หลังจากที่เฝิงจื่อไฉและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงและคำนับยอมรับความผิดพลาดของพวกเขา ชูจงเทียนก็เตะกล่องดาบอสูรไปต่อหน้าเฝิงจื่อไฉผู้คนที่ทานผลไม้ซึ่งกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ก็ต่างพากันถอยหลังไปสองสามก้าว กังวลว่าเมื่อเฝิงจื่อไฉถูกฟันสามทีหกรู เลือดจะกระเด็นใส่พวกเขากู้หยุนหลานค่อย ๆ ดึงหลี่โม่ออกจากตรงนั้นและไม่อยากที่จะเห็นฉากนองเลือดที่กำลังตามมา“ยกให้เป็นหน้าที่คุณ” หลี่โม่หันไปสั่งชูจงเทียน และจากไปพร้อมกับกู้หยุนหลานเฝิงจื่อไฉมองไปที่ด้านหลังของหลี่โม่ด้วยความเกลียดชัง จากนั้นก้มหน้าลงมองไปที่ดาบอสูรที่อยู่ในกล่อง"พระเจ้าช่วย ไอ้อ่อนนั่นมันจากไปแล้ว ฉันคงไม่ต้องใช้ดาบฟันสามทีหกรูแล้วใช่ไหม?" เฝิงจื่อไฉถามตัวเองด้วยเสียงสั่นคลอน"เจี้ยนปิน คุณเป็นพยาน เพื่อรับรู้ว่าพวกมันจะทำตามที่เดิมพันไว้" ชูจงเทียนดึงลู่เจี้ยนปินออกมาลู่เจี้ยนปินพยักหน้าและพูดว่า "ถ้านายกล้าเดิมพัน นายก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้"เฝิงจื่อไฉหลับตาลงด้วยความโกรธแค้นและยื่นมือที่สั่นเทาออกไปจับด้ามที่เย็นเยียบของดาบอสูรถ้ารู้ตัวว่าตัวเองจะแพ้ เฝิงจื่อไฉคงไม่เอาดาบอสูรออกมา คงจะหยิบกรรไกรตัดเล็บมาแทนดีกว่า!
"แก! ไอ้สารเลว! ชอบสร้างแต่ปัญหา!"กู้เจี้ยนหมินกระทืบเท้าด้วยความโกรธ และชี้นิ้วไปที่ปลายจมูกของหลี่โม่อย่างไม่พอใจ "แกไม่กลัวคนพวกนั้นกลับมาแก้แค้นหรือไง! แกไอ้สาวเลว กล้าดียังไงปล่อยให้พวกเขาถูกฟันสามทีหกรู!"ภาพเลวร้ายมากมายปรากฏขึ้นในหัวของหวังฟาง รู้สึกว่าหากเฝิงจื่อไฉและคนอื่น ๆ กลับมาแก้แค้น คงได้ถูกฆ่ายกครัวด้วยการฟันสามทีหกรูแน่นอน"ไอ้ชั่ว แกมันงี่เง่าไร้ประโยชน์ ฉันมีลูกเขยอย่างแกได้ยังไง แก แก…" ยิ่งหวังฟางพูด เธอก็ยิ่งโกรธจนพูดไม่ออกกู้เจี้ยนหมินเห็นด้วยกับหวังฟาง เขามองไปที่กู้หยุนหลานแล้วพูดว่า "เจี้ยนเฟิงอยู่ไหน รีบติดต่อเจี้ยนเฟิงด่วน เราอยู่ในจินไห่ไม่ได้แล้ว ต้องกลับโซลกันในคืนนี้เลย !"ก๊อก ก๊อก ก๊อกมีคนเคาะประตูกู้เจี้ยนหมินและหวังฟางตัวแข็งทันที มองไปที่ประตูที่มีเสียงเคาะด้วยสายตาที่หวาดกลัว"นี่ พวกมันมาแก้แค้นพวกเราแล้ว หลี่โม่ ไอ้คนไม่เอาไหน แกกำลังจะฆ่าเราทั้งครอบครัว!" หวังฟางพูดด้วยความโกรธ"คุณแม่ ไม่ใช่พวกนั้นมาแก้แค้นอย่างแน่นอนค่ะ" กู้หยุนหลานอธิบาย"จะไม่ใช่ได้ยังไง! เวลานี้ถ้าไม่ใช่มีคนมาแก้แค้นแล้วจะเป็นอะไรไปได้ พวกนั้นส่งคนมาแก้แค้นแน
