เมื่อไปดูหน้างานของจริง ห้างสรรพสินค้าที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เก็บรายละเอียด จัดระบบน้ำ ระบบไฟฟ้าให้เรียบร้อย มนตกานต์ที่สวมรองเท้าผ้าใบทะมัดทะแมงก็สามารถเดินร่วมสำรวจตรวจตราได้จนครบทุกพื้นที่ ไม่บ่น ไม่พูดแทรก แค่ตามจดทุกรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการ เมื่อออกจากห้างฯ แล้วจิณณ์พาทีมงานไปกินข้าวกันต่อ เพื่อจะได้สรุปรายละเอียดปลีกย่อยกันอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างคิดว่าอีกคนจดมา แต่กลับไม่มีใครบันทึกไว้ ทว่ามนตกานต์กลับจดมาครบ จากที่คิดว่าสมองของผู้หญิงคนหนึ่งไหลลงไปอยู่ที่นม ขิมเลยต้องก้มมองนมขนาด 32 นิ้วของตัวเอง แล้วก็พบว่าขนาดหน้าอกไม่ใช่ตัวชี้วัดระดับสติปัญญา ระหว่างคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานและมองมนตกานต์ที่จดข้อมูลลงในสมุดเล่มเล็ก อาร์ตที่พูดเสริมก็ทำให้ขิมหงุดหงิด “แต่ถ้าอยากสอบถามเป็นการส่วนตัว พี่สแตนบายรอน้องลูกเจี๊ยบยี่สิบสี่ชั่วโมงนะจ๊ะ” “ทะลึ่งแล้วอาร์ต ทำงานของตัวเองไปเถอะ ลูกเจี๊ยบไม่ต้องไปฟังมัน ฟังพี่ณัฐกับพี่ สองคนพอ” ขิมพูดแบบขวาง เพราะเกลียดความชีกอของอาร์ตที่สุด แต่เมื่อหันไปเห็นสายตาของณัฐที่มองมนตกานต์ อาการจี๊ดที่อกซีกซ้
“แล้วสรุปมีเรื่องอะไรกัน” “ไม่มีครับ” ณัฐกับอาร์ตตอบพร้อมกัน เหลือขิมที่ไม่ได้ตอบ จิณณ์จ้องหน้าขิม นั่นคือการบังคับให้พูดออกมา และเขาก็เห็นขิมหันมองทั้งสองหนุ่ม ณัฐยังคงนิ่ง ส่วนอาร์ตนั้นใช้สายตาขุ่นๆ มองขิม เชิงห้ามพูด “ว่าไงขิม มีเรื่องอะไร พูดมา” ขิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดในสิ่งที่จิณณ์คิดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้นในสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะเร็วและวุ่นวายกับทีมงานเขาได้มากขนาดนี้ นั่นทำให้เขาต้องตัดสินใจ แน่นอนว่าแต่ละคนหน้าเหวอไปตามๆ กัน แต่ทำยังไงได้ นี่มันเรื่องงาน เขาย่อมต้องเห็นว่างานสำคัญกว่าทุกสิ่ง อะไรที่จะทำให้งานสะดุดเขาต้องกำจัดไปให้พ้น ไม่เว้นแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็น…“อะไรนะ! จิ๋วจะให้ลูกเจี๊ยบทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ให้มาที่ออฟฟิศ” วีนาเสียงดังเมื่อจิณณ์บอกสิ่งที่เขาตัดสินใจไปเมื่อครู่ เพื่อยุติปัญหาทุกเรื่อง “ใช่เจ้” “เหตุผลล่ะ นี่ลูกเจี๊ยบถือว่าเป็นพนักงานคนหนึ่งของเราแล้วนะ วันนี้เจ้ก็ยื่นเอกสารไปเรียบร้อยหมดแล้วด้วย จู่ๆ จิ๋วจะมาทำแบบนี้ได้ยังไง” “ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ผมแค่ให้ลูกเจี๊ยบทำงานอย
“ลูกเจี๊ยบถามว่า อาจิ๋วขับรถใจลอยแบบนี้เหรอคะ” “ไม่หนิ อาไม่ได้ใจลอย” “ไม่ใจลอย แล้วทำไมไม่ได้ยินที่ลูกเจี๊ยบถามล่ะคะ ถามตั้งนาน อาจิ๋วก็ได้แต่นิ่ง” มนตกานต์ถามแต่กลับได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของจิณณ์ นั่นทำให้เธอต้องเอ่ยถามอีกครั้ง “อาจิ๋วมีปัญหาเรื่องอะไรคะ เกี่ยวกับลูกเจี๊ยบหรือเปล่า” เธอถามเพราะอยากให้เขาพูดออกมา เธอรู้ทุกอย่างแล้วตั้งแต่นั่งอยู่หน้าห้องของวีนา เพราะขิมส่งข้อความมาบอก ขิมไม่อยากให้เธอไม่พอใจจิณณ์ เพราะสิ่งที่เขาตัดสินใจน่ะถูกต้องที่สุดแล้ว และวีนายังส่งข้อความมาสำทับตั้งแต่จิณณ์ก้าวเท้าออกจากห้องบัญชี พร้อมสั่งให้เธอไปเอากระเป๋าเพื่อเตรียมกลับบ้าน เสือหวงก้างซะแล้ว ... นั่นคือคำทิ้งท้ายที่วีนาบอก ซึ่งเธอดีใจที่สุด “อาจิ๋วคะ” “อาต้องใช้สมาธิในการขับรถ” มนตกานต์มองเสี้ยวหน้าหล่อ ในเมื่อจิณณ์ไม่พูดออกมาเธอก็ไม่ว่าอะไร มือแบบบางล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เปิดหน้าจอแอพพลิเคชั่นไลน์ “จะทำอะไรน่ะลูกเจี๊ยบ” “อ้อ... ลูกเจี๊ยบจะถามเรื่องงานพี่ณัฐหน่อยน่ะค่
มนตกานต์เข้าไปในห้องครัว เพื่อตรวจดูว่ามีของสดของแห้งอะไรบ้างที่พอจะทำเป็นอาหารเย็นได้ เพราะเมื่อวานเธอกับจิณณ์กินข้าวเย็นมาจากข้างนอก ตอนเช้าก็อาศัยโกโก้เย็นที่ร้านขนมไปเพียงแก้วเดียว ส่วนจิณณ์นั้นไปดื่มกาแฟที่ออฟฟิศ ดังนั้นนอกจากน้ำเปล่าในตู้เย็นแล้วนั้นเธอคงต้องสำรวจ ครัวฝรั่งสไตล์วินเทจที่แม่ชอบและพ่อก็เนรมิตให้ยังคงเป็นแบบเดิม เพราะพ่ออยากให้ความรู้สึกเก่าๆ หวนคืนยามมาเยือนบ้านนี้อีกครั้ง จิณณ์จึงปรับเปลี่ยนแค่ติดตั้งเตาอบ เตาแก๊ส และเครื่องดูดควันที่ทันสมัยมากขึ้น และเปลี่ยนประตูเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ซักล้างด้านหลัง ความเรี่ยมเชี่ยมที่เห็นทำให้มนตกานต์คาดเดาได้ว่า จิณณ์ไม่น่าจะเคยใช้ครัวที่นี่เลยสักครั้ง และก็เป็นตามที่เธอคิด เพราะตู้แขวนแต่ละตู้ไม่มีอะไรอยู่เลย มีเพียงมุมเครื่องดื่มที่เห็นว่ามีการใช้งาน เพราะมีซองกาแฟสำเร็จรูปว่างอยู่ในอ่างแก้วใสเป็นจำนวนมาก ส่วนในตู้เย็นก็มีเพียงไข่ไก่ไม่กี่ฟองกับน้ำเปล่าที่เมื่อคืนเธอมาหยิบไปที่ห้องนอน จิณณ์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาในครัว เพราะบั้นท้ายกลมกลึงที่ลอยเด่นอยู่บริเวณตู้เย็นนั้นทำให้เขาอยากเดินออกไปโด
มนตกานต์จึงข่มความอายทั้งมวล ช้อนดวงตาสวยหวาดหวั่นเขินอายขึ้นมองผู้ชายที่ยืนแนบชิด ความรักของเธอฉายชัดในแววตา เธออยากบอกเขา แม้ไม่ได้ด้วยคำพูดก็ขอให้สายตานี้เป็นสื่อ เธอไม่อายที่บอกรักก่อน เพราะนั่นคือความจริง หากรักนั้นจะได้รับรักตอบกลับมา เธอถือว่าคุ้มค่าแล้ว “อาจิ๋วขา...” “ขา...” คำขานอ่อนหวานจนมนตกานต์ร้อนวูบทั่วใบหน้า ความก๋ากั่นหายวับ เธอทั้งอายทั้งกล้า ทั้งอยากพูดออกไป และอยากเก็บงำไว้ รอให้จิณณ์เป็นฝ่ายพูดก่อน แต่เขาก็ไม่พูด สุดท้ายก็เป็นเธอที่เริ่ม “เอ่อ... อาจิ๋วขา... อาจิ๋วอยากกิน... อยาก...” มนตกานต์ตัวแข็งทื่อเมื่อใบหน้าหล่อจัดเคลื่อนเข้าใกล้ เก็บคำถามว่าเขาอยากกินอะไรไว้เพียงที่ริมฝีปาก เพราะอาจิ๋วกำลัง... เมื่อความอุ่นวาบฉกเข้าหา มนตกานต์ก็หลับตาพริ้มซึมซับเอาความอ่อนหวานที่คุณอาสุดหล่อมอบให้แต่โดยดี แม้จะตกใจแต่เธอไม่คิดจะปัดป้อง เพราะสิ่งนี้แหละที่เธอต้องการและคาดหวังว่าจะได้รับในสักวัน วันแห่งความสุข วันเวลาที่อาจิ๋วมองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแตะต้องได้ ริมฝีปากนุ่มนิ่มถูกริมฝีปากอุ่นจ
“แต่นางกลัวมั้ยล่ะ ก็นางเป็นนางแบบโป๊ นางก็ต้องอัพนมให้ใหญ่ๆ เข้าไว้น่ะสิ แต่แกกับฉันน่ะภูมิใจได้ เราน่ะของแท้แม่ให้มา แม้ว่าแม่จะรักเราน้อยสักหน่อย แต่นี่คือโอกาสและความโชคดีของเรานะโว้ย” “โชคดีไงว่ะแก” “ก็แหม... เราจะได้ค้นพบผู้ชายที่รักตัวตนของเราไง ไม่ใช่รักเราเพราะนมใหญ่น่ะสิ” “ว้าย... แกพูดถูกใจฉันอีกแล้ว เชอะ... นังนมโตทั้งคู่ ผู้ชายไม่รักเธอจริงหรอกย่ะ เขารักหล่อนที่นม” “แต่ถ้าฉันเลือกได้ ฉันก็อยากนมเท่าน้องคนนั้นนะ แกดูสายตาผู้มองนางสิ แทบจะกลืนกิน อึ๊ยยยยย.. อิจๆๆๆๆๆ” บทสนทนาของ 2 สาวที่เลือกซื้อของอยู่อีกฟากของชั้นวางของทำให้ ‘เจนนิเฟอร์’ ถึงกับเดือด เพราะนางแบบโป๊นมโตที่พวกหล่อนพูดถึง จะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เธอ เพราะหน้าอกขนาด 42 นิ้ว เธอเพิ่งไปอัพมาได้ไม่นาน เพราะต้องการขึ้นหน้าแรกของนิตยสาร และเอเย่นซีเลือกที่นม ใครนมใหญ่กว่าคนนั้นได้งานไป แน่นอนว่าเธอต้องไม่พลาด ถึงขนาดลงทุนอัพขนาดให้ใหญ่ที่สุดในโมเดลลิ่ง และก็ใหญ่ที่สุดในบรรดานางแบบรุ่นเดียวกัน ผลักดันให้เธอกลายเป็นเบอร์หนึ่งในวันนี้ แต่คำเอ่ยชมว่านมข
‘เหตุผลคือเมื่อกี้’ คำตอบคือสิ่งที่เธออยากฟัง เธอไม่รู้หรอกว่าเวลาคนเรามีความรัก หรือสารภาพสิ่งดีๆ ระหว่างกันจะต้องมีพิธีรีตรองขนาดไหน ใครเป็นคนเอ่ยบอกใครก่อนว่า ‘รัก’ หรือเพียงอยู่ใกล้ เพียงคุ้นเคย เพียงเจอหน้า สัมผัสกันและกันทุกวัน ดวงตาฉายชัดถึงสิ่งที่มีให้กัน ทำสิ่งดีๆ ให้กันและกันตลอดเวลา นั่นคือเรียกว่า ‘รัก’ แล้วหรือเปล่า หรือต้องบอกให้รับรู้เป็นคำพูด หรือต้องมีสิ่งของแทนใจ แต่สำหรับเธอ แค่ ‘จูบ’ นั่นคือคำตอบทั้งหมดแล้ว จากนั้นคุณอาสุดหล่อก็พาเธอมาซื้อของเข้าบ้าน และตั้งแต่เดินเข้ามาในซูเปอร์ฯ เธอและเขาก็เป็นจุดเด่น เสียงกระซิบที่ได้ยินนั้นคือ ‘คู่ข้าวใหม่ปลามัน’ อะไรจะดีมากกว่านี้อีกล่ะ สิ่งที่เธอได้ยินมาจากพ่อแม่ก็คือ จิณณ์จะสร้างบ้านโมเดิลนั้นเพื่อเป็นเรือนหอ แน่นอนว่าบ้านนั้นต้องเป็นของเธอแน่ เธอจะไม่ยอมให้ใครมาอยู่บนที่ดินของบ้านเธอแน่ แผนที่วางไว้มาไกลจนถึงตอนนี้ ต้องเดินหน้าต่อ อีกไม่นานเมื่อจิณณ์ขอเธอแต่งงาน ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ ไม่นานหรอก อาจเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันต่อๆ ไป แต่ต้องมีสักวัน ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องสิ้นสุดก่อนที่เขาจะส
จิณณ์ชะงักปากไว้แค่นั้นเมื่อร่างของเจนนิเฟอร์ถลาไปด้านหลัง ก้นกระแทกพื้นดังพลั่ก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโอดโอยเพราะเจ็บก้น และที่มาของเหตุการณ์ก็คือเจนนิเฟอร์ถูกมนตกานต์ถีบเต็มแรง “โอย! อีบ้า! แกถีบฉัน โอย...” เจนนิเฟอร์กุมก้นร้องโอดโอย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกัดฟันลุกขึ้นจะถลาเข้าไปตบมนตกานต์ “แกถีบฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ แก...” “หยุดนะเจนนี่” จิณณ์เอาตัวเข้าขวางแต่เจนนิเฟอร์ไม่หยุด พุ่งตัวเข้าใส่มนตกานต์ และครั้งนี้จิณณ์ก็ได้ยิน ‘พลั่ก’ ครั้งที่ 2 ตามมาด้วยกรีดร้องโหยหวน ก่อนที่นางแบบร่างระหงแต่นมใหญ่สุดๆ จะทรุดร่างลงนั่ง กุมจมูกร้องโอดโอย “โอย... แกต่อยฉัน อีบ้า! พี่จิ๋ว มันต่อยเจนนี่ ฮือ... เจนนี่เจ็บ ฮือ... ว้าย! เลือด! พี่จิ๋ว!” ของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกมาจากจมูกแดงแจ๋ของเจนนิเฟอร์ทำให้จิณณ์ตกใจหันมองมนตกานต์อย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าเธอจะทำได้ขนาดนี้ แต่สายตาเย็นชาที่ตวัดสบมากลับทำให้ทุกคำพูดเก็บกลืนไว้ มนตกานต์ไม่อยู่ในอารมณ์ที่เขาควรจะพูด เขาจึงเลือกทำสิ่งที่สมควรกว่า ร่างสูงใหญ่เข้าไปประคองเจน