ใบหน้าหล่อร้ายส่ายไปมา เอนศีรษะพิงผนังห้อง เป่าลมออกจากปาก พยายามระงับความ ‘ตื่น’ เฉพาะส่วนให้ได้ และเมื่อคิดว่าบรรเทา จิณณ์ก็รีบพาตัวเองเข้าสู่ห้องอาบน้ำอย่างเร็ว หวังว่าน้ำเย็นๆ จะทำให้ ‘ไอ้ใหญ่’ หลับใหลไปได้อีกวัน ทว่าเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ เขาก็รู้ว่าคิดผิด เพราะ ‘ไอ้ใหญ่’ ตื่นเต้นชูคออีกครั้ง แค่ได้เห็นเสื้อผ้าที่มนตกานต์เตรียมไว้ให้ เพราะเธอช่าง... ตอนที่เธอยื่นหอบเสื้อผ้ามาให้ เขาก็รับมาโดยไม่ได้ดูว่าเธอเตรียมอะไรมาให้บ้าง เพราะถ้าขาดเหลืออะไรก็คงขอเข้าไปหยิบ ทว่าที่เห็นนั่น มนตกานต์เตรียมมาพร้อมสรรพ แม้แต่... ‘กางเกงใน’ พร้อมกระดาษโน้ตมีลายมือกระยุกกระยิกตามสมัยนิยมเขียนไว้ และจำเพาะที่เธอสอดไว้ที่บริเวณ ‘เป้า’ ที่พับขึ้นมาจนนูนเด่น ลูกเจี๊ยบไม่แน่ใจว่าอาจิ๋วอยากใส่สีไหนแบบไหนน่ะค่ะ ก็เลยเอามาอย่างละตัว... อีกครั้งที่จิณณ์ต้องหลับตาข่มความรู้สึก เพราะ ‘ไอ้ใหญ่’ ขยันประท้วงบ่อยครั้ง นั่นเพราะมันรู้น่ะสิว่ามนตกานต์สัมผัสตรงส่วนนั้น และเธอต้องสัมผัสนานเท่าไร จึงจะพับกางเกงใน 3 สี 2 แบบนี้จนครบทั้ง 6 ตัว นั่นหมายความว่า... เธอลูบไล้บริเวณเป้าของเขา ห
‘ก็นั่นล่ะลูกเจี๊ยบ เหตุผลของอา เพราะไม่มีใครรู้เห็นน่ะสิว่าอาจะทำอะไร อาถึงต้องไปให้ห่าง ก่อนที่อาจะอดรนทนไม่ไหว... และทำสิ่งนั้นกับลูกเจี๊ยบซะเอง’ นั่นเขาได้แค่คิด เพราะหยาดน้ำตาของมนตกานต์ยังไหลออกมาไม่หยุด “หรือจริงๆ แล้ว อาจิ๋วอยากไปอยู่คอนโดฯ เพราะสาเหตุอื่นคะ” “สาเหตุอะไร” เขาถามเพราะน้ำเสียงของมนตกานต์แปลกไป ดวงตาฉ่ำน้ำนั้นตวัดวาบขึ้นมองดูเขา เธอไม่พอใจในสิ่งที่กำลังคิด แต่อะไรล่ะ “อะไรเหรอลูกเจี๊ยบ สาเหตุที่ลูกเจี๊ยบคิดว่าอาจะไป” “ก็อาจิ๋วอยากมีพื้นที่ส่วนตัวไว้อยู่กับลูกไก่ในกำมือของอาจิ๋วยังไงล่ะ ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะเหตุนี้ใช่มั้ย อาจิ๋วถึงทนอยู่ร่วมบ้านกับลูกเจี๊ยบไม่ได้ อาจิ๋วกลัวลูกไก่ของอาจิ๋วจะบินหนีไปหมดใช่มั้ยล่ะ” “ไปกันใหญ่แล้วลูกเจี๊ยบ ไม่ใช่เหตุผลของอาเลย” “ไม่ใช่แล้วอะไรล่ะคะ ถ้าแค่เรื่องคนครหา ลูกเจี๊ยบว่าอาจิ๋วไม่ได้บอบบางขนาดนั้น เพราะลูกเจี๊ยบเป็นผู้หญิง ลูกเจี๊ยบยังไม่คิดเลยค่ะ พ่อกับแม่ก็ยังไม่ว่า แล้วอาจิ๋วจะแคร์ใครล่ะคะ” “แคร์เรานั่นแหละ...” “แคร์ลูกเจี๊ยบ” “
จิณณ์ได้แต่ถอนลมหายใจออกเบาๆ เพราะไม่กล้าหันไปพูดอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าหันก็เท่ากับว่า... ‘อืม... หอมจนใจจะขาด ลูกเจี๊ยบ... ใจคอ จะหอมตั้งแต่เส้นผมยันบั้นท้ายเลยหรือไงนะ’ ทว่าเสียงทอดถอนลมหายใจก็ยังดังพอให้คนด้านข้างได้ยิน มนตกานต์เคลื่อนตัวเองลงมานั่งที่เบาะดังเดิม ยังไม่กล้าพูดอะไรเพราะไม่รู้ว่าเวลานี้คุณอาสุดหล่ออยู่ในอารมณ์ไหน แต่เมื่อเหลือบเห็นหัวคิ้วผูกโบว์ของจิณณ์ ดวงตาสวยฉายแววฉงนก่อนจะตัดสินใจถาม “อาจิ๋ว... โกรธอะไรลูกเจี๊ยบอีกคะ” “ไม่ได้โกรธ” จิณณ์ตอบพลางเคลื่อนรถออกจากหน้าร้านขนม แล่นตรงไปตามเน้นทางไปสู่ออฟฟิศ “ไม่ได้โกรธแล้วทำไมหน้าบึ้งล่ะคะ หัวคิ้วผูกโบว์ น้ำเสียงห้วนๆ พูดไม่มองหน้า” จิณณ์หันมองมนตกานต์แวบหนึ่งก่อนจะหันมองถนนด้านหน้าต่อ “ไม่เห็นเหรอว่าขับรถอยู่ จะให้พูดแล้วมองหน้าได้ยังไง” “อาจิ๋วนี่ทำตัวแปลกๆ นะคะ ไม่พอใจอะไรก็ไม่บอก เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก หรือเพิ่งมาเป็นตอนแก่คะ” คำพูดเจ็บจี๊ดไปถึงกระดองใจก็คือคำว่า ‘แก่’ นี่แหละ แต่จิณณ์กลับต้องยิ่งข่มใจ เพราะถ้าเขาโวยนั่นคือเข้าทางมนตกานต์
มนตกานต์อธิบายยืดยาวและจบลงเมื่อจิณณ์เลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงเรือนบริเวณร่มไทรใหญ่ “นี่ไงคะ” มนตกานต์ยื่นโทรศัพท์ของเธอให้กับจิณณ์ จิณณ์รับโทรศัพท์จากฝ่ามือขาวเนียน หน้าจอเปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ค้างเอาไว้ ห้องสนทนาที่เปิดค้างอยู่คือ ไลน์กลุ่มที่มีชื่อว่า ‘JINN’ เนื้อหาคร่าวๆ เป็นบทสนทนาปรึกษาหารือเรื่องการรับรองลูกค้าในช่วงเช้าวันนี้ และก็มีภาพในร้านขนมที่มนตกานต์เพิ่งจะเดินออกมา มีภาพขนมหลากหลายชนิด เครื่องดื่มหลากหลายอย่าง และภาพที่ก้อปปี้วางตอบกลับมาก็คือ ภาพขนมและเครื่องดื่มที่วีนาเลือก พร้อมเขียนกำกับด้านล่างว่า อย่าลืมเอาบิลมาเบิกนะ แต่ทำไมมนตกานต์มีบิลเงินสด 2 ใบ “อ้าว... แล้วทำไมลูกเจี๊ยบต้องแยกบิล ทำไมไม่ให้เขียนใบเดียวกัน” ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากร้านขนม เขาเห็นมนตกานต์เปิดกระเป๋าเงินเอาใบเสร็จใส่เข้าไป ไม่ใช่ใบเดียวแน่ “อ้อ... ก็แยกเป็นสองบิลน่ะค่ะ ที่อยู่ฝั่งโน้นคือที่ลูกเจี๊ยบซื้อตามที่ป้านาสั่ง ส่วนทางฝั่งนี้คือที่ลูกเจี๊ยบซื้อไปฝากพี่ๆ ที่ออฟฟิศไงคะ” มนตกานต์ชี้นิ้วไปด้านหลังที่เบาะนั่งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา “นั่
สาวสวยที่เธอจำได้ว่าเป็นดาราวัยรุ่นที่อายุจริงเลยวัยมหาลัยไปแล้ว แต่หน้าเด็กยังกับเด็กมัธยม อาจิ๋วควงหล่อนมาเปิดบ้านพักส่วนตัว ในเวลานั้นหัวใจเธอเจ็บร้าว สั่นไปทั้งร่าง ได้แต่ไปแอบร้องไห้เงียบๆ คนเดียว เพราะเงาสะท้อนจากกระจกบานใหญ่ บ่งบอกความจริงทุกอย่าง ไม่มีส่วนใดในร่างกายของเธอที่จะสู้ดาราวัยรุ่นคนนั้นได้ เธออ้วน ฟันจอบ หน้าสิวเขรอะ ทรงผมก็แสนเชย มองแล้วเหมือนใส่หมวกกันน็อคอยู่ตลอดเวลา แม้จะได้ยินเสียงแม่ร้องบอกว่าอาจิ๋วมา และซื้อขนมมาฝากเธอด้วย แต่เธอก็หาทางเลี่ยงจะไม่เจออาจิ๋วจนได้ จนเธอเข้ามหาลัยได้ตามใจหวัง อาจิ๋วก็เริ่มห่างไปไม่ได้ขึ้นมาเชียงใหม่บ่อยเหมือนแต่ก่อน พ่อคุยกับแม่ว่าอาจิ๋วเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง นานๆ ที อาจิ๋วถึงจะแวะเวียนมาที่รีสอร์ท แน่นอนว่าไม่ได้เจอเธอ เพราะเธอย้ายไปอยู่คอนโดฯ ใกล้มหาลัย แต่เธอรู้ทุกอย่างที่เป็นเขา ไม่ว่าผู้บริหารหนุ่มหล่อของ ‘JINN’ จะไปที่ไหน โลกโชเชียลฯ ก็ทำให้เธอใกล้อาจิ๋วได้แค่ปลายนิ้วมือ ทุกอย่างที่อาจิ๋วชื่นชอบเธอไม่เคยไม่รู้ เหมาะทั้งหมดนั้นอยู่ในตัวเธอคนนี้ “ถึงเวลารุกฆาตแล้วค่ะอาจิ๋ว” ม
เมื่อไปดูหน้างานของจริง ห้างสรรพสินค้าที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เก็บรายละเอียด จัดระบบน้ำ ระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อย มนตกานต์ที่สวมรองเท้าผ้าใบทะมัดทะแมงก็สามารถเดินร่วมสำรวจตรวจตราได้จนครบทุกพื้นที่ ไม่บ่น ไม่พูดแทรก แค่ตามจดทุกรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการ เมื่อออกจากห้างฯ แล้วจิณณ์พาทีมงานไปกินข้าวกันต่อ เพื่อจะได้สรุปรายละเอียดปลีกย่อยกันอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างคิดว่าอีกคนจดมา แต่กลับไม่มีใครบันทึกไว้ ทว่ามนตกานต์กลับจดมาครบ จากที่คิดว่าสมองของผู้หญิงคนหนึ่งไหลลงไปอยู่ที่นม ขิมเลยต้องก้มมองนมขนาด 32 นิ้วของตัวเอง แล้วก็พบว่าขนาดหน้าอกไม่ใช่ตัวชี้วัดระดับสติปัญญา ระหว่างคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานและมองมนตกานต์ที่จดข้อมูลลงในสมุดเล่มเล็ก อาร์ตที่พูดเสริมก็ทำให้ขิมหงุดหงิด “แต่ถ้าอยากสอบถามเป็นการส่วนตัว พี่สแตนบายรอน้องลูกเจี๊ยบยี่สิบสี่ชั่วโมงนะจ๊ะ” “ทะลึ่งแล้วอาร์ต ทำงานของตัวเองไปเถอะ ลูกเจี๊ยบไม่ต้องไปฟังมัน ฟังพี่ณัฐกับพี่ สองคนพอ” ขิมพูดแบบขวาง เพราะเกลียดความชีกอของอาร์ตที่สุด แต่เมื่อหันไปเห็นสายตาของณัฐที่มองมนตกานต์ อาการจี๊ดที่อกซีกซ้
“แล้วสรุปมีเรื่องอะไรกัน” “ไม่มีครับ” ณัฐกับอาร์ตตอบพร้อมกัน เหลือขิมที่ไม่ได้ตอบ จิณณ์จ้องหน้าขิม นั่นคือการบังคับให้พูดออกมา และเขาก็เห็นขิมหันมองทั้งสองหนุ่ม ณัฐยังคงนิ่ง ส่วนอาร์ตนั้นใช้สายตาขุ่นๆ มองขิม เชิงห้ามพูด “ว่าไงขิม มีเรื่องอะไร พูดมา” ขิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดในสิ่งที่จิณณ์คิดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นในสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะเร็วและวุ่นวายกับทีมงานเขาได้มากขนาดนี้ นั่นทำให้เขาต้องตัดสินใจ แน่นอนว่าแต่ละคนหน้าเหวอไปตามๆ กัน แต่ทำยังไงได้ นี่มันเรื่องงาน เขาย่อมต้องเห็นว่างานสำคัญกว่าทุกสิ่ง อะไรที่จะทำให้งานสะดุดเขาต้องกำจัดไปให้พ้น ไม่เว้นแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็น…“อะไรนะ! จิ๋วจะให้ลูกเจี๊ยบทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ให้มาที่ออฟฟิศ” วีนาเสียงดังเมื่อจิณณ์บอกสิ่งที่เขาตัดสินใจไปเมื่อครู่ เพื่อยุติปัญหาทุกเรื่อง “ใช่เจ้” “เหตุผลล่ะ นี่ลูกเจี๊ยบถือว่าเป็นพนักงานคนหนึ่งของเราแล้วนะ วันนี้เจ้ก็ยื่นเอกสารไปเรียบร้อยหมดแล้วด้วย จู่ๆ จิ๋วจะมาทำแบบนี้ได้ยังไง” “ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ผมแค่ให้ลูกเจี๊ยบทำงานอย
“ลูกเจี๊ยบถามว่า อาจิ๋วขับรถใจลอยแบบนี้เหรอคะ” “ไม่หนิ อาไม่ได้ใจลอย” “ไม่ใจลอย แล้วทำไมไม่ได้ยินที่ลูกเจี๊ยบถามล่ะคะ ถามตั้งนาน อาจิ๋วก็ได้แต่นิ่ง” มนตกานต์ถามแต่กลับได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของจิณณ์ นั่นทำให้เธอต้องเอ่ยถามอีกครั้ง “อาจิ๋วมีปัญหาเรื่องอะไรคะ เกี่ยวกับลูกเจี๊ยบหรือเปล่า” เธอถามเพราะอยากให้เขาพูดออกมา เธอรู้ทุกอย่างแล้วตั้งแต่นั่งอยู่หน้าห้องของวีนา เพราะขิมส่งข้อความมาบอก ขิมไม่อยากให้เธอไม่พอใจจิณณ์ เพราะสิ่งที่เขาตัดสินใจน่ะถูกต้องที่สุดแล้ว และวีนายังส่งข้อความมาสำทับตั้งแต่จิณณ์ก้าวเท้าออกจากห้องบัญชี พร้อมสั่งให้เธอไปเอากระเป๋าเพื่อเตรียมกลับบ้าน เสือหวงก้างซะแล้ว ... นั่นคือคำทิ้งท้ายที่วีนาบอก ซึ่งเธอดีใจที่สุด “อาจิ๋วคะ” “อาต้องใช้สมาธิในการขับรถ” มนตกานต์มองเสี้ยวหน้าหล่อ ในเมื่อจิณณ์ไม่พูดออกมาเธอก็ไม่ว่าอะไร มือแบบบางล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เปิดหน้าจอแอพพลิเคชั่นไลน์ “จะทำอะไรน่ะลูกเจี๊ยบ” “อ้อ... ลูกเจี๊ยบจะถามเรื่องงานพี่ณัฐหน่อยน่ะค่