ใส่ชื่อตอน
มนตกานต์ทำท่าขนพองสยองเกล้าไม่กล้าเข้าใกล้จิณณ์ จนจิณณ์ผวาเดินตาม “ลูกเจี๊ยบฟังอาก่อน อาไม่ได้ทำแบบนั้นนะ ลูกเจี๊ยบ...” “พี่จิ๋วฟังเจนนี่ก่อน พี่จิ๋วอย่าไปเชื่อมันนะคะ พี่จิ๋ว...” “ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้เจนนี่ ปล่อยพี่! ลูกเจี๊ยบรออาก่อน ลูกเจี๊ยบ! เจนนี่! ปล่อย! ลูกเจี๊ยบรออาก่อน! ลูกเจี๊ยบ!” จิณณ์ตะโกนร้องเรียกมนตกานต์ที่เดินจากไป โดยมีเจนนิเฟอร์ตามมายื้อท่อนแขนไม่ให้เขาตามเธอไปได้ ท่ามกลางคนมุงที่ยังถ่ายคลิปกันไม่เลิก จนจิณณ์ต้องหันไปแกะมือเหนียวหนืดราวตีนตุ๊กแก แต่เจนนิเฟอร์ก็เกาะแน่นไม่ยอมปล่อย จะทำรุนแรงให้หลุดเขาก็ไม่กล้าเพราะขณะนี้เขาเหมือนดาราจำเป็นไปซะแล้ว แต่แล้วจู่ๆ คนมุงก็เปลี่ยนเป้าหมาย จิณณ์มองตามก็เห็นมนตกานต์เดินกลับมาพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพนักงานผู้หญิงของซูเปอร์ฯ อีก 2 คน ก่อนที่พนักงานจะเข้าไปกระซิบบางอย่างกับคนมุงที่กำลังถ่ายคลิป จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันยิ้ม บางคนก็หัวเราะแบบกำลังพบสิ่งไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อมนตกานต์ยิ้ม ทุกคนก็ยิ้มด้วย เสียงปรบมือที่ดังขึ้นพร้อมๆ กัน และมนตกานต์ที่เดินเข้ามาหายิ่งทำ
“แน่ใจนะว่าลูกเจี๊ยบจะกินหมูกระทะจริงๆ” “แน่ใจสิคะ ทำไมอาจิ๋วถามแปลกๆ” “ไม่รู้สิ” “อย่าบอกนะคะว่าอาจิ๋วไม่เคยพาสาวในสต็อกมากินหมูกระทะอ่ะ” รอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าของเขาแทบทำให้มนตกานต์อยากจะวิ่งออกจากร้านไปเสียดื้อๆ เพราะร้านอาหารปิ้งย่างแบบนี้ จิณณ์อาจไม่ชอบ เธอพลาดเอง ทั้งที่ศึกษามาครบแล้วว่าจิณณ์ชอบผู้หญิงแบบไหน แต่ที่เธอไม่เคยดูก็คือ รสนิยมความชอบของผู้หญิงเหล่านั้น เพราะนั่นการเทคแคร์ที่จิณณ์จะทำให้ลูกไก่สาวๆ พอใจ และเธอพาเขาเข้ามากินหมูกระทะแบบนี้ จิณณ์จะพอใจหรือเปล่า “อาจิ๋วกินได้หรือเปล่าคะ ถ้าอาจิ๋วไม่ชอบ เราไปร้านอื่นก็ได้นะ” ถามอย่างเกรงใจ “กินได้สิ สบายมาก” “ลูกเจี๊ยบคิดว่าอาจิ๋วจะไม่กินของปิ้งๆ ย่างๆ แบบนี้ซะอีก” “อาต่างหากที่ไม่คิดว่าลูกเจี๊ยบจะกินได้ ปกติสาวๆ เขาจะกลัวเลอะเทอะ กลัวกลิ่นติดผม กลัวอ้วนเพราะของปิ้งย่างมันเยอะ กลัวคนพลุกพล่าน โลคลาส ยุงเยอะ สารพัดจะมีข้ออ้างไม่ชอบ แต่ลูกเจี๊ยบกินได้ อาก็แปลกใจนิดหนึ่ง” “แล้ว... อาจิ๋วชอบหรือเปล่าคะ” “ชอบสิ “สวัสดีครับค
ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ด... วีนาปลายสายตามองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้ตัวเพียงนิด เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทร. มา รอยยิ้มน้อยๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะให้ความสนใจกับละครในโทรทัศน์ต่อ ภาพในจอนั้นเป็นนางเอกสุดอึ๋มขี้ยั่ว พยายามทุกทางที่จะจับพระเอกให้อยู่มือ และวันนี้หล่อนก็วางแผนชวนพระเอกมากินข้าวที่คอนโดฯ ของหล่อน อาหารที่หล่อนทำไว้เป็นสปาเกตตี้ผัดขี้เมาทะเล เพราะหล่อนดูภาพยนตร์ฝรั่งมา แผนนี้ล่ะจะได้ผล เวลาหล่อนกินสปาเกตตี้เส้นยาวๆ หล่อนก็จะสูดเส้นเข้าปาก ‘สูดดดดด...’ เส้นยาวๆ นั้นทำให้หล่อนต้องโก่งคอเล็กน้อยเมื่อสูดเข้าไปให้สุด และรสชาติเผ็ดร้อนก็ทำให้หล่อนต้องสูดไปเผ็ดไป ‘ซี้ดดดดด...’ แน่นอนว่าพระเอกคิดถึงเสียงที่คล้ายกัน แล้วหล่อนก็จะเผ็ดจนต้องหาเครื่องดื่มดับรสร้อน ‘นมสด’ ในตู้เย็นคือตัวเลือก ‘ดื่มนมแก้เผ็ดหน่อยมั้ยคะ’ เสียงกระเส่าเอ่ยถาม แล้วใครล่ะจะไม่อยากดื่มนม แต่หล่อนต้องกินให้หกโดยไม่ได้ตั้งใจ น้ำนมขาวบริสุทธิ์ที่หยาดรดลงบนเนินเนื้อ อืม... พระเอกจะเลือกกินนมจากแก้วหรือกินจากเต้า กริ๊งงงงงงง!! “อีบ้า! ตกใจหมด ใครโทรมาตอนนี้ อ
ทุกสิ่งที่จิณณ์คิดไว้ไม่ผิดเลย เพราะเมื่อขนข้าวของที่ซื้อมาเข้ามาเก็บในครัว สิ่งแรกที่เห็นก็ทำให้เขาตึงเครียดขึ้นอีกจนได้ เพราะมนตกานต์กำลังล้างเชอร์รี่ลูกโตสีแดงสดอยู่ที่อ่างซิงค์ เสียงน้ำไหลจ๊อกๆๆ เชื่องช้า ตามกิริยาของเธอที่ค่อยๆ ไล้ปลายนิ้วไปบนเชอร์รี่แต่ละลูก โอว... จิณณ์สาบานได้ว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนล้างเชอร์รี่มาก่อน แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าต้องล้างหรือเปล่า รู้เพียงว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ นั้น เขาสามารถกลืนกินได้โดยไม่ต้องล้างให้สะอาดมาก แค่เช็ดก็พอ แต่ท่วงท่าการล้างเชอร์รี่ของลูกเจี๊ยบ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ หากเขาจะได้มองสาวสวย หุ่นกระตุ้นความแข็งแกร่งทุกเวลา ใส่เชิ้ตขาวของเขา มายืนล้างเชอร์รี่อยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับเขาทุกวัน เขาคงอยากให้เธอล้างทั้งวันทั้งคืน เพราะล้างเสร็จ เขาจะได้ช่วยถอดเชิ้ตต่อ “อ้าว... อาจิ๋วมาแล้วเหรอคะ นี่ค่ะ ลูกเจี๊ยบล้างเชอร์รี่เสร็จแล้ว อาจิ๋วมากินสิคะ เชอร์รี่อร่อยที่สุด” จิณณ์มองเชอร์รี่ที่ขยับเขยื้อนเปล่งเป็นคำพูด เขาเชื่อตามที่เธอบอก เชอร์รี่ลูกนั้นอร่อยที่สุด “อาจิ๋วขา... ขอลูกเจี๊ยบยืมเสื้อใส่อ
เชอร์รี่สีแดงจัดถูกยกขึ้นมอง ริมฝีปากน้อยๆ หอมกรุ่นราวเชอร์รี่ในมืออ้าออกจากกันเล็กน้อย ใบหน้างดงามแหงนขึ้นพลางหย่อนเจ้าลูกสีแดงลงตรงช่องปากที่อ้าค้างไว้ “อืม... ซี้ด... หวานอมเปรี้ยว อร่อยที่สุดเลยค่ะอาจิ๋ว อาจิ๋วลองหน่อยนะคะ” นิ้วมือเล็กๆ หยิบยื่นเชอร์รี่ผลน้อยให้กับเขา จิณณ์มองผลไม้ในมือตัวเองกึ่งกล้ากึ่งกลัวที่จะกิน “อาจิ๋วคะ อาจิ๋วไม่ชอบกินเชอร์รี่เหรอคะ” เจ้าของใบหน้าสวยที่มองตรงมาต้องการคำตอบ ดวงตาสวยหวานมองเชอร์รี่กับใบหน้าของเขาสลับไปมา “ชอบสิ ชอบมากที่สุดเลยล่ะ” จิณณ์ตอบพลางเม้มริมฝีปาก เขาชอบเชอร์รี่ ชอบรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว เปรี้ยวซ่อนหวาน ฉ่ำน้ำ กรุบกรอบ ชอบมากจนต้องกลืนน้ำลาย ยิ่งเชอร์รี่ลูกสวยขยับขึ้นลงเปล่งคำพูด เขาก็ยิ่งชอบ อยากกิน “อย่างนั้นอาจิ๋วกินเยอะๆ นะคะ เนี่ยดีเลยค่ะ อาจิ๋วจุกท้องพอดี กินเชอร์รี่แล้วจะได้ย่อยง่าย อาจิ๋วรู้มั้ยคะ เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่เราควรกินนะคะ เพราะเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูง ทำให้ระบบการย่อยของเราดีขึ้น และก็ช่วยลดคอเลสเตอรอลด้วยค่ะ ลูกเจี๊ยบดีใจที่อาจิ๋วชอบกินเหมือนลู
แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว มองอย่างคนยุคใหม่ที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก เธอก็พบว่า ไม่ใช่สิ่งผิดที่จิณณ์จะเป็นแบบนั้น เมื่อเขาหล่อ รวย มีความสามารถ ดูดีไปทุกมุมมอง มีเสน่ห์ไปทุกตรง เมื่อผู้หญิงเข้ามาหาแล้วจิณณ์สนอง ควรจะมองว่าเขาผิดเหรอ ในเมื่อเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบการผูกมัด และเขาก็ไม่ได้ประกาศคบใครเป็นตัวตน ไม่ได้หมั้นหมาย หรือกำลังจะแต่งงานกับใคร และผู้หญิงเหล่านั้นก็พร้อมใจเข้ามาเอง เธอเต็มใจให้และเขาก็เต็มใจรับ แต่เมื่อมองอีกมุม นั่นคือจิณณ์เป็นผู้ชายที่ดูถูกความเป็นผู้หญิงหรือเปล่า เขาเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว นั่นคือสิ่งที่เธอค้นหามาตลอดระยะเวลา 4 ปี ขณะเรียนอยู่มหาลัย เธอสับสนในสิ่งที่จิณณ์เป็น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงสามารถนอนกับผู้หญิงคนนี้ แล้วอีกวันก็ไปนอนกับอีกคนได้ เขาติดพฤติกรรมแบบนี้ หรือติด ‘เซ็กซ์’ หรือสำหรับเขา ‘เซ็กซ์’ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่แล้วเธอก็ได้คำตอบ เมื่อจิณณ์ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารชั้นนำของเมืองไทย ในหัวข้อ ‘เซ็กซ์ – ในมุมมองของ... จิณณ์’ หนุ่มหล่อเลอค่าไม่เคยทำให้สาวๆ ค้างคาในอารมณ์ จั่วหัวปกแร
จิณณ์รีบพาตัวเองเข้าไปในห้องนอนที่เคยอาศัยนอนมาเกือบ 3 เดือน แต่ 2 วันที่ผ่านมานี้ เขาต้องไปนอนที่ห้องนอนใหญ่ ทุกอย่างในห้องยังคงเป็นเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีเสื้อผ้าข้าวของของมนตกานต์เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น พ่นลมหายใจออกจากปาก พยายามผ่อนคลายความตึงเครียดที่ก่อเกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อคืนกว่าจะพาตัวเองก้าวขึ้นสู่ชั้น 2 ได้สำเร็จ เขาก็จุกจนหายจุก แต่ความฝันสัปดนก็ยังตามหลอกหลอน ในฝันนั้นมนตกานต์ยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวของเขา แต่เธอไม่ได้เชื้อเชิญเขาเข้ามา ‘เช็ด’ เธอในห้องนี้ เธอเชิญให้เขาไป ‘เช็ด’ เธอในห้องครัว ภาพอาหารจานร้อนทอดกายนอนบนโต๊ะกลางสำหรับเตรียมเครื่องปรุง น่ากินจนเขาน้ำลายสอ ทุกสัดส่วนน่ากินจนเขาอดไม่ได้ต้องลองลิ้ม ทุกส่วนหอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นเชอร์รี่อ่อนๆ หอมจนเขาอยากกัด อยากเคี้ยว อยากลิ้มลองน้ำหวานหยาดเยิ้มของเชอร์รี่เม็ดสวย ก่อนจะละเลียดลิ้นชอนชิมทุกหยาดหยด สุดท้ายเขาก็พุ่ง จิณณ์ก้มมอง ‘ไอ้ใหญ่’ ที่งอแงไม่ยอมหลับยอมนอน ทั้งที่คาบเหนียวข้นยังฟ้องสถานการณ์เมื่อคืน เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์และข้อความจากมนตกานต์ ทำให้เขาดีใจที่เช้านี้จะได้เข้าไปใช้ห้องน
จิณณ์ที่แต่งตัวเรียบร้อยก้าวออกจากห้องนอน ด้วยอารมณ์ไม่ปกตินัก เพราะเห็นเสื้อผ้าที่มนตกานต์เตรียมไว้บนเตียง เธอน่าจะใส่ในวันนี้ ความโกรธที่พยายามดับสนิทก่อนก้าวออกจากห้องน้ำ เหมือนจะปะทุขึ้นอีกครั้ง เพราะชุดชั้นในตัวบางสีดำสนิทนั่น มันไม่ต่างจากไอ้สองตัวที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในตะกร้าสักนิด “ความบางคงที่คงทน ต่างกันแค่สี แล้วมันจะปกปิดอะไรได้ ฮึ่มมมมม...” ด้านในบางจ๋อย ด้านนอกเสื้อยืดตัวโคร่งสีขาว หากมนตกานต์ใส่ คอที่ปาดกว้างนั้นคงเฉียงมาที่ไหล่ด้านในด้านหนึ่ง แน่นอนหากเธอเอี้ยวตัวหยิบของ สายไส้ไก่เส้นจิ๋วสีดำนี้ก็คงจะมองเห็นได้อย่างหมิ่นเหม่ เขาไม่อยากคิดหากเธอจะก้มหยิบของสักอย่าง นั่นคงเห็นไปถึง... ท่อนบนว่าหวิว แต่ท่อนล่างดันหวิวกว่า เพราะกางเกงยีนส์สั้นจู๋ตัดชายรุ่ยตามสมัยนิยม เนื้อผ้าแข็งไม่นุ่มเหมือนเลคกิ้งตัวเมื่อวาน เมื่อรวมกันกับเจ้าแพนตี้สีดำตัวจิ๋ว มันจะป้องกันอะไรได้บ้าง ผ้าแข็งๆ สากๆ คงจะกระทบกับ... “อาจิ๋วขา... มาพอดีเลย ลูกเจี๊ยบเสร็จแล้วค่ะ” มนตกานต์ยิ้มหวานเมื่อเห็นจิณณ์เดินตรงมา แต่สายตาดุๆ ของจิณณ์ก็ทำให้เธอหน้ามุ่ย ก่อนจะ
ลิ้นร้อนตวัดลงตามรอยแยกที่มองเห็นเป็นสีชมพูสด หอมหวานและเย้ายวนใจจนจิณณ์อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแยกกลีบดอกออกจากกัน และเขาก็ได้เห็นอีกหนึ่งความงดงามที่รอคอย หยาดเยิ้ม และท่วมท้น มนตกานต์พร้อมแล้ว สิ่งสัมผัสที่หยุดลงพร้อมกับกายแกร่งลุกขึ้นนั่งแทรกกลางระหว่างขา ทำให้มนตกานต์เบิกดวงตากว้างมองดูเขา ก่อนจะหลุบมองความยิ่งใหญ่ที่เธอกลัวเหลือเกิน เมื่อสิ่งนั้นคล้ายจะเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต ดวงตาสวยหวานจึงต้องเสมองไปอีกทาง ไม่กล้ามองดูสิ่งนั้นได้อีก เพราะเจ้าของความยิ่งใหญ่กำลังทอดสายตามองเธออย่างร้องขอ “อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” ทว่าคำพูดจากเขากลับทำให้มนตกานต์ต้องหันมอง นั่นคือการร้องขอ มนตกานต์พยักหน้าน้อยๆ ทั้งกลัวทั้งอายจนทนมองหน้าเขาไม่ไหว แต่ก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ เมื่อจิณณ์ขยับท่อนขาเข้ามาใต้สะโพก มนตกานต์ก็หลับตาพริ้ม ปล่อยกาย ปล่อยใจไปกับความยิ่งใหญ่ที่ค่อยๆ สอดแทรกเข้ามา ทว่า... “อาจิ๋ว!” “อืม... อาจะค่อยๆ อารักลูกเจี๊ยบนะคะ” อีกครั้งที่เสียงหวานบอกรักนั้นทำให้มนตกานต์ล่องลอย แม้ความอึดอัดคับแน่นจนอาจเรียกว่าเจ็บนั้นกำลั
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้อาจะไม่ทำแบบนั้น แต่อาจะทำแบบเมื่อคืนกับเมื่อเช้า นะ...” จิณณ์ไม่รอคำตอบเพราะทันทีที่มนตกานต์ช้อนสายตาขึ้นมองเขา ริมฝีปากเร่าร้อนก็ประทับจูบที่ปากสีระเรื่อทันที ความหวานปะปนความเร่าร้อนดูดดื่มชอนชิมไม่หยุด ตวัดต้อน ชอนลึก จนมนตกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่เรียวลิ้นร้อนของจิณณ์จะหยอกยั่วให้มนตกานต์คล้อยตาม ลิ้นสากอุ่นชื้นสอนให้ลิ้นน้อยอ่อนไหวแตะไต่ตอบสนอง ตวัดต้อนชอนชิมความดุดันของเขาบ้าง 2 ครั้งแรกนั้นมนตกานต์กล้าๆ กลัวๆ ทำได้ดีบ้าง และสำลักบ้าง แต่ครั้งนี้เธอทำได้ดี ลิ้นน้อยหยอกเย้าดูดดุนความสากชื้น จนมนตกานต์ได้ยินเสียงครางงึมงำในลำคอ ใบหน้าสวยจึงมีรอยยิ้ม ทั้งๆ ที่ลิ้นน้อยทำหน้าที่ต่อสู้ฟาดฟันกับจิณณ์ไม่ลดละ ปากประกบ ลิ้นต่อสู้ และฝ่ามือของเจ้าบ่าวก็ทำหน้าที่ จิณณ์เอื้อมฝ่ามือไปใต้แผ่นหลัง ค่อยๆ รูดซิปชุดเดรสตัวสวยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรั้งให้พ้นร่างงามอย่างง่ายดาย ทั่วทั้งร่างของเจ้าสาวที่เขาสัมผัสได้จากฝ่ามือจึงเหลือเพียงบราเซียร์และแพนตี้เข้าชุด จากนั้นนิ้วเร่าร้อนก็ทำหน้าที่ปลดรังดุมได้ตัวเอง ก่อนที่จิณณ์จะครางด้วยความซ่านเสียว เพร
ส่วนภานุก็รับหน้าที่ปิ้งย่างอาหารทะเลร่วมกับวีนาที่คอยดูความเรียบร้อยโดยรวม แม้จะมีป้าแม่บ้านกับน้องฝึกงานที่ออฟฟิศมาช่วยแล้วก็ตาม บรรยากาศชื่นมื่นมีความสุข ทว่าเจ้าบ่าวก็หงุดหงิดไม่เลิก “เป็นอะไรนักหนาวะจิ๋ว แกทำหน้าแบบนี้ เดี๋ยวใครเขาก็เอาไปพูดว่าพี่ให้ลูกสาวมาจับแกนะโว้ย แล้วนี่หงุดหงิดเรื่องอะไร” “กี่โมงแล้วพี่” จิณณ์ตอบไม่ตรงคำถามแต่กลับถามไก่อูกลับ “แกก็มีนาฬิกา ทำไมไม่ดูเองล่ะ” “ก็ผมอยากให้พี่ดู” ไก่อูงงแต่ก็ยกข้อมือขึ้นดูเวลา “จะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ทำไม” “พี่อ่ะ ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้วน่ะสิ พี่ลืมอะไรไปหรือเปล่า” “ลืมอะไรวะ ไม่มี!” ไก่อูเสียงสูง ยิ่งทำให้จิณณ์หน้าบึ้ง ก่อนว่าที่พ่อตาจะหลุดขำ เพราะ 4 ทุ่ม 59 นาทีเป็นเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ นั่นจึงทำให้จิณณ์กระวนกระวาย “เฮ้ยจิ๋ว แกนี่เสียชื่อตัวพ่อสายดาร์กหมดเลยนะโว้ย แกตื่นเต้นเหรอที่จะได้เข้าหอ ไม่ต้องตื่นเต้นนะน้อง มันเรื่องธรรมดา นี่ม้าแกกับพี่นกก็ไปปูที่นอนรอแล้วไง” “จริงเหรอพี่” จิณณ์เกาะแขนไก่อูถามเพื่อความแน่ใจ
มนตกานต์หลบเลี่ยงเมื่อจิณณ์ทำท่าจะโถมเข้ามา ก่อนจะชี้ชวนให้ดูหนุ่มสาวที่กำลังก้าวออกจากออฟฟิศตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ เพราะณัฐอาสาจะพาขิมไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล “พี่ขิมชอบพี่ณัฐค่ะ” “ไม่ได้ชอบ แต่ขิมรักณัฐ รักมาสามปีแล้ว ณัฐมันไม่รู้หรอก มันคิดว่าไอ้ขิมเป็นทอม” “ไม่จริงมั้งคะ ลูกเจี๊ยบว่าพี่ณัฐเขารู้แล้วนะ อาจิ๋วดูสิ” ภาพที่เห็นคือณัฐกำลังใส่หมวกกันน็อคให้ขิมอย่างระมัดระวังที่สุดที่จะไม่ให้โดนแผล และขิมก็อายกับสัมผัสใกล้ชิดจนต้องหลุบสายตา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อนิ้วมือของณัฐแฉลบแผลของเธอไป ณัฐตกใจที่ทำขิมเจ็บ ดึงขิมเข้ามากอด ก่อนที่สาวทอมประจำออฟฟิศจะสั่นสะอื้นฮึกฮักอยู่กับอกของณัฐ “สงสัยจะเจ็บแผล” “ผิดค่ะ มีความสุขต่างหาก” “หมดเรื่องแล้ว กลับบ้านเถอะ” “อื้อ... ยังไม่เลิกงานเลยค่ะ” “วันนี้วันทำงานที่ไหนเล่า” “อาจิ๋วจะแกล้งอะไรลูกเจี๊ยบอีกเนี่ย เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้วนะ” “ทีนึงอะไร ยังไม่ได้สักที” “อาจิ๋ว!” จิณณ์ยิ้มเข้ามาสวมกอดมนตกานต์ที่หน้าแดงจากคำพูดของเขา พลางชี้ชวนใ
มนตกานต์อมยิ้มน้อยๆ เพราะสาเหตุที่จิณณ์บอกว่าจะเข้างานสาย ไม่ใช่สิ่งที่เธอเข้าใจ แต่เป็นสิ่งนี้ เธอเปิดซองกระดาษหยิบเอกสารด้านในออกมาดู เพราะตอนที่รับมาจากเจ้าหน้าที่ ความตื่นเต้นและเขินอายมีมากจนไม่กล้าจะชื่นชม ดวงตาสวยหวานไล่ไปตามตัวอักษรที่กำกับอยู่บนกระดาษสีนวลมีลวดลายดอกกุหลาบอยู่รอบด้าน ‘ใบสำคัญการสมรส แสดงว่า นายจิณณ์ จิตติกรณรงค์ กับ นางสาวมนตกานต์ ฤทธาอภินันท์ ได้จดทะเบียนสมรส ณ สำนักงานทะเบียน... จังหวัด... เลขทะเบียนที่... เมื่อวันที่ 7 เดือนธันวาคม พ.ศ.2560 นายทะเบียน’ “เราแต่งงานกันแล้วนะ” รอยยิ้มแสนหวานส่งให้คนที่กระชับฝ่ามือ “ขอบคุณนะคะอาจิ๋ว ขอบคุณที่รักลูกเจี๊ยบ ขอบคุณทุกอย่างค่ะ” “อาสิต้องขอบคุณลูกเจี๊ยบ ที่สอนให้อารู้จักความรัก อาไม่สัญญานะว่าจะรักลูกเจี๊ยบมากที่สุดในโลก แต่อาสัญญาว่าจะรักลูกเจี๊ยบทุกวัน สามเวลาหลังอาหาร หัวค่ำ ก่อนนอน และล้างหน้าไก่” “อาจิ๋วอ่ะบ้า!” “บ้าแต่ไม่ห้ามใช่มั้ย” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์ฮึดฮัดด้วยความอายก่อนจะเร่งให้จิณณ์รีบออกรถ เพราะที่จิณณ์ว่าสิบโมง แต่น
ร่างงามระหงที่ยืนหันหลังให้เขา อยู่ในชุดเดรสสีเทาอ่อนแขนสั้นตัวยาวกรอมเท้าดูสุภาพอยู่นะ ถ้าด้านหลังจะไม่กว้านลึกจนถึงบั้นเอว ใครจะอยากให้คนอื่นเห็นกันล่ะ “อุ้ย!” มนตกานต์สะดุ้งเมื่อท่อนแขนแกร่งแทรกเข้ามากระชับบั้นเอว พร้อมริมฝีปากแตะเบาๆ ที่ข้างแก้ม แค่นั้นความร้อนก็วูบขึ้นที่ใบหน้าก่อนจะกระจายวาบไปทั่วร่าง เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนเพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่ชั่วโมง “หอมจัง... วันนี้มีอะไรกิน” คนพูดว่าหอมจัง หอมอีกหลายครั้งที่สองแก้ม สลับไปมาซ้ายขวา ดั่งความหอมนั้นไม่ได้มาจากอาหารแต่เป็นสองแก้มนี้ “ข้าวต้มไก่น่ะค่ะ เมื่อวานเราไม่ได้กินข้าวที่บ้าน ข้าวเย็นเลยเหลือเยอะ ลูกเจี๊ยบเลยเอามาทำข้าวต้มมื้อเช้า” “อืม... ข้าวต้มมื้อเช้า อยากกินจังเลย เมื่อคืนกินไม่อิ่ม” “อาจิ๋ว!” มนตกานต์หน้าร้อนซ่าน คำพูดสองแง่สองง่ามนั้น เขาช่างพูดได้ไม่อายปาก “เสียงดังทำไม ก็เมื่อคืนอากินข้าวไม่อิ่มจริงๆ นี่นา ได้กินข้าวต้มร้อนๆ ตอนเช้า เพิ่มพลังงานดีออก อยากกินแล้วล่ะ จะกินให้เกลี้ยงชามเลย” จิณณ์หัวเราะในลำคอเ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อื้อ...” ทำได้เพียงส่งเสียงร่ำร้องเรียกหาแต่เขา เพราะความเต้มตื้น อัดอั้น รุมเร้าอยู่ในร่างกาย อย่างไม่มีที่ระบายออก เขากำลังจะฆ่าเธอด้วยปลายลิ้นหรือเปล่า ไม่หรอก... เสียงหนึ่งในหัวร้องบอก เธอรู้ว่าหญิงชายจะไปบรรจบกันตรงจุดไหน นี่เพิ่งเริ่มต้น ‘อา... แค่เริ่มต้น ลูกเจี๊ยบก็จะไม่ไหวแล้วค่ะ’ “อื้อ... อาจิ๋วขา... อื้อ... อาจิ๋ว...” เสียงร่ำร้องปะปนกับเสียงทอดถอนหายใจของมนตกานต์ นั่นคืออาการของคนที่หายใจไม่ทัน มนตกานต์ต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลาย จิณณ์ละริมฝีปากจากปลายยอดสีหวาน พาตัวเองคร่อมทับร่างงดงาม ประคองใบหน้ามนตกานต์ให้สบสายตากับเขา “ลูกเจี๊ยบขา... ปล่อยกายปล่อยใจให้สบาย อาจิ๋วจะทำให้ลูกเจี๊ยบมีความสุข นะคะ เชื่ออาจิ๋ว...” “ค่ะ... อาจิ๋วขา... อื้อ...” เธอมองหน้าเขา ก่อนจะหลับตาส่ายใบหน้า เพราะริมฝีปากของจิณณ์อยู่ที่นี่ แต่ฝ่ามือกับปลายนิ้วของเขายังเร่งเร้า “ร้องอย่างที่ลูกเจี๊ยบอยากร้อง อาจิ๋วเป็นของลูกเจี๊ยบ” มนตกานต์ยิ้มกับเสียงทุ้มที่กระซิบบอกข้างหู เธอทำตามที่เขาบ
“อื้อ... อาจิ๋ว... อาจิ๋วขา...” มนตกานต์ส่ายสะบัดเรือนผม ดวงตาหลับพริ้มมึนงงกับรสจูบดูดดื่ม สับสนกับสัมผัสเร่าร้อนที่ทวีเพิ่มขึ้นในร่างกายของเธอ เธอเร่าร้อน เรียกร้อง อยากให้จิณณ์สัมผัสเธอให้ทั่ว อยากให้เขาพรมจูบตีตราจองเธอไปทั่วทั้งตัว อยากให้เขาเห็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็น ตอนนี้ เวลานี้ และเดี๋ยวนี้ “อาจิ๋วขา... อื้อ...” “ขา... อืม... หอม... ลูกเจี๊ยบขา... ลูกเจี๊ยบหอม อืม...” ฝ่ามือกระชับความอวบที่อิ่มจนล้นฝ่ามือ ดันเข้าชิดเพื่อฝังหน้าลงไป นั่นทำให้จิณณ์สูดดมความหอมหนักๆ ใคร่อยากหอม อยากสัมผัสใต้ร่มผ้า และนิ้วมือก็ทำงานสอดประสานกับหัวใจ เมื่อเดรสตัวสวยถูกนิ้วเกลี่ยให้ขยับขึ้นสูงจนถึงบั้นเอว จิณณ์ผละร่างออกห่าง รั่งร่างอ่อนระโหยของมนตกานต์ขึ้นนั่ง ดวงตาสวยหวานยังไม่ทันได้คลายความหวั่นไหว เดรสตัวสวยก็ถูกรูดขึ้นผ่านทางศีรษะ พร้อมถูกเหวี่ยงไปอย่างไร้ทิศทาง นั่นจึงทำให้มนตกานต์ได้สติ และเป็นสติที่เธอพร้อมจะสมยอม ทว่าความอายก็ยังมี ต้นขาจึงเบียดเข้าหากันแนบชิด ฝ่ามือยกขึ้นปิดความอวบอิ่มที่สวยงามราวภาพเขียน จิณณ์มองภาพตรงหน้า แทบจ
ทำนบน้ำตาที่อัดอั้นไว้พังทลาย มนตกานต์สะอื้นฮึกฮักกับสิ่งที่ได้ยิน นั่นคือคำสารภาพใช่ไหม เขาเห็น ‘ความรัก’ ของเธอแล้วใช่ไหม เขามองเธอด้วยความรักไม่ใช่เซ็กซ์ใช่หรือไม่ จิณณ์เกลี่ยซับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู แต่มนตกานต์ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมองดูเขา เขารู้... ผู้หญิงชอบความชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้เธอคิดไปเพียงฝ่ายเดียว “ลูกเจี๊ยบ ตอนนี้... อารู้จักความรักแล้วนะ ลืมตามองอาจิ๋วสิคะ อาจิ๋วอยากให้ลูกเจี๊ยบเห็นความรักของอาจิ๋ว” นิ้วมือแตะที่ริมฝีปากแดงระเรื่อด้วยกลั้นก้อนสะอื้น ค่อยๆ จดริมฝีปากร้อนรุ่มแต่อ่อนหวานที่สุดของเขาลงไป เขาจูบซับด้วยความรักด้วยหัวใจที่มี บอกเธอด้วยภาษากาย ภาษาใจ ว่าเขามี ‘ความรัก’ มอบให้ และบอกซ้ำอีกครั้งด้วยภาษาพูด เมื่อดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาเปิดขึ้นมองเขา “อาจิ๋ว ‘รัก’ ลูกเจี๊ยบ... แต่งงานกับอาจิ๋วนะคะ” มนตกานต์พยักหน้ารับทั้งน้ำตา เมื่อใจพร้อมรับก็ไม่ต้องเล่นตัว เพราะสิ่งนี้ที่เธอต้องการ “อาจิ๋วจะหยุดก็ต่อเมื่อเจอ... ลูกเจี๊ยบ พูดประโยคต่อไปให้อาฟังได้มั้ย อาจิ๋วอยากได้ยินจากปากของลูกเจี๊ยบ” คำบอก