"แกคิดจะหนีตอนนี้ กลัวขึ้นมาแล้วล่ะสิ? สายไปแล้วล่ะโว้ย!"เมื่อเห็นหลี่โม่และคนอื่นกำลังลากกระเป๋าเดินทาง ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็คิดว่าหลี่โม่กำลังจะหนีกลับกรุงโซลฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่อยากให้หลี่โม่หนีไปและต้องการรอให้เฝิงจื่อไฉและพรรคพวกแก้แค้นหลี่โม่ก่อนทายาทเศรษฐีหลายคนในจินไห่ต้องถูกฟันสามทีหกรู ต่อให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงจะใช้นิ้วเท้าของเขาคิด ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทายาทเศรษฐีพวกนั้นจะต้องกลับมาแก้แค้นแน่นอนหลี่โม่ชำเลืองตามองที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงโดยไม่สนใจที่จะพูดคุยกับเขาเลยหวังฟางต้องการพูดคุยกับฮั่วเจี้ยนเฟิง แต่กู้เจี้ยนหมินต้องการที่จะกลับบ้านไปชื่นชมหยกมรกต ดังนั้นเขาจึงลากหวังฟางออกจากโรงแรมทันทีหลี่โม่และกู้หยุนหลานทั้งคู่เดินผ่านฮั่วเจี้ยนเฟิงไปโดยไม่มีใครสนใจฮั่วเจี้ยนเฟิงเลยด้วยความหงุดหงิด ฮั่วเจี้ยนเฟิงคว้าแขนของหลี่โม่และตะโกนอย่างเดือดดาล “แกออกไปไม่ได้! แกต้องอยู่จินไห่เพื่อรับโทษ!”"นายเป็นบ้าอะไร?"หลี่โม่สะบัดมือของฮั่วเจี้ยนเฟิงและผลักเขาออกไป"แกกล้าแตะต้องตัวฉัน! แกคิดผิดแล้ว!”ฮั่วเจี้ยนเฟิงโวยวายและพุ่งเข้าหาหลี่โม่เพื่อที่จะจัดการกับหลี่โม่ลู่เจี้ยนปินยกมือของ
จางจงหยางมองไปที่เฝิงจื่อไฉที่ถูกหามส่งมาในห้องพิเศษของเขาด้วยความประหลาดใจ เขามองไปที่บาดแผลของเฝิงจื่อไฉและรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก“เรื่องของแกมันเป็นยังไง แกได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?!”เฝิงจื่อไฉมองไปที่จางจงหยางด้วยน้ำตาคลอเบ้า รู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผมแพ้เดิมพัน และทั้งตระกูลลู่และตระกูลชูก็ช่วยไอ้สารเลวนั้น พวกเราจึงถูกบังคับให้คุกเข่าสามครั้งและหมอบกราบเก้าครั้ง แล้วยังโดนฟันสามทีหกรูอีก”ใบหน้าของจางจงหยางเริ่มสับสน และเขาพูดอย่างงงงวย "แกแพ้ได้ยังไง? เป็นไปได้ไหมว่าแกไม่ได้ประมูลหยกที่ดีที่สุดมาน่ะ?""พวกเราประมูลหยกที่ดีที่สุดมาได้แล้ว และไอ้สารเลวนั้นมันก็ประมูลได้หยกที่แย่ที่สุด ทุกคนก็บอกว่าเป็นแค่หินธรรมดา แต่พอเปิดออกมากลับเต็มไปด้วยมรกตสีเขียว!"เฝิงจื่อไฉพูดพร้อมกับกัดฟัน แต่จางจงหยางกลับแสดงสีหน้าตื่นเต้น ประหลาดใจ สงสัย ตกใจ และอารมณ์อื่น ๆ มากมายผสมปนเปกัน"เป็นไปได้ยังไง?"ความคิดแรกของจางจงหยางเมื่อเขากลับมามีสติ นั่นคือมีบางอย่างดูแปลกไปเฝิงจื่อไฉเช็ดน้ำตาของเขาและพูดด้วยความโกรธ "ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ พี่หยาง ผมอยากแก้แค้น เราต้องล้างแค้นมัน"จางจงหย
วันต่อมาเวลาใกล้เที่ยง กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง และกู้ซิ่งเหว่ยรวมถึงคนอื่น ๆ พากันยืนอยู่ที่ประตูของบริษัท ราวกับว่ารอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติในไม่ช้ารถอาวดี้สามคันก็มาจอดที่ทางเข้าอาคาร กู้เจี้ยนกั๋วเดินไปที่รถอาวดี้ทั้งสามคันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาประตูรถอาวดี้ทั้งสามคันก็เปิดออกพร้อมกัน และคนหนุ่มสาวทั้งสามคนที่ลงจากรถทำให้กู้เจี้ยนกั๋วตกตะลึงเล็กน้อยเดิมทีผู้จัดการสินเชื่อของธนาคารทั้งสามแห่งจะตอบรับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่กู้เจี้ยนกั๋วมองไปที่คนหนุ่มสาวแปลกหน้าสามคนที่มา เขาสับสนว่าทั้งสามคนนี้ดูท่าทางไม่คุ้นเคย"พวกคุณเป็นใคร ?" กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยความสงสัย"ดิฉันเป็นพนักงานของธนาคารกลาง นี่คือจดหมายทางการจากทางธนาคารของเรา กรุณาเซ็นรับด้วยค่ะ"“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งกรุงโซล และผมก็มาส่งจดหมายทางการนี้ด้วยเช่นกัน กรุณาเซ็นรับด้วยครับ”"มาส่งจดหมายจากทางการด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าตระกูลของคุณจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองในเวลาเดียวกันยังไงอย่างงั้นเลยนะครับ"กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกมึนงงมาก จ้องมองไปที่พนักงานของธนาคารทั้งสามแห่ง ในใจรู้สึกไม่สู้ดีนัก"ผู้จัดการของพ
"พี่ใหญ่ ได้เรื่องยังไงบ้าง?" กู้เจี้ยนเจียงถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกู้เจี้ยนกั๋วส่ายหัวไปมา "ถามอะไรไม่ได้เลย ทุกคนบอกว่าไม่ต้องถาม ฉันก็ไม่กล้าถาม แถมยังบอกว่าให้เราเตรียมเงินโดยเร็ว หากไม่จ่ายตามกำหนด จะส่งฟ้องและส่งประมูลให้เร็วที่สุด""เฮ่อ!"กู้เจี้ยนเจียงอ้าปากถอดหายใจ เริ่มรู้สึกหนักใจยิ่งขึ้น“ต้องมีอิทธิพลมาก คนที่จะสามารถทำขนาดนี้ได้ แต่การกระทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถหาคำตอบได้ แต่เราไม่ได้ไปทำผิดอะไรกับใครเลย”สีหน้าของกู้ซิ่งเหว่ยเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และเขาก็ตบโต๊ะอย่างแรง "มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับไอ้หลี่โม่เจ้าเล่ห์นั่นแน่! เราไม่ได้สร้างปัญหาอะไร ก็ต้องเป็นเพราะมันแน่นอน ก่อนหน้านี้ปัญหาทุกอย่างก็เป็นเพราะมันไม่ใช่เหรอไง!”กู้เจี้ยนเจียงพยักหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่กู้ซิ่งเหว่ยพูดมีความเป็นไปได้"ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับไอ้คนไม่เอาไหนนั่นแน่ ๆ และกู้หยุนหลานก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”ด้วยใบหน้าที่มืดมนของกู้เจี้ยนกั๋ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหากู้หยุนหลานเมื่อต่อสายติดแล้ว กู้เจี้ยนกั๋วก็คำรามเสียงดัง "กู้หยุนหลาน! แกรีบพาไอ
"คุณลุงคะ อย่าไปดุเขาเลยค่ะ เขาจะไปจัดการเอง ทุกคนเชื่อใจเขาได้ไหมคะ?” กู้หยุนหลานยืนพูดอยู่ข้างหลี่โม่"ให้ตายเถอะ! หยุนหลานนี่เธอบ้าไปแล้วหรือไง เธอจะเชื่อไอ้สามีไม่เอาไหนคนนี้เนี่ยนะ? เธอเชื่อว่ามันจัดการได้อย่างนั้นเหรอ? สมองเธอคงถูกล้างไปแล้วแน่ ๆ !" กู้ซิ่งเหว่ยพูดด้วยความโกรธกู้เจี้ยนเจียงพูดและยิ้มอย่างเย็นชา "หยุนหลาน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเธอ แต่ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตระกูลเราด้วย พวกเธอควรจะอธิบายมาตรง ๆ ว่าใครที่พวกเธอไปยั่วยุมา พวกเราจะแบกหน้าของพวกเราพาพวกเธอไปรับโทษ"เมื่อนึกถึงการรับโทษ กู้หยุนหลานรู้สึกหนาวสั่นในใจ สิ่งที่ญาติ ๆ เหล่านี้เคยทำในอดีต ทำให้หัวใจของกู้หยุนหลานนั้นแตกสลาย"พวกคุณไม่ต้องชดใช้ ฉันเชื่อมั่นว่าหลี่โม่จะสามารถแก้ไขได้" กู้หยุนหลานกล่าวอย่างมั่นใจ"แกเชื่อมันแล้วจะทำอะไรได้ ฮะ?! ไอ้สามีไม่เอาไหนของแกก็เป็นแค่ขยะเปียกเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากคนที่น่ารังเกียจ! ฉันดูแล้วพวกแกคงจะอยากถูกไล่ออกจากตระกูลสินะ!" กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะและคำรามเสียงดัง"หยุนหลาน เธออย่าไปเชื่อไอ้สามีที่ไม่เอาไหนของเธอเลย ถ้ามัน
ชูจงเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง แม้ว่าในใจเขาตอนนี้ไม่มีแม้แต่ความหวัง ต่อให้หลี่โม่หลี่สามารถมาช่วยตนได้ ไม่สิ! ตราบใดที่หลี่โม่ส่งคนมาช่วยตน ตนจะรอดได้อย่างแน่นอน !ไม่ว่าอย่างไร ชูจงเทียนก็ได้เชื่อมั่นในตัวหลี่โม่ และรู้ว่าหลี่โม่มีอำนาจสามารถทำได้ทุกอย่าง"ผมอยู่ ที่นี่ หมู่บ้านหวงหยัน พวกเรากำลังจะไปที่โกดังนอกหมู่บ้านหวงหยัน โกดังนั้นเป็นเซฟเฮาส์ที่ผมสร้างไว้ ตราบใดที่ผมหลบหนีเข้าไปได้ ผมเดาว่าพวกมันจะเปิดประตูไม่ได้ เป็นเวลาเจ็ดถึงแปดชั่วโมง""ดี คุณรีบหนีไปหลบที่นั่นก่อน ผมจะไปตอนนี้เลย"หลี่โม่พูดจบก็วางสาย กู้เจี้ยนกั๋วเฝ้ารอหลี่โม่ด้วยความโกรธ "แกจะไปทำอะไร?! ไม่ใช่จะไปสร้างหายนะอีกนะ! แกอยากจะเห็นตระกูลกู้ของพวกเราพินาศใช่ไหม?!""ผมจะไปจัดการเรื่องการระงับเงินกู้ของธนาคาร พวกคุณควรปฏิบัติต่อภรรยาของผมให้ดีกว่านี้"หลังจากเตือนกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ หลี่โม่ก็ดึงกู้หยุนหลานออกมาข้างนอก "ผมจะออกไปทำธุระบางอย่าง คุณรอผมอยู่ที่บริษัทก่อนนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรคุณโทรหาผม""ได้ค่ะ คุณระวังตัวด้วยนะคะ" กู้หยุนหลานไม่ได้ถามว่าเรื่องอะไร แค่ส่งหลี่โม่ออกจากบริษัทไปตระกูลกู้ทั้งสามคน