“แล้วสรุปมีเรื่องอะไรกัน” “ไม่มีครับ” ณัฐกับอาร์ตตอบพร้อมกัน เหลือขิมที่ไม่ได้ตอบ จิณณ์จ้องหน้าขิม นั่นคือการบังคับให้พูดออกมา และเขาก็เห็นขิมหันมองทั้งสองหนุ่ม ณัฐยังคงนิ่ง ส่วนอาร์ตนั้นใช้สายตาขุ่นๆ มองขิม เชิงห้ามพูด “ว่าไงขิม มีเรื่องอะไร พูดมา” ขิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดในสิ่งที่จิณณ์คิดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นในสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะเร็วและวุ่นวายกับทีมงานเขาได้มากขนาดนี้ นั่นทำให้เขาต้องตัดสินใจ แน่นอนว่าแต่ละคนหน้าเหวอไปตามๆ กัน แต่ทำยังไงได้ นี่มันเรื่องงาน เขาย่อมต้องเห็นว่างานสำคัญกว่าทุกสิ่ง อะไรที่จะทำให้งานสะดุดเขาต้องกำจัดไปให้พ้น ไม่เว้นแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็น…“อะไรนะ! จิ๋วจะให้ลูกเจี๊ยบทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ให้มาที่ออฟฟิศ” วีนาเสียงดังเมื่อจิณณ์บอกสิ่งที่เขาตัดสินใจไปเมื่อครู่ เพื่อยุติปัญหาทุกเรื่อง “ใช่เจ้” “เหตุผลล่ะ นี่ลูกเจี๊ยบถือว่าเป็นพนักงานคนหนึ่งของเราแล้วนะ วันนี้เจ้ก็ยื่นเอกสารไปเรียบร้อยหมดแล้วด้วย จู่ๆ จิ๋วจะมาทำแบบนี้ได้ยังไง” “ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ผมแค่ให้ลูกเจี๊ยบทำงานอย
“ลูกเจี๊ยบถามว่า อาจิ๋วขับรถใจลอยแบบนี้เหรอคะ” “ไม่หนิ อาไม่ได้ใจลอย” “ไม่ใจลอย แล้วทำไมไม่ได้ยินที่ลูกเจี๊ยบถามล่ะคะ ถามตั้งนาน อาจิ๋วก็ได้แต่นิ่ง” มนตกานต์ถามแต่กลับได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของจิณณ์ นั่นทำให้เธอต้องเอ่ยถามอีกครั้ง “อาจิ๋วมีปัญหาเรื่องอะไรคะ เกี่ยวกับลูกเจี๊ยบหรือเปล่า” เธอถามเพราะอยากให้เขาพูดออกมา เธอรู้ทุกอย่างแล้วตั้งแต่นั่งอยู่หน้าห้องของวีนา เพราะขิมส่งข้อความมาบอก ขิมไม่อยากให้เธอไม่พอใจจิณณ์ เพราะสิ่งที่เขาตัดสินใจน่ะถูกต้องที่สุดแล้ว และวีนายังส่งข้อความมาสำทับตั้งแต่จิณณ์ก้าวเท้าออกจากห้องบัญชี พร้อมสั่งให้เธอไปเอากระเป๋าเพื่อเตรียมกลับบ้าน เสือหวงก้างซะแล้ว ... นั่นคือคำทิ้งท้ายที่วีนาบอก ซึ่งเธอดีใจที่สุด “อาจิ๋วคะ” “อาต้องใช้สมาธิในการขับรถ” มนตกานต์มองเสี้ยวหน้าหล่อ ในเมื่อจิณณ์ไม่พูดออกมาเธอก็ไม่ว่าอะไร มือแบบบางล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เปิดหน้าจอแอพพลิเคชั่นไลน์ “จะทำอะไรน่ะลูกเจี๊ยบ” “อ้อ... ลูกเจี๊ยบจะถามเรื่องงานพี่ณัฐหน่อยน่ะค่
มนตกานต์เข้าไปในห้องครัว เพื่อตรวจดูว่ามีของสดของแห้งอะไรบ้างที่พอจะทำเป็นอาหารเย็นได้ เพราะเมื่อวานเธอกับจิณณ์กินข้าวเย็นมาจากข้างนอก ตอนเช้าก็อาศัยโกโก้เย็นที่ร้านขนมไปเพียงแก้วเดียว ส่วนจิณณ์นั้นไปดื่มกาแฟที่ออฟฟิศ ดังนั้นนอกจากน้ำเปล่าในตู้เย็นแล้วนั้นเธอคงต้องสำรวจ ครัวฝรั่งสไตล์วินเทจที่แม่ชอบและพ่อก็เนรมิตให้ยังคงเป็นแบบเดิม เพราะพ่ออยากให้ความรู้สึกเก่าๆ หวนคืนยามมาเยือนบ้านนี้อีกครั้ง จิณณ์จึงปรับเปลี่ยนแค่ติดตั้งเตาอบ เตาแก๊ส และเครื่องดูดควันที่ทันสมัยมากขึ้น และเปลี่ยนประตูเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ซักล้างด้านหลัง ความเรี่ยมเชี่ยมที่เห็นทำให้มนตกานต์คาดเดาได้ว่า จิณณ์ไม่น่าจะเคยใช้ครัวที่นี่เลยสักครั้ง และก็เป็นตามที่เธอคิด เพราะตู้แขวนแต่ละตู้ไม่มีอะไรอยู่เลย มีเพียงมุมเครื่องดื่มที่เห็นว่ามีการใช้งาน เพราะมีซองกาแฟสำเร็จรูปว่างอยู่ในอ่างแก้วใสเป็นจำนวนมาก ส่วนในตู้เย็นก็มีเพียงไข่ไก่ไม่กี่ฟองกับน้ำเปล่าที่เมื่อคืนเธอมาหยิบไปที่ห้องนอน จิณณ์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาในครัว เพราะบั้นท้ายกลมกลึงที่ลอยเด่นอยู่บริเวณตู้เย็นนั้นทำให้เขาอยากเดินออกไปโด
มนตกานต์จึงข่มความอายทั้งมวล ช้อนดวงตาสวยหวาดหวั่นเขินอายขึ้นมองผู้ชายที่ยืนแนบชิด ความรักของเธอฉายชัดในแววตา เธออยากบอกเขา แม้ไม่ได้ด้วยคำพูดก็ขอให้สายตานี้เป็นสื่อ เธอไม่อายที่บอกรักก่อน เพราะนั่นคือความจริง หากรักนั้นจะได้รับรักตอบกลับมา เธอถือว่าคุ้มค่าแล้ว “อาจิ๋วขา...” “ขา...” คำขานอ่อนหวานจนมนตกานต์ร้อนวูบทั่วใบหน้า ความก๋ากั่นหายวับ เธอทั้งอายทั้งกล้า ทั้งอยากพูดออกไป และอยากเก็บงำไว้ รอให้จิณณ์เป็นฝ่ายพูดก่อน แต่เขาก็ไม่พูด สุดท้ายก็เป็นเธอที่เริ่ม “เอ่อ... อาจิ๋วขา... อาจิ๋วอยากกิน... อยาก...” มนตกานต์ตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อจัดเคลื่อนเข้าใกล้ เก็บคำถามว่าเขาอยากกินอะไรไว้เพียงที่ริมฝีปาก เพราะอาจิ๋วกำลัง... เมื่อความอุ่นวาบฉกเข้าหา มนตกานต์ก็หลับตาพริ้มซึมซับเอาความอ่อนหวานที่คุณอาสุดหล่อมอบให้แต่โดยดี แม้จะตกใจแต่เธอไม่คิดจะปัดป้อง เพราะสิ่งนี้แหละที่เธอต้องการและคาดหวังว่าจะได้รับในสักวัน วันแห่งความสุข วันเวลาที่อาจิ๋วมองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแตะต้องได้ ริมฝีปากนุ่มนิ่มถูกริมฝีปากอุ่นจ
“แต่นางกลัวมั้ยล่ะ ก็นางเป็นนางแบบโป๊ นางก็ต้องอัพนมให้ใหญ่ๆ เข้าไว้น่ะสิ แต่แกกับฉันน่ะภูมิใจได้ เราน่ะของแท้แม่ให้มา แม้ว่าแม่จะรักเราน้อยสักหน่อย แต่นี่คือโอกาสและความโชคดีของเรานะโว้ย” “โชคดีไงว่ะแก” “ก็แหม... เราจะได้ค้นพบผู้ชายที่รักตัวตนของเราไง ไม่ใช่รักเราเพราะนมใหญ่น่ะสิ” “ว้าย... แกพูดถูกใจฉันอีกแล้ว เชอะ... นังนมโตทั้งคู่ ผู้ชายไม่รักเธอจริงหรอกย่ะ เขารักหล่อนที่นม” “แต่ถ้าฉันเลือกได้ ฉันก็อยากนมเท่าน้องคนนั้นนะ แกดูสายตาผู้มองนางสิ แทบจะกลืนกิน อึ๊ยยยยย.. อิจๆๆๆๆๆ” บทสนทนาของ 2 สาวที่เลือกซื้อของอยู่อีกฟากของชั้นวางของทำให้ ‘เจนนิเฟอร์’ ถึงกับเดือด เพราะนางแบบโป๊นมโตที่พวกหล่อนพูดถึง จะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เธอ เพราะหน้าอกขนาด 42 นิ้ว เธอเพิ่งไปอัพมาได้ไม่นาน เพราะต้องการขึ้นหน้าแรกของนิตยสาร และเอเย่นซีเลือกที่นม ใครนมใหญ่กว่าคนนั้นได้งานไป แน่นอนว่าเธอต้องไม่พลาด ถึงขนาดลงทุนอัพขนาดให้ใหญ่ที่สุดในโมเดลลิ่ง และก็ใหญ่ที่สุดในบรรดานางแบบรุ่นเดียวกัน ผลักดันให้เธอกลายเป็นเบอร์หนึ่งในวันนี้ แต่คำเอ่ยชมว่านมข
‘เหตุผลคือเมื่อกี้’ คำตอบคือสิ่งที่เธออยากฟัง เธอไม่รู้หรอกว่าเวลาคนเรามีความรัก หรือสารภาพสิ่งดีๆ ระหว่างกันจะต้องมีพิธีรีตรองขนาดไหน ใครเป็นคนเอ่ยบอกใครก่อนว่า ‘รัก’ หรือเพียงอยู่ใกล้ เพียงคุ้นเคย เพียงเจอหน้า สัมผัสกันและกันทุกวัน ดวงตาฉายชัดถึงสิ่งที่มีให้กัน ทำสิ่งดีๆ ให้กันและกันตลอดเวลา นั่นคือเรียกว่า ‘รัก’ แล้วหรือเปล่า หรือต้องบอกให้รับรู้เป็นคำพูด หรือต้องมีสิ่งของแทนใจ แต่สำหรับเธอ แค่ ‘จูบ’ นั่นคือคำตอบทั้งหมดแล้ว จากนั้นคุณอาสุดหล่อก็พาเธอมาซื้อของเข้าบ้าน และตั้งแต่เดินเข้ามาในซูเปอร์ฯ เธอและเขาก็เป็นจุดเด่น เสียงกระซิบที่ได้ยินนั้นคือ ‘คู่ข้าวใหม่ปลามัน’ อะไรจะดีมากกว่านี้อีกล่ะ สิ่งที่เธอได้ยินมาจากพ่อแม่ก็คือ จิณณ์จะสร้างบ้านโมเดิลนั้นเพื่อเป็นเรือนหอ แน่นอนว่าบ้านนั้นต้องเป็นของเธอแน่ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาอยู่บนที่ดินของบ้านเธอแน่ แผนที่วางไว้มาไกลจนถึงตอนนี้ ต้องเดินหน้าต่อ อีกไม่นานเมื่อจิณณ์ขอเธอแต่งงาน ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ ไม่นานหรอก อาจเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันต่อๆ ไป แต่ต้องมีสักวัน ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องสิ้นสุดก่อนที่เขาจะส
จิณณ์ชะงักปากไว้แค่นั้นเมื่อร่างของเจนนิเฟอร์ถลาไปด้านหลัง ก้นกระแทกพื้นดังพลั่ก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโอดโอยเพราะเจ็บก้น และที่มาของเหตุการณ์ก็คือเจนนิเฟอร์ถูกมนตกานต์ถีบเต็มแรง “โอย! อีบ้า! แกถีบฉัน โอย...” เจนนิเฟอร์กุมก้นร้องโอดโอย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกัดฟันลุกขึ้นจะถลาเข้าไปตบมนตกานต์ “แกถีบฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ แก...” “หยุดนะเจนนี่” จิณณ์เอาตัวเข้าขวางแต่เจนนิเฟอร์ไม่หยุด พุ่งตัวเข้าใส่มนตกานต์ และครั้งนี้จิณณ์ก็ได้ยิน ‘พลั่ก’ ครั้งที่ 2 ตามมาด้วยกรีดร้องโหยหวน ก่อนที่นางแบบร่างระหงแต่นมใหญ่สุดๆ จะทรุดร่างลงนั่ง กุมจมูกร้องโอดโอย “โอย... แกต่อยฉัน อีบ้า! พี่จิ๋ว มันต่อยเจนนี่ ฮือ... เจนนี่เจ็บ ฮือ... ว้าย! เลือด! พี่จิ๋ว!” ของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกมาจากจมูกแดงแจ๋ของเจนนิเฟอร์ทำให้จิณณ์ตกใจหันมองมนตกานต์อย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าเธอจะทำได้ขนาดนี้ แต่สายตาเย็นชาที่ตวัดสบมากลับทำให้ทุกคำพูดเก็บกลืนไว้ มนตกานต์ไม่อยู่ในอารมณ์ที่เขาควรจะพูด เขาจึงเลือกทำสิ่งที่สมควรกว่า ร่างสูงใหญ่เข้าไปประคองเจน
“น้องครับ พี่ยังโสดนะครับ ไม่ได้เป็นผัวใคร และถ้าคลิปวันนี้หลุดไปจากใคร พี่ฟ้องจนลูกโตแน่ ไปเถอะลูกเจี๊ยบ อาจะพาลูกเจี๊ยบไปจากที่นี่” จิณณ์หันไปบอกเด็กสาวที่ถ่ายคลิป พร้อมกวาดสายตาดุดั่งเสือมองไปยังคนที่ถือโทรศัพท์ส่องมาที่เขาทุกคน ก่อนจะคว้าข้อมือมนตกานต์ให้เดินตาม แต่เจนนิเฟอร์ที่เอ่ยเสียงโทนน่าสงสารสะเทือนใจ กลับทำให้เขาชะงักเท้า กัดฟันกรอด นึกโทษตัวเองที่เห็นแต่ของใหญ่จนกำไม่เลือก ไม่สนว่ากำแล้วจะล้างออกไหม “พี่จิ๋วจะไม่รับผิดชอบเจนนี่ใช่มั้ย ไหนพี่จิ๋วบอกว่าหน้าอกของเจนนี่ทำให้พี่มีความสุขที่สุดไงคะ พี่จิ๋วลืมแล้วหรือคะว่าเราสุขกันแค่ไหน พี่จิ๋วไม่สงสารเจนนี่เลยเหรอคะ พี่จิ๋วมีใหม่ก็ลืมเก่า แล้วถ้าเจนนี่ท้องขึ้นมาล่ะคะ เจนนี่จะทำยังไง อนาคตของเจนนี่ล่ะคะ เจนนี่อุตส่าห์มอบความสาวให้พี่จิ๋ว พี่จิ๋วทำไมถึงตอบแทนความรักของเจนนี่แบบนี้” จิณณ์หูอื้อตาลายด้วยความโมโห ยิ่งเห็นคนมุงทั้งหลายจับกลุ่มซุบซิบ เห็นสายตาเศร้าไปกับชะตากรรมโศกสลดของเจนนิเฟอร์ สายตาดูแคลนประมาณว่าเขาเป็นผู้ชายที่เจาะไข่แดงแล้วไม่รับผิดชอบ เขาก็ยิ่งเดือด วินาทีนี้เขาจะจัดการให้เด็ดขาด
ลิ้นร้อนตวัดลงตามรอยแยกที่มองเห็นเป็นสีชมพูสด หอมหวานและเย้ายวนใจจนจิณณ์อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแยกกลีบดอกออกจากกัน และเขาก็ได้เห็นอีกหนึ่งความงดงามที่รอคอย หยาดเยิ้ม และท่วมท้น มนตกานต์พร้อมแล้ว สิ่งสัมผัสที่หยุดลงพร้อมกับกายแกร่งลุกขึ้นนั่งแทรกกลางระหว่างขา ทำให้มนตกานต์เบิกดวงตากว้างมองดูเขา ก่อนจะหลุบมองความยิ่งใหญ่ที่เธอกลัวเหลือเกิน เมื่อสิ่งนั้นคล้ายจะเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต ดวงตาสวยหวานจึงต้องเสมองไปอีกทาง ไม่กล้ามองดูสิ่งนั้นได้อีก เพราะเจ้าของความยิ่งใหญ่กำลังทอดสายตามองเธออย่างร้องขอ “อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” ทว่าคำพูดจากเขากลับทำให้มนตกานต์ต้องหันมอง นั่นคือการร้องขอ มนตกานต์พยักหน้าน้อยๆ ทั้งกลัวทั้งอายจนทนมองหน้าเขาไม่ไหว แต่ก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ เมื่อจิณณ์ขยับท่อนขาเข้ามาใต้สะโพก มนตกานต์ก็หลับตาพริ้ม ปล่อยกาย ปล่อยใจไปกับความยิ่งใหญ่ที่ค่อยๆ สอดแทรกเข้ามา ทว่า... “อาจิ๋ว!” “อืม... อาจะค่อยๆ อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” อีกครั้งที่เสียงหวานบอกรักนั้นทำให้มนตกานต์ล่องลอย แม้ความอึดอัดคับแน่นจนอาจเรียกว่าเจ็บนั้นกำลั
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้อาจะไม่ทำแบบนั้น แต่อาจะทำแบบเมื่อคืนกับเมื่อเช้า นะ...” จิณณ์ไม่รอคำตอบเพราะทันทีที่มนตกานต์ช้อนสายตาขึ้นมองเขา ริมฝีปากเร่าร้อนก็ประทับจูบที่ปากสีระเรื่อทันที ความหวานปะปนความเร่าร้อนดูดดื่มชอนชิมไม่หยุด ตวัดต้อน ชอนลึก จนมนตกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เรียวลิ้นร้อนของจิณณ์จะหยอกยั่วให้มนตกานต์คล้อยตาม ลิ้นสากอุ่นชื้นสอนให้ลิ้นน้อยอ่อนไหวแตะไต่ตอบสนอง ตวัดต้อนชอนชิมความดุดันของเขาบ้าง 2 ครั้งแรกนั้นมนตกานต์กล้าๆ กลัวๆ ทำได้ดีบ้าง และสำลักบ้าง แต่ครั้งนี้เธอทำได้ดี ลิ้นน้อยหยอกเย้าดูดดุนความสากชื้น จนมนตกานต์ได้ยินเสียงครางงึมงำในลำคอ ใบหน้าสวยจึงมีรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่ลิ้นน้อยทำหน้าที่ต่อสู้ฟาดฟันกับจิณณ์ไม่ลดละ ปากประกบ ลิ้นต่อสู้ และฝ่ามือของเจ้าบ่าวก็ทำหน้าที่ จิณณ์เอื้อมฝ่ามือไปใต้แผ่นหลัง ค่อยๆ รูดซิปชุดเดรสตัวสวยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรั้งให้พ้นร่างงามอย่างง่ายดาย ทั่วทั้งร่างของเจ้าสาวที่เขาสัมผัสได้จากฝ่ามือจึงเหลือเพียงบราเซียร์และแพนตี้เข้าชุด จากนั้นนิ้วเร่าร้อนก็ทำหน้าที่ปลดรังดุมได้ตัวเอง ก่อนที่จิณณ์จะครางด้วยความซ่านเสียว เพร
ส่วนภานุก็รับหน้าที่ปิ้งย่างอาหารทะเลร่วมกับวีนาที่คอยดูความเรียบร้อยโดยรวม แม้จะมีป้าแม่บ้านกับน้องฝึกงานที่ออฟฟิศมาช่วยแล้วก็ตาม บรรยากาศชื่นมื่นมีความสุข ทว่าเจ้าบ่าวก็หงุดหงิดไม่เลิก “เป็นอะไรนักหนาวะจิ๋ว แกทำหน้าแบบนี้ เดี๋ยวใครเขาก็เอาไปพูดว่าพี่ให้ลูกสาวมาจับแกนะโว้ย แล้วนี่หงุดหงิดเรื่องอะไร” “กี่โมงแล้วพี่” จิณณ์ตอบไม่ตรงคำถามแต่กลับถามไก่อูกลับ “แกก็มีนาฬิกา ทำไมไม่ดูเองล่ะ” “ก็ผมอยากให้พี่ดู” ไก่อูงงแต่ก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา “จะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ทำไม” “พี่อ่ะ ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้วน่ะสิ พี่ลืมอะไรไปหรือเปล่า” “ลืมอะไรวะ ไม่มี!” ไก่อูเสียงสูง ยิ่งทำให้จิณณ์หน้าบึ้ง ก่อนว่าที่พ่อตาจะหลุดขำ เพราะ 4 ทุ่ม 59 นาทีเป็นเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ นั่นจึงทำให้จิณณ์กระวนกระวาย “เฮ้ยจิ๋ว แกนี่เสียชื่อตัวพ่อสายดาร์กหมดเลยนะโว้ย แกตื่นเต้นเหรอที่จะได้เข้าหอ ไม่ต้องตื่นเต้นนะน้อง มันเรื่องธรรมดา นี่ม้าแกกับพี่นกก็ไปปูที่นอนรอแล้วไง” “จริงเหรอพี่” จิณณ์เกาะแขนไก่อูถามเพื่อความแน่ใจ
มนตกานต์หลบเลี่ยงเมื่อจิณณ์ทำท่าจะโถมเข้ามา ก่อนจะชี้ชวนให้ดูหนุ่มสาวที่กำลังก้าวออกจากออฟฟิศตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ เพราะณัฐอาสาจะพาขิมไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล “พี่ขิมชอบพี่ณัฐค่ะ” “ไม่ได้ชอบ แต่ขิมรักณัฐ รักมาสามปีแล้ว ณัฐมันไม่รู้หรอก มันคิดว่าไอ้ขิมเป็นทอม” “ไม่จริงมั้งคะ ลูกเจี๊ยบว่าพี่ณัฐเขารู้แล้วนะ อาจิ๋วดูสิ” ภาพที่เห็นคือณัฐกำลังใส่หมวกกันน็อคให้ขิมอย่างระมัดระวังที่สุดที่จะไม่ให้โดนแผล และขิมก็อายกับสัมผัสใกล้ชิดจนต้องหลุบสายตา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อนิ้วมือของณัฐแฉลบแผลของเธอไป ณัฐตกใจที่ทำขิมเจ็บ ดึงขิมเข้ามากอด ก่อนที่สาวทอมประจำออฟฟิศจะสั่นสะอื้นฮึกฮักอยู่กับอกของณัฐ “สงสัยจะเจ็บแผล” “ผิดค่ะ มีความสุขต่างหาก” “หมดเรื่องแล้ว กลับบ้านเถอะ” “อื้อ... ยังไม่เลิกงานเลยค่ะ” “วันนี้วันทำงานที่ไหนเล่า” “อาจิ๋วจะแกล้งอะไรลูกเจี๊ยบอีกเนี่ย เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้วนะ” “ทีนึงอะไร ยังไม่ได้สักที” “อาจิ๋ว!” จิณณ์ยิ้มเข้ามาสวมกอดมนตกานต์ที่หน้าแดงจากคำพูดของเขา พลางชี้ชวนใ
มนตกานต์อมยิ้มน้อยๆ เพราะสาเหตุที่จิณณ์บอกว่าจะเข้างานสาย ไม่ใช่สิ่งที่เธอเข้าใจ แต่เป็นสิ่งนี้ เธอเปิดซองกระดาษหยิบเอกสารด้านในออกมาดู เพราะตอนที่รับมาจากเจ้าหน้าที่ ความตื่นเต้นและเขินอายมีมากจนไม่กล้าจะชื่นชม ดวงตาสวยหวานไล่ไปตามตัวอักษรที่กำกับอยู่บนกระดาษสีนวลมีลวดลายดอกกุหลาบอยู่รอบด้าน ‘ใบสำคัญการสมรส แสดงว่า นายจิณณ์ จิตติกรณรงค์ กับ นางสาวมนตกานต์ ฤทธาอภินันท์ ได้จดทะเบียนสมรส ณ สำนักงานทะเบียน... จังหวัด... เลขทะเบียนที่... เมื่อวันที่ 7 เดือนธันวาคม พ.ศ.2560 นายทะเบียน’ “เราแต่งงานกันแล้วนะ” รอยยิ้มแสนหวานส่งให้คนที่กระชับฝ่ามือ “ขอบคุณนะคะอาจิ๋ว ขอบคุณที่รักลูกเจี๊ยบ ขอบคุณทุกอย่างค่ะ” “อาสิต้องขอบคุณลูกเจี๊ยบ ที่สอนให้อารู้จักความรัก อาไม่สัญญานะว่าจะรักลูกเจี๊ยบมากที่สุดในโลก แต่อาสัญญาว่าจะรักลูกเจี๊ยบทุกวัน สามเวลาหลังอาหาร หัวค่ำ ก่อนนอน และล้างหน้าไก่” “อาจิ๋วอ่ะบ้า!” “บ้าแต่ไม่ห้ามใช่มั้ย” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์ฮึดฮัดด้วยความอายก่อนจะเร่งให้จิณณ์รีบออกรถ เพราะที่จิณณ์ว่าสิบโมง แต่น
ร่างงามระหงที่ยืนหันหลังให้เขา อยู่ในชุดเดรสสีเทาอ่อนแขนสั้นตัวยาวกรอมเท้าดูสุภาพอยู่นะ ถ้าด้านหลังจะไม่กว้านลึกจนถึงบั้นเอว ใครจะอยากให้คนอื่นเห็นกันล่ะ “อุ้ย!” มนตกานต์สะดุ้งเมื่อท่อนแขนแกร่งแทรกเข้ามากระชับบั้นเอว พร้อมริมฝีปากแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม แค่นั้นความร้อนก็วูบขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะกระจายวาบไปทั่วร่าง เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนเพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่ชั่วโมง “หอมจัง... วันนี้มีอะไรกิน” คนพูดว่าหอมจัง หอมอีกหลายครั้งที่สองแก้ม สลับไปมาซ้ายขวา ดั่งความหอมนั้นไม่ได้มาจากอาหารแต่เป็นสองแก้มนี้ “ข้าวต้มไก่น่ะค่ะ เมื่อวานเราไม่ได้กินข้าวที่บ้าน ข้าวเย็นเลยเหลือเยอะ ลูกเจี๊ยบเลยเอามาทำข้าวต้มมื้อเช้า” “อืม... ข้าวต้มมื้อเช้า อยากกินจังเลย เมื่อคืนกินไม่อิ่ม” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์หน้าร้อนซ่าน คำพูดสองแง่สองง่ามนั้น เขาช่างพูดได้ไม่อายปาก “เสียงดังทำไม ก็เมื่อคืนอากินข้าวไม่อิ่มจริงๆ นี่นา ได้กินข้าวต้มร้อนๆ ตอนเช้า เพิ่มพลังงานดีออก อยากกินแล้วล่ะ จะกินให้เกลี้ยงชามเลย” จิณณ์หัวเราะในลำคอเ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อื้อ...” ทำได้เพียงส่งเสียงร่ำร้องเรียกหาแต่เขา เพราะความเต้มตื้น อัดอั้น รุมเร้าอยู่ในร่างกาย อย่างไม่มีที่ระบายออก เขากำลังจะฆ่าเธอด้วยปลายลิ้นหรือเปล่า ไม่หรอก... เสียงหนึ่งในหัวร้องบอก เธอรู้ว่าหญิงชายจะไปบรรจบกันตรงจุดไหน นี่เพิ่งเริ่มต้น ‘อา... แค่เริ่มต้น ลูกเจี๊ยบก็จะไม่ไหวแล้วค่ะ’ “อื้อ... อาจิ๋วขา... อื้อ... อาจิ๋ว...” เสียงร่ำร้องปะปนกับเสียงทอดถอนหายใจของมนตกานต์ นั่นคืออาการของคนที่หายใจไม่ทัน มนตกานต์ต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย จิณณ์ละริมฝีปากจากปลายยอดสีหวาน พาตัวเองคร่อมทับร่างงดงาม ประคองใบหน้ามนตกานต์ให้สบสายตากับเขา “ลูกเจี๊ยบขา... ปล่อยกายปล่อยใจให้สบาย อาจิ๋วจะทำให้ลูกเจี๊ยบมีความสุข นะคะ เชื่ออาจิ๋ว...” “ค่ะ... อาจิ๋วขา... อื้อ...” เธอมองหน้าเขา ก่อนจะหลับตาส่ายใบหน้า เพราะริมฝีปากของจิณณ์อยู่ที่นี่ แต่ฝ่ามือกับปลายนิ้วของเขายังเร่งเร้า “ร้องอย่างที่ลูกเจี๊ยบอยากร้อง อาจิ๋วเป็นของลูกเจี๊ยบ” มนตกานต์ยิ้มกับเสียงทุ้มที่กระซิบบอกข้างหู เธอทำตามที่เขาบ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อาจิ๋วขา...” มนตกานต์ส่ายสะบัดเรือนผม ดวงตาหลับพริ้มมึนงงกับรสจูบดูดดื่ม สับสนกับสัมผัสเร่าร้อนที่ทวีเพิ่มขึ้นในร่างกายของเธอ เธอเร่าร้อน เรียกร้อง อยากให้จิณณ์สัมผัสเธอให้ทั่ว อยากให้เขาพรมจูบตีตราจองเธอไปทั่วทั้งตัว อยากให้เขาเห็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็น ตอนนี้ เวลานี้ และเดี๋ยวนี้ “อาจิ๋วขา... อื้อ...” “ขา... อืม... หอม... ลูกเจี๊ยบขา... ลูกเจี๊ยบหอม อืม...” ฝ่ามือกระชับความอวบที่อิ่มจนล้นฝ่ามือ ดันเข้าชิดเพื่อฝังหน้าลงไป นั่นทำให้จิณณ์สูดดมความหอมหนักๆ ใคร่อยากหอม อยากสัมผัสใต้ร่มผ้า และนิ้วมือก็ทำงานสอดประสานกับหัวใจ เมื่อเดรสตัวสวยถูกนิ้วเกลี่ยให้ขยับขึ้นสูงจนถึงบั้นเอว จิณณ์ผละร่างออกห่าง รั่งร่างอ่อนระโหยของมนตกานต์ขึ้นนั่ง ดวงตาสวยหวานยังไม่ทันได้คลายความหวั่นไหว เดรสตัวสวยก็ถูกรูดขึ้นผ่านทางศีรษะ พร้อมถูกเหวี่ยงไปอย่างไร้ทิศทาง นั่นจึงทำให้มนตกานต์ได้สติ และเป็นสติที่เธอพร้อมจะสมยอม ทว่าความอายก็ยังมี ต้นขาจึงเบียดเข้าหากันแนบชิด ฝ่ามือยกขึ้นปิดความอวบอิ่มที่สวยงามราวภาพเขียน จิณณ์มองภาพตรงหน้า แทบจ
ทำนบน้ำตาที่อัดอั้นไว้พังทลาย มนตกานต์สะอื้นฮึกฮักกับสิ่งที่ได้ยิน นั่นคือคำสารภาพใช่ไหม เขาเห็น ‘ความรัก’ ของเธอแล้วใช่ไหม เขามองเธอด้วยความรักไม่ใช่เซ็กซ์ใช่หรือไม่ จิณณ์เกลี่ยซับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู แต่มนตกานต์ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมองดูเขา เขารู้... ผู้หญิงชอบความชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้เธอคิดไปเพียงฝ่ายเดียว “ลูกเจี๊ยบ ตอนนี้... อารู้จักความรักแล้วนะ ลืมตามองอาจิ๋วสิคะ อาจิ๋วอยากให้ลูกเจี๊ยบเห็นความรักของอาจิ๋ว” นิ้วมือแตะที่ริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยกลั้นก้อนสะอื้น ค่อยๆ จดริมฝีปากร้อนรุ่มแต่อ่อนหวานที่สุดของเขาลงไป เขาจูบซับด้วยความรักด้วยหัวใจที่มี บอกเธอด้วยภาษากาย ภาษาใจ ว่าเขามี ‘ความรัก’ มอบให้ และบอกซ้ำอีกครั้งด้วยภาษาพูด เมื่อดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาเปิดขึ้นมองเขา “อาจิ๋ว ‘รัก’ ลูกเจี๊ยบ... แต่งงานกับอาจิ๋วนะคะ” มนตกานต์พยักหน้ารับทั้งน้ำตา เมื่อใจพร้อมรับก็ไม่ต้องเล่นตัว เพราะสิ่งนี้ที่เธอต้องการ “อาจิ๋วจะหยุดก็ต่อเมื่อเจอ... ลูกเจี๊ยบ พูดประโยคต่อไปให้อาฟังได้มั้ย อาจิ๋วอยากได้ยินจากปากของลูกเจี๊ยบ” คำบอก