"แกคิดจะหนีตอนนี้ กลัวขึ้นมาแล้วล่ะสิ? สายไปแล้วล่ะโว้ย!"เมื่อเห็นหลี่โม่และคนอื่นกำลังลากกระเป๋าเดินทาง ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็คิดว่าหลี่โม่กำลังจะหนีกลับกรุงโซลฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่อยากให้หลี่โม่หนีไปและต้องการรอให้เฝิงจื่อไฉและพรรคพวกแก้แค้นหลี่โม่ก่อนทายาทเศรษฐีหลายคนในจินไห่ต้องถูกฟันสามทีหกรู ต่อให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงจะใช้นิ้วเท้าของเขาคิด ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทายาทเศรษฐีพวกนั้นจะต้องกลับมาแก้แค้นแน่นอนหลี่โม่ชำเลืองตามองที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงโดยไม่สนใจที่จะพูดคุยกับเขาเลยหวังฟางต้องการพูดคุยกับฮั่วเจี้ยนเฟิง แต่กู้เจี้ยนหมินต้องการที่จะกลับบ้านไปชื่นชมหยกมรกต ดังนั้นเขาจึงลากหวังฟางออกจากโรงแรมทันทีหลี่โม่และกู้หยุนหลานทั้งคู่เดินผ่านฮั่วเจี้ยนเฟิงไปโดยไม่มีใครสนใจฮั่วเจี้ยนเฟิงเลยด้วยความหงุดหงิด ฮั่วเจี้ยนเฟิงคว้าแขนของหลี่โม่และตะโกนอย่างเดือดดาล “แกออกไปไม่ได้! แกต้องอยู่จินไห่เพื่อรับโทษ!”"นายเป็นบ้าอะไร?"หลี่โม่สะบัดมือของฮั่วเจี้ยนเฟิงและผลักเขาออกไป"แกกล้าแตะต้องตัวฉัน! แกคิดผิดแล้ว!”ฮั่วเจี้ยนเฟิงโวยวายและพุ่งเข้าหาหลี่โม่เพื่อที่จะจัดการกับหลี่โม่ลู่เจี้ยนปินยกมือของ
จางจงหยางมองไปที่เฝิงจื่อไฉที่ถูกหามส่งมาในห้องพิเศษของเขาด้วยความประหลาดใจ เขามองไปที่บาดแผลของเฝิงจื่อไฉและรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก“เรื่องของแกมันเป็นยังไง แกได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?!”เฝิงจื่อไฉมองไปที่จางจงหยางด้วยน้ำตาคลอเบ้า รู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผมแพ้เดิมพัน และทั้งตระกูลลู่และตระกูลชูก็ช่วยไอ้สารเลวนั้น พวกเราจึงถูกบังคับให้คุกเข่าสามครั้งและหมอบกราบเก้าครั้ง แล้วยังโดนฟันสามทีหกรูอีก”ใบหน้าของจางจงหยางเริ่มสับสน และเขาพูดอย่างงงงวย "แกแพ้ได้ยังไง? เป็นไปได้ไหมว่าแกไม่ได้ประมูลหยกที่ดีที่สุดมาน่ะ?""พวกเราประมูลหยกที่ดีที่สุดมาได้แล้ว และไอ้สารเลวนั้นมันก็ประมูลได้หยกที่แย่ที่สุด ทุกคนก็บอกว่าเป็นแค่หินธรรมดา แต่พอเปิดออกมากลับเต็มไปด้วยมรกตสีเขียว!"เฝิงจื่อไฉพูดพร้อมกับกัดฟัน แต่จางจงหยางกลับแสดงสีหน้าตื่นเต้น ประหลาดใจ สงสัย ตกใจ และอารมณ์อื่น ๆ มากมายผสมปนเปกัน"เป็นไปได้ยังไง?"ความคิดแรกของจางจงหยางเมื่อเขากลับมามีสติ นั่นคือมีบางอย่างดูแปลกไปเฝิงจื่อไฉเช็ดน้ำตาของเขาและพูดด้วยความโกรธ "ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ พี่หยาง ผมอยากแก้แค้น เราต้องล้างแค้นมัน"จางจงหย
วันต่อมาเวลาใกล้เที่ยง กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง และกู้ซิ่งเหว่ยรวมถึงคนอื่น ๆ พากันยืนอยู่ที่ประตูของบริษัท ราวกับว่ารอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติในไม่ช้ารถอาวดี้สามคันก็มาจอดที่ทางเข้าอาคาร กู้เจี้ยนกั๋วเดินไปที่รถอาวดี้ทั้งสามคันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาประตูรถอาวดี้ทั้งสามคันก็เปิดออกพร้อมกัน และคนหนุ่มสาวทั้งสามคนที่ลงจากรถทำให้กู้เจี้ยนกั๋วตกตะลึงเล็กน้อยเดิมทีผู้จัดการสินเชื่อของธนาคารทั้งสามแห่งจะตอบรับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่กู้เจี้ยนกั๋วมองไปที่คนหนุ่มสาวแปลกหน้าสามคนที่มา เขาสับสนว่าทั้งสามคนนี้ดูท่าทางไม่คุ้นเคย"พวกคุณเป็นใคร ?" กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยความสงสัย"ดิฉันเป็นพนักงานของธนาคารกลาง นี่คือจดหมายทางการจากทางธนาคารของเรา กรุณาเซ็นรับด้วยค่ะ"“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งกรุงโซล และผมก็มาส่งจดหมายทางการนี้ด้วยเช่นกัน กรุณาเซ็นรับด้วยครับ”"มาส่งจดหมายจากทางการด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าตระกูลของคุณจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองในเวลาเดียวกันยังไงอย่างงั้นเลยนะครับ"กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกมึนงงมาก จ้องมองไปที่พนักงานของธนาคารทั้งสามแห่ง ในใจรู้สึกไม่สู้ดีนัก"ผู้จัดการของพ
"พี่ใหญ่ ได้เรื่องยังไงบ้าง?" กู้เจี้ยนเจียงถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกู้เจี้ยนกั๋วส่ายหัวไปมา "ถามอะไรไม่ได้เลย ทุกคนบอกว่าไม่ต้องถาม ฉันก็ไม่กล้าถาม แถมยังบอกว่าให้เราเตรียมเงินโดยเร็ว หากไม่จ่ายตามกำหนด จะส่งฟ้องและส่งประมูลให้เร็วที่สุด""เฮ่อ!"กู้เจี้ยนเจียงอ้าปากถอดหายใจ เริ่มรู้สึกหนักใจยิ่งขึ้น“ต้องมีอิทธิพลมาก คนที่จะสามารถทำขนาดนี้ได้ แต่การกระทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถหาคำตอบได้ แต่เราไม่ได้ไปทำผิดอะไรกับใครเลย”สีหน้าของกู้ซิ่งเหว่ยเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และเขาก็ตบโต๊ะอย่างแรง "มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับไอ้หลี่โม่เจ้าเล่ห์นั่นแน่! เราไม่ได้สร้างปัญหาอะไร ก็ต้องเป็นเพราะมันแน่นอน ก่อนหน้านี้ปัญหาทุกอย่างก็เป็นเพราะมันไม่ใช่เหรอไง!”กู้เจี้ยนเจียงพยักหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่กู้ซิ่งเหว่ยพูดมีความเป็นไปได้"ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับไอ้คนไม่เอาไหนนั่นแน่ ๆ และกู้หยุนหลานก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”ด้วยใบหน้าที่มืดมนของกู้เจี้ยนกั๋ว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหากู้หยุนหลานเมื่อต่อสายติดแล้ว กู้เจี้ยนกั๋วก็คำรามเสียงดัง "กู้หยุนหลาน! แกรีบพาไอ
"คุณลุงคะ อย่าไปดุเขาเลยค่ะ เขาจะไปจัดการเอง ทุกคนเชื่อใจเขาได้ไหมคะ?” กู้หยุนหลานยืนพูดอยู่ข้างหลี่โม่"ให้ตายเถอะ! หยุนหลานนี่เธอบ้าไปแล้วหรือไง เธอจะเชื่อไอ้สามีไม่เอาไหนคนนี้เนี่ยนะ? เธอเชื่อว่ามันจัดการได้อย่างนั้นเหรอ? สมองเธอคงถูกล้างไปแล้วแน่ ๆ !" กู้ซิ่งเหว่ยพูดด้วยความโกรธกู้เจี้ยนเจียงพูดและยิ้มอย่างเย็นชา "หยุนหลาน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเธอ แต่ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตระกูลเราด้วย พวกเธอควรจะอธิบายมาตรง ๆ ว่าใครที่พวกเธอไปยั่วยุมา พวกเราจะแบกหน้าของพวกเราพาพวกเธอไปรับโทษ"เมื่อนึกถึงการรับโทษ กู้หยุนหลานรู้สึกหนาวสั่นในใจ สิ่งที่ญาติ ๆ เหล่านี้เคยทำในอดีต ทำให้หัวใจของกู้หยุนหลานนั้นแตกสลาย"พวกคุณไม่ต้องชดใช้ ฉันเชื่อมั่นว่าหลี่โม่จะสามารถแก้ไขได้" กู้หยุนหลานกล่าวอย่างมั่นใจ"แกเชื่อมันแล้วจะทำอะไรได้ ฮะ?! ไอ้สามีไม่เอาไหนของแกก็เป็นแค่ขยะเปียกเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากคนที่น่ารังเกียจ! ฉันดูแล้วพวกแกคงจะอยากถูกไล่ออกจากตระกูลสินะ!" กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะและคำรามเสียงดัง"หยุนหลาน เธออย่าไปเชื่อไอ้สามีที่ไม่เอาไหนของเธอเลย ถ้ามัน
ชูจงเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง แม้ว่าในใจเขาตอนนี้ไม่มีแม้แต่ความหวัง ต่อให้หลี่โม่หลี่สามารถมาช่วยตนได้ ไม่สิ! ตราบใดที่หลี่โม่ส่งคนมาช่วยตน ตนจะรอดได้อย่างแน่นอน !ไม่ว่าอย่างไร ชูจงเทียนก็ได้เชื่อมั่นในตัวหลี่โม่ และรู้ว่าหลี่โม่มีอำนาจสามารถทำได้ทุกอย่าง"ผมอยู่ ที่นี่ หมู่บ้านหวงหยัน พวกเรากำลังจะไปที่โกดังนอกหมู่บ้านหวงหยัน โกดังนั้นเป็นเซฟเฮาส์ที่ผมสร้างไว้ ตราบใดที่ผมหลบหนีเข้าไปได้ ผมเดาว่าพวกมันจะเปิดประตูไม่ได้ เป็นเวลาเจ็ดถึงแปดชั่วโมง""ดี คุณรีบหนีไปหลบที่นั่นก่อน ผมจะไปตอนนี้เลย"หลี่โม่พูดจบก็วางสาย กู้เจี้ยนกั๋วเฝ้ารอหลี่โม่ด้วยความโกรธ "แกจะไปทำอะไร?! ไม่ใช่จะไปสร้างหายนะอีกนะ! แกอยากจะเห็นตระกูลกู้ของพวกเราพินาศใช่ไหม?!""ผมจะไปจัดการเรื่องการระงับเงินกู้ของธนาคาร พวกคุณควรปฏิบัติต่อภรรยาของผมให้ดีกว่านี้"หลังจากเตือนกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ หลี่โม่ก็ดึงกู้หยุนหลานออกมาข้างนอก "ผมจะออกไปทำธุระบางอย่าง คุณรอผมอยู่ที่บริษัทก่อนนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรคุณโทรหาผม""ได้ค่ะ คุณระวังตัวด้วยนะคะ" กู้หยุนหลานไม่ได้ถามว่าเรื่องอะไร แค่ส่งหลี่โม่ออกจากบริษัทไปตระกูลกู้ทั้งสามคน
ชายทั้งสี่คนกวัดแกว่งดาบและพุ่งเข้าหาหลี่โม่อย่างโหดเหี้ยมส่วนของมีดโบกสะบัดตามแรงลม และตกลงไปที่แขนและเอวของหลี่โม่ คนเหล่านี้มักต่อสู้กันเป็นประจำ และพวกเขารู้ว่าไม่ควรรีบเน้นไปยังจุดสำคัญ หากฆ่าใครสักคนจะเป็นปัญหาใหญ่โตหลี่โม่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน ยื่นมือออกไปเหมือนสายฟ้า ใช้นิ้วสะบัดดาบทั้งสี่เล่มเบา ๆดิง ดิง ดิงหลังจากเสียงที่ดังต่อเนื่องกัน ใบมีดทั้งสี่เล่มก็หักเป็นสองท่อนชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนที่ดุร้าย เมื่อมองไปที่เศษส่วนครึ่งของใบมีดที่เหลืออยู่ในมือของพวกเขา ทุกคนก็กลายเป็นหินในทันทีแม้ว่าดาบจะเบาและบาง แต่ก็ไม่หนาเท่ามีดพร้า แต่ก็ไม่สามารถหักได้ด้วยนิ้วทันใดนั้นภาพของปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในนวนิยายจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในความคิดของชายฉกรรจ์ทั้งสี่คน ทั้งสี่คนมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป"แก แกเป็นคนประเภทไหน อย่าคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้พวกเรากลัวได้"หลี่โม่ส่ายหัวไปมา "ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด ไปเรียกลูกพี่ของพวกแกมาคุยกับฉัน"ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนมองหน้ากัน แล้วรีบหันหลังวิ่งหนีไป พวกเขาไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะต่อสู้กับหลี่โม่ได้เมื่อพบคนที่แข็งแกร่งทั
ดวงตาของพี่หลงเปิดกว้างออก เขาเห็นว่าหลี่โม่ดูธรรมดา ดูไม่มีพลังในการต่อสู้เลย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย"ไอ้อ่อน แกมาหาชูจงเทียนงั้นเหรอ? มาแค่คนเดียวไม่กลัวตายหรือไง?!" พี่หลงพูดอย่างเหยียดหยาม"ที่จะตายน่ะ คือพวกแก" หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา“ผมไปเองพี่ ไอ้อ่อนนี้มันกล้ามาก กล้าพูดว่าจะให้เราตาย เราหลายสิบคนสามารถสับแกเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้หมากินได้ด้วยซ้ำ”“ไม่รู้ว่าไอ้อ่อนนี่มันไปเอาความมั่นอกมั่นใจแบบนี้มาจากไหน คงจะไม่ใช่ว่ามันเป็นบ้าหรอกนะ หรืออาจจะป่วยทางจิต? ถ้าอย่างนั้นก็ไปโรงพยาบาลโรคจิตตรวจดูสมองก่อนไป๊""ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ดูท่าทางน่าสมเพชจริง ๆ คงจะเป็นแค่ไอ้ขยะที่ไม่มีประโยชน์อะไร งั้นก็เพิ่มสีสันให้กับมันหน่อยก็พอ"ลูกน้องบางกลุ่มกำลังต่อว่าต่าง ๆ นานา ทุกคนถืออาวุธในมือ พวกเขาวางแผนที่จะโจมตีหากมีอะไรตุกติกพี่หลงเหล่ตาของเขาและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ไอ้อ่อน ฉันจะให้โอกาสแกมีชีวิตรอด ตอนนี้แกติดต่อไอ้ชูจงเทียนซะ แล้วให้ไอ้ชูจงเทียนมันออกมา ไม่อย่างนั้นฉันจะอัดแกให้เละเป็นโจ๊กเลย""ใช่ พี่หลงฉลาดหลักแหลมมาก แค่จับไอ้อ่อนนี้ แล้วหลอกให้ไอ้ชูจงเทียนมันออ