อกำลังประท้วงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ในความฝัน มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุด เพราะตอนนี้มันพร้อมแล้วสำหรับการ ‘เช็ด’ “อาจิ๋ว!! ตื่นยังคะ ลูกเจี๊ยบเอาเสื้อผ้ามาให้ อาจิ๋ว!! อาจิ๋วคะ! อาจิ๋ว!!” เสียงหวานๆ ด้านนอกยังตะโกนเร่งเร้า ทำให้ความทรงจำเมื่อคืนกลับมาจนครบ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเพียง 10% แต่เขาดันมาต่อยอดได้จนจะครบ 100% อยู่รอมร่อ แค่เธอจะไม่มาเคาะ แต่ตอนนี้ต้
เขาตอบไปแบบนั้นทั้งที่อยากจะเข้าไปที่สุด เพราะถ้าไม่คิดว่ามนตกานต์เป็นลูกสาวของเพื่อน หญิงสาวและสวยขนาดนี้ ใส่ชุดนอนเป็นเสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวเดียว ความยาวน่ะเหรอ ก็แค่ปิดขาอ่อนได้อย่างหมิ่นเหม่ แถมด้วยกระดุมเม็ดบนก็ยังไม่ติด เขาคงอดคิดไม่ได้ว่านี่คือการเชื้อเชิญ แต่เพราะมนตกานต์ถือว่าเป็นหลานสาวของเขาน่ะสิ เขาเลยคิดแบบนั้นไม่ได้ เอิ่ม... แต่นั่นกี่เม็ดกันล่ะ 1 หรือ 2 เม็ดที่เป็นอิสระจากการเกาะกุม ‘อาจิ๋วคะ... อาจิ๋ว...’ ‘ฮะ... ลูกเจี๊ยบว่าอะไรนะ’ ‘ลูกเจี๊ยบว่าอาจิ๋วมองเหม่ออะไรคะ’ ‘อา... อาน่ะเหรอเหม่อ’ ‘ใช่ค่ะ เหม่อและก็มองลูกเจี๊ยบตาไม่กะพริบเลยค่ะ อาจิ๋วคิดอะไรอยู่คะ’ ‘เอ่อ... อา... อาคิดว่าลูกเจี๊ยบไม่ควรใส่ชุดหมิ่นเหม่อย่างนี้น่ะสิ’ ‘หมิ่นเหม่เหรอคะ ตรงไหนคะอาจิ๋ว’ เธอที่ก้มลงสำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าบ้องแบ๊วขึ้นถาม นั่นทำให้จิณณ์ยิ่งต้องกัดฟันกรอด นี่เธอไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ ว่าตรงไหนกันที่มัน... #ยั่ว ‘ก็... ทุกตรงนั่นแหละ เป็นสาวเป็นนาง ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้
ใบหน้าหล่อร้ายส่ายไปมา เอนศีรษะพิงผนังห้อง เป่าลมออกจากปาก พยายามระงับความ ‘ตื่น’ เฉพาะส่วนให้ได้ และเมื่อคิดว่าบรรเทา จิณณ์ก็รีบพาตัวเองเข้าสู่ห้องอาบน้ำอย่างเร็ว หวังว่าน้ำเย็นๆ จะทำให้ ‘ไอ้ใหญ่’ หลับใหลไปได้อีกวัน ทว่าเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ เขาก็รู้ว่าคิดผิด เพราะ ‘ไอ้ใหญ่’ ตื่นเต้นชูคออีกครั้ง แค่ได้เห็นเสื้อผ้าที่มนตกานต์เตรียมไว้ให้ เพราะเธอช่าง... ตอนที่เธอยื่นหอบเสื้อผ้ามาให้ เขาก็รับมาโดยไม่ได้ดูว่าเธอเตรียมอะไรมาให้บ้าง เพราะถ้าขาดเหลืออะไรก็คงขอเข้าไปหยิบ ทว่าที่เห็นนั่น มนตกานต์เตรียมมาพร้อมสรรพ แม้แต่... ‘กางเกงใน’ พร้อมกระดาษโน้ตมีลายมือกระยุกกระยิกตามสมัยนิยมเขียนไว้ และจำเพาะที่เธอสอดไว้ที่บริเวณ ‘เป้า’ ที่พับขึ้นมาจนนูนเด่น ลูกเจี๊ยบไม่แน่ใจว่าอาจิ๋วอยากใส่สีไหนแบบไหนน่ะค่ะ ก็เลยเอามาอย่างละตัว... อีกครั้งที่จิณณ์ต้องหลับตาข่มความรู้สึก เพราะ ‘ไอ้ใหญ่’ ขยันประท้วงบ่อยครั้ง นั่นเพราะมันรู้น่ะสิว่ามนตกานต์สัมผัสตรงส่วนนั้น และเธอต้องสัมผัสนานเท่าไร จึงจะพับกางเกงใน 3 สี 2 แบบนี้จนครบทั้ง 6 ตัว นั่นหมายความว่า... เธอลูบไล้บริเวณเป้าของเขา ห
‘ก็นั่นล่ะลูกเจี๊ยบ เหตุผลของอา เพราะไม่มีใครรู้เห็นน่ะสิว่าอาจะทำอะไร อาถึงต้องไปให้ห่าง ก่อนที่อาจะอดรนทนไม่ไหว... และทำสิ่งนั้นกับลูกเจี๊ยบซะเอง’ นั่นเขาได้แค่คิด เพราะหยาดน้ำตาของมนตกานต์ยังไหลออกมาไม่หยุด “หรือจริงๆ แล้ว อาจิ๋วอยากไปอยู่คอนโดฯ เพราะสาเหตุอื่นคะ” “สาเหตุอะไร” เขาถามเพราะน้ำเสียงของมนตกานต์แปลกไป ดวงตาฉ่ำน้ำนั้นตวัดวาบขึ้นมองดูเขา เธอไม่พอใจในสิ่งที่กำลังคิด แต่อะไรล่ะ “อะไรเหรอลูกเจี๊ยบ สาเหตุที่ลูกเจี๊ยบคิดว่าอาจะไป” “ก็อาจิ๋วอยากมีพื้นที่ส่วนตัวไว้อยู่กับลูกไก่ในกำมือของอาจิ๋วยังไงล่ะ ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะเหตุนี้ใช่มั้ย อาจิ๋วถึงทนอยู่ร่วมบ้านกับลูกเจี๊ยบไม่ได้ อาจิ๋วกลัวลูกไก่ของอาจิ๋วจะบินหนีไปหมดใช่มั้ยล่ะ” “ไปกันใหญ่แล้วลูกเจี๊ยบ ไม่ใช่เหตุผลของอาเลย” “ไม่ใช่แล้วอะไรล่ะคะ ถ้าแค่เรื่องคนครหา ลูกเจี๊ยบว่าอาจิ๋วไม่ได้บอบบางขนาดนั้น เพราะลูกเจี๊ยบเป็นผู้หญิง ลูกเจี๊ยบยังไม่คิดเลยค่ะ พ่อกับแม่ก็ยังไม่ว่า แล้วอาจิ๋วจะแคร์ใครล่ะคะ” “แคร์เรานั่นแหละ...” “แคร์ลูกเจี๊ยบ” “
จิณณ์ได้แต่ถอนลมหายใจออกเบาๆ เพราะไม่กล้าหันไปพูดอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าหันก็เท่ากับว่า... ‘อืม... หอมจนใจจะขาด ลูกเจี๊ยบ... ใจคอ จะหอมตั้งแต่เส้นผมยันบั้นท้ายเลยหรือไงนะ’ ทว่าเสียงทอดถอนลมหายใจก็ยังดังพอให้คนด้านข้างได้ยิน มนตกานต์เคลื่อนตัวเองลงมานั่งที่เบาะดังเดิม ยังไม่กล้าพูดอะไรเพราะไม่รู้ว่าเวลานี้คุณอาสุดหล่ออยู่ในอารมณ์ไหน แต่เมื่อเหลือบเห็นหัวคิ้วผูกโบว์ของจิณณ์ ดวงตาสวยฉายแววฉงนก่อนจะตัดสินใจถาม “อาจิ๋ว... โกรธอะไรลูกเจี๊ยบอีกคะ” “ไม่ได้โกรธ” จิณณ์ตอบพลางเคลื่อนรถออกจากหน้าร้านขนม แล่นตรงไปตามเน้นทางไปสู่ออฟฟิศ “ไม่ได้โกรธแล้วทำไมหน้าบึ้งล่ะคะ หัวคิ้วผูกโบว์ น้ำเสียงห้วนๆ พูดไม่มองหน้า” จิณณ์หันมองมนตกานต์แวบหนึ่งก่อนจะหันมองถนนด้านหน้าต่อ “ไม่เห็นเหรอว่าขับรถอยู่ จะให้พูดแล้วมองหน้าได้ยังไง” “อาจิ๋วนี่ทำตัวแปลกๆ นะคะ ไม่พอใจอะไรก็ไม่บอก เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก หรือเพิ่งมาเป็นตอนแก่คะ” คำพูดเจ็บจี๊ดไปถึงกระดองใจก็คือคำว่า ‘แก่’ นี่แหละ แต่จิณณ์กลับต้องยิ่งข่มใจ เพราะถ้าเขาโวยนั่นคือเข้าทางมนตกานต์
มนตกานต์อธิบายยืดยาวและจบลงเมื่อจิณณ์เลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงเรือนบริเวณร่มไทรใหญ่ “นี่ไงคะ” มนตกานต์ยื่นโทรศัพท์ของเธอให้กับจิณณ์ จิณณ์รับโทรศัพท์จากฝ่ามือขาวเนียน หน้าจอเปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ค้างเอาไว้ ห้องสนทนาที่เปิดค้างอยู่คือ ไลน์กลุ่มที่มีชื่อว่า ‘JINN’ เนื้อหาคร่าวๆ เป็นบทสนทนาปรึกษาหารือเรื่องการรับรองลูกค้าในช่วงเช้าวันนี้ และก็มีภาพในร้านขนมที่มนตกานต์เพิ่งจะเดินออกมา มีภาพขนมหลากหลายชนิด เครื่องดื่มหลากหลายอย่าง และภาพที่ก้อปปี้วางตอบกลับมาก็คือ ภาพขนมและเครื่องดื่มที่วีนาเลือก พร้อมเขียนกำกับด้านล่างว่า อย่าลืมเอาบิลมาเบิกนะ แต่ทำไมมนตกานต์มีบิลเงินสด 2 ใบ “อ้าว... แล้วทำไมลูกเจี๊ยบต้องแยกบิล ทำไมไม่ให้เขียนใบเดียวกัน” ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากร้านขนม เขาเห็นมนตกานต์เปิดกระเป๋าเงินเอาใบเสร็จใส่เข้าไป ไม่ใช่ใบเดียวแน่ “อ้อ... ก็แยกเป็นสองบิลน่ะค่ะ ที่อยู่ฝั่งโน้นคือที่ลูกเจี๊ยบซื้อตามที่ป้านาสั่ง ส่วนทางฝั่งนี้คือที่ลูกเจี๊ยบซื้อไปฝากพี่ๆ ที่ออฟฟิศไงคะ” มนตกานต์ชี้นิ้วไปด้านหลังที่เบาะนั่งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา “นั่
สาวสวยที่เธอจำได้ว่าเป็นดาราวัยรุ่นที่อายุจริงเลยวัยมหาลัยไปแล้ว แต่หน้าเด็กยังกับเด็กมัธยม อาจิ๋วควงหล่อนมาเปิดบ้านพักส่วนตัว ในเวลานั้นหัวใจเธอเจ็บร้าว สั่นไปทั้งร่าง ได้แต่ไปแอบร้องไห้เงียบๆ คนเดียว เพราะเงาสะท้อนจากกระจกบานใหญ่ บ่งบอกความจริงทุกอย่าง ไม่มีส่วนใดในร่างกายของเธอที่จะสู้ดาราวัยรุ่นคนนั้นได้ เธออ้วน ฟันจอบ หน้าสิวเขรอะ ทรงผมก็แสนเชย มองแล้วเหมือนใส่หมวกกันน็อคอยู่ตลอดเวลา แม้จะได้ยินเสียงแม่ร้องบอกว่าอาจิ๋วมา และซื้อขนมมาฝากเธอด้วย แต่เธอก็หาทางเลี่ยงจะไม่เจออาจิ๋วจนได้ จนเธอเข้ามหาลัยได้ตามใจหวัง อาจิ๋วก็เริ่มห่างไปไม่ได้ขึ้นมาเชียงใหม่บ่อยเหมือนแต่ก่อน พ่อคุยกับแม่ว่าอาจิ๋วเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง นานๆ ที อาจิ๋วถึงจะแวะเวียนมาที่รีสอร์ท แน่นอนว่าไม่ได้เจอเธอ เพราะเธอย้ายไปอยู่คอนโดฯ ใกล้มหาลัย แต่เธอรู้ทุกอย่างที่เป็นเขา ไม่ว่าผู้บริหารหนุ่มหล่อของ ‘JINN’ จะไปที่ไหน โลกโชเชียลฯ ก็ทำให้เธอใกล้อาจิ๋วได้แค่ปลายนิ้วมือ ทุกอย่างที่อาจิ๋วชื่นชอบเธอไม่เคยไม่รู้ เหมาะทั้งหมดนั้นอยู่ในตัวเธอคนนี้ “ถึงเวลารุกฆาตแล้วค่ะอาจิ๋ว” ม