จิณณ์ได้แต่ถอนลมหายใจออกเบาๆ เพราะไม่กล้าหันไปพูดอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าหันก็เท่ากับว่า... ‘อืม... หอมจนใจจะขาด ลูกเจี๊ยบ... ใจคอ จะหอมตั้งแต่เส้นผมยันบั้นท้ายเลยหรือไงนะ’ ทว่าเสียงทอดถอนลมหายใจก็ยังดังพอให้คนด้านข้างได้ยิน มนตกานต์เคลื่อนตัวเองลงมานั่งที่เบาะดังเดิม ยังไม่กล้าพูดอะไรเพราะไม่รู้ว่าเวลานี้คุณอาสุดหล่ออยู่ในอารมณ์ไหน แต่เมื่อเหลือบเห็นหัวคิ้วผูกโบว์ของจิณณ์ ดวงตาสวยฉายแววฉงนก่อนจะตัดสินใจถาม “อาจิ๋ว... โกรธอะไรลูกเจี๊ยบอีกคะ” “ไม่ได้โกรธ” จิณณ์ตอบพลางเคลื่อนรถออกจากหน้าร้านขนม แล่นตรงไปตามเน้นทางไปสู่ออฟฟิศ “ไม่ได้โกรธแล้วทำไมหน้าบึ้งล่ะคะ หัวคิ้วผูกโบว์ น้ำเสียงห้วนๆ พูดไม่มองหน้า” จิณณ์หันมองมนตกานต์แวบหนึ่งก่อนจะหันมองถนนด้านหน้าต่อ “ไม่เห็นเหรอว่าขับรถอยู่ จะให้พูดแล้วมองหน้าได้ยังไง” “อาจิ๋วนี่ทำตัวแปลกๆ นะคะ ไม่พอใจอะไรก็ไม่บอก เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก หรือเพิ่งมาเป็นตอนแก่คะ” คำพูดเจ็บจี๊ดไปถึงกระดองใจก็คือคำว่า ‘แก่’ นี่แหละ แต่จิณณ์กลับต้องยิ่งข่มใจ เพราะถ้าเขาโวยนั่นคือเข้าทางมนตกานต์
มนตกานต์อธิบายยืดยาวและจบลงเมื่อจิณณ์เลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงเรือนบริเวณร่มไทรใหญ่ “นี่ไงคะ” มนตกานต์ยื่นโทรศัพท์ของเธอให้กับจิณณ์ จิณณ์รับโทรศัพท์จากฝ่ามือขาวเนียน หน้าจอเปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ค้างเอาไว้ ห้องสนทนาที่เปิดค้างอยู่คือ ไลน์กลุ่มที่มีชื่อว่า ‘JINN’ เนื้อหาคร่าวๆ เป็นบทสนทนาปรึกษาหารือเรื่องการรับรองลูกค้าในช่วงเช้าวันนี้ และก็มีภาพในร้านขนมที่มนตกานต์เพิ่งจะเดินออกมา มีภาพขนมหลากหลายชนิด เครื่องดื่มหลากหลายอย่าง และภาพที่ก้อปปี้วางตอบกลับมาก็คือ ภาพขนมและเครื่องดื่มที่วีนาเลือก พร้อมเขียนกำกับด้านล่างว่า อย่าลืมเอาบิลมาเบิกนะ แต่ทำไมมนตกานต์มีบิลเงินสด 2 ใบ “อ้าว... แล้วทำไมลูกเจี๊ยบต้องแยกบิล ทำไมไม่ให้เขียนใบเดียวกัน” ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากร้านขนม เขาเห็นมนตกานต์เปิดกระเป๋าเงินเอาใบเสร็จใส่เข้าไป ไม่ใช่ใบเดียวแน่ “อ้อ... ก็แยกเป็นสองบิลน่ะค่ะ ที่อยู่ฝั่งโน้นคือที่ลูกเจี๊ยบซื้อตามที่ป้านาสั่ง ส่วนทางฝั่งนี้คือที่ลูกเจี๊ยบซื้อไปฝากพี่ๆ ที่ออฟฟิศไงคะ” มนตกานต์ชี้นิ้วไปด้านหลังที่เบาะนั่งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา “นั่
สาวสวยที่เธอจำได้ว่าเป็นดาราวัยรุ่นที่อายุจริงเลยวัยมหาลัยไปแล้ว แต่หน้าเด็กยังกับเด็กมัธยม อาจิ๋วควงหล่อนมาเปิดบ้านพักส่วนตัว ในเวลานั้นหัวใจเธอเจ็บร้าว สั่นไปทั้งร่าง ได้แต่ไปแอบร้องไห้เงียบๆ คนเดียว เพราะเงาสะท้อนจากกระจกบานใหญ่ บ่งบอกความจริงทุกอย่าง ไม่มีส่วนใดในร่างกายของเธอที่จะสู้ดาราวัยรุ่นคนนั้นได้ เธออ้วน ฟันจอบ หน้าสิวเขรอะ ทรงผมก็แสนเชย มองแล้วเหมือนใส่หมวกกันน็อคอยู่ตลอดเวลา แม้จะได้ยินเสียงแม่ร้องบอกว่าอาจิ๋วมา และซื้อขนมมาฝากเธอด้วย แต่เธอก็หาทางเลี่ยงจะไม่เจออาจิ๋วจนได้ จนเธอเข้ามหาลัยได้ตามใจหวัง อาจิ๋วก็เริ่มห่างไปไม่ได้ขึ้นมาเชียงใหม่บ่อยเหมือนแต่ก่อน พ่อคุยกับแม่ว่าอาจิ๋วเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง นานๆ ที อาจิ๋วถึงจะแวะเวียนมาที่รีสอร์ท แน่นอนว่าไม่ได้เจอเธอ เพราะเธอย้ายไปอยู่คอนโดฯ ใกล้มหาลัย แต่เธอรู้ทุกอย่างที่เป็นเขา ไม่ว่าผู้บริหารหนุ่มหล่อของ ‘JINN’ จะไปที่ไหน โลกโชเชียลฯ ก็ทำให้เธอใกล้อาจิ๋วได้แค่ปลายนิ้วมือ ทุกอย่างที่อาจิ๋วชื่นชอบเธอไม่เคยไม่รู้ เหมาะทั้งหมดนั้นอยู่ในตัวเธอคนนี้ “ถึงเวลารุกฆาตแล้วค่ะอาจิ๋ว” ม
เมื่อไปดูหน้างานของจริง ห้างสรรพสินค้าที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เก็บรายละเอียด จัดระบบน้ำ ระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อย มนตกานต์ที่สวมรองเท้าผ้าใบทะมัดทะแมงก็สามารถเดินร่วมสำรวจตรวจตราได้จนครบทุกพื้นที่ ไม่บ่น ไม่พูดแทรก แค่ตามจดทุกรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการ เมื่อออกจากห้างฯ แล้วจิณณ์พาทีมงานไปกินข้าวกันต่อ เพื่อจะได้สรุปรายละเอียดปลีกย่อยกันอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างคิดว่าอีกคนจดมา แต่กลับไม่มีใครบันทึกไว้ ทว่ามนตกานต์กลับจดมาครบ จากที่คิดว่าสมองของผู้หญิงคนหนึ่งไหลลงไปอยู่ที่นม ขิมเลยต้องก้มมองนมขนาด 32 นิ้วของตัวเอง แล้วก็พบว่าขนาดหน้าอกไม่ใช่ตัวชี้วัดระดับสติปัญญา ระหว่างคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานและมองมนตกานต์ที่จดข้อมูลลงในสมุดเล่มเล็ก อาร์ตที่พูดเสริมก็ทำให้ขิมหงุดหงิด “แต่ถ้าอยากสอบถามเป็นการส่วนตัว พี่สแตนบายรอน้องลูกเจี๊ยบยี่สิบสี่ชั่วโมงนะจ๊ะ” “ทะลึ่งแล้วอาร์ต ทำงานของตัวเองไปเถอะ ลูกเจี๊ยบไม่ต้องไปฟังมัน ฟังพี่ณัฐกับพี่ สองคนพอ” ขิมพูดแบบขวาง เพราะเกลียดความชีกอของอาร์ตที่สุด แต่เมื่อหันไปเห็นสายตาของณัฐที่มองมนตกานต์ อาการจี๊ดที่อกซีกซ้
“แล้วสรุปมีเรื่องอะไรกัน” “ไม่มีครับ” ณัฐกับอาร์ตตอบพร้อมกัน เหลือขิมที่ไม่ได้ตอบ จิณณ์จ้องหน้าขิม นั่นคือการบังคับให้พูดออกมา และเขาก็เห็นขิมหันมองทั้งสองหนุ่ม ณัฐยังคงนิ่ง ส่วนอาร์ตนั้นใช้สายตาขุ่นๆ มองขิม เชิงห้ามพูด “ว่าไงขิม มีเรื่องอะไร พูดมา” ขิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดในสิ่งที่จิณณ์คิดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นในสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะเร็วและวุ่นวายกับทีมงานเขาได้มากขนาดนี้ นั่นทำให้เขาต้องตัดสินใจ แน่นอนว่าแต่ละคนหน้าเหวอไปตามๆ กัน แต่ทำยังไงได้ นี่มันเรื่องงาน เขาย่อมต้องเห็นว่างานสำคัญกว่าทุกสิ่ง อะไรที่จะทำให้งานสะดุดเขาต้องกำจัดไปให้พ้น ไม่เว้นแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็น…“อะไรนะ! จิ๋วจะให้ลูกเจี๊ยบทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ให้มาที่ออฟฟิศ” วีนาเสียงดังเมื่อจิณณ์บอกสิ่งที่เขาตัดสินใจไปเมื่อครู่ เพื่อยุติปัญหาทุกเรื่อง “ใช่เจ้” “เหตุผลล่ะ นี่ลูกเจี๊ยบถือว่าเป็นพนักงานคนหนึ่งของเราแล้วนะ วันนี้เจ้ก็ยื่นเอกสารไปเรียบร้อยหมดแล้วด้วย จู่ๆ จิ๋วจะมาทำแบบนี้ได้ยังไง” “ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ผมแค่ให้ลูกเจี๊ยบทำงานอย
“ลูกเจี๊ยบถามว่า อาจิ๋วขับรถใจลอยแบบนี้เหรอคะ” “ไม่หนิ อาไม่ได้ใจลอย” “ไม่ใจลอย แล้วทำไมไม่ได้ยินที่ลูกเจี๊ยบถามล่ะคะ ถามตั้งนาน อาจิ๋วก็ได้แต่นิ่ง” มนตกานต์ถามแต่กลับได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของจิณณ์ นั่นทำให้เธอต้องเอ่ยถามอีกครั้ง “อาจิ๋วมีปัญหาเรื่องอะไรคะ เกี่ยวกับลูกเจี๊ยบหรือเปล่า” เธอถามเพราะอยากให้เขาพูดออกมา เธอรู้ทุกอย่างแล้วตั้งแต่นั่งอยู่หน้าห้องของวีนา เพราะขิมส่งข้อความมาบอก ขิมไม่อยากให้เธอไม่พอใจจิณณ์ เพราะสิ่งที่เขาตัดสินใจน่ะถูกต้องที่สุดแล้ว และวีนายังส่งข้อความมาสำทับตั้งแต่จิณณ์ก้าวเท้าออกจากห้องบัญชี พร้อมสั่งให้เธอไปเอากระเป๋าเพื่อเตรียมกลับบ้าน เสือหวงก้างซะแล้ว ... นั่นคือคำทิ้งท้ายที่วีนาบอก ซึ่งเธอดีใจที่สุด “อาจิ๋วคะ” “อาต้องใช้สมาธิในการขับรถ” มนตกานต์มองเสี้ยวหน้าหล่อ ในเมื่อจิณณ์ไม่พูดออกมาเธอก็ไม่ว่าอะไร มือแบบบางล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เปิดหน้าจอแอพพลิเคชั่นไลน์ “จะทำอะไรน่ะลูกเจี๊ยบ” “อ้อ... ลูกเจี๊ยบจะถามเรื่องงานพี่ณัฐหน่อยน่ะค่
มนตกานต์เข้าไปในห้องครัว เพื่อตรวจดูว่ามีของสดของแห้งอะไรบ้างที่พอจะทำเป็นอาหารเย็นได้ เพราะเมื่อวานเธอกับจิณณ์กินข้าวเย็นมาจากข้างนอก ตอนเช้าก็อาศัยโกโก้เย็นที่ร้านขนมไปเพียงแก้วเดียว ส่วนจิณณ์นั้นไปดื่มกาแฟที่ออฟฟิศ ดังนั้นนอกจากน้ำเปล่าในตู้เย็นแล้วนั้นเธอคงต้องสำรวจ ครัวฝรั่งสไตล์วินเทจที่แม่ชอบและพ่อก็เนรมิตให้ยังคงเป็นแบบเดิม เพราะพ่ออยากให้ความรู้สึกเก่าๆ หวนคืนยามมาเยือนบ้านนี้อีกครั้ง จิณณ์จึงปรับเปลี่ยนแค่ติดตั้งเตาอบ เตาแก๊ส และเครื่องดูดควันที่ทันสมัยมากขึ้น และเปลี่ยนประตูเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ซักล้างด้านหลัง ความเรี่ยมเชี่ยมที่เห็นทำให้มนตกานต์คาดเดาได้ว่า จิณณ์ไม่น่าจะเคยใช้ครัวที่นี่เลยสักครั้ง และก็เป็นตามที่เธอคิด เพราะตู้แขวนแต่ละตู้ไม่มีอะไรอยู่เลย มีเพียงมุมเครื่องดื่มที่เห็นว่ามีการใช้งาน เพราะมีซองกาแฟสำเร็จรูปว่างอยู่ในอ่างแก้วใสเป็นจำนวนมาก ส่วนในตู้เย็นก็มีเพียงไข่ไก่ไม่กี่ฟองกับน้ำเปล่าที่เมื่อคืนเธอมาหยิบไปที่ห้องนอน จิณณ์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาในครัว เพราะบั้นท้ายกลมกลึงที่ลอยเด่นอยู่บริเวณตู้เย็นนั้นทำให้เขาอยากเดินออกไปโด
มนตกานต์จึงข่มความอายทั้งมวล ช้อนดวงตาสวยหวาดหวั่นเขินอายขึ้นมองผู้ชายที่ยืนแนบชิด ความรักของเธอฉายชัดในแววตา เธออยากบอกเขา แม้ไม่ได้ด้วยคำพูดก็ขอให้สายตานี้เป็นสื่อ เธอไม่อายที่บอกรักก่อน เพราะนั่นคือความจริง หากรักนั้นจะได้รับรักตอบกลับมา เธอถือว่าคุ้มค่าแล้ว “อาจิ๋วขา...” “ขา...” คำขานอ่อนหวานจนมนตกานต์ร้อนวูบทั่วใบหน้า ความก๋ากั่นหายวับ เธอทั้งอายทั้งกล้า ทั้งอยากพูดออกไป และอยากเก็บงำไว้ รอให้จิณณ์เป็นฝ่ายพูดก่อน แต่เขาก็ไม่พูด สุดท้ายก็เป็นเธอที่เริ่ม “เอ่อ... อาจิ๋วขา... อาจิ๋วอยากกิน... อยาก...” มนตกานต์ตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อจัดเคลื่อนเข้าใกล้ เก็บคำถามว่าเขาอยากกินอะไรไว้เพียงที่ริมฝีปาก เพราะอาจิ๋วกำลัง... เมื่อความอุ่นวาบฉกเข้าหา มนตกานต์ก็หลับตาพริ้มซึมซับเอาความอ่อนหวานที่คุณอาสุดหล่อมอบให้แต่โดยดี แม้จะตกใจแต่เธอไม่คิดจะปัดป้อง เพราะสิ่งนี้แหละที่เธอต้องการและคาดหวังว่าจะได้รับในสักวัน วันแห่งความสุข วันเวลาที่อาจิ๋วมองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแตะต้องได้ ริมฝีปากนุ่มนิ่มถูกริมฝีปากอุ่นจ