"แก! ไอ้สารเลว! ชอบสร้างแต่ปัญหา!"กู้เจี้ยนหมินกระทืบเท้าด้วยความโกรธ และชี้นิ้วไปที่ปลายจมูกของหลี่โม่อย่างไม่พอใจ "แกไม่กลัวคนพวกนั้นกลับมาแก้แค้นหรือไง! แกไอ้สาวเลว กล้าดียังไงปล่อยให้พวกเขาถูกฟันสามทีหกรู!"ภาพเลวร้ายมากมายปรากฏขึ้นในหัวของหวังฟาง รู้สึกว่าหากเฝิงจื่อไฉและคนอื่น ๆ กลับมาแก้แค้น คงได้ถูกฆ่ายกครัวด้วยการฟันสามทีหกรูแน่นอน"ไอ้ชั่ว แกมันงี่เง่าไร้ประโยชน์ ฉันมีลูกเขยอย่างแกได้ยังไง แก แก…" ยิ่งหวังฟางพูด เธอก็ยิ่งโกรธจนพูดไม่ออกกู้เจี้ยนหมินเห็นด้วยกับหวังฟาง เขามองไปที่กู้หยุนหลานแล้วพูดว่า "เจี้ยนเฟิงอยู่ไหน รีบติดต่อเจี้ยนเฟิงด่วน เราอยู่ในจินไห่ไม่ได้แล้ว ต้องกลับโซลกันในคืนนี้เลย !"ก๊อก ก๊อก ก๊อกมีคนเคาะประตูกู้เจี้ยนหมินและหวังฟางตัวแข็งทันที มองไปที่ประตูที่มีเสียงเคาะด้วยสายตาที่หวาดกลัว"นี่ พวกมันมาแก้แค้นพวกเราแล้ว หลี่โม่ ไอ้คนไม่เอาไหน แกกำลังจะฆ่าเราทั้งครอบครัว!" หวังฟางพูดด้วยความโกรธ"คุณแม่ ไม่ใช่พวกนั้นมาแก้แค้นอย่างแน่นอนค่ะ" กู้หยุนหลานอธิบาย"จะไม่ใช่ได้ยังไง! เวลานี้ถ้าไม่ใช่มีคนมาแก้แค้นแล้วจะเป็นอะไรไปได้ พวกนั้นส่งคนมาแก้แค้นแน
"แกคิดจะหนีตอนนี้ กลัวขึ้นมาแล้วล่ะสิ? สายไปแล้วล่ะโว้ย!"เมื่อเห็นหลี่โม่และคนอื่นกำลังลากกระเป๋าเดินทาง ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็คิดว่าหลี่โม่กำลังจะหนีกลับกรุงโซลฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่อยากให้หลี่โม่หนีไปและต้องการรอให้เฝิงจื่อไฉและพรรคพวกแก้แค้นหลี่โม่ก่อนทายาทเศรษฐีหลายคนในจินไห่ต้องถูกฟันสามทีหกรู ต่อให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงจะใช้นิ้วเท้าของเขาคิด ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทายาทเศรษฐีพวกนั้นจะต้องกลับมาแก้แค้นแน่นอนหลี่โม่ชำเลืองตามองที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงโดยไม่สนใจที่จะพูดคุยกับเขาเลยหวังฟางต้องการพูดคุยกับฮั่วเจี้ยนเฟิง แต่กู้เจี้ยนหมินต้องการที่จะกลับบ้านไปชื่นชมหยกมรกต ดังนั้นเขาจึงลากหวังฟางออกจากโรงแรมทันทีหลี่โม่และกู้หยุนหลานทั้งคู่เดินผ่านฮั่วเจี้ยนเฟิงไปโดยไม่มีใครสนใจฮั่วเจี้ยนเฟิงเลยด้วยความหงุดหงิด ฮั่วเจี้ยนเฟิงคว้าแขนของหลี่โม่และตะโกนอย่างเดือดดาล “แกออกไปไม่ได้! แกต้องอยู่จินไห่เพื่อรับโทษ!”"นายเป็นบ้าอะไร?"หลี่โม่สะบัดมือของฮั่วเจี้ยนเฟิงและผลักเขาออกไป"แกกล้าแตะต้องตัวฉัน! แกคิดผิดแล้ว!”ฮั่วเจี้ยนเฟิงโวยวายและพุ่งเข้าหาหลี่โม่เพื่อที่จะจัดการกับหลี่โม่ลู่เจี้ยนปินยกมือของ
จางจงหยางมองไปที่เฝิงจื่อไฉที่ถูกหามส่งมาในห้องพิเศษของเขาด้วยความประหลาดใจ เขามองไปที่บาดแผลของเฝิงจื่อไฉและรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก“เรื่องของแกมันเป็นยังไง แกได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?!”เฝิงจื่อไฉมองไปที่จางจงหยางด้วยน้ำตาคลอเบ้า รู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผมแพ้เดิมพัน และทั้งตระกูลลู่และตระกูลชูก็ช่วยไอ้สารเลวนั้น พวกเราจึงถูกบังคับให้คุกเข่าสามครั้งและหมอบกราบเก้าครั้ง แล้วยังโดนฟันสามทีหกรูอีก”ใบหน้าของจางจงหยางเริ่มสับสน และเขาพูดอย่างงงงวย "แกแพ้ได้ยังไง? เป็นไปได้ไหมว่าแกไม่ได้ประมูลหยกที่ดีที่สุดมาน่ะ?""พวกเราประมูลหยกที่ดีที่สุดมาได้แล้ว และไอ้สารเลวนั้นมันก็ประมูลได้หยกที่แย่ที่สุด ทุกคนก็บอกว่าเป็นแค่หินธรรมดา แต่พอเปิดออกมากลับเต็มไปด้วยมรกตสีเขียว!"เฝิงจื่อไฉพูดพร้อมกับกัดฟัน แต่จางจงหยางกลับแสดงสีหน้าตื่นเต้น ประหลาดใจ สงสัย ตกใจ และอารมณ์อื่น ๆ มากมายผสมปนเปกัน"เป็นไปได้ยังไง?"ความคิดแรกของจางจงหยางเมื่อเขากลับมามีสติ นั่นคือมีบางอย่างดูแปลกไปเฝิงจื่อไฉเช็ดน้ำตาของเขาและพูดด้วยความโกรธ "ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ พี่หยาง ผมอยากแก้แค้น เราต้องล้างแค้นมัน"จางจงหย
วันต่อมาเวลาใกล้เที่ยง กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง และกู้ซิ่งเหว่ยรวมถึงคนอื่น ๆ พากันยืนอยู่ที่ประตูของบริษัท ราวกับว่ารอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติในไม่ช้ารถอาวดี้สามคันก็มาจอดที่ทางเข้าอาคาร กู้เจี้ยนกั๋วเดินไปที่รถอาวดี้ทั้งสามคันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาประตูรถอาวดี้ทั้งสามคันก็เปิดออกพร้อมกัน และคนหนุ่มสาวทั้งสามคนที่ลงจากรถทำให้กู้เจี้ยนกั๋วตกตะลึงเล็กน้อยเดิมทีผู้จัดการสินเชื่อของธนาคารทั้งสามแห่งจะตอบรับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่กู้เจี้ยนกั๋วมองไปที่คนหนุ่มสาวแปลกหน้าสามคนที่มา เขาสับสนว่าทั้งสามคนนี้ดูท่าทางไม่คุ้นเคย"พวกคุณเป็นใคร ?" กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยความสงสัย"ดิฉันเป็นพนักงานของธนาคารกลาง นี่คือจดหมายทางการจากทางธนาคารของเรา กรุณาเซ็นรับด้วยค่ะ"“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งกรุงโซล และผมก็มาส่งจดหมายทางการนี้ด้วยเช่นกัน กรุณาเซ็นรับด้วยครับ”"มาส่งจดหมายจากทางการด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าตระกูลของคุณจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองในเวลาเดียวกันยังไงอย่างงั้นเลยนะครับ"กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกมึนงงมาก จ้องมองไปที่พนักงานของธนาคารทั้งสามแห่ง ในใจรู้สึกไม่สู้ดีนัก"ผู้จัดการของพ
"พี่ใหญ่ ได้เรื่องยังไงบ้าง?" กู้เจี้ยนเจียงถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกู้เจี้ยนกั๋วส่ายหัวไปมา "ถามอะไรไม่ได้เลย ทุกคนบอกว่าไม่ต้องถาม ฉันก็ไม่กล้าถาม แถมยังบอกว่าให้เราเตรียมเงินโดยเร็ว หากไม่จ่ายตามกำหนด จะส่งฟ้องและส่งประมูลให้เร็วที่สุด""เฮ่อ!"กู้เจี้ยนเจียงอ้าปากถอดหายใจ เริ่มรู้สึกหนักใจยิ่งขึ้น“ต้องมีอิทธิพลมาก คนที่จะสามารถทำขนาดนี้ได้ แต่การกระทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถหาคำตอบได้ แต่เราไม่ได้ไปทำผิดอะไรกับใครเลย”สีหน้าของกู้ซิ่งเหว่ยเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และเขาก็ตบโต๊ะอย่างแรง "มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับไอ้หลี่โม่เจ้าเล่ห์นั่นแน่! เราไม่ได้สร้างปัญหาอะไร ก็ต้องเป็นเพราะมันแน่นอน ก่อนหน้านี้ปัญหาทุกอย่างก็เป็นเพราะมันไม่ใช่เหรอไง!”กู้เจี้ยนเจียงพยักหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่กู้ซิ่งเหว่ยพูดมีความเป็นไปได้"ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับไอ้คนไม่เอาไหนนั่นแน่ ๆ และกู้หยุนหลานก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”ด้วยใบหน้าที่มืดมนของกู้เจี้ยนกั๋ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหากู้หยุนหลานเมื่อต่อสายติดแล้ว กู้เจี้ยนกั๋วก็คำรามเสียงดัง "กู้หยุนหลาน! แกรีบพาไอ
"คุณลุงคะ อย่าไปดุเขาเลยค่ะ เขาจะไปจัดการเอง ทุกคนเชื่อใจเขาได้ไหมคะ?” กู้หยุนหลานยืนพูดอยู่ข้างหลี่โม่"ให้ตายเถอะ! หยุนหลานนี่เธอบ้าไปแล้วหรือไง เธอจะเชื่อไอ้สามีไม่เอาไหนคนนี้เนี่ยนะ? เธอเชื่อว่ามันจัดการได้อย่างนั้นเหรอ? สมองเธอคงถูกล้างไปแล้วแน่ ๆ !" กู้ซิ่งเหว่ยพูดด้วยความโกรธกู้เจี้ยนเจียงพูดและยิ้มอย่างเย็นชา "หยุนหลาน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเธอ แต่ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตระกูลเราด้วย พวกเธอควรจะอธิบายมาตรง ๆ ว่าใครที่พวกเธอไปยั่วยุมา พวกเราจะแบกหน้าของพวกเราพาพวกเธอไปรับโทษ"เมื่อนึกถึงการรับโทษ กู้หยุนหลานรู้สึกหนาวสั่นในใจ สิ่งที่ญาติ ๆ เหล่านี้เคยทำในอดีต ทำให้หัวใจของกู้หยุนหลานนั้นแตกสลาย"พวกคุณไม่ต้องชดใช้ ฉันเชื่อมั่นว่าหลี่โม่จะสามารถแก้ไขได้" กู้หยุนหลานกล่าวอย่างมั่นใจ"แกเชื่อมันแล้วจะทำอะไรได้ ฮะ?! ไอ้สามีไม่เอาไหนของแกก็เป็นแค่ขยะเปียกเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากคนที่น่ารังเกียจ! ฉันดูแล้วพวกแกคงจะอยากถูกไล่ออกจากตระกูลสินะ!" กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะและคำรามเสียงดัง"หยุนหลาน เธออย่าไปเชื่อไอ้สามีที่ไม่เอาไหนของเธอเลย ถ้ามัน
ชูจงเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง แม้ว่าในใจเขาตอนนี้ไม่มีแม้แต่ความหวัง ต่อให้หลี่โม่หลี่สามารถมาช่วยตนได้ ไม่สิ! ตราบใดที่หลี่โม่ส่งคนมาช่วยตน ตนจะรอดได้อย่างแน่นอน !ไม่ว่าอย่างไร ชูจงเทียนก็ได้เชื่อมั่นในตัวหลี่โม่ และรู้ว่าหลี่โม่มีอำนาจสามารถทำได้ทุกอย่าง"ผมอยู่ ที่นี่ หมู่บ้านหวงหยัน พวกเรากำลังจะไปที่โกดังนอกหมู่บ้านหวงหยัน โกดังนั้นเป็นเซฟเฮาส์ที่ผมสร้างไว้ ตราบใดที่ผมหลบหนีเข้าไปได้ ผมเดาว่าพวกมันจะเปิดประตูไม่ได้ เป็นเวลาเจ็ดถึงแปดชั่วโมง""ดี คุณรีบหนีไปหลบที่นั่นก่อน ผมจะไปตอนนี้เลย"หลี่โม่พูดจบก็วางสาย กู้เจี้ยนกั๋วเฝ้ารอหลี่โม่ด้วยความโกรธ "แกจะไปทำอะไร?! ไม่ใช่จะไปสร้างหายนะอีกนะ! แกอยากจะเห็นตระกูลกู้ของพวกเราพินาศใช่ไหม?!""ผมจะไปจัดการเรื่องการระงับเงินกู้ของธนาคาร พวกคุณควรปฏิบัติต่อภรรยาของผมให้ดีกว่านี้"หลังจากเตือนกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ หลี่โม่ก็ดึงกู้หยุนหลานออกมาข้างนอก "ผมจะออกไปทำธุระบางอย่าง คุณรอผมอยู่ที่บริษัทก่อนนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรคุณโทรหาผม""ได้ค่ะ คุณระวังตัวด้วยนะคะ" กู้หยุนหลานไม่ได้ถามว่าเรื่องอะไร แค่ส่งหลี่โม่ออกจากบริษัทไปตระกูลกู้ทั้งสามคน
ชายทั้งสี่คนกวัดแกว่งดาบและพุ่งเข้าหาหลี่โม่อย่างโหดเหี้ยมส่วนของมีดโบกสะบัดตามแรงลม และตกลงไปที่แขนและเอวของหลี่โม่ คนเหล่านี้มักต่อสู้กันเป็นประจำ และพวกเขารู้ว่าไม่ควรรีบเน้นไปยังจุดสำคัญ หากฆ่าใครสักคนจะเป็นปัญหาใหญ่โตหลี่โม่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน ยื่นมือออกไปเหมือนสายฟ้า ใช้นิ้วสะบัดดาบทั้งสี่เล่มเบา ๆดิง ดิง ดิงหลังจากเสียงที่ดังต่อเนื่องกัน ใบมีดทั้งสี่เล่มก็หักเป็นสองท่อนชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนที่ดุร้าย เมื่อมองไปที่เศษส่วนครึ่งของใบมีดที่เหลืออยู่ในมือของพวกเขา ทุกคนก็กลายเป็นหินในทันทีแม้ว่าดาบจะเบาและบาง แต่ก็ไม่หนาเท่ามีดพร้า แต่ก็ไม่สามารถหักได้ด้วยนิ้วทันใดนั้นภาพของปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในนวนิยายจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในความคิดของชายฉกรรจ์ทั้งสี่คน ทั้งสี่คนมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป"แก แกเป็นคนประเภทไหน อย่าคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้พวกเรากลัวได้"หลี่โม่ส่ายหัวไปมา "ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด ไปเรียกลูกพี่ของพวกแกมาคุยกับฉัน"ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนมองหน้ากัน แล้วรีบหันหลังวิ่งหนีไป พวกเขาไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะต่อสู้กับหลี่โม่ได้เมื่อพบคนที่แข็งแกร่งทั
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